บท
ตั้งค่า

บทที่2.จบตอน

ธีร์มีน้องชายอีกสองคนแต่พวกเขาทั้งสามนานๆ จะได้มารวมตัวกันทีแม้ตอนเด็กๆ จะสนิทสนมกันมาก แต่พอโตขึ้นมีความรับผิดชอบมากขึ้นพวกเขาก็ใช้วิธีติดต่อกันผ่านโซเชี่ยลมิเดียเพราะต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่รับผิดชอบดูแล หนึ่งปีจะได้พบหน้ากันประมาณสามครั้งในวันครบรอบการเสียชีวิตของบิดา วันทำบุญประจำปีของครอบครัวซึ่งจะเป็นวันแต่งงานของบิดามารดาของพวกเขาและวันเกิดของมารดาหรือหากจะมีอะไรนอกเหนือจากนั้นพวกเขาจะนัดแนะกัน

“ครับ ผมจะส่งกษมาไป” พูดจบเชนก็วางสาย ธีร์สวมเสื้อผ้าเตรียมตัวไปทำงาน ตอนนี้เขาต้องรับหน้าที่หลักคือประธานบริหารบริษัท ธีร์นราดีเวลลอปเม้นต์ อย่างเต็มภาคภูมิ

ธีร์นราดีเวลลอปเม้นต์ คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รับงานก่อสร้างต่างๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ตั้งแต่บ้านหลังเล็กไปจนถึงคอนโดหรูหลายสิบชั้น ซึ่งรับงานทั้งในและนอกประเทศ และยังมีสำนักงานใหญ่อีกสองแห่งที่จีนและอิตาลี ซึ่งน้องชายทั้งสองของเขาดูแลอยู่ ธีร์ธัช น้องชายคนกลางวัยสามสิบเอ็ดปีอยู่ที่ประเทศจีน ธีรดล น้องชายคนเล็กวัยยี่สิบเก้าปีอยู่ที่อิตาลี แต่ส่วนใหญ่ทางบริษัทจะรับงานอกแบบตกแต่งอาคารสถานที่มากกว่าซึ่งบริษัทของเขาได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมานานนับทศวรรษ

ในวัยสามสิบสามธีร์สามารถเรียนรู้งานต่างๆ จากมารดาซึ่งเป็นหญิงแกร่งและเก่งประธานคนเก่าของบริษัทได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากที่บิดาเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนมารดาต้องเข้ามาบริการทุกอย่างแทนบิดาโดยมีเขาคอยช่วยเหลือดูแลเรื่องต่างๆในบริษัท ส่วนภัตตาคารนั้นถูกวางระบบไว้ดีอยู่แล้วจึงสามารถบริหารจัดการได้โดยผ่านผู้จัดการร้านที่ทำงานกับพวกเขามานานอีกทั้งชื่อเสียงและมาตรฐานที่สั่งสมมายาวนานทำให้ไม่มีปัญหาอะไรต้องห่วง

แม้เมื่อก่อนจะมีสาขาอยู่หลายแห่งแต่เพราะการบริหารที่ไม่ทั่วถึงทำให้ธีร์เสนอมารดาว่าให้มีภัตตาคารหลักที่เดียวแต่ทำทุกอย่างให้มีมาตรฐานทั้งอาหารและมีบริการที่ดีเยี่ยมดีกว่ามีสาขาแต่พนักงานหละหลวมระบบงานไม่เป็นไปตามที่ต้องการซึ่งเคยมีเหตุการณ์ที่ภัตตาคารสาขามีปัญหาอาหารไม่สดไม่สะอาดพนักงานไม่สุภาพจนส่งผลกระทบ ตามมากว่าจะแก้ไขอะไรๆ ได้ก็เสียเวลาและเสียเงินไปมากพอสมควร มารดาเห็นด้วยดังนั้น ภัตตาคาร Moon house paradise Restaurant จึงมีเพียงแห่งเดียวและย้ายสถานที่จากพื้นที่ริมน้ำคับแคบแออัดมาอยู่บนตึงสูงของโรงแรมชื่อดังซึ่งครอบครัวของเขามีหุ้นส่วนอยู่

