บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

4

“ที่จริง เราไม่จำเป็นต้องออกไปไหนไกล เราแค่จะหาที่คุยกันสองคนเท่านั้นนะคะ”

ฐิตารีรู้สึกว่าเกือบจะถูกประคับประคองลงจากรถ ถ้าไม่ชิงเดินนำหน้าเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งเสียก่อน เธอไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมา ‘นั่งคุย’ ในร้านอาหารราคาแพงไม่เหมาะกับคนหาเช้ากินค่ำแบบนี้ ตอนที่เธอตัดสินใจขึ้นรถมากับเขาเพียงแค่เขาเปิดประตูให้เหมือนที่เคยทำเมื่อ 4 ปีก่อน เธอก็นึกได้ว่าตัวเองอาจจะคิดผิด การตัดสินใจแบบนี้จะนำอันตรายมาสู่เธอแน่นอน

ทว่าเธอคิดช้าหรือไม่ก็เกิดอาการสับสนไปนิด คิดว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษเท่าๆ กับเห็นเขาเป็นตัวอันตรายที่ควรอยู่ให้ห่าง

แต่การที่เขาเลือกจะพาเธอมานั่งในร้านอาหารหรูๆ ก็ยังน่าพอใจกว่าการถูกพาไปที่อื่นนี่นา

“ที่นี่ดีที่สุดแล้วสำหรับธุระของเราค่ะ”

เขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังมีแต่คำพูดหวานหู เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังลงท้ายด้วยคำหวานหยด

มาร์คผายมือไปยังโต๊ะวางริมสุดที่อยู่ในมุมค่อนข้างลับตาคน ฐิตารีลังเลจวบจนเห็นดวงตาสีอัลมอนด์วาววับ ริมฝีปากบางเฉียบคล้ายกำลังกลั้นยิ้ม ทำให้เธอต้องตัดสินใจเดินนำไปยังโต๊ะว่างตัวนั้น ท่ามกลางความพอใจของคนตัวโตที่เดินตามมาติดๆ

ชายหนุ่มลอบมองแผ่นหลังบอบบาง ตั้งแต่บ่าเล็กๆ สอบเข้าหาเอวคอดแล้วผายออกเป็นสะโพกกลมกลึง ไม่เสียดายเลยที่เขาตีตราจองเธอตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ฐิตารีสวยขึ้นกว่าเดิมมาก เคยเห็นว่าสวยใสบริสุทธิ์จนเกือบจะทำใจไม่ให้แตะต้องเธอไม่ไหว มาบัดนี้เธอสวยเย้ายวนเหมือนดังผลไม้ราดน้ำเชื่อมแสนหวาน

หญิงสาวนั่งลงแล้วดีดตัวลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มจงใจมานั่งข้างๆ แถมยังกักไม่ให้เธอถอยออกมาเพื่อเปลี่ยนที่

“พี่มาร์คไม่ควรทำแบบนี้นะคะ”

“ทำแบบนี้น่ะแบบไหนคะ พี่มาร์คแค่จะนั่งข้างๆ น้องข้าว ผิดตรงไหนหรือคะ”

“สุภาพบุรุษจะต้องนั่งฝั่งตรงข้ามค่ะ สำหรับคนไทย ชายหญิงที่นั่งคู่กันส่วนใหญ่จะเป็นแฟนกัน หรือไม่ก็สามีภรรยา หรือไม่ก็ญาติพี่น้อง ถ้าเป็นคนอื่นต้องนั่งตรงกันข้ามค่ะ”

“อ้อ...เหรอคะ แต่พี่มาร์คอยากนั่งตรงนี้นี่คะ นั่งฝั่งนี้มองเห็นคนที่เดินเข้ามาด้วย ถ้านั่งฝั่งนั้นพี่มาร์คจะเห็นแต่น้องข้าวคนเดียว เอ...พี่มาร์คย้ายที่ก็ได้ค่ะ จะได้นั่งมองหน้าน้องข้าวตลอดเวลา”

พวงแก้มแดงชมพูระเรื่อเหมือนจะแดงขึ้นและร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู ฐิตารีรู้สึกว่าตัวเองกำลังจนมุมไม่ว่าเขาจะนั่งฝั่งไหน คนที่เสียเปรียบก็คือเธอคนเดียว

“พี่มาร์ค!” หญิงสาวลืมตัวเรียกชายหนุ่มเสียงสูง แถมยังเผลอคว้าข้อมือเขาไว้เมื่อร่างสูงเตรียมขยับตัวไปนั่งฝั่งตรงข้าม “นั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ” เธอคิดว่าไม่ต้องทนให้เขาจ้องหน้าตลอดเวลาจะดีกว่า อย่างน้อยมันก็คงทำให้เธอหายอึดอัดไปได้บ้างหากไม่ต้องสบตาเขา

มาร์คยิ้มกว้าง เด็กเอ๋ยเด็กน้อย แสนบริสุทธิ์ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ใหญ่จอมวายร้ายอย่างเขาหรอก

ไม่ว่าเขาจะนั่งตรงไหน เธอจะรู้บ้างไหม ในสายตาเขาเห็นแต่เธอคนเดียว

“เรื่องที่พี่มาร์คพูดกับคุณพ่อ หมายความว่ายังไงคะ” ฐิตารีเริ่มเรื่องหลังจากเขานั่งลงเรียบร้อย ความอึดอัดเริ่มมากขึ้น บ่ากว้างดูจะกว้างใหญ่จนเบียดบ่าเล็กๆ ของเธอ เธอไม่กล้าเลื่อนเก้าอี้หนีกลัวเขาจะว่าหาว่ารังเกียจ ได้แต่กระเถิบหนีจนแทบจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว

“พี่มาร์คหมายความตามนั้นค่ะ พี่ชอบน้องข้าว อยากจะขอหมั้น รอให้น้องข้าวเรียนจบแล้วเราค่อยแต่งงานกัน”

“ไม่คิดจะถามความเห็นของข้าวหน่อยหรือคะ”

“น้องข้าวจะปฏิเสธพี่เหรอคะ”

“เราไม่ได้รักกัน ข้าวไม่ได้รักพี่มาร์ค”

ฐิตารีหันไปทันได้เห็นประกายตาไหววูบของเขา เธอกำลังเป็นต่ออยู่หรือเปล่า เธอเห็นความน้อยใจในดวงตาคู่นั้น ไม่ผิดแน่ เธอเห็น!

“ไม่เป็นไรนี่คะ พี่มาร์ครอได้”

คำตอบของเขาทำเอาเธอถอนใจเฮือก แล้วความขุ่นมัวก็ลุกโชติช่วง

“พี่มาร์คกำลังบังคับข้าวนะคะ” ฐิตารีไม่อาจจะรักษาสุ้มเสียงให้อ่อนนุ่มและเบาเพียงแค่ได้ยินกันสองคนต่อไปได้ เธอไม่ชอบการถูกบังคับ ไม่ชอบเลยให้ตายสิ

ใช่...เธอเองก็ชอบเขา เขาที่เขาหล่อ รอยยิ้มบาดใจ มีความเป็นสุภาพบุรุษในก่อนหน้านี้ เธอเคยตกหลุมเสน่ห์ของเขาจนคิดว่าไม่น่าจะถอนตัวขึ้น แต่หากเขาบังคับใจเธอทั้งทางตรงและทางอ้อม คนอย่างเธอมีหรือจะยอม

“พี่ไม่ได้บังคับค่ะ แต่พี่ไม่คิดจะหาคนอื่นมาเป็นแม่ของลูกอีก”

“พี่มาร์ค!!!” คราวนี้เสียงของฐิตารีทั้งสูงทั้งแหลม มาร์คยกนิ้วขึ้นแนบปากตนแล้วสั่งเสียงเย็นให้เธอลดน้ำเสียงลงบ้าง

“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิคะ คนอื่นพากันมองมาทางเราใหญ่แล้วนะคะ ไม่อายหรือ”

หญิงสาวกวาดตามองคนอื่นๆ ในร้านอาหารแห่งนั้น เวลานี้เป็นเวลาบ่ายภายในร้านจึงไม่ค่อยมีคนมากนักเพราะยังไม่ได้เวลาเลิกงาน แต่ทุกคนที่อยู่ในร้านอาหารก็มองมาที่เธอกับเขาเป็นตาเดียว ฐิตารีเม้มปากขุ่นใจยิ่งนักและเพราะความขุ่นใจทำให้เธอกระแทกสะโพกหวังจะพลิกตัวมาหาเขา เพื่อจะพูดกันได้ถนัดโดยไม่ต้องส่งเสียงดัง

ทว่า...

“ว้าย!!!” สะโพกหนั่นแน่นกลมกลึงขยับเพียงนิดก็พ้นขอบเก้าอี้ หญิงสาวเสียหลักคว้าท่อนแขนที่ยื่นออกมารั้งเอาไว้ได้ทันควัน หลังจากนั้นร่างน้อยก็แทบจะเกยขึ้นไปบนตักกว้าง

มาร์คอมยิ้มนัยน์ตาฉ่ำพราว ในขณะที่คนตัวเล็กตะเกียกตะกายถอยหนีในทันที

“ปล่อยค่ะ”

“ไม่สำนึกในบุญคุณเลยนะคะ ถ้าพี่ไม่ช่วยดึงไว้ น้องข้าวคงลงไปนั่งกับพื้นแล้ว” ผู้มีพระคุณกำลังทวงบุญคุณหน้าซื่อๆ ฐิตารีฉุนเฉียว แต่ว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งรัด ยิ่งขยับก็ยิ่งเข้าหา

ให้ตายสิ นี่มันอะไรกัน การพบหน้ากันอีกครั้งทำให้เธอวุ่นวายใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไม่เพียงแต่ใจที่กำลังว้าวุ่นแต่ยังเป็นร่างกายที่มันทำปฏิกิริยาทางเคมีกับเขาสุดๆ เนื้อตัวของเธอร้อนผะผ่าว มันแสดงถึงเคมีที่เข้ากันใช่หรือเปล่า หาใช่การต่อต้านหรือรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

นั่งเบียดกันอย่างนี้เธอไม่นึกอยากต้านทาน เพียงแต่ที่ต่อต้านเพราะหวั่นสายตาหลายต่อหลายคู่ในร้านอาหารแห่งนี้ต่างหาก

“พี่มาร์คทำแบบนี้ ข้าวจะเสียชื่อนะคะ”

ความคิดหนึ่งวูบผ่านเข้ามา ฐิตารีจึงบอกเสียงอ่อน หวังว่าเขาจะเชื่อและปล่อยเธอเหมือนเดิม

“ก็เพราะอย่างนี้ไงคะ พี่มาร์คจึงต้องขอหมั้นน้องข้าวไว้ก่อน”

