ตอนที่ 6
6
สถานที่มาร์คพาคู่หมั้นไปทานดินเนอร์ก็คือภายในห้องพักของเขานั่นเอง ฐิตารีมาถึงแล้วให้สงสัยว่าทำไมถึงต้องเปลี่ยนชุดถ้ารู้ว่าจะพามาที่นี่
“รู้แบบนี้ก็ไม่เห็นต้องเปลี่ยนชุดเลยค่ะ”
“รู้แน่หรือคะ ไม่หรอกค่ะ น้องข้าวยังไม่รู้”
เจ้าของห้องพักสุดหรูเปิดห้องเดินนำเข้าไปก่อน เมื่อหญิงสาวเดินตามเข้าไปก็พบแต่ความมืดและเพียงแค่เธอกะพริบตาเพื่อหวังจะปรับสายตาให้ชินกับความมืด แสงสว่างจะไฟดวงเล็กๆ ก็ติดพรึ่บขึ้นมาทำให้ห้องสว่างไปด้วยแสงสีส้มอ่อน ประตูห้องปิดลงด้วยมือของชายหนุ่ม ในขณะที่ฐิตารียังมัวแต่ยืนนิ่งอย่างประหลาดใจ
“ว้าว...นี่มันอะไรกันคะพี่มาร์ค”
“น่าเศร้าจัง วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ แต่น้องข้าวไม่ทราบ” ชายหนุ่มแสร้งถอนใจตีหน้าเศร้าแล้วเดินหนีหญิงสาวไปยังโต๊ะอาหาร
ฐิตารีเพิ่งสังเกตเห็นบนโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีอาหารจัดใส่จานเรียงอยู่กลางโต๊ะหลายอย่าง รวมทั้งเครื่องดื่มชนิดหนึ่งซึ่งคู่หมั้นของเธอกำลังรินใส่แก้ว เธอไม่รู้เป็นเครื่องดื่มอะไรแต่สีของมันชวนดื่มมากนัก
“วันนี้เป็นวันอะไรหรือคะพี่มาร์ค ถ้าพี่มาร์คไม่บอก ข้าวก็ไม่ทราบหรอกค่ะ”
“น้อยใจแล้วค่ะ พี่มาร์ครู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับน้องข้าว แต่น้องข้าวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่มาร์คเลยนะคะ” เขาเว้นวรรคให้หญิงสาวยิ่งอยากรู้ รอจนฐิตารีขยับร่างเดินเข้ามาใกล้ “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของพี่มาร์คค่ะ”
“ตายจริง! ข้าวไม่ทราบเลย ทำไงดี” หญิงสาวดูตื่นเต้นระคนตื่นตูมหันรีหันขวางจนมาร์คหัวเราะ “ทำไมไม่บอกข้าวก่อนหน้านี้คะ ข้าวจะได้มีเวลาหาของขวัญมาให้ แบบนี้แย่จัง”
มาร์คอดทนต่อความน่ารักของคู่หมั้นสาวไม่ไหว เธอดูตื่นตูมเหมือนกระต่ายตัวน้อยขนฟูกับเรื่องราวของเขาที่เพิ่งรู้ มันบอกว่าเธอเองก็อยากรู้ทุกเรื่องของเขาแต่ไม่อยากถาม ร่างสูงเดินเข้ามาสวมกอดร่างเล็ก ขโมยจูบขมับบางแสนหอมก่อนกระซิบเสียงแหบข้างๆ หู
“น้องข้าวคือของขวัญชิ้นสำคัญของพี่มาร์คแล้วล่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องหาของขวัญให้พี่มาร์คเลยนะคะ แค่คืนนี้มีน้องข้าวอยู่ใกล้ๆ พี่มาร์คก็ดีใจจะแย่ค่ะ”
ความดีใจของคนที่อ่อนโยนกับเธอมากที่สุดทำให้หญิงสาวกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อมือหนาเชยคางมนขึ้นสูงดวงตาคมกล้าก็หลุบลงจับจ้องอยู่บนริมฝีปาก ฐิตารีกลั้นหายใจเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาหาอย่างเชื่องช้า ดวงตาเริ่มพร่าพรายจับภาพที่เห็นในระยะใกล้ไม่ชัด เรียวปากอิ่มแย้มออกรับเรียวปากได้รูปยินยอมให้เขาควานหาความหวานที่ไม่มีทางสิ้นสุด รสเสน่หาทอแสงเรืองรองโอบรอบสองร่าง
มาร์คจูบคู่หมั้นอย่างโหยหา จำไม่ได้ว่าทำใจให้อยู่ห่างเธอได้ยังไงตั้งหลายวัน ปากเธอหวาน เนื้อตัวหอมกรุ่นรัญจวนใจนัก การตอบสนองอย่างสาวขาดประสบการณ์สร้างความยินดีเหมือนน้ำเย็นที่หลั่งบนดวงใจจนชุ่มฉ่ำ อ้อมแขนดูเหมือนจะรัดรึงขึ้นทุกขณะ ปากอุ่นเพิ่มความจาบจ้วงหนักหน่วงมากขึ้น มือใหญ่คล้อยต่ำลงนวดเฟ้นสะโพกสวยงอนเด้ง
“หวานเหลือเกินยาหยี พี่มาร์คเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว”
ฐิตารีปรือตาปรอยขึ้นก่อนเบียดเนื้อตัวเข้าหาโดยอัตโนมัติ ด้วยความไร้เดียงสาไร้การแต่งแต้ม สีหน้าเย้ายวนของเธอ รอยยิ้มบางๆ ของเธอกำลังทำให้มาร์คคลั่ง
“เจ็บอีกแล้วหรือคะ”
ครั้งก่อนมาร์คไม่ได้สาธิตความเจ็บที่ว่าคือส่วนไหน ครั้งนี้มาร์คแสร้งโยกตัวไปมาจงใจเบียดสะโพกแกร่งเข้าหาสะโพกนุ่ม ความเป็นตัวตนที่ดุนดันเป้ากางเกงออกมาจนเจ็บร้าว ดุนดันหน้าขาของฐิตารี ชายหนุ่มกดหน้าลงจบซอกคอหอมกรุ่น คลึงปลายจมูกกับผิวเนื้อเนียนละเอียด อ้าปากขบเม้มพร้อมๆ กับหมุนสะโพกตัวเองแผ่วๆ
ฐิตารีรู้สึกแปลกๆ ตรงหน้าขา อะไรบางอย่างร้อนผ่าวพุ่งดันสัดส่วนความเป็นหญิงอยู่ใต้ร่มผ้า สิ่งนั้นคืออะไรเธอไม่รู้ แต่พอแกว่งมือถูกเข็มขัดหนังหญิงสาวก็สำเหนียกได้ว่าอวัยวะที่อยู่ต่ำลงไปจากเข็มขัดนั้นคืออะไร
“พี่มาร์ค! จะทำอะไรคะ อย่าค่ะ” ความกลัวตีตื้นขึ้นมาเป็นระลอกๆ ความซาบซ่านที่กำลังกระจายแผ่วงล้อมก็ยังคงอยู่ สาวน้อยทั้งกลัวทั้งสงสัย แม้ประสบการณ์แปลกใหม่นี้จะเต็มไปด้วยอันตรายมาแค่ไหนก็ตาม
“เจ็บค่ะ พี่มาร์คเจ็บ”