Moon house paradise Restaurant อยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมถูกออกแบบตกแต่งอย่างสวยงามเริดหรูอลังการสไตล์คลาสสิกผสมผสานความเป็นโมเดิร์นด้วยแนวคิดและการออกแบบของเขาเอง ธีร์ออกแบบร้านด้วยธีมป้อมปราการสไตล์ยุโรปยุคเรอเนสซองซ์ ที่ได้กลิ่นอายแนวยุโรปที่ผสานกับความเป็นไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างลงตัว นอกจากนี้บรรยากาศสว่างไสวของแสงไฟจากสะพานพระราม 8 และสายลมเย็นๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่งดงามจับตาก็ดึงดูดให้ลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ที่นี่เป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะมาดินเนอร์กันอย่างหวานชื่น เพราะบรรยากาศแบบเปิดโล่งมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานพระราม 8 ได้อย่างชัดเจนงดงาม และยังเป็นที่เช็กอินสุดฮิตของเหล่าดาราเซเลปเลยก็ว่าได้

เมื่อก้าวออกมาจากห้องพักธีร์ก็พบกับ กษมา บอดีการ์ดร่างยักษ์ยืนนิ่งรอเขาอยู่ ธีร์ยื่นกระเป๋าใส่เอกสารให้กษมารับแล้วก็เดินตามเขาไปยังลิฟต์ส่วนตัวลงไปยังลานจอดรถ และเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วธีร์จึงมีโอกาสได้เปิดดูข้อมูลที่เชนส่งให้ สามร์ตโฟนเครื่องหรูปรากฏที่อยู่ของวิกกี้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“นี่มันทางเดียวกับทางไปโรงแรมเรานี่หว่า..” แต่แล้วชายหนุ่มก็เลิกสนใจเรื่องของหญิงสาวชั่วคราวเมื่อมารดาโทร. เข้ามา

“ครับคุณแม่”

“ธีร์ ตกลงเรื่องลูกกับน้องดาด้าว่าไง นี่อย่ามาทำเล่นๆ กับแม่นะ ทางนั้นเขาโทร. มาต่อว่าแม่ยกใหญ่เลย..” แล้วมารดาของเขาก็บ่นอะไรอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องที่คุณ ดาเรศ มารดาของดลยา ต่อว่าเรื่องที่เขาไม่ไปส่งดลยาเมื่อคืนนี้...

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับ คุณแม่นัดคุณน้าดาเรศมาด้วย น้องดาด้าด้วย..” ชายหนุ่มพูดจบก็วางสายไม่ให้มารดาได้ถามอะไรต่อก่อนจะถอนใจออกมา...

“กษมาไปที่ร้านก่อน...”

“ครับ..”

ธีร์เดินเข้าไปในโรงแรมและขึ้นลิฟต์ไปยังภัตตาคารของตัวเองด้วยความรู้สึกที่บอกถูกแล้วก็เฝ้าถามตัวเองว่ามาที่นี่ทำไม...

“อ้าวคุณธีร์.. มีอะไรสำคัญรึเปล่าครับ” เทิดไทย ผู้จัดการร้านวัยสี่สิบปลายแต่ยังคงแข็งแรงและกระตือรือร้นและทำงานกับเขามาร่วมสิบปีเดินมาหาด้วยรอยยิ้ม

“เปล่าแค่แวะมาเฉยๆ” ธีร์บอกเรียบๆ แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องพักของตนซึ่งเขาจะใช้ห้องนี้เป็นสถานที่พักผ่อนอีกที่หากมาที่นี่ ชายหนุ่มทรุดนั่งบนโซฟาตัวใหญ่แล้วถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะต้องสะสางในวันนี้ ชายหนุ่มส่งข้อความถึงดลยาบอกเรื่องราวที่มารดาของเธอต่อว่าโวยวายเรื่องเมื่อคืนและนัดเธอมาที่บ้านพร้อมด้วยคนรักซึ่งดลยาตกลงที่จะทำตามข้อเสนอของเขา ธีร์ถอนใจแก้ปัญหาได้ในเปราะหนึ่งแล้วหลับตาลงแล้วใบหน้าสวยของหญิงสาวที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขาก็ลอยเข้ามาในหัว เสียงครางด้วยความสุขสมและผิวเนื้อเนียนนุ่มมือและกลิ่นกายของเธอก็กรุ่นกลิ่นตามมาหลอกหลอนเขาจนได้