“พี่มาร์คไม่เข้าใจที่ข้าวพูดหรือไงคะ ข้าวยังไม่อยากหมั้น ข้าวอยากเรียนหนังสืออย่างเดียว”

มาร์คหรี่ตาลงแสร้งรัดร่างนุ่มแน่นขึ้น สาว 19 อวบอัดไปด้วยสัดส่วนแน่นตึงปลุกเร้าตัวตนของเขาให้ตื่นเพริด ฐิตารีช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ยิ่งเธอพยายามดันตัวออกก็เท่ากับเธอขยับ แล้วแรงขยับยุกยิกก็เสียดทานเรือนกายร้อนผ่าวของเขามากมายนัก แค่สีข้างถูกันไปมาเท่านั้นยังเป็นแบบนี้ แล้วถ้ายกร่างเล็กขึ้นมานั่งซ้อนตักล่ะอะไรต่อมิอะไรคงลุกพรึ่บ ดิ้นพรวดพลาดอยู่ในกางเกงไปแล้ว

“พี่จะให้น้องข้าวเรียนหนังสือจนจบถ้าน้องข้าวจะนั่งนิ่งๆ และไม่ทำเสียงดังอีกค่ะ”

ฐิตารีถอนใจเหนื่อยอ่อน เธอไม่มีทางเลือกนอกจากจะยอมทำตามคำบอกแกมบังคับของเขาใช่ไหม แล้วสุดท้ายเธอก็ได้แต่นั่งนิ่งจนสำเหนียกได้ว่าอ้อมแขนอันรัดรึงค่อยๆ คลายออก หญิงสาวช้อนตามองคนตัวโตอย่างไม่คลายสงสัย มาร์คยิ้มในหน้าฉวยโอกาสนั้นกดปลายจมูกบนขมับหอมๆ

“พี่มาร์ค!! ที่นี่ประเทศไทยนะคะ!!”

เมื่ออยู่ใกล้แล้วเสียเปรียบไปทุกทาง ฐิตารีจึงขยับห่าง คราวนี้เธอไม่ลืมลากเก้าอี้ไปจนชิดกำแพงด้วย

“พี่มาร์คขอโทษค่ะ แต่น้องข้าวน่ารักจนพี่อดใจไม่ไหวจริงๆ นี่คะ เห็นมั้ยว่าการรับหมั้นพี่มาร์ค คนได้เปรียบก็คือน้องข้าว”

“ตรงไหนคะ?” เธอน่ะหรือได้เปรียบ ชิ!! ไม่จริงหรอก

“ก็ตรงที่น้องข้าวจะไม่เสียชื่อไงล่ะคะ พี่มาร์คใจดีนะคะ รับรองว่าน้องข้าวอยากได้อะไรพี่มาร์คให้ได้ทุกอย่าง”

“พี่มาร์คไม่รู้จักความรัก พี่มาร์คถึงได้พูดแบบนี้”

เธอกล่าวหา ซึ่งมาร์คก็ยอมไม่ได้เช่นกัน

“ไม่จริงค่ะ พี่มาร์ครู้ว่าตัวเองพร้อมจะรักน้องข้าวคนเดียวค่ะ แค่น้องข้าวอย่าขัดใจพี่มาร์คเท่านั้น”

เห็นไหมล่ะ สุดท้ายเขาก็เผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาให้เห็น แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการบังคับฝืนใจหรอกน่า ทำเป็นพูดดีจนน่าเชื่อ ที่แท้เขาก็ไม่ต่างจากพวกฉวยโอกาส

“พี่มาร์คร้ายกาจมากเลยรู้ตัวไหมคะ ข้าวรู้ว่าพี่มาร์คกำลังคิดอะไรอยู่ พี่มาร์คคิดจะใช้ความเป็นเจ้าหนี้มาบีบบังคับข้าว ถ้าข้าวไม่ยอมพี่มาร์คก็จะให้คุณพ่อหาเงินมาใช้หนี้ แบบนี้ข้าวก็เป็นได้แค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเอง”

“พี่มาร์คร้ายกาจกับคนอื่น แต่ไม่คิดจะร้ายกาจกับน้องข้าวเลยนะคะ แค่พี่มาร์คไม่อยากประวิงเวลาต่อไป พี่มาร์คอยากได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของน้องข้าว ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาข้องแวะน้องข้าว พี่มาร์คหวง และถ้าเห็นพี่มาร์คก็จะหึงมากด้วย การหมั้นคือการให้เกียรติฝ่ายหญิงไม่ใช่หรือคะ แล้วแบบนี้พี่มาร์คทำผิดตรงไหนคะ หืม...”