“เจ็บ? เจ็บอะไรคะ แล้วทำไมถึง”
“ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่มาร์คสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรน้องข้าว พี่มาร์คจะทำตามสัญญาค่ะ”
แล้วชายหนุ่มก็ตัดใจผละห่างคู่หมั้นสาว ในขณะที่ร่างกายกำลังปวดหนึบรวดร้าวไปทุกรูขุมขน มาร์คต้องสะบัดลมหายใจรุนแรงอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ ร่างสูงเดินห่างไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นเสียงเพลงหวานดังขึ้น หญิงสาวมองตามแล้วเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหาร
“อาหารเยอะแยะเลย เราจะทานหมดหรือคะ”
“...” มาร์คยังคงเงียบ
“อ้อ...ข้าวว่าจะถามเรื่องที่เจมส์บราวน์ส่งคนไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษค่ะ ทำไมพี่มาร์คไม่บอกข้าวล่ะคะ”
เรื่องนี้ทำให้มาร์คปรับสีหน้าได้ดีขึ้น การรุกเร็วเกินไปจะทำให้กระต่ายน้อยตื่นตกใจ แต่กระต่ายน้อยก็ช่างกระไรยั่วเขาเก่งเป็นบ้า ชายหนุ่มเดินกลับไปหาเธอ จัดการเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งก่อนจะพาตัวเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“พี่อยากให้ทำเซอร์ไพรส์น้องข้าวค่ะ แล้วน้องข้าวสมัครหรือเปล่าล่ะคะ” ถามเหมือนไม่รู้ ทั้งที่รู้ตั้งแต่วันแรกจากการรายงานของโจเซฟในทุกระยะตามคำสั่ง
“สมัครสิคะ ข้าวไม่พลาดหรอกค่ะ ว่าแต่ใครจะเป็นคนสอนหรือคะ”
มาร์คยิ้มพลางส่ายหน้า
“เดี๋ยวน้องข้าวก็ทราบเองค่ะ ทานอาหารเถอะค่ะ จวนจะเย็นหมดแล้ว”
เมื่อถูกตัดบท ฐิตารีก็เริ่มทานอาหารเคล้าเสียงเพลงแว่วหวาน เธอลอบมองเขาอยู่บ่อยๆ สังเกตได้ว่าหลังจากเขาคลายอ้อมกอด คู่หมั้นของเธอก็เงียบลงราวกับกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขากำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้น หญิงสาวตักอาหารให้เขา มาร์คยิ้มรับแล้วตักอาหารใส่จานเธอบ้าง การดินเนอร์เป็นไปอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความแปลกใจของฐิตารี
ใครจะไปรู้ ในขณะที่เธอกำลังสงสัย ชายหนุ่มก็กำลังพยายามข่มความต้องการที่ยังพลุ่งพล่านอยู่ในตัวให้ลดลง มันเป็นเรื่องยากมากต้องใช้ความพยายามบวกกับกำลังใจสูงส่ง ร่างกายของเขากำลังทรมานอยากกระโจนเข้าใส่ อยากจับเธอพาดกับขอบโต๊ะและถลกกระโปรงเธอขึ้น จากนั้นก็สอดใส่แก่นกายอวบหนาเข้าไปในร่างเธอ และเพราะความคิดกำลังสะเปะสะปะไม่เลิกคิดแบบนี้เสียที มาร์คจึงได้แต่ก้มหน้าทานอาหารเพื่อปิดบังความปรารถนาที่อาจจะส่งผ่านออกมาทางสายตา หากกระต่ายน้อยเห็นเธอคงจะกระโจนหนี ดีไม่ดีเธอคงไม่กล้าเข้าใกล้เขาไปอีกนาน
มาร์คไม่เคยต้องเก็บกดความรู้สึกของตัวเองแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ถ้าเขาอยากนอนกับผู้หญิงสักคนแค่กระดิกนิ้วพวกหล่อนก็พร้อมจะปลดเสื้อผ้าแล้วนอนแผ่หรารอคอยให้ท่าอยู่แล้ว และเพราะไม่เคยเลยทำให้เขากำลังจะเป็นบ้า หวังว่าฐิตารีจะไม่สังเกตเห็นสีหน้าพิลึกพิลั่นของเขาหรอกนะ
“พี่มาร์คยังเจ็บอยู่หรือคะ”
ชายหนุ่มเกือบสะดุ้งโหยงถ้าไม่สงวนท่าทีเอาไว้ เขาส่ายหน้าในทันทีกระตุกรอยยิ้มคล้ายเยาะเรื่องที่คิดว่าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เขาพยายามอดทนเต็มที่แต่เธอกลับยิ่งยั่ว ถามมาได้เจ็บหรือคะ?
“เปล่าค่ะ พี่มาร์คไม่ได้เป็นอะไร”
ฐิตารีขมวดคิ้ว คนไม่เป็นอะไรเขามีสีหน้าแบบนี้น่ะหรือ ใบหน้านั้นแดงเข้มเหมือนยืนอยู่กลางแสงแดดร้อนจัด อีกอย่างเขาก็พูดน้อยเงียบเสียมากกว่า มันผิดปกติจริงๆ นะ ไม่ได้การแล้ว พี่มาร์คคงกำลังไม่สบายแล้วไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจตามไปด้วย คิดแล้วเธอก็วางช้อนส้อมก่อนจะลุกเดินอ้อมโต๊ะอาหารเพื่ออังหลังมือกับหน้าผากมาร์ค
คราวนี้มาร์คสะดุ้งโหยงผงะห่างจนเก้าอี้แทบจะหงายหลัง
“พี่มาร์คทำอย่างกับเห็นผี หรือคิดว่าข้าวเป็นผีคะ”
“ปละ...เปล่าค่ะ ผีที่ไหนจะสวยขนาดนี้ล่ะคะ พี่มาร์คแค่...กำลังคิดอะไรเพลินๆ ไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น” ชายหนุ่มแก้ตัวพัลวัน ไม่คิดว่าสาวเจ้าจะสำรวจใบหน้าเขาชนิดถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้
“พี่มาร์คทำตัวแปลกๆ นะคะวันนี้ จะว่าไม่สบายตัวก็ไม่ได้ร้อน แล้วทำไมถึง...”
“ไม่มีอะไรค่ะ พี่ว่าน้องข้าวทานข้าวต่อเถอะค่ะ ทานเสร็จแล้วพี่จะพาไปส่งบ้านนะคะ แต่ถ้าไม่ทาน...”