เขาต้องบ้าแล้วแน่ๆ ที่ยังคิดถึงกลิ่นกายของเธอ รวมไปถึงความสุขสมที่ได้รับจากร่างสาวอันบริสุทธิ์ เขาจะต้องได้เจอเธออีกครั้งไม่อย่างนั้นเขาต้องขาดใจตายแน่ๆ ธีร์บอกตัวเอง ชายหนุ่มนั่งพักผ่อนอยู่ชั่วครู่ก็กลับแต่ในระหว่างที่เขากำลังเดินไปที่ลานจอดรถส่วนตัวเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคุยกันแว่วๆ ซึ่งเขาเองไม่คิดจะสนใจการพูดคุยของคนอื่นมาก่อน แต่เสียงใสๆ หวานๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้เขาหยุดเดินและยืนนิ่งอยู่มุมบันไดที่จะเดินไปยังลานจอดรถไม่ไกลจากลิฟต์ที่เขาออกมาเมื่อครู่

“นี่วิวจะลาออกจริงๆ เหรอ ใจหายเลยนะเนี่ย”

“วิวเองก็ใจหายค่ะ คิดถึงพี่ๆ น้องๆ ทุกคนเลย ว่างๆ วิวจะมาเยี่ยมนะคะ” เสียงของเจ้าหล่อนช่างคุ้นหูเหลือเกินเสียงเดินมาหยุดที่ลิฟต์ทำให้ธีร์ต้องยืนนิ่งเมื่อเห็นด้านหลังของหญิงสาวคนนั้นยืนเยื้องๆ มาที่จุดที่เขายืนอยู่และระยะห่างเพียงแค่เอื้อมมือทำให้เขาได้กลิ่นกายของหญิงสาวคนนั้น ใจหนุ่มร้อนระอุเต้นระรัวขึ้นมาทันทีแต่ด้วยความที่มีสติปัญญาอันปราดเปรื่องและการควบคุมตัวเองที่ดีทำให้เขายืนนิ่งมองเรือนผมยาวสลวยที่ถูกรวบเป็นหางม้าสูง เธอสวมเสื้อคอเต่าสีแดงปิดลำคอระหงสวมกระโปรงทรงเอยาวคลุมเข่าสีดำเงาระยับเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นน่าถนอมแต่ทรวงอกที่พุ่งผลิเมื่อเธอหันข้างมานั้นทำให้ใจของเขาสั่นไหว ใบหน้าด้านข้างของเธอขาวเนียนไร้เครื่องสำอางริมฝีปากที่ขยับพูดนั้นเขาแทบฟังไม่รู้เรื่องว่าเธอกำลังพูดอะไร... ไม่ไหวแล้วเขาต้องเข้าไปใกล้เธอกว่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าเขาเดาไม่ผิด...

“วิวไปแล้วนะคะพี่ๆ” หญิงสาวโบกมือให้เพื่อนร่วมงานแต่แล้วทุกคนดูเหมือนทุกคนจะยิ้มค้างแล้วจดจ้องไปยังด้านหลังของเธอ วิกานดาหุบยิ้มแล้วรู้สึกร้อนผ่าวขนลุกชันโดยไม่ทราบสาเหตุ

“มีอะไรรึเปล่าคะ..” หญิงสาวถามเสียงแผ่วรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก

“สวัสดีค่ะคุณธีร์...”