โอย...ฐิตารีมึนตึ้บ เขามาเมืองไทยครั้งนี้เพื่อจะทำแบบนี้อย่างเดียวหรือเปล่า ก่อนหน้านั้นก็เจอกันไม่กี่วัน และหลังจากนั้นไม่ได้เจอหน้ากัน 4 ปี เขาเอาเวลาไหนมาคิดเรื่องหมั้นหมายเรื่องแต่งงานกับเธอ

บลูไดมอนด์ออนเดอะริง หรือแหวนวงนั้นจะเป็นเครื่องพันธนาการของเขาจริงๆ ใช่ไหม

“น้องข้าวไม่มีใครในหัวใจนี่คะ ทำไมไม่ลองเปิดใจรับพี่มาร์คบ้างล่ะคะ เหมือนที่พี่มาร์คยอมรับน้องข้าวตั้งแต่แรกพบ หึหึ อย่ามองพี่มาร์คอย่างนั้นค่ะ เดี๋ยวจะถูกจูบอีกหน คราวนี้ไม่ใช่ที่ขมับแล้วนะคะ แต่จะเป็นที่ปาก”

คำสารภาพของผู้ชายรูปงามคนนี้มันทะลักทลายออกมายิ่งกว่าทำนบแตก ฐิตารีเหมือนถูกคลื่นมหาศาลพัดถาโถมจนจุกแน่นไปทั่วหน้าอก ยอมรับว่าหัวใจเบิกบาน ประตูหัวใจเปิดกว้างในขณะนี้ ทว่า...ความตรงเถรของเขามันช่างอันตรายเหลือเกิน อันตรายและน่ากังขาสำหรับสาวน้อยวัย 19

ชอบมากจนอยากแต่งงานด้วย!

ชอบแรกพบ?

มันต้องเป็นรักแรกพบสิถึงจะถูก

“จะคิดอีกนานแค่ไหนก็คิดไปเถอะค่ะ พี่มาร์คไม่รอแล้ว”

ในขณะที่หญิงสาวกำลังจมอยู่ในความสับสน ชายหนุ่มผู้แสนเอาแต่ใจตัวเองก็คว้ามือนุ่มแล้วอะไรบางอย่างก็สวมลงบนนิ้วนางข้างซ้าย เธอเกือบสะบัดมือหนีถ้าจะไม่เห็นแหวนเพชรสีขาวไร้มลทิน กี่กะรัตเธอไม่รู้ รู้แต่ว่าดีไซน์ของมันช่างสวยเหลือเกิน

“นะ...นี่มัน...”

“แหวนหมั้นค่ะ พี่มาร์คขอโทษที่ไม่มีพิธีรีตองให้สมเกียรติคุณน้า พี่มาร์คไม่อยากรออีกแล้วค่ะ”

ยาดม ยาลม ยาหม่อง อยู่ไหน ขอดมหน่อยสิ เธอรู้สึกคล้ายจะหน้ามืดเป็นลม ร่างกายเย็นวูบวาบจนต้องเหลียวไปมองประตูร้านอาหาร คิดว่าจะมีลมพัดผ่านเข้ามาในตอนที่ลูกค้าเข้าหรือออก ที่จริงแล้วประตูยังคงปิดสนิท ภายในร้านก็ยังไม่มีลูกค้าเพิ่มจำนวนขึ้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีแต่เธอที่รู้สึกไม่เหมือนเดิม

“ไม่ค่ะ ไม่”

พอคิดว่าเธอกำลังถูกจองจำจากคนที่แสนเอาแต่ใจตัวเองเหลือร้าย มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาเตรียมจะรูดแหวนราคาแพงลิบออก

“อย่าถอดนะคะ ไม่งั้นจะหาว่าพี่มาร์คใจร้ายไม่ได้”

“ไม่ ข้าวไม่หมั้น” เธอไม่อยากฟัง และต้องการจะเอาชนะคนตรงหน้าทั้งที่เห็นความพ่ายแพ้ยืนรออยู่ตรงหน้าตั้งนานแล้ว

มาร์คคว้ามือข้างนั้นมากุมไว้ คราวนี้สีหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มเหลืออยู่ มีแต่ดวงตาคมกริบฉายแววไม่ยอมแพ้ เอาแต่ใจ ดุดัน

“อย่าบังคับพี่มาร์คให้ทำในสิ่งที่ไม่คิดอยากทำเลยนะคะ นึกถึงคุณพ่อเอาไว้ ท่านจะต้องเหนื่อยมากแค่ไหน ที่ต้องหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยให้พี่มาร์ค”

ฐิตารีน้ำตารื้น เธอรู้ว่าบิดาเหนื่อยมานานแค่ไหน เหนื่อยมากจนได้ยินเสียงถอนหายใจทุกครั้งทีกลับบ้าน แล้วถ้าเธอ...ทำให้ท่านเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มภาระหนักขึ้นแทนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ พ่อของเธอจะกลายเป็นคนน่าสงสารที่สุด

เขาใจร้าย เป็นเจ้าหนี้หน้าเลือด รีดเลือดกับปูหน้าตาเฉย ไม่คิดถึงความรู้สึกใครนอกจากตัวเอง เกลียด...เธออยากเกลียดเขา เกลียดขนาดไม่อยากเห็นหน้าเลย

“คนใจร้าย พี่มาร์คเป็นใจร้ายที่สุด รู้เอาไว้เลยนะคะ”

“แล้วแต่น้องข้าวจะคิดค่ะ จะให้พี่มาร์คเป็นคนใจร้ายแค่ไหนก็เถอะ ขอแค่ให้พี่มาร์คอยู่ในสายตาของน้องข้าวก็แล้วกันค่ะ”

ฐิตารีนึกฉุนที่เขายังกวนอารมณ์เธอต่อไป สีหน้าหาได้มีความทุกข์ร้อนทั้งที่ถูกเธอว่ากล่าว ถูกเด็กอย่างเธอต่อว่าก็น่าจะรู้สึกย่ำแย่บ้างล่ะ แต่นี่...