ดูทีรึอุตส่าห์เป็นห่วงกลัวไม่สบายไป เขายังมีหน้ามาไล่เธอกลับทางอ้อมอีก แปลกจริง!
“ไม่ทานแล้วจะทำไมหรือคะ”
“พี่จะทานข้าวค่ะ”
“อ๋อ...ที่แท้พี่มาร์คก็หิวมากนี่เอง น่าจะบอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้ข้าวเป็นห่วงแทบแย่”
ฐิตารีจะเดินกลับไปทางเก่า หายห่วงคนที่มีอาการแปลกๆ เพราะคิดว่าที่แปลกก็เพราะหิวข้าว นี่มันกี่โมงแล้วนะน่าจะค่ำแล้วกระมัง แสดงว่าเขาคงไม่ได้ทานอะไรจนถึงตอนนี้
ข้อมือเล็กถูกคว้าเอาไว้ก่อนร่างบางจะทันเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งที่เดิม และพอจะหันกลับมาร่างเล็กก็ถูกกระตุกทีเดียวฮวบลงไปอยู่บนตัก “ว้าย!” เธออุทานเสียงหลงเสียการทรงตัวอย่างไม่เป็นท่า ดีที่มีตักแข็งรองรับ แต่เอ...วันนี้ตักของเขาจะแข็งผิดปกติหรือเปล่านะ
มาร์คอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป สูญเสียกำลังใจอันแรงกล้าเพียงเพราะร่างนุ่มหอมยั่วใจ สวยสะพรั่งจนไม่อาจต้านทางแรงปรารถนาไหว แม้จะต้องผิดคำพูด เสียผู้ใหญ่ก็ตอนนี้ แต่จะให้ถอยห่างเธออย่างใจคิดคงทำไม่ได้
หญิงสาวยกมือวางบนหน้าอกกว้างทันควันแล้วรั้งเสื้อเชิ้ตของเขาเพื่อพยุงตัวเองขึ้น หน้าสวยแหงนขึ้นอย่างตั้งใจจะเอ่ยปากประท้วงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งตัวอยู่ใต้สะโพกเธอ ทว่าเพียงอ้าปากนิดเดียวลิ้นอุ่นก็แทรกเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ท้ายทอยเล็กถูกประคับประคองด้วยมือหนา บีบบังคับนิดๆ ไม่ให้เธอผินหน้าหนีการรุกราน เสียงหวานอื้ออึงอยู่ในลำคอเท่านั้น ความซาบซ่านก่อตัวขึ้นกลางหน้าท้อง ต้นขาเริ่มสั่นจนต้องทิ้งตัวทับความแข็งกร้าวสัมผัสความร้อนระอุเต็มที่
“อี้อ๊าก” เสียงเรียกของฐิตารีดังอู้อี้อยู่ในลำคอ มือบางดันอกกว้างแต่เหมือนดันภูเขาทั้งลูกเสียมากกว่า ยิ่งดันร่างก็เหมือนยิ่งจมอยู่ในเนื้อหนุ่มแน่น จมอยู่บนความปรารถนาที่ไม่มีวันสิ้นสุด
สะโพกสาวหนั่นแน่นทับอยู่บนความแกร่งกร้าวผงาดหงาย มาร์คเจ็บก่อนความซ่านจิตจะกำซาบไปทั่วหน้าขา สะโพกสาวขยับหนีโดยไม่รู้เลยว่ายิ่งขยับก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บ และเธอก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ พิษไข้ที่อุ่นร้อนตั้งแต่สะโพกกระจายไปทั่วเนื้อตัว อกอิ่มที่อยู่ใต้ฝ่ามือหนาเมื่อใดไม่ทราบถูกรุกรานบีบคลึงอย่างหนักหน่วง ปากที่ร้อนไม่แพ้สัดส่วนหยิ่งผยองกลางร่างก็แต้มเล็มไปทั่วลำคอเรียวระหง เหมือนใจที่ร้อนรุ่มอย่างหยุดไม่อยู่ ไม่ว่าจะใช้กำลังมหาศาลขนาดไหนก็ยั้งไว้ไม่อยู่
“น้องข้าวขา พี่มาร์ครักน้องข้าวค่ะ”
เสียงทุ้มแผ่วเบากระซิบข้างๆ หู ยับยั้งอาการดิ้นรนของฐิตารีได้ดี หญิงสาวมีอาการคล้ายสะดุ้งก่อนจะเหลียวข้างเพื่อมองคนพร่ำพรอดคำหวาน หันไปนิดเดียวปากอุ่นก็ทาบเหนือกลีบปากนุ่ม คลอเคลียแผ่วๆ ก่อนรุกเข้ากวาดต้อนน้ำหวานอีกครั้งอย่างติดใจ
หญิงสาวไม่มีเสียงครางอีกแล้วมีเพียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในทรวงอก เธอปล่อยให้เขาจูบตามอำเภอใจปล่อยใจไปกับรสสวาทหวาน รู้ตัวอีกทีร่างบางก็ถูกยกวางบนโต๊ะ ฐิตารีไม่ทันมองเลยด้วยซ้ำว่าจะทับจานอาหารที่วางเต็มโต๊ะหรือเปล่า ได้ยินเสียง “เพล้ง!!” เธอก็ได้แต่สะดุ้ง พอจะร้องอุทานปากร้อนก็จูบเธออีกครั้งคล้ายคนอดอยากปากแห้งมานาน
ชุดสวยที่มีสายเส้นเล็กๆ คล้องบ่าบอบบางค่อยๆ เลื่อนลงช้าๆ จากปากที่กัดและดึงรั้งลงมา กระทั่งอยู่ใต้ฐานทรวงอกอิ่มที่ยังมีบราเซียสีดำชนิดครึ่งเต้าปิดบังไว้อีกชั้น มาร์คตื่นเต้นเป็นที่สุด หลังจากคิดว่าสาวน้อยคู่หมั้นของเขาจะใส่บราวัยรุ่นลายน่ารัก แท้จริงแล้วเธอใส่บราลูกไม้สีดำที่มีผ้าซับในบางๆ บังไว้อีกชั้นแต่ไม่มีฟองน้ำดันทรง หมายความว่าทรวงอกของเธออิ่มเต็มบราเซียและคงจะใหญ่ไม่น้อยหาก...
มือหนารั้งบราไร้สายด้วยเจ้าของถอดเก็บไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ลองใส่ชุดแสนสวย เขาเลื่อนลงจนขอบบราลูกไม้บางเบาปิดยอดถันสีชมพูเพียงหมิ่นเหม่ อาการหายใจไม่ทั่วท้องก็เกิดขึ้น มาร์คกำลังรู้สึกหอบเหมือนอายุของเขาจะมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมหายใจอุ่นกระชั้นรินรดเนื้อเนียนจนยอดถันพุ่งชันชี้หน้าเขา มุมปากจึงกระตุกยิ้มพอใจแล้วโฉบริมฝีปากดูดเม้มเนื้อขาวนุ่มหยุ่นบริเวณนั้นทันที
“อื้อ...พี่มาร์ค!!”
ร่างสาวเกร็งสะท้าน ยกมืออย่างพยายามดันคนตัวโตให้หยุดกระทำสิ่งที่เป็นการบั่นทอนกำลังใจ ความวาบหวามที่เกิดขึ้นมันรุนแรงและมีอิทธิพลจนเธอไม่อาจต้านทาน กระทั่งความคิดก็ยังหยุดที่ความหวามไหวในทรวงอก ฐิตารีแอ่นร่างขึ้นเมื่อบราเซียผ้าลูกไม้เลื่อนไปกองอยู่ใต้ฐานอก ความเย็นวาบกอบกุมอยู่สักพักความอุ่นจนร้อนก็เคลื่อนทับยอดทรวงสวย
เม็ดเชอรี่สีหวานพุ่งชันยั่วปากยั่วใจจนชายหนุ่มต้องครอบครองอย่างหิวกระหายในความเซ็กซี่ หวานคือความรู้สึกของเขา หวามคือความรู้สึกของฐิตารี และเธอก็กดศีรษะทุยสวยให้ปากร้อนรวบยอดทรวงเข้าไปให้มากที่สุด
“อื้ม...เจ็บ” ทว่าสิ่งที่เธอได้รับคือความรุนแรงจนรู้สึกเจ็บ ร่างกายเกร็งรับสลับกับผ่อนคลายแล้วเกร็งขึ้นใหม่ นานเข้าความรู้สึกเจ็บก็เปลี่ยนเป็นความซาบซ่าน ความเปียกชื้นบนปลายถันเร่งเร้าให้เธอต้องแอ่นร่างให้เขา สองมือกดศีรษะของเขาอย่างไม่กลัวว่าเขาจะหายใจไม่ออก ซึ่งความจริงแล้วมาร์คไม่มีทางที่จะหายใจไม่ออก เขากลับสูดลมหายใจหอบความหอมเข้าจมูกหลายต่อหลายครั้ง
“หอมเหลือเกินยาหยีของพี่มาร์ค”
ดอกบัวสวยสองดอกถูกลิดรอนสิทธิ์อย่างเสมอภาคกัน จากซ้ายไปขวาจากขวาไปซ้าย ยอดถันชูชันทั้งสองข้างจึงเปียกชิ้นเท่าเทียมกัน
“อีกนิดนะคะ”
ฐิตารียังไม่ทันถามเพราะมัวแต่หอบหายใจจนตัวโยน ร่างหนาก็คล้อยต่ำตลบชายกระโปรงขึ้นสูง ชั้นในลูกไม้สีดำเข้าชุดกับบราเซียจึงเปิดเผยต่อสายตาคมกล้า เขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกที่สุดเพื่อมองความนูนอิ่มแห่งเนินสามเหลี่ยมที่เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของความสาวสด
“พี่...มาร์ค”
หญิงสาวชันตัวขึ้นใช้ข้อศอกเท้ายันตัวเอง มองสายตาหิวกระหายที่มัวแต่จับจ้องอยู่บนสัดส่วนสงวน
“อย่า!!!”
มาร์คหู้อื้อเสียแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงห้ามของเธอเมื่อโฉบใบหน้าเข้าหาความงามที่ยังมีผ้าลูกไม้บางเบาจนเห็นกลีบสาวเบียดกระชับอยู่ภายในผ้าลูกไม้สีดำ
“ไม่!!” ฐิตารีงอตัวดันใบหน้าคมคายไม่ให้กระทำความน่าละอายมากกว่านี้ “โอ้...” ทว่าเพียงปลายจมูกโด่งเป็นสันกดเหนือกลีบกุหลาบตูมช่อสวย หญิงสาวเจ้าของกุหลาบงามก็ทิ้งตัวราบไปกับโต๊ะอย่างหมดท่า มือบางยังปัดเหวี่ยงแก้วเครื่องดื่มจนตกลงพื้น ดีที่พื้นห้องทั้งห้องปูด้วยพรมหนาราคาแพงจึงรับแรงกระแทก แม้แก้วจะร้าวแต่ไม่เกิดเสียง
ชายหนุ่มกำลังคลั่งไคล้อยู่ในรสสวาทแค่เพียงภายนอก ครูดสันจมูกไปกับกลีบกุหลาบจนน้ำหวานจากเกสรริ่มปริ่มซึมชั้นในออกมา ขนาดนั้นมือหนาก็ช้อนสะโพกสวยที่คงความหอมหวานเต็มปรี่สูงขึ้น นิ้วยาวเรียวของมาร์คแทรกเข้าไปในชอบยางชั้นในลูกไม้ เกลี่ยไปมากับกลีบเนื้อนุ่มนิ่มที่กำลังชุ่มฉ่ำ น้ำหวานอุ่นรินรดปลายนิ้วเรียวยาวสะอาดสะอ้านของเขา แต่มาร์คไม่ทำมากกว่าการถูไปมาแค่เพียงภายนอก เขาสัญญาแล้วก็ยังคงยึดมั่นในสัญญาปากเปล่า
ทว่าความอุ่นของกลีบสาวที่ทิ้งตัวกระชับเรียวนิ้วของเขาตั้งแต่โคนถึงปลาย ทำให้มาร์คคลั่งยิ่งกว่าเดิม ชั้นในแสนเซ็กซี่จึงถูกกระตุกออก นาทีนี้ฐิตารีทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาเหมือนจะร้องห้าม หากแต่ปราการแสนเบาบางค้างเติ่งอยู่ตรงข้อเท้า เธอมือเลยไปเห็นมือหนากำลังรูดซิปปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ลำคอแห้งผากออกมา
“พี่...มาร์ค...”
“พี่สัญญาจะไม่สอดใส่ แต่ขอความสุขให้พี่หน่อยนะคะน้องข้าว ยาหยีของพี่มาร์ค”
แล้วร่างสูงก็ย่างกายเข้ามาใกล้ ฐิตารีคิดจะกระเถิบกายหนีแต่เธอก็ไม่มีทางหนีพ้น ทันทีที่ขยับ ข้อเท้าเล็กก็ถูกกระตุก ร่างหนุ่มที่ยังมีเสื้อผ้าติดกายครบชุด เพียงแต่บางสิ่งบางอย่างอันน่ากลัวผงาดออกมานอกกางเกง
เกิดมาจนอายุ 19 ปี ฐิตารีไม่เคยเห็นสัดส่วนความเป็นชายที่ขยายเหยียดเต็มสองตาแบบนี้มาก่อน เคยเห็นก็แต่เจ้าช้างน้อยที่เพื่อนๆ จอมทะลึ่งวาดภาพให้ดู ตอนนั้นเธอเห็นแล้วไม่ได้อายเลยสักนิด เพราะมันน่ารักน่าชังมาก ช้างน้อยตัวนั้นมีแต่ท่อนหัว เพื่อนของเธอยังทะลึ่งใส่ตาเพิ่มความเหมือนให้อีก เธอและคนอื่นๆ ก็ได้แต่หัวเราะ
ทว่าครั้งนี้สิ่งที่เห็นสาบานได้ว่าไม่ใช่ช้างน้อย แต่เป็นงูตัวใหญ่ทั้งยาวและใหญ่ชี้พุ่งมาที่เธอ โอ้...พระเจ้า งูตัวนั้นมีสีชมพูและลายสีเขียวเลือนราง เธอต้องหลับตาปี๋เมื่องูใหญ่ยักษ์ที่กำลังเปรียบเทียบกับช้างน้อยพุ่งเข้ามาคลอเคลียเบียดกลางลำตัวของเธอ หญิงสาวหนีบขาเข้าหากันอย่างหวาดหวั่น เป็นมาร์คที่ต้องออกแรงผลักดันต้นขาขาวๆ ให้แยกออก
สะโพกสอบแอ่นเบียดกลีบกุหลาบฉ่ำหวาน ปลายผงาดคลอเคลียกลีบดอกไม้แสนนุ่ม หญิงสาวสะดุ้งวาบ ส่วนนั้นของเขาช่างร้อนผ่าวเหมือนเต็มไปด้วยกองไฟ ความรู้สึกประหลาดเริ่มก่อมวลขึ้นช้าๆ ปลายยอดความอลังการครูดไถไปเหนือปากถ้ำหาได้ล่วงล้ำเข้าไปในโพรงถ้ำคับแคบไม่ มาร์คพูดอะไรไว้แล้วจะรักษาสัญญาเสมอ
แต่การที่ต้องรักษาสัญญาปากเปล่าเพียงเพราะอยากถนอมคนรักที่ยังต้องเรียนหนังสืออีก 2 ปี เขาก็ต้องอดทนต่อความทรมานที่พลุ่งพล่านรวมอยู่กลางหน้าขา ทำได้เพียงขยับเบียดส่ายวนไปมาแต่ภายนอก นวดคลึงเกสรนารีด้วยความลื่นร้อนอวบใหญ่
“ดีจังคนเก่ง แบบนี้พี่มาร์คคงแย่ยิ่งกว่าเดิม”
แค่คิดว่าต่อไปนี้คงต้องห่างไกลร่างที่หวานจับจิตไปทั้งเนื้อทั้งตัวเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม ชายหนุ่มก็แน่นทรวงอก รสรักสาวน้อยช่างมากมายเหลือคณานับ ขนาดเพียงภายในเธอยังจะทำให้เขาพวยพุ่งในไม่ช้านี้ หมดท่าสิ้นฤทธิ์ก็เพราะเธอ แล้วเธอล่ะรู้สึกยังไงบ้าง
มาร์คไม่เสียเวลาถาม เขาจะเอาคำตอบจากปฏิกิริยาของเธอ ร่างหนายังคงเคลื่อนความกำยำไถไปมาเหนือกลีบดอกไม้ ครูดถูกับเกสรนารีที่เบ่งบานอยู่ใต้ล่าง ฐิตารีครางเสียงแหลม รู้สึกเหมือนตัวเองวิ่งมาระยะไกล เหนื่อยหอบ เส้นทางวิ่งที่ทอดโค้งพาดผ่านก็มีหลากสี เหยียบไปตรงไหนก็นุ่มเท้า จนนึกอยากนอนแช่ความนุ่มเสียตอนนี้ ทว่าไม่มีเวลานั้น เพราะเขาเร่งเร้าความทรมานที่เปลี่ยนเป็นความหวามลึกในทรวงอก เสียดเสียวจนแน่นหน้าท้อง ร่างกายก็เหมือนเบาโหวงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆ
“กรี๊ด!!!” ร่างสาวกระตุกเฮือก อะไรบางอย่างในกายเธอหลั่งออกมาเป็นธารน้ำ บนหน้าท้องก็เจิ่งนองไปด้วยความอุ่นร้อน ร่างสูงก็กระตุกรุนแรงเสียยิ่งกว่า กายแกร่งทิ้งตัวลงทาบทับร่างบอบบางของคนหอบจนตัวโยน จูบพวงแก้มเนียนนุ่มเคล้าคลอกับความสุขอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
“พี่ขอโทษค่ะ พี่...”
ความรู้สึกผิดมีมากเท่าๆ กับความสุขที่เกิดขึ้นวูบวาบ ถึงจะไม่ถึงขั้นช่วงชิงความเป็นสาวแต่มาร์คก็มีความสุขมหาศาล ถ้าไม่ติดตรงคู่หมั้นสาวยังต้องเรียนหนังสือเขาจะไม่ลังเลทำตามความปรารถนาที่ล้นปรี่เลยทีเดียว
“ข้าวเสียใจ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทราบก็ต้องเสียใจ”
“น้องข้าว...”
ฐิตารีปัดมือหนาที่หมายจะจับต้นแขนของเธอออก เหตุการณ์อันน่าระทึกสำหรับเธอก็เหมือนเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด กายสาวยังคงร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบไม่เจือจาง เธอเกือบเสียตัวให้คู่หมั้นตั้งแต่เพิ่งหมั้นกันได้ไม่กี่วันบนโต๊ะอาหาร แหม...มันน่าภาคภูมิใจไหมนะถ้าจะเสียตัวให้มหาเศรษฐีคนนี้ อย่างน้อยเขาก็ยกหนี้ให้ถ้าจะแลกกับความเป็นสาวเหมือนนางเอกในนิยายน้ำเน่าชีวิตรันทด ฮึ...ตรงไหนที่จะเป็นความภาคภูมิใจเล่า ให้เขาสำเร็จความใคร่ใส่เธอบนโต๊ะอาหารน่ะเหรอ บ้าชะมัด!
ทั้งบ้าทั้งงี่เง่าที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสรุมร้อนตามประสาของเด็กสาวไร้ประสบการณ์ กับผู้ชายที่มากล้นไปด้วยประสบการณ์และมีเสน่ห์เหลือเฟืออย่างเขา จะแปลกอะไรถ้าหากเธอเผลอไผลได้ไม่ยาก
แต่เธอโกรธ!! โกรธคู่หมั้นบ้ากามอย่างเขา โกรธที่เขาเอาความรู้สึกของเธอมาล้อเล่น เขาอ่อนโยนพูดจาอ่อนหวานแต่รุกประชิดเธอแทบทุกเวลา เหมือนกับว่าเขาต้องการหลอกล่อเธอให้ติดกับ แล้วการหมั้นหมายง่ายๆ ก็เป็นการพันธนาการตัวเธอเพื่อไม่ให้หนีพ้น
ทว่า...ฐิตารีปฏิเสธไม่ได้ ในวินาทีนั้นเธอมีความสุขมากมายแค่ไหน จนรู้สึกแปลกใจ นี่น่ะหรืออารมณ์อันลึกล้ำระหว่างชายหญิงในขณะที่ถึงจุดสุดยอด
“ข้าวรู้ค่ะ ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ฉะนั้นต่อไปนี้เราอยู่ห่างกันมากกว่านี้จะดีกว่านะคะ”
“น้องข้าวขา...พี่มาร์คสัญญา...”
“ข้าวกลัวค่ะพี่มาร์ค กลัวว่าเราจะพลาด ข้าวยังไม่พร้อมถ้าจะต้องเอ่อ...ข้าวอยากเรียนให้จบก่อน อยากให้เราแต่งงานกันก่อน พี่มาร์คเข้าใจข้าวนะคะ” ฐิตารีเว้าวอนขอความเห็นใจ และมาร์คก็เห็นจริงตามที่เธอวอนขอ
“ก็ได้ค่ะ พี่มาร์คจะพยายามอยู่ห่างน้องข้าวมากกว่านี้” ‘แต่ถ้าคิดถึงจนทนไม่ไหว พี่มาร์คขอชื่นใจสักเล็กน้อยนะคะ’ ประโยคท้ายชายหนุ่มได้แต่บอกตัวเองไม่ให้เธอได้ยิน
ฐิตารีใจชื้นขึ้น ดังนั้นเมื่อเขายกมือเธอขึ้นจูบและคลอเคลียอยู่อย่างนั้น เธอก็ไม่ห้ามปราม ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองด้วยอาการออดอ้อนออเซาะ สักพักมาร์คก็ตัดใจพากระต่ายน้อยที่เขาแน่ใจว่ารักเธอเต็มหัวใจแล้วกลับบ้าน
“คุณมาร์คแน่ใจแล้วหรือครับว่าจะผันตัวเองไปเป็นอาจารย์”
โจเซฟกำลังคิดว่ามาร์คจะลงทุนกับความรักครั้งนี้เกินไปหรือเปล่า มาร์คเป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการที่ทำรายได้มหาศาล ทำไมต้องลดตัวลงไปเป็นอาจารย์เพียงข้ออ้างที่ว่าต้องการเฟ้นหานักออกแบบมือใหม่ให้เจมส์บราวน์ ถ้าจะต้องลงทุนสอนเพื่อจะคัดเลือกนักศึกษาฝีมือดีสักคนสองคนมาประดับวงการ แค่ส่งใครสักคนจากเจมส์บราวน์ลงไปทำหน้าที่นี้แทนก็ได้ แต่มาร์คทำเพราะต้องการใกล้ชิดกับคู่หมั้นคนสวยมากกว่า
เขาหวงแหนเธอยิ่งกว่าใคร ทำไมโจเซฟจะไม่รู้
“จะให้ฉันบอกนายอีกกี่หนโจเซฟ ฉันต้องการเป็นผู้คัดเลือกนักออกแบบที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดด้วยตัวเอง” มาร์คบอกง่ายๆ
“ด้วยการลดตัวไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษ แทนที่จะนั่งสั่งการอยู่ที่บริษัทหรือครับ”
“แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับการตัดสินใจของฉันล่ะฮะ” ปากกาในมือหนาถูกโยนลงบนโต๊ะ อารมณ์เริ่มคุกรุ่นจากความเซ้าซี้ของโจเซฟ
“ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะ เจ้านายเป็นผู้บริหารนะครับ ไม่ใช่แค่พนักงาน”
“เป็นอาจารย์แล้วมันเสียเกียรติตรงไหน!!” เสียงของเจ้านายหนุ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“กะ...ก็ที่มหาวิทยาลัยมันไม่สบายเท่าที่นี่ ผมเป็นห่วงเจ้านายนะครับ”
“พอเลย ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันตัดสินใจแล้วไม่เคยเปลี่ยนใจ มีงานอะไรทำก็ไปทำ ก่อนที่ฉันจะทำให้นายพูดไม่ได้”
“ครับเจ้านาย” โจเซฟจะเดินออก แต่ปากเจ้ากรรมยังคันยิบๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องหันไปพูดต่อ “เป็นอาจารย์จะทำอะไรก็มีขอบเขตนะครับ ยิ่งกับนักศึกษาด้วยแล้วก็เหมือนกรอบสี่เหลี่ยมแคบๆ เจ้านายจะทำตามใจเหมือนเดิมไม่ได้นะครับ ผมพูดเพราะเข้าใจหัวอกผู้ชายด้วยกัน รักก็อยากพลอดรักแต่ถ้าทำไม่ได้คงอกแตกตายง่ายๆ นะครับ” พอสบตาคมกริบราวมีดโกน โจเซฟก็ต้องถอนใจเฮือก “ถ้าไม่รักกันจริงไม่เป็นห่วงหรอกครับ ตะ...แต่บางทีแค่ได้อยู่ใกล้อีกนิดก็ยังดีกว่าอยู่ไกลกันใช่ไหมครับ แหะๆ” สิ้นเสียงหัวเราะเก้อเขิน โจเซฟก็รีบพาตัวเองหายวับไปในทันที
ร่างสูงถอนหายใจแล้วทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ โจเซฟพูดแทงใจดำเป๊ะ หมอนั่นแสนรู้ใจเจ้านายอย่างเขาจริงๆ เขาก็คิดแบบเดียวกับที่หมอนั่นคิด แต่สุดท้ายเมื่อคิดง่ายๆ เข้าข้างตัวเองว่าการเป็นอาจารย์สอนพิเศษจะทำให้ใกล้ชิดฐิตารีมากขึ้น แม้ว่าการทำอะไรก็แล้วแต่ย่อมมีขอบเขตจำกัด แค่ได้เห็นเธออยู่ในสายตา เห็นรอยยิ้ม เห็นความตั้งใจ หรือบางทีแค่เห็นสีหน้าบึ้งตึงเขาก็พอใจแล้ว
ก็หัวใจมันเรียกร้องให้ทำ แล้วทำไมจะไม่ทำตาม ในเมื่อพักหลังๆ เขาเองก็ใช้หัวใจสั่งการอยู่บ่อยๆ
วันเปิดเรียนวิชาการออกแบบเครื่องประดับอัญมณีวันแรก ฐิตารีไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะต้องมาเจอคู่หมั้นในห้องเรียนในฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์ อาจารย์เมฆินทร์ บราวน์ ไม่ได้ทำตัวเป็นมาร์ค บราวน์ คนที่เธอรู้จัก อาจารย์เมฆินทร์เป็นอาจารย์หนุ่มแสนสมาร์ทสวมแว่นสายตาที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาสายตาสั้นหรือยาว ร่างสูงตระหง่านไม่ได้สวมสูทเหมือนนักธุรกิจใหญ่ แต่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตและกางเกงแสล็คผูกเน็คไทง่ายๆ แต่หาได้ลดความหล่อเหลาลงเลย
การปรากฏตัวของอาจารย์พิเศษคนใหม่ทำให้นักศึกษาทุกเพศต่างให้ความสนใจ ก็แน่ล่ะหล่อไม่บันยะบันยังเสียขนาดนั้น ไม่มีใครมองก็ให้มันรู้ไป
อาจารย์เมฆินทร์ไม่ได้หยุดสายตาลงที่คู่หมั้น แถมยังมองผ่านเธอไปเหมือนอากาศธาตุ ฐิตารีนึกชังมากกว่าพอใจ เขาทำตามความต้องการของเธอที่สั่งให้อยู่ห่างๆ แต่เมื่อมีเหตุทำให้ต้องอยู่ใกล้ก็เลยแสร้งมองไม่เห็นกันเลยหรือไง ชิ!!
“หล่อจัง” ขนาดธารรินทร์ก็ยังเพ้อเลยหรือนี่
ฐิตารีปรายตามองเพื่อนรักและจ้องมองอาจารย์รูปงามอย่างหมั่นไส้ นักธุรกิจใหญ่กลายมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษไปแล้ว
“สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน พวกคุณคือคนที่มีความสนใจจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ผมอยากจะขอให้ทุกคนตั้งใจ การเรียนออกแบบที่ผมจะสอนนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าคิดว่ามันง่ายแค่วาดรูปเป็นก็ทำได้ คุณก็คิดผิด ระยะเวลาการสอนจะยาวถึง 2 ปี ผมจะสอนแค่สัปดาห์ละสองคาบเรียน คาบเรียนละ 90 นาที จบเทอมผมจะให้ทำแบบฝึกหัดที่เริ่มจากง่ายไปถึงยากอย่างมืออาชีพ เมื่อครบ 2 ปี ซึ่งก็นานพอสมควร ผมจะให้ทุคนส่งผลงานเข้าคัดเลือกการเป็นนักออกแบบของเจมส์บราวน์ รายละเอียดนั้นผมจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับ”
หลังจากนั้นอาจารย์หนุ่มก็พูดถึงเรื่องเรียนต่อไปจนจบคาบเรียน คาบเรียนแรกนี้อาจารย์เมฆินทร์ยังไม่ได้เริ่มสอนอะไร แค่พูดคุยกับนักศึกษาทำความรู้จักกัน นักศึกษาหลายคนช่างคุยช่างซักถามเขาก็ยินดีตอบทุกความสงสัยอย่างไม่คิดจะปิดบัง ตลอดเวลาอาจารย์เมฆินทร์ไม่เคยสบตาคู่หมั้นอย่างฐิตารีเลย
หญิงสาวรอเวลาเลิกเรียน แล้วหาโอกาสเหมาะโทร.นัดพบเขา ซึ่งมาร์คก็ไม่ปฏิเสธการนัดพบ เขาไปเจอเธอตามนัดแถมยังยิ้มหวานใส่ตาเธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“น้องข้าวมีอะไรกับพี่มาร์คหรือคะ”
“ข้าวสงสัยว่าทำไมพี่...เอ่อ...อาจารย์มาร์คถึงต้องสละเวลาอันมีค่าไปสอน แทนที่จะส่งใครก็ได้ไปสอนค่ะ”
“พี่มาร์คอยากเจอน้องข้าวไงคะ” เขาตอบง่ายเกินไปหรือเปล่า เพราะเธอนักธุรกิจเวลาเป็นเงินเป็นทองอย่างเขาถึงกับสละเวลาเหล่านั้นเพื่อจะได้เห็นหน้าเธอเท่านั้นหรือ
“ข้าวบอกแล้วว่าเราควรห่างกันนี่คะ”
“มีใครบางคนบอกว่าความเป็นอาจารย์ขอบเขตมันเยอะแยะ พี่มาร์คคงจูบน้องข้าวในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้หรอกค่ะ” มาร์คตอบยียวนแล้วยังยิ้มหน้าระรื่นให้เธออีก ฐิตารีชักฉุนพลอยคิดไปเองว่าเขาอยากมาดูเธอตอนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็คงอยากจะจับผิดเธอมากกว่าล่ะมั้ง
“พี่มาร์คต้องการจะจับผิดข้าว ถึงส่งตัวเองเป็นอาจารย์สอนพิเศษใช่ไหมคะ”
“แล้วน้องข้าวทำอะไร พี่มาร์คถึงต้องจับผิดล่ะคะ”
“ข้าวเปล่า อ้อ...แล้วถ้าข้าวทำจริง ทำไมต้องกลัวพี่มาร์คด้วยคะ พี่มาร์คเป็นแค่คู่หมั้น ไม่ใช่พ่อข้าวเสียหน่อย”
“พูดให้ถูกดีกว่าค่ะ พี่มาร์คเป็นคู่หมั้นและเป็นเจ้าของน้องข้าว” มาร์คปรับความเข้าใจเสียใหม่ เขาไม่ยอมให้เธอไปเป็นของใครคนอื่นแน่ ฐิตารีเป็นของเขาและจะเป็นแบบนี้ไปตราบนานเท่านาน
“พี่มาร์ค!!! พูดให้ถูกนะคะ เป็นเจ้าของข้าวตอนไหน” หญิงสาวแหวแว้ด ความใกล้ชิดทำให้เธอไม่เกรงกลัวเขาเท่าเดิม เหมือนกับความสนิทสนมที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ แม้ในยามห่างไกลแต่ใจยังคงโหยหา เหมือนเขาที่กำลังโหยหาเธอจนต้องหาวิธีได้อยู่ใกล้ๆ ในขณะที่เธอก็แสร้งทำเป็นอยากถอยห่าง ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็อยากเห็นหน้าเขาทุกเมื่อเชื่อวัน
“จะต้องให้พี่บรรยายเป็นฉากๆ ไหมล่ะคะ” มาร์คดึงแว่นสายตาออกจากใบหน้า ปกติเขาจะไม่สวมแว่นเพราะสายตาของเขายังไม่ผิดปกติจนขนาดต้องใส่แว่น แต่แว่นอันนี้เขาแค่ใส่กรองแสงในเวลาที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เลนส์พิเศษเมื่อออกแดดก็จะกลายเป็นแว่นตาดำ เมื่ออยู่ในร่มก็เป็นแค่แว่นกรองแสง เขามองดวงหน้าพริ้มเพราของคู่หมั้นคนสวยเห็นเธอเป็นนางฟ้าตัวน้อยชัดเต็มสองตา
“ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ!”
“ถ้าอยากให้พี่มาร์คเป็นสุภาพบุรุษ น้องข้าวต้องเชื่อฟังพี่ค่ะ”
“เชื่อฟัง!! พี่มาร์คจะเป็นพ่อของข้าวอีกคนหรือไงคะ ฮึ!”