พนักงานสาวทั้งห้าคนไหว้อย่างชดช้อยสวยงามแล้วยิ้มหวานให้คนที่พวกเธอพูดถึงก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ที่เปิดออกพอดีไปทันที วิกานดายืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปมองด้านหลังของตนใจสาวเต้นระรัวรู้สึกร่างกายสะบัดร้อนสะบัดหนาวใจหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้...

อยู่ไม่ได้แล้ววิว แกต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้.. หญิงสาวบอกตัวเองแล้วจะก้าวเดินไปหน้าโรงแรมหากว่าเสียงนุ่มทุ้มแต่ฟังดุห้วนกระด้างดังขึ้น...

“เดี๋ยวก่อนสิวิกกี้..” วิกานดาตาโตใจสั่นด้วยความหวาดหวั่น ไม่จริงเขาจะจำเธอได้อย่างไรกัน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ หันไปมองเขาแต่ไม่ยอมสบตา

“อะ เอ่อ คุณจำผิดแล้วล่ะคะ ฉันไม่ได้ชื่อวิกกี้ค่ะ ขอตัวนะคะพอดีรีบ..” พูดจบวิกานดาก็หมุนตัวหมายจะวิ่งออกไปจากที่นี่โดยเร็วแต่ข้อมือเล็กถูกฉุดไว้แล้วดึงแรงๆ จนร่างระหงปลิวเข้าไปปะทะกับอก กว้างของเขา วิกานดาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาตื่นๆ หายใจติดขัดขึ้นมาทันทีกับแววตาของเขา

ธีร์หลี่ตามองใบหน้าใสสะอาดของหญิงสาวในวงแขนอย่างพิจารณาดวงตาคมมองเก็บรายละเอียดของเธออย่างรวดเร็วก่อนจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นออกช้าๆ

“อ้อ ผมจำคนผิดจริงๆ ขอโทษด้วย ว่าแต่คุณหน้าตาคุ้นๆ นะ” เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจ

“อะ เอ่อ วิ ฉันเคยทำงานที่ภัตตาคารนี้ค่ะ ตอนนี้ลาออกแล้ว คุณอาจจะเคยเห็นฉันแต่อาจจะจำไม่ได้” แน่ล่ะ เขาจะมาจดจำอะไรกับพนักงานระดับล่างอย่างเธอ แม้เขาจะเคยพบเจอเธอและพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้ก็ตามแต่นั่นมันก็เกือบปีมาแล้ว

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ” หญิงสาวไหว้เขาเหมือนอย่างที่เคยทำเวลาที่เขามาตรวจงานหรือมาตรวจเยี่ยมพนักงานก่อนจะเดินลิ่วออกมาอย่างรวดเร็ว...

“โอยยย.. ยายวิวเกือบแย่แล้วไหมเรา แล้วเขามาที่นี่ทำไมนะ..” พอมาถึงป้ายรถเมล์วิกานดาก็ยกมือทาบอกหลับตาลงอย่างรู้สึกโล่งอกแล้วหันไปมองยังโรงแรมอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย

“ลาก่อนค่ะคุณธีร์ที่รักของวิว..” จากนั้นเธอก็โบกแท็กซี่ขึ้นกลับบ้าน วันนี้ขอใช้บริการแท็กซี่สักวันเพราะยังรู้สึกอ่อนเพลียจากกิจกรรมอันเร่าร้อนเมื่อคืนที่ผ่านมาและรู้สึกอ่อนแรงเมื่อเจอธีร์ตัวเป็นๆ อีกครั้ง

ในขณะเดียวกันธีร์ก็มองตามร่างบางจนลับตาก่อนจะโทร. สั่งอะไรบางอย่างกับลูกน้องของตน..

“คิดว่าจะหลอกล่อฉันได้หรือ.. วิกกี้ วิว วิกานดา..” ดวงตาคมฉายแววประกายกล้าขึ้น เรียวปากคลี่ยิ้มน้อยๆ แต่มันไม่ใช่ยิ้มของเทพบุตรหากแต่เป็นรอยยิ้มของจอมมารที่จะไม่ยอมเสียเหลี่ยมให้แม่เสือสาวอ่อนหัด...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel