บทที่ 2. ต้อนลูกไก่ให้จนมุม
หลังจากที่ลาออกจากงานโดยไม่ได้ตั้งตัวล่วงหน้าเหมือนฝันก็รีบกลับบ้านทันทีไม่ได้พูดคุยหรือบอกลาใคร แต่วิกานดาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในร้านก็อดสงสัยไม่ได้เมื่อเลิกงานแล้วจึงแวะมาหาเหมือนฝันที่บ้านด้วยความเป็นห่วงและอยากรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมคนที่ตั้งใจทำงานอย่างเหมือนฝันถึงได้ลาออกกะทันหันแบบนั้น
“ขอโทษนะคะพี่วิวที่ฝันออกมาเฉยๆ ทิ้งให้พี่ทำงานเหนื่อยคนเดียวทั้งที่วันนี้เป็นเวรของเราที่ต้องอยู่คู่กัน” เหมือนฝันถอนใจสีหน้าเศร้าสร้อย
“ไม่เป็นไร แต่พี่ไม่เข้าใจเกิดอะไรขึ้นพี่เห็นคุณธีร์เข้าไปในห้องนั้นด้วย ฝันโดนลูกค้ารายงานเหรอ” วิกานดาหน้ายุ่งเมื่อเห็นว่าผู้จัดการหนุ่มที่ตนแอบรักเข้าไปในห้องวีไอพีแล้วหลังจากนั้นเหมือนฝันก็ออกมาแล้วก็ออกจากร้านไปเลย
“เปล่าค่ะ”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ บอกพี่ได้ไหม พี่เป็นห่วงนะและอยากรู้สาเหตุด้วย” วิกานดาพูดตรงๆ ในแบบของเธอ ที่ค่อนข้างจะเป็นประเภทขวานผ่าซากเสียด้วยซ้ำแต่เวลาทำงานวิกานดาจะมีกริยาอ่อนหวานพูดจาไพเราะกับลุกค้าทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ
“ไม่ได้มีปัญหากับคุณธีร์หรอกค่ะ แต่แขกวีไอพีที่พี่วิวพูดถึงต่างหากที่ทำให้ฝันต้องลาออก”
“คุณรามน่ะเหรอ ทำไมล่ะ..”
“ก็ฝันตบหน้าเขาไงคะ..”
“ตายจริง.. จริงเหรอฝัน นั่น คุณราม คาเมรอนนะ..” วิกานดายกมือทาบอกใบหน้าสวยซีดเผือด
“ก็ใช่ไงคะ เขาคือ ราม คาเมรอน คนที่ทำร้ายพ่อของฝัน.. และเขาก็ดูถูกฝันด้วย..” แล้วเหมือนฝันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้วิกานดาฟัง..
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนหล่อๆ แบบนั้นจะใจร้ายและเห็นแก่ตัวดูถูกผู้หญิงขนาดนี้..”
“ใช่ค่ะ แต่คุณธีร์เขาคงไม่เป็นแบบเพื่อนของเขามั้งคะ คุณธีร์ดูปกป้องฝันมากนะคะแต่ฝันก็เข้าใจว่ายังไงเขาก็เป็นเพื่อนกัน” ด้วยรู้ว่าเพื่อนรุ่นพี่คนนี้แอบรักเจ้าของภัตตาคารหรูเหมือนฝันก็ไม่อยากให้อคติส่วนตัวไปทำลายฝันสวยหรูของวิกานดา
“แต่พี่ว่าเขาก็คงไม่ต่างกันหรอก ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันได้เหรอ” น้ำเสียงและสีหน้าของวิกานดาหม่นลง
“อย่าเอาเรื่องของฝันไปคิดเลยค่ะพี่วิว เสียเวลาเปล่าๆ นี่ก็ดึกแล้วพี่วิวกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณป้าเป็นห่วง อย่าว่าฝันไล่เลยนะคะ”
“ไม่หรอกจ้ะพี่ก็ว่าจะกลับพอดีเหมือนกัน ป่านนี้แม่คงรอเปิดประตู พี่ไปก่อนนะพรุ่งนี้ก่อนไปทำงานพี่จะแวะมาหาใหม่ ฝันพักผ่อนทำใจให้สบายก่อนนะอย่าเพิ่งวู่วามใจร้อน”
“ขอบคุณค่ะพี่วิว กลับบ้านดีๆ นะคะ”
เหมือนฝันเดินมาส่งแขกที่หน้าบ้านแล้วโบกมือให้วิกานดาที่ขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกหดหู่อีกครั้ง..
เหมือนฝันถอนใจอย่างห่อเหี่ยวอีกแค่เดือนเดียวบ้านของเธอจะถูกยึดและคงถูกขายทอดตลาด เธอเองก็กำลังจะย้ายออกไปจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก บ้านที่เป็นเหมือนวิมานของเธอ บ้านที่แม่ของเธอรักมากเพราะท่านกับบิดาช่วยกันออกแบบและสร้างมันเป็นเรือนหอของพวกตน แม้บ้านหลังนี้จะดูเล็กกะทัดรัดแต่ก็ออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่าและงดงามลงตัวทั้งในตัวบ้านและสวนหย่อมในเนื้อที่หนึ่งไร่เศษเป็นดังสวรรค์เหมือนในหนังสือเทพนิยายที่ชอบอ่านในวัยเด็ก
แต่ความสุขอบอวลไปทั่วบริเวณบ้านจนกระทั่งเมื่อเธอเรียนมหาวิทยาลัยปีที่สองมารดาก็มาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง บ้านที่เต็มไปด้วยความสุขก็ค่อยๆ หายไป บิดาของเธอเริ่มกลายเป็นคนซึมเศร้าและดื่มเหล้าอย่างหนักจากชายผู้มีหน้าที่การงานระดับผู้จัดการระดับสูงของบริษัทชื่อดังมีรายได้ต่อเดือนหลักล้านจากทั้งรายได้จากงานประจำและรีสอร์ตเล็กๆ ซึ่งเป็นกิจการของมารดาที่กำลังรุ่งเรือง แต่เมื่อบิดาของเธอกลายเป็นคนขี้เมาก็ถูกลดตำแหน่งลงและในที่สุดก็ถูกพักงานโดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการพักงานคืออะไร เหมือนฝันก็พอจะเข้าใจได้ว่าบิดาไร้ความสำคัญกับบริษัทแล้วแต่ที่เขายังไม่ไล่ออกก็เพราะท่านทำงานกับบริษัทมานานตั้งแต่ประธานผู้บริการรุ่นแรกก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยคล้ายกับว่าเป็นคนเก่าแก่และยังมีเงินเดือนให้อยู่ในส่วนที่ควรจะได้แต่บิดาก็เอาไปซื้อเหล้าและเล่นการพนันจนหมด...
ปีต่อมาบิดาประกาศขายรีสอร์ตของมารดานั่นคือจุดวิกฤตที่เหมือนฝันรู้ตัวแล้วว่าฐานะของครอบครัวไม่ได้เป็นอย่างเคย เธอเริ่มหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนหนำซ้ำเธอมารู้ภายหลังว่าท่านติดการพนันและเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับเสี่ยคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนหรือนายหน้าค้าอะไรสักอย่าง ซึ่งเหมือนฝันคิดว่าทั้งหมดนั้นท่านจะต้องถูกล่อลวงและหลอกให้ทำอย่างนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อว่าบิดาจะเอาบ้านที่ท่านรักมากไปจำนอง มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านกับเธอมีและมันคือสถานที่ที่เป็นเสมือนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอ และหลังจากนั้นชีวิตที่เพียบพร้อมของตนก็หายไปพร้อมๆ กับการบอกให้คนที่ทำงานในบ้านซึ่งมีทั้งหมดสี่คนรู้ว่าจะต้องออกไปหางานใหม่เพราะเธอไม่มีเงินจ่ายค่าแรง
“คุณแม่คะ คุณแม่จะปล่อยให้บ้านของเราไปอยู่ในมือนายทุนใจร้ายพวกนั้นจริงๆ เหรอคะ..” เหมือนฝันมองรูปครอบครัวแสนสุขในวันวานที่มีพ่อแม่ลูกฉีกยิ้มให้กล้องด้วยความสุขสดใส นิ้วเรียวลูบไล้คนในกรอบรูปด้วยน้ำตาและเมื่อเธอมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของผู้เป็นพ่อน้ำตาก็พานหยุดไหลดวงตากลมโตฉายแววเจ็บแค้นใจมาแทนที่..
“นายราม.. คนใจร้าย ทำร้ายพ่อฉันยังไม่พอยังตามมาดูถูกเหยียดหยามกันอีก ร้ายกาจที่สุด..” หญิงสาวนึกแช่งชักคนที่ขโมยจูบแรกของตนไปและยังเป็นคนที่ทำให้เธอต้องตกงานอย่างเกลียดชัง
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเหมือนฝันเช็ดน้ำตาแล้วร้องอนุญาตไม่นานหญิงสาวหน้าตาซื่อๆ กับหญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบอ้วนก็เดินเข้ามาหา
“มีอะไรคะ ป้าสร้อย นกแก้ว เก็บของกันเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ”
“ค่ะคุณหนู..” ป้าสร้อยซึ่งเป็นแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กับครอบครัวเธอมาตั้งแต่เธอจำความได้บอกเสียงเศร้า
“คุณหนูขา นกแก้วขออยู่กับคุณหนูไม่ได้เหรอคะ นกแก้วเองก็ไม่มีที่ไป”
“ไม่ได้หรอกนกแก้ว หนูฝันไม่มีเงินจ้างนกแก้วกับป้าสร้อยแล้ว อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็จะไม่ได้เป็นของหนูฝันอีกต่อไป เราไม่มีที่จะอยู่ป้าสร้อยกับนกแก้วควรจะไปหาที่อยู่ใหม่เหมือนคนอื่นๆ หนูฝันเสียใจที่มันต้องเป็นแบบนั้น” หญิงสาวบอกเสียงเศร้าป้าสร้อยเดินมาโอบกอดร่างเล็กของคุณหนูฝันที่นางเห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างแสนรักและใจหายที่จะต้องจากกันไปจริงๆ
“ป้าไม่อยู่คุณหนูรักษาตัวเองดีๆ นะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้าสร้อย แล้วป้าสร้อยจะไปอยู่ที่ไหนคะเผื่อหนูฝันจะไปเยี่ยม”
“ป้ากับนกแก้วว่าจะกลับเชียงรายค่ะ กลับไปตายที่บ้านเกิด บนดอย” ป้าสร้อยยิ้มบางๆ ลูบศีรษะเธอเบาๆ
“ถ้ามีโอกาสหนูฝันจะไปเยี่ยมนะคะ บนดอยคงจะสวยและมีที่ให้หนูฝันได้ซุกหัวนอนบ้าง”
“โธ่ คุณหนูขา.. อย่าพูดแบบนั้นสิคะ อีกหน่อยก็คงจะดีขึ้นค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับทุกอย่าง” เหมือนฝันยิ้มบางๆ อย่างเศร้าสร้อย
“ไปนกแก้วกลับห้องกันเถอะ ให้คุณหนูได้พักผ่อน” ป้าสร้อยกับนกแก้วออกไปแล้วเหมือนฝันยังคงนั่งซึมอยู่ที่เดิมอย่างครุ่นคิดก่อนจะหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย พรุ่งนี้เธอจะต้องไปเยี่ยมบิดาที่กำลังรักษาอาการติดสุราอยู่ที่สถานบำบัด..
“อวดดี อวดดีที่สุดผู้หญิงบ้าอะไร” รามกวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานของตนทิ้งอย่างหัวเสีย ดวงตาสีฟ้าเข้มขุ่นจัดด้วยความฉุนเฉียวมือใหญ่ยกขึ้นลูบแก้มของตนที่แดงเป็นปื้นๆ ขึ้นเป็นรูปนิ้วห้านิ้วแล้วยิ่งเดือดดาล
“โทนี่เข้ามาหาฉัน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เรียกโทนี่ด้วยน้ำเสียงติดจะฉุนเฉียวไม่หายไม่นานโทนี่ก็เข้ามา
“ครับคุณราม”
“ฉันอยากรู้ทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับแม่ฝันกลางวันนั่นอย่างละเอียด.. และฉันจะต้องได้รู้ทุกอย่างเร็วที่สุด”
“ครับ..” โทนี่ออกไปแล้วรามยังคงรู้สึกขุ่นอยู่ในใจพลางนึกถึงใบหน้าใสๆ ตาโตๆ ของเหมือนฝัน ผู้หญิงที่กล้าตบหน้าเขาอย่างที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำ เรียกได้ว่าไม่มีใครเคยทำแบบนั้นกับเขามากกว่า
“เธอจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำ..” รามกัดฟันกรอดอย่างหมายมาด แล้วไม่นานข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเหมือนฝันก็มาอยู่ในมือของเขา ชายหนุ่มยกยิ้มบางๆ กับตนเองด้วยความพอใจ
“จนตรอกขนาดนี้เธอยังจะอวดดีอีกนะเหมือนฝัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” แล้วชายหนุ่มก็เริ่มแผนการต้อนลูกไก่ให้จนตรอกจนต้องวิ่งเข้ามาในกำมือของเขาโดยไม่ต้องออกแรงเลยทีเดียว...
“วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทนะ” รามบอกทอมกับโทนี่ซึ่งยืนรอเขาอยู่ที่ห้องโถงโอ่อ่าในเช้าวันรุ่งขึ้น ทอมอยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกกำลังกายทำหน้างงๆ ที่เห็นรามอยู่ในชุดที่เหมือนว่ากำลังจะออกไปข้างนอก
“ฉันอยากไปหาเรื่องสนุกๆ ทำเสียหน่อย พวกนายไม่ต้องตามไปหรอก” เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิททำหน้างงๆ รามจึงขยายความเล็กน้อยก่อนขับรถออกไป..
“นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงเช้า..” พอลับหลังเจ้านายทอมก็ก้มดูนาฬิกาข้อมือของตนแล้วหันไปมองหน้าน้องชาย แม้จะเข้าใจดีว่ารามเป็นคนตื่นเช้าและมักจะลุกมาออกกำลังกายและดื่มกาแฟในเวลานี้ก่อนจะออกไปทำงานซึ่งเขากับน้องชายก็จะออกกำลังกายเป็นเพื่อนรามด้วย แต่วันนี้เจ้านายไม่ออกกำลังกายและไม่ไปทำงาน คนอย่างรามมีอะไรให้น่าสนุกกว่าการทำงานหนอ...
“ผมว่าหากเป็นไปได้เจ้านายคงจะไปหาเรื่องสนุกๆ ทำตั้งแต่ตีห้าน่ะพี่ทอม” โทนี่พูดอย่างคนที่รู้สาเหตุดี
“หมายความว่าไงวะ”
“ก็สาวเสิร์ฟคนนั้นไง คุณรามให้ผมหาข้อมูลเธอมาให้ตั้งแต่เมื่อคืน ฮ้าว.. วันนี้เป็นวันหยุดของเราสินะ ผมไปนอนก่อนนะพี่ยังไม่ได้นอนเลย ไปล่ะ..” โทนี่อ้าปากหาวแล้วเดินไปยังห้องพักของตนซึ่งอยู่บนตึกเดียวกับเจ้านายหนุ่มซึ่งเขาทั้งสองได้พักบนตึกใหญ่ในฐานะคนสนิทและเพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้รามเรียกใช้งานพวกเขาได้สะดวกนั่นเอง ซึ่งบางครั้งก็มีงานด่วนที่ต้องออกไปทำกลางดึก ชีวิตของพวกเขาเป็นแบบนี้มานานนับสิบปีและพวกเขาก็ชินเสียแล้ว แต่รามก็ไม่เคยทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายเพราะต่างรู้กันดีว่าพวกเขาเป็นมากกว่าลูกน้องของรามเท่านั้น
ทางด้านรามซึ่งขับรถด้วยอารมณ์ที่แจ่มใสขึ้นมากกว่าเมื่อคืน ชายหนุ่มขับรถตรงไปยังบ้านของเหมือนฝันด้วยใจเริงร่า วันนี้เขาจะไปดูน้ำหน้าแม่คุณหนูตกยากเสียหน่อยว่าหลังจากที่เธอตกงานแล้วจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นเขา
เหมือนฝันหน้าเศร้าโบกมือให้ป้าสร้อยกับนกแก้วที่ขึ้นแท็กซี่ออกไปแล้วอย่างใจหาย ตอนนี้เหลือเธอตัวคนเดียวแล้วสินะส่วนตัวเธอเองก็จะต้องรีบเก็บของแล้วหาห้องเช่าสักห้องเพื่อซุกหัวนอนและพาพ่อกลับมาอยู่ด้วย หญิงสาวกลับเข้าบ้านไปด้วยใจห่อเหี่ยวและยิ่งหดหู่หนักมากขึ้นเมื่อเธอถูกให้ออกจากงานประจำที่ทำอยู่พร้อมเงินเดือนสามเดือนสุดท้ายถูกโอนเข้าบัญชีวันนี้เธอจึงมีเวลาเก็บข้าวของที่จำเป็นทั้งวัน หญิงสาวหัวเราะขื่นๆ ในอก ไม่เข้าใจว่าทำไมทางบริษัทจึงเลิกจ้างเธอกะทันหัน
ปริ้นๆ เสียงแตรรถยนต์หน้าบ้านทำให้เท้าบางชะงักแปลกใจที่ตนมีแขก หรือว่าจะเป็นเจ้าหนี้ของพ่อ เหมือนฝันหน้าซีดอย่างหวาดกลัวหากเป็นเช่นนั้นเธอก็คงจะไม่ปลอดภัยเพราะตอนนี้เธออยู่คนเดียวและเดโชก็ไม่อยู่ หากคนพวกนั้นเข้ามาทำร้ายเธอจะทำอย่างไรดีคนพวกนั้นน่ากลัวจะตายเพราะเคยเห็นพวกนั้นตอนมาทวงเงินพ่อและคนพวกนั้นก็มองตนด้วยแววตาหยาบโลนจนเธอหวาดผวา เหมือนฝันลังเลแต่แล้วเหมือนฝันก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากระโปรงผ้าฝ้ายตัวสวย หญิงสาวรีบล้วงขึ้นมาพลางภาวนาว่าขอให้เป็นเดโชแต่เบอร์แปลกๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนก็ทำให้เธอขมวดคิ้วแต่ก็กดรับสาย
“สวัสดีค่ะ หนูฝันค่ะ”
“สวัสดีเหมือนฝัน..” เสียงทุ้มเหมือนว่าเธอเคยได้ยินที่ไหนสักแห่งยิ่งทำให้เธองุนงง
“เปิดประตูให้ฉันเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงวางอำนาจของคนปลายสายก็ทำให้เหมือนฝันตาโตอย่างคาดไม่ถึงรีบหันกลับไปมองที่รั้วบ้านของตนทันที..
“ราม คาเมรอน..” หญิงสาวอุทานเบาๆ หน้าซีดเผือดไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ เธอจะไม่มีวันเปิดประตูให้เขาและเหมือนว่าอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดของเธอ
“หากไม่เปิดประตู เธอเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ เหมือนฝัน..” เสียงนั้นข่มขู่และวางอำนาจยิ่งนักซึ่งเหมือนฝันไม่กล้าเสี่ยงจะลองดีกับเขา เขาคงไม่ทำอะไรเธอหรอกถ้าหากเกิดอะไรขึ้นเธอจะโทรแจ้ง191 ทันที หญิงสาวคิดขณะเดินไปเปิดประตู หญิงสาวเปิดประตูรั้วมือไม้สั่นแล้วเมื่อเขาขับรถเข้ามาจอดในบ้านร่างสูงใหญ่ของเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าด้วยท่าทางหยิ่งยโสมองเธอด้วยแววตาของผู้ชนะและราวกับว่าเป็นเจ้าชีวิตเธอกระนั้น
“ฉันหิวข้าว” แล้วเขาจะมาบอกเธอทำไม.. เหมือนฝันเงยหน้ามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างไม่เข้าใจ
“อะ เอ่อ แล้วมาบอกฉันทำไมไม่ทราบ” เมื่อหาเสียงตัวเองเจอก็ถามออกไปตามที่คิด
“ก็เพราะฉันเป็นแขกน่ะสิ มาเร็วเข้าฉันหิวและมีเรื่องจะตกลงกับเธอ..” ไม่รอให้เจ้าของบ้านปฏิเสธรามก็คว้าข้อมือเล็กจูงเธอเข้าบ้านเสียเองราวกับว่าตนเป็นเจ้าของบ้านกระนั้น เหมือนฝันทำท่าขัดขืนเพราะหวั่นเกรงสิ่งที่จะตามมาหากเกิดอะไรขึ้นจะมีใครมาช่วยเธอได้ล่ะ
“อย่าทำฉันเสียเวลา..” เขาหันมาทำเสียงดุๆ ใส่ราวกับว่าเธอเป็นคนผิดและเหมือนฝันก็ไม่กล้าขัดขืนเขาด้วย...
ในที่สุดเหมือนฝันก็ต้องจำใจทำอาหารเช้าให้ แขก ที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเสียไม่ได้ โชคดีที่ในตู้เย็นมีอาหารสดอยู่บ้างเธอจึงมีอาหารเช้ารับแขกและสำหรับตัวเธออย่างง่ายๆ หญิงสาวมองดูนาฬิกาพบว่ามันเป็นเวลาเกือบสิบโมงเช้าก็ค่อนข้างแปลกใจที่เขายังไม่ได้กินอะไรมา แล้วนี่เธอจะไปห่วงเขาทำไมกัน.. หญิงสาวโคลงศีรษะเบาๆ ขันตัวเอง
“มีแค่ไข่ดาวกับผัดกะเพราหมูสับนะคะ แล้วนี่ก็น้ำซุป เชิญค่ะ กินแล้วก็รีบกลับไปได้เลยนะคะ” หญิงสาววางจานข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยผัดกะเพรากับไข่ดาวตรงหน้าชายหนุ่มซึ่งนั่งหน้าเข้มอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารราวกับเจ้านาย เหมือนฝันนึกหมั่นไส้ขุ่นเคืองท่าทางของเขานักรวมไปถึงความโอหังที่เหลือรับนั่นด้วย.. พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนใบหน้าสาวก็ร้อนเห่อขึ้นมาทันทีเธอจึงก้มหน้าก้มตารับประทานข้าวมื้อเช้าของตนอย่างไม่สนใจแขก ซึ่งรามก็กำลังมองเธออย่างพิจารณาแต่ไม่พูดอะไร...