“ข้าวหอม! เดี๋ยวนี้น้องข้าวเปลี่ยนไปมากรู้ตัวไหมคะ หรือว่าที่มหาวิทยาลัยมีใครบางคนทำให้เปลี่ยนคะ”
เพราะเริ่มจะฉุนเฉียวมากขึ้น มาร์คก็เลยหาเรื่องเธอซะเลย
“อย่าหาเรื่องกันนะ ข้าวจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ไม่เกี่ยวกับพี่มาร์คนะคะ ทำไมคะ ทำไมพี่ต้องมาเป็นอาจารย์สอนข้าวด้วย ทำไมไม่ส่งคนอื่นมา”
“น้องข้าวรังเกียจพี่นักหรือคะ ไม่อยากเห็นหน้าพี่ขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ใช่ค่ะ ข้าวไม่อยากเห็นหน้าพี่มาร์ค พี่มาร์คเอาแต่ใจ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ข้าวเคยบอกแล้วว่าอยากให้เราห่างกัน แต่พี่มาร์คก็ทำให้เราใกล้กันยิ่งกว่าเดิม พี่มาร์คเอาแต่ใจตัวเองมากรู้ตัวไหมคะ”
ฐิตารีสะบัดเสียงโพล่งออกไปรุนแรง เธอไม่น่าต้องมาเจอเขา ผู้ชายที่ทำอะไรตามอำเภอใจตลอดเวลา เธอรู้ว่าถึงจะห้ามเขาก็ไม่ฟังแน่ หรือบางทีเพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอก็เลยคิดจะข่มเหงเธอหากมีโอกาส นี่น่ะหรือคนที่บอกว่าชอบเธอถึงขั้นอยากแต่งงานด้วย
มาร์คคอแข็ง การกระทำของเขาเกิดขึ้นเพราะความรักจุกอก เขาทำทุกอย่างเพื่ออยู่ใกล้โดยสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ทำอะไรเธอก่อนถึงวันแต่งงาน ถึงเป็นแค่ได้เห็นหน้า ได้สอนเธอในฐานะอาจารย์ ก็ยังดีกว่าการต้องอยู่ห่างๆ ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง
แต่ฐิตารีคงไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเขา เธอหมั้นก็เพราะอยากช่วยกิจการของพ่อ หาใช่หมั้นด้วยใจเสน่หา มาร์คเจ็บลึกไปทั่วทรวงอก ฐิตารีไม่ได้รักเขา ไม่เคยแคร์เขาเลยด้วยซ้ำ
“ไม่มีใครรักจักพี่ดีเท่าตัวพี่หรอกค่ะ”
“ค่ะ ไม่มีใครรู้จักพี่มาร์คเลย โดยเฉพาะข้าว”
“น้องข้าวโกรธพี่ แค่พี่พูดว่าน้องข้าวเปลี่ยนไปหรือคะ”
“ข้าวไม่ชอบที่พี่มาร์คกล่าวหาคนอื่นต่างหาก ข้าวก็เป็นของข้าวแบบนี้ พี่มาร์คนั่นแหละที่ไม่รู้จักข้าวดีพอ”
“อ้อ...สรุปว่าน้องข้าวไม่อยากเห็นหน้าพี่มาร์คที่มหาวิทยาลัย?”
หญิงสาวไม่ตอบ ฐิตารีไม่มีคำตอบให้เขา ด้วยเธอกำลังโกรธที่เขากล่าวหาว่าเธอเปลี่ยนไปเพราะใครบางคน กล่าวหากันแบบนี้เธอก็เสียหายสิ แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมรับว่าโกรธล่ะ
“น้องข้าวเงียบ พี่มาร์คจะถือว่าใช่” ร่างสูงเดินเข้ามายันมือกับหลังคารถ ที่ที่เธอนัดเจอเขาคือสวนสาธารณะที่มีคนมาออกกำลังกายค่อนข้างมาก ท่าทีคุกคามทำให้สาวน้อยต้องผวายกมือดันร่างหนาทันที
“อย่านะ พี่มาร์คอย่าทำแบบนี้ ที่นี่มันสวนสาธารณะนะคะ”
“พี่ไม่ใช่สุภาพบุรุษนี่คะ”
“ถ้าพี่มาร์คทำ ข้าวจะถอนหมั้น ไม่เชื่อก็ลองดู”
“น้องข้าวไม่มีสิทธิ์ขู่พี่ จำไว้นะคะ พี่จะไม่ทำทุกสิ่งที่เป็นการขัดใจตัวเองเด็ดขาด และถ้าน้องข้าวขู่พี่เรื่องนี้อีก พี่มาร์คจะใจร้ายจริงๆ ให้ดู” มาร์คถอยห่างโดยทิ้งสายตาอ้อยอิ่งอยู่บนกลีบปากสวย อยากจูบคนอวดเก่งสักทีสองทีแต่ก็ทำไม่ได้ “ตั้งแต่นี้ต่อไป พี่จะเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ถ้าวันไหนพี่มีสอนพี่จะไปรับที่บ้าน และเราต้องกลับด้วยกัน”
“ว่าไงนะคะ พี่มาร์คจะกักขังอิสรภาพของข้าวเหรอ ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ พี่มาร์คไม่มีสิทธิ์”
“ตอนนี้พี่มีสิทธิ์ของความเป็นคู่หมั้น แต่ถ้ายังไม่พอ พี่จะใช้สิทธิ์ความเป็นสามีซึ่งเร็วๆ นี้พี่จะได้สิทธิ์นั้น”
“พี่มาร์ค!!!” ฐิตารีแทบเต้น ในขณะที่มาร์คกลับยิ้มออก
“แลกกับการที่จะไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคู่หมั้นกัน เพราะพี่ทราบว่าน้องข้าวรังเกียจพี่ แต่พี่จะใช้สิทธิ์ทุกสิทธิ์ของความเป็นคู่หมั้นทุกอย่าง ห้ามปฏิเสธเพราะพี่จะยกเลิกเรื่องหนี้สินทั้งหมด พี่ไม่ได้ขู่แต่พี่จะทำจริง ไม่เชื่อ...ก็คอยดูนะคะ”
สิ้นเสียงขู่แกมบังคับของคนที่บอกว่าไม่ขู่ เขาก็เปิดประตูรถให้หญิงสาว ฐิตารีตัวสั่นปากสั่นขอบตาแดงระเรื่อ และในเมื่อทำอะไรเขาไม่ได้ เธอก็ต้องขึ้นรถตามที่เขาต้องการ
มาร์คไปส่งฐิตารีที่บ้านโดยไม่ได้พาแวะไปที่อื่น เพราะเห็นว่าเธอยังสวมชุดนักศึกษา เขาควรจะให้เกียรติเธอมากกว่าเดิม วันนี้เธอรอดเพราะเขายังไม่อยากรังแก ไม่ใช่กลัวจะถูกมองว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่เพราะรักและไม่อยากสร้างตราบาปให้คนที่รัก เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน แต่คงต้องพยายามให้ถึงที่สุด และหากไม่ไหวจริงๆ ก็คง...ขอชื่นใจบ้างเล็กๆ น้อยๆ ในที่ลับตาคน
ชายหนุ่มเป่าปากหวือ แค่คิดก็ทรมานจะแย่ นี่คงเป็นบทพิสูจน์ทั้งกายและใจสินะ
