บทที่1 ต่อ
“ตามตารางที่คุณหมอให้มาและผลการตรวจ ขาคุณดีขึ้นมากนะคะ นี่คือตารางที่เราจะทำกายภาพบำบัดกันในอาทิตย์นี้”
เธอบอกเมื่อเข้ามาในห้องกว้างที่มีอุปกรณ์สำหรับการทำกายภาพบำบัดและเป็นห้องออกกำลังกายขนาดย่อม และมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอีกด้วย
“ก็ทำสิ”
“วันนี้ทำตามตารางนี้ค่ะ”
หญิงสาวยื่นเอกสารสำหรับการเตรียมตัวทำกายภาพสำหรับวันนี้ให้กับเขา ชายหนุ่มรับไปดูแล้วยื่นคืนให้กับเธอ
“ฉันไม่อยากทำแบบนี้ อยากจะเดินได้เลย”
วาสิฏฐีทำเสียงเฮอะในลำคอแล้วเท้าสะเอวมองคนที่นั่งทำหน้าตายอยู่บนวีลแชร์อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทำไม่ได้ ก็ลาออกไป”
“งี่เง่า... คุณจะต้องทำตามตารางที่ฉันทำให้เท่านั้น ถ้าทำไม่ได้ ก็นั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิตนั่นล่ะ ชาตินี้อย่าหวังจะชนะฉันเลย”
พูดจบเธอก็ยัดกระดาษตารางการทำกายภาพบำบัดใส่มือของเขาแล้วเดินหนีไปอย่างไม่ใส่ใจอารมณ์ฉุนเฉียวของคนไข้จอมเอาแต่ใจ สนใจทำไมล่ะ ในเมื่อสิทธิ์ในการดูแลรักษาเขานั้นอยู่ในกำมือเธอทั้งหมด และคนที่กุมอำนาจสูงสูดในบ้านก็เป็นพวกเดียวกันกับเธอ คนที่จะต้องยอมก็คือธีรดลต่างหาก หญิงสาวยิ้มอย่างได้ใจและไปบอกข่าวนี้แก่คุณนรา สองสาวต่างวัยต่างหัวเราะชอบใจกับแผนการของพวกตนที่กำลังจะลุล่วงด้วยดี
ในขณะที่ธีรดลมองตามหลังหญิงสาวไปอย่างโมโหฉุนเฉียวที่วิสฏฐีไม่ยอมตามใจเขา เป็นเขาที่ต้องทำตามที่เจ้าหล่อนต้องการ นี่มันไม่ใช่ตัวเขาเลย คนที่เคยเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง เป็นผู้คุมเกมมาเสมอเริ่มรับไม่ได้และอยากจะยอมรับความพ่ายแพ้นี้
“ยายตัวแสบ คิดว่าจะชนะฉันได้เหรอ หึ.. คอยดูเถอะ ฉันทำกายภาพบำบัดจนเดินเองได้เมื่อไหร่ เธอเสร็จฉันแน่ จะเอาคืนให้สาสมเลย” ชายหนุ่มหมายมาดในใจ และตั้งมั่นเพื่อจะเอาชนะวาสิฏฐีให้ได้
แล้วการฝึกทำกายภาพวันแรกผ่านไปด้วยดีจนน่าแปลกใจ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปทุกอย่างก็ดีราวปาฏิหาริย์ แม้คนไข้ของเธอจะดื้อดึงบ้าง แต่ทุกออย่างก็ผ่านไปด้วยดี คนไข้ของเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนน่าแปลกใจเลยทีเดียว หญิงสาวเก็บข้อมูลและบันทึกพัฒนาการทุกอย่างของธีรดลอย่างละเอียดและส่งผลรายงานต่อหัวหน้างานของเธอ เพื่อประเมินผลการรักษา และในวันนี้ หมอก้อง ก็มาพบเธอที่บ้านของคุณนรา
“คนไข้ของวานี่พัฒนาการสุดยอดเลยนะ อีกไม่กี่วันก็คงเดินได้ปร๋อแล้ว”
“จริงหรือคะพี่หมอก้อง”
“จริงสิ ผลเอ็กซเรย์ออกมาดีมาก กระดูกประสานกันสนิทดี บาดแผลภายนอกทั้งหมดก็หายสนิทแล้ว ที่เหลือคือสภาพจิตใจของคุณธีมแล้วล่ะว่าจะยังไงต่อไป วาต้องคุยกับจิตแพทย์ประจำตัวของเขา”
หญิงสาวพยักหน้าดูผลตรวจของคนไข้หนุ่มของตนอย่างตั้งใจ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาอ่อนโยนของหมอก้องจ้องมองอย่างรักใคร่ไม่ปิดบัง แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น แววตาของหมอหนุ่มก็เก็บซ่อนความรู้สึกต่อสาวรุ่นน้องไว้มิดชิด
“ขอบคุณมากนะคะที่พี่หมอสละเวลามาหาถึงบ้านเลย จะให้วาไปหาที่โรงพยาบาลก็ได้นะคะไม่ได้ลำบากอะไร ถือโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนๆ ด้วย”
“ไม่เป็นไร พี่ผ่านมาพอดี ว่าแต่ เย็นนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม เราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันนานแล้วนะ”
“นั่นสินะคะ วาก็ยุ่งๆ ทั้งที่บ้านนอกด้วย วุ่นวายไปหมด”
“เออ... แล้วที่กลับบ้านไปมีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
ด้วยความที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เด็ก เพราะทั้งสองเป็นคนบ้านเดียวกัน หมอก้องกับเธอเรียกได้ว่าเติบโตมาด้วยกันก็ว่าได้ เพราะบ้านอยู่ติดกัน พ่อแม่ก็เป็นเพื่อนกัน แต่เธอโชคร้ายที่พ่อแม่ตายจากไปเสียตั้งแต่อายุสิบขวบ ก็ได้ครอบครัวของหมอก้องดูแลช่วยเหลือ จนเมื่อเริ่มโตจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ห่างกันไปบ้าง แต่สุดท้ายเธอกับเขากด็ได้พบกัน ที่โรงพยาบาลที่ต่างก็ทำงานอยู่ และตั้งแต่นั้นก็ติดต่อคบหากันเรื่อยมา ในสายตาของวาสิฏฐี หมอก้อง คือพี่ชายที่แสนดี และเธอก็รักเขาเฉกเช่นน้องสาวรักพี่ชาย
“ก็ดีนะคะ วันนี้คุณธีมคงไม่งอแงและคงพักผ่อนเร็วกว่าทุกวัน และวันนี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรแล้ว เพราะวันนี้เห็นเลขาเอางานมาให้เซ็นและคุยงานกันตั้งแต่สิบโมงแล้ว เลขาเขาเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง” หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสี่โมงเย็นแล้วทำหน้าเบิกบาน
“งั้นเดี๋ยววาไปขออนุญาตคุณแม่ท่านก่อนนะคะ”
“ฉันไม่อนุญาต...” เสียงห้าวๆ ของธีรดลดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่นั่งวีลแชร์เข้ามาที่ห้องรับรอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง ด้วยความที่เขาตัวสูงใหญ่ถึง 189 เซนติเมตร แม้จะนั่งอยู่บนวีลแชร์ความสูงของเขาก็ยังเกือบเท่าๆ กับเธอที่สูง 160 เซ็นติเมตร วาสิฏฐีหันไปมองแล้วลุกขึ้นตรงไปหาเขาด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นท่าทางเหมือนว่าธีรดลจะลุกขึ้นยืนจึงจะรีบไปประคองเขาไว้
“คุณจะลุกทำไมเนี่ย ขาคุณยังไม่หายดี จะเดินเองได้ก็ต้องใช้ไม้เท้าพยุงก่อน”
“ก็เธอไงไม้เท้าของฉัน อย่าพูดมาก ฉันอยากฝึกเดิน พาฉันไปที่สวนเดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า...”
“วันนี้ฉันทำงานทั้งวัน ยังไม่ได้ฝึกเดิน”
“วาทำงานเถอะ ไว้วันหลังเราค่อยไปกินข้าวด้วยกัน”
“อ้าว... คุณหมอ โทษทีผมไม่ทันได้มองว่าคุณก็อยู่ด้วย”
ธีรดลปรายตามองหมอหนุ่มที่รูปร่างผอมบางและสูงน้อยกว่าตนเล็กน้อยอย่างไว้ตัว ท่าทางของเขาราวเจ้าชายและหมอก้องคือข้าราชบริพารที่ต้องพินอบพิเทาต่อเขา วาสิฏฐีแอบทำเสียงเชอะในลำคอแล้วหันไปยิ้มหวานให้กับหมอก้อง
“ค่ะพี่หมอ กลับดีๆ นะคะ วาคงไม่ได้ออกไปส่ง ต้องพาคนไข้วัยซนไปฝึกเดิน” หมอก้องยิ้มๆ แล้วกล่าวลาก่อนจะเดินจากไป