“พี่มาร์คเป็นคนเก่งนะคะ แต่กำลังคิดผิดเรื่องจะเอาพ่อมาขู่ข้าว พี่มาร์คยังไม่รู้จักข้าวดีพอเลยนะคะ”

“เหรอคะ” มาร์คทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ หลุบสายตามองนิ้วที่กำลังสวมแหวนเพชรน้ำงามของเขา ดีใจที่สาวน้อยไม่กล้าถอด แม้เธอจะพยายามตั้งแง่กับเขาแค่ไหน มันก็แค่รั้วไม้เตี้ยๆ ที่ตวัดขาก้าวข้ามทีเดียวก็พ้นแล้ว หรือไม่ก็ใช้ค้อนทุบเอาชะแลงมางัดทิ้งก็จบ

มาร์คไม่โกรธเธอหรอก แค่อยากจะสอนให้เธอรู้ว่าคนอย่างเขาไม่ต้องการได้ยินคำปฏิเสธ โดยเฉพาะจากเธอ

“ตรงกันข้ามกับพี่เลยค่ะ พี่คิดว่าน้องข้าวยังไม่รู้จักพี่มาร์คเลยต่างหาก อืม...บางทีการลงมือทำจริงๆ คงจะดีกว่าพูดเตือน ว่ามั้ยคะ”

“พี่มาร์คกำลังข่มขู่ข้าวอยู่นะคะ”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ พี่กำลังขอหมั้นกับน้องข้าวต่างหาก เพียงแต่พี่ไม่ชอบความผิดหวังเท่านั้นค่ะ”

ในขณะนั้นอาหารที่ชายหนุ่มสั่งตั้งแต่เข้ามานั่งได้ไม่ทันไรก็มาเสิร์ฟ มาร์คยิ้มใส่ตากลมที่เจือความกรุ่นโกรธของสาวน้อย

“ทานข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ น้องข้าวยังมีเวลาคิดจนกว่าอาหารมื้อนี้จะสิ้นสุดลง” ช่างเป็นการใจป้ำที่บีบคั้นหัวใจของฐิตารีไม่น้อย

ชายหนุ่มเลือกตักอาหารให้สาวน้อย ฐิตารีอยากดื้อแพ่งอยากปฏิเสธ หรือไม่ก็ปัดจานข้าวไปให้พ้นสายตา ทว่าภาพที่บิดาต้องทำงานหนักหาเงินมาใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายใหญ่หน้าเลือดคนนี้ก็แว่บเข้ามา สีหน้าอิดโรยเหนื่อยล้าของผู้เป็นพ่อที่เธอเห็นมานานหลายปี กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผลกำไรของบริษัทเล็กๆ ทำให้เธอเพิ่งจะได้เห็นรอยยิ้มคลายความอ่อนล้าของพ่อ

นี่เธอจะทำให้พ่อต้องเหนื่อยหนักอีกหนหรืออย่างไร

ดอกเบี้ย เธอไม่รู้จำนวนหรอกว่าเท่าไหร่ แต่หากจะคิดคำนวณออกมาเป็นตัวเลขก็คงไม่น้อย ยิ่งถ้าเอามาทบกันในระยะเวลาที่ไม่เคยจ่ายดอกเลย ตัวเลขดอกเบี้ยคงมากมายจนเหงื่อของพ่อต้องหลั่งรินไม่ต่างจากน้ำ

ผู้ชายคนนี้ยิ่งกว่าใจร้าย เขากำลังเชือดทุกคนในครอบครัวของเธอแบบนิ่มๆ ด้วยการบีบบังคับเธอทางอ้อม ถ้าเขาไม่บังคับเธอแบบนี้ เธออาจจะสงสัยว่าเหตุใดผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างเช่นเขาจะมาติดใจเธอถึงขั้นขอหมั้น สำหรับเธอแล้ว การหมั้นก็ถือเป็นการให้เกียรติ การยกย่องผู้หญิงคนหนึ่งว่าจะต้องเป็นแม่ของลูกในอนาคต แต่สำหรับเขา การหมั้นคงหมายถึงความพอใจ ความสะใจ ความกระหยิ่มยิ้มย่องที่ทำให้เธอแทบเสียการควบคุมตัวเองนับตั้งแต่เจอหน้าเขาครั้งแรก

หลังจากทานอาหารเสร็จโดยฐิตารีเป็นฝ่ายรวบช้อนก่อน มาร์คจ่ายเงินสำหรับค่าอาหารมื้อนี้โดยไม่ทันเห็นราคาหน้าบิลเลยด้วยซ้ำ เขาวางแบงก์พันหลายใบแล้วฉุดคนตัวเล็กเดินออกจากร้าน

ฐิตารีไม่ปฏิเสธ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามือใหญ่ที่จับจูงข้อมือเล็กของเธออยู่นั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน

มาร์คไม่ได้พาฐิตารีกลับบ้าน เขาพาเธอนั่งเงียบมาตลอดระยะเวลาที่รถคันงามเคลื่อนไปตามถนนหนทางที่คราคร่ำไปด้วยรถราในยามเย็น ดวงตาสีอัลมอนด์ทิ้งสายตามองร่างเล็กที่นั่งนิ่งราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนักตลอดเวลา เขาให้เวลาเธอคิดให้เต็มที่ก่อนที่เขาจะฟันธงความคิดของเธอด้วยความรู้สึกลึกๆ ในหัวใจ

หญิงสาวเองก็ไม่คัดค้านที่ต้องนั่งเงียบๆ เคียงข้างเขาตลอดเส้นทางสายที่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน เธอรู้แต่ไม่คิดจะแย้งเพราะอยากได้เวลามากกว่าจะทำให้หมดเวลาคิด ผู้ชายคนนี้ไม่ใจดีกับเธอนานเกินไปหรอก เธอรู้โดยสัญชาตญาณของตนเอง และในเมื่อมีเวลาเธอก็ควรรีบคิดหาทางออกที่ดูจะมีให้เลือกน้อยเสียเหลือเกิน

กระทั่งรถคันใหญ่จอดลงใต้ตึกสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง ฐิตารีจึงดึงความสนใจมาอยู่ที่ตึกข้างหน้า

“ที่นี่?”

“ที่พักของพี่มาร์คเองค่ะ”

“วะ...ว่าไงนะคะ พี่มาร์คจะ...” สาวน้อยหน้าตาตื่น ขยับตัวซุกประตูรถอีกฝั่งในทันที

“พี่มาร์คไม่คิดจะทำร้ายน้องข้าวเลยสักนิดค่ะ สัญญาด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีได้เลย อย่ากังวลไปเลยค่ะ พี่แค่อยากใช้เวลาที่มีเล็กน้อยอยู่กับน้องข้าว แต่พี่มาร์คจะไม่กวนเวลาคิดของน้องข้าว พี่มาร์คจะนั่งนิ่งๆ ตกลงไหมคะ”

“ไม่ค่ะ ผู้ชายกับผู้หญิงจะอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองในห้องหับมิดชิดไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่ใช่”

“ไม่ใช่อะไรคะ”

“เอ่อ...ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปตามตรง สีหน้าอิหลักอิเหลื่อดูจะเข้มขึ้นก่อนแก้มใสจะแดงแช้ดทันตาเห็น ชายหนุ่มอมยิ้มนัยน์ตาพราวระยับ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มทอดต่ำกล่อมหัวใจดวงเล็กๆ ให้คล้อยตาม

“เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนะคะ น้องข้าวสวมแหวนหมั้นของพี่ แล้วนี่...” เขาชูมือข้างซ้ายของตัวเองให้เธอดู “ก็แหวนของพี่” เขาไม่รอให้เธอเป็นคนสวมให้ โดยยัดนิ้วลงไปในแหวนเสียเอง แอบทำไม่ให้เธอรู้ มาตอนนี้สาวน้อยน่ารักก็เลยมองมาตาค้าง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยนั่นกำลังจะทำให้เขาหมดความอดทนและในที่สุดก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ถ้า...

“ไปกันเถอะค่ะ ไม่มีใครครหาแน่ ถ้าคู่หมั้นจะควงกันมายังที่พักของอีกฝ่าย เราหมั้นกันแล้ว เรามีสิทธิ์ เพียงแต่อย่าล้ำเส้นมากเกินควร จริงไหมคะ”

มาร์คลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูรถข้างหญิงสาวแล้วคว้ามือเล็กของคนที่กำลังนั่งมึนอย่างพยายามจับต้นชนปลายให้ถูก แต่จับเท่าไหร่ก็จับไม่ถูกเสียที เขาประคองเธอเดินตรงไปยังลิฟต์ โชคดีที่ไม่มีคนโดยสารลิฟต์เลยในช่วงนี้ เนื่องจากคอนโดมิเนียมหรูแห่งนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของกว่าครึ่งหนึ่งล้วนเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือไม่ก็พวกเศรษฐีไฮโซ ราคาค่าห้องก็แพงลิบลิ่วยิ่งกว่าราคาบ้านเดียวหลายต่อหลายทำเลเสียอีก ลิฟต์โดยสารก็จัดเตรียมให้หลายตัวเพื่อความสะดวกคุ้มค่าคุ้มราคา ถึงแม้จะมีคนมากก็ไม่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไปดมกลิ่นน้ำหอมชวนเวียนหัว

มาร์คเลือกซื้อที่นี่เอาไว้เมื่อปีที่แล้ว ห้องชุดของเขาอยู่ชั้นที่ 30 จะว่าไปแล้วทั้งชั้นก็เป็นของเขาคนเดียวไม่มีคนอื่นมาร่วมเป็นเจ้าของ ไม่มีใครเข้านอกออกในได้บนชั้นนี้นอกจากเขาคนเดียว

ฐิตารีเดินตามแรงจูงรั้งของคนตัวโตไปเรื่อยๆ คล้ายคนเลื่อนลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย เธอได้แต่มองสิ่งที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่ออกจากลิฟต์แล้วเข้าไปยืนอยู่ในห้องชุดสุดหรูหราของเขา ห้องชุดของเขากว้างกว่าบ้านของเธอทั้งหลังเสียอีก

จะว่าไปเธอไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเขาถึงอยู่ในที่แบบนี้ได้ แน่นอนล่ะ ก็เขารวยล้นฟ้าทั้งยังมีอิทธิพลมากมาย แค่ห้องชุดสุดหรูราคานับสิบล้านไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาร่วงหรอก

“น้องข้าวจะเดินดูให้รอบก็ได้นะคะ พี่มาร์คอนุญาต พี่มาร์คขอตัวไปอาบน้ำสักนิดค่ะ แล้วจะออกมาคุยด้วยใหม่ มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกันค่ะ”

กล่าวจบร่างสูงก็ถอยห่างออกไปแล้วหายเร้นเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าห้องนั้นคงจะเป็นห้องนอนของเขา หญิงสาวเดินดูรอบๆ แล้วไปหยุดลงมองภาพวาดติดผนังห้องภาพหนึ่ง

ใครกัน?

คำถามนี้เกิดขึ้นเพราะคนเป็นแบบวาดภาพนี้หน้าคล้ายเธอเสียจริง ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้า ดวงตา จมูก ริมฝีปาก หรือแม้แต่รอยยิ้ม

ไม่จริง!!!

ต่างหูสีชมพูบนติ่งหูเล็กๆ นั่น!!!

ภาพวาดตัวเธอเองหรือนี่!!!

ฐิตารียกมือสั่นๆ ขึ้นจับกรอบรูปไม้สัก เธอไม่ได้ความจำเสื่อม ไม่ได้นอนน้อย และไม่ได้หิวจนตาลายจนมองภาพวาดคนอื่นเป็นตัวเองหรอก แต่รูปในกรอบนี่คือรูปเธอจริงๆ แล้วเธอก็ต้องกวาดตามองไปรอบๆ สาวเท้าไปตามผนังที่ทอดตัวยาวจากด้านจรดอีกด้าน มีภาพวาดอีกหลายชิ้นที่ถูกใส่กรอบแขวนไว้บนผนัง แต่หาใช่ภาพคนไม่ มีภาพนี้ภาพเดียวที่เป็นภาพคน เป็นภาพวาดสีน้ำมันที่บรรจงวาดออกมาได้เหมือนคนจริงๆ มากทีเดียว และหนำซ้ำภาพๆ นี้ยังดูมีมิติคล้ายภาพวาด 3 มิติ

หญิงสาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอต้องเดินหนีภาพนั้นไปยังผนังห้องที่เป็นกระจกกั้นระหว่างทิวทัศน์ภายนอกที่เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาทอดผ่านยาว เห็นตึกรามบ้านช่องท่ามกลางแสงสลัวยามเย็นย่ำ เห็นแสงสีส้มตัดเส้นขอบฟ้า เห็นเครื่องบินกำลังบินผ่านก้อนเมฆไปยังจุดหมายปลายทาง เธอหยุดมองนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ นิ่งนานอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาไปสนิท กระทั่งรู้สึกว่าไอร้อนบางอย่างแตะอยู่บนลำคอด้านหลัง ฐิตารีเกือบผวาและเพียงแค่ผงะถอยหลังไปนิด ร่างเล็กๆ ก็ประทะร่างสูงใหญ่เย็นเยียบของใครบางคน

“อุ๊ย!!”

“ชู่ว์...พี่มาร์คเองค่ะ”

กลิ่นหอมอ่อนๆ คือกลิ่นสาวแท้ๆ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมที่มักจะอยู่บนเนื้อตัวของผู้หญิง กลิ่นนี้ช่างดึงดูดใจชายหนุ่มได้มากกว่ากลิ่นหอมรัญจวนที่มาจากการผสมผสานอย่างล้ำลึก มาร์คอดใจไม่ไหวก้มหน้าลงสูดกลิ่นหอมเหนือเส้นผมนุ่มสลวย เธอหอมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้

ร่างเล็กนิ่งขึงอย่างตระหนก เกิดมานอกจากบิดาแล้วเขาคือผู้ชายคนแรกที่ได้ประคองกอดเธอไว้กลายๆ แบบนี้ และหากอ้อมแขนแกร่งกระชับขึ้นอีกหน่อย เขาก็คือผู้ชายคนแรกที่ได้กอดเธอเต็มสองแขน

“อย่าค่ะพี่มาร์ค อย่าทำแบบนี้ มันไม่เหมาะ”

ฐิตารีดึงพลังเฮือกสุดท้ายออกมา แล้วสกัดกั้นอารมณ์บางอย่างที่ไม่เคยรู้จักให้ลดต่ำลงจนถึงขีดสุด เธอไม่แม้แต่ขยับร่างกายเพราะกลัวว่ายิ่งขยับจะยิ่งใกล้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไอร้อนที่แสนประหลาดเพราะประปนมากับกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นบรั่นดีหรือเครื่องดื่มอื่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

สาวน้อยกำลังลุ้นว่าไอร้อนเหนือศีรษะจะหยุดชะงักและถอยห่าง หรือจะไต่ไปทั่วเส้นผมและต่ำลงไปถึงที่ตรงไหน

“พี่มาร์คจะไม่รังแกน้องข้าว พี่มาร์คสัญญา”

“แต่พี่มาร์คกำลังจะทำอยู่นะคะ” เธอแย้ง และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะจับบ่าเล็กๆ พลิกให้หันมาเผชิญหน้ากัน

ฐิตารีเพิ่งเห็นสารรูปของมาร์ค เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมปิยาม่าผูกเอวไว้หลวมๆ ใต้ผ้าผืนหน้าผืนนี้มีอะไรซ่อนอยู่เธอไม่อยากรับรู้ ทว่าทำไมเธอถอนสายตาออกจากสาปเสื้อที่เปิดอ้าไม่ได้ เธอเห็นไรขนบนหน้าอกกว้าง เห็นหยดน้ำเกาะพราวเป็นเม็ดๆ เห็นผิดเนื้อขาวอย่างคนมีสุขภาพดี และที่สำคัญเธอได้เห็นความแข็งแกร่งช่วงบนเพียงเล็กน้อย แต่นั่นทำให้เธอรู้ว่าร่างกายผู้ชายไม่เหมือนร่างกายผู้หญิงเลยสักนิด

“หมดเวลาคิดแล้วนะคะ น้องข้าวควรจะให้คำตอบพี่มาร์คได้แล้วค่ะ”

“เอ่อ...” เธอเกือบลืมคำถามของเขาไปเสียแล้วสิ “คือว่า...”

“น้องข้าวรับหมั้นพี่มาร์คใช่ไหมคะ” เมื่อเธออ้ำอึ้ง เขาก็ตอบแทนเสียเอง เล่นเอาฐิตารีชักสีหน้าไม่พอใจใส่

“ข้าวยังไม่ได้บอก”

“แต่พี่มาร์คต้องการคำตอบนี้นี่คะ”

“ถ้างั้น พี่มาร์คจะมาเสียเวลาถามเอากับข้าวทำไมคะ ในเมื่อพี่มาร์ครู้อยู่แก่ใจแบบนี้ พี่มาร์คไม่ต้องการคำปฏิเสธ คำตอบก็คือข้าวต้องตามใจพี่มาร์ค ไม่งั้นคุณพ่อจะแย่”

“การรับหมั้นพี่มาร์คไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ มีผู้หญิงมากมายอยากเป็นน้องข้าวรู้ตัวไหมคะ แต่พี่มาร์คเลือกน้องข้าว พี่มาร์คพอใจน้องข้าวมากกว่าคนอื่น น้องข้าวและทุกคนจะมีความสุขทุกอย่างถ้าได้พี่มาร์คเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พี่มาร์คสัญญาว่าจะไม่ทำให้น้องข้าวเสียใจ จะไม่ทำให้น้องข้าวร้องไห้ และจะไม่ทำให้คุณน้าฐากูรต้องเหนื่อยอีกต่อไป สิทธิ์ของคู่หมั้น หนี้สินระหว่างเราเป็นอันจบ เราจะไม่ใช่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ แต่เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันเมื่อน้องข้าวเรียนจบ พี่มาร์คจะให้ทุกอย่างที่น้องข้าวต้องการ แค่นี้เพียงพอหรือยังคะ”

ฐิตารียืนนิ่งรับฟังข้อเสนอยืดยาวของเขาแล้วให้คิดว่า ถ้าเขาอยากให้สิทธิ์นั้นแก่เธอ เธอก็ควรจะสนองให้หายอยาก เธอไม่ใช่ผู้หญิงหน้าเงิน เห็นเงินเป็นพระเจ้า ไม่คิดจะขายตัวแลกความสบาย แต่เมื่อเขากล้าเอาพ่อของเธอมาเป็นหมากในเกมท้าพนันเกมนี้ เธอจะทำให้เขากระอักบ้าง

“ยังค่ะ ถ้าพี่มาร์คอยากให้ข้าวยอมหมั้น ไม่สิ ถ้าพี่มาร์คไม่อยากให้ข้าวถอดแหวนวงนี้ออกจากนิ้ว พี่มาร์คต้องทำตามคำขอของข้าว”

“หืม...อะไรคะ” มาร์คดีใจที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธ ไม่ว่าเธอจะเอาอะไรมาต่อรองเพิ่ม จะเรียกร้องอะไรจากเขาอีก เขาก็ยอมทุกอย่าง ขอแค่...ได้เธอมาอยู่ข้างกายก็พอแล้ว

“กว่าข้าวจะเรียนจบ พี่มาร์คห้ามล่วงเกินข้าว พี่มาร์คต้องรอเวลาให้ข้าวเรียนจบปริญญาตรีก่อน”

มาร์คหัวเราะลำพองใจ เรื่องนี้ทำไมเขาจะทำให้ไม่ได้

“ได้สิคะ พี่มาร์คสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินน้องข้าวจนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสม”

“แค่นี้ล่ะค่ะที่ข้าวต้องการ ข้าวไม่อยากให้พ่อกับแม่เสียใจ ถ้าข้าวจะต้องเรียนไม่จบ”

ความหวังของบิดามารดาเป็นเรื่องใหญ่สำหรับฐิตารี เธอตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะคว้าใบปริญญามาให้ท่าน และหากใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาขัดขวาง เธอจะขอเกลียดไปตลอดชีวิต

มาร์คลอบถอนใจ เขาดึงร่างเล็กเข้ามากอด ฐิตารีเอนตัวพิงร่างหนาอย่างลืมตัวจนได้ยินเสียงหัวใจที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครเต้นเร็วแรง ร่างที่ทอดอ่อนเปลี่ยนเป็นแข็งขืนดึงตัวออกห่าง

“พี่สัญญาแล้วค่ะ พี่จะไม่มีทางผิดสัญญา ถ้าน้องข้าวเรียนไม่จบ นั่นก็หมายถึงเราจะไม่ได้แต่งงานกัน ส่วนเรื่องที่พี่มาร์คพูดไปก่อนหน้านี้ พี่มาร์คไม่มีทางคืนคำค่ะ”

หญิงสาวพอใจมากที่ได้ยินคำนี้ เธออาจจะตัดสินใจง่ายไป เร็วไป หรือใครจะว่าใจง่ายก็ช่าง เธอแค่หมั้นยังไม่ได้แต่งงาน ยังมีเวลาอีกหลายปีที่จะทำความรู้จักกับคู่หมั้นให้มากขึ้น ไม่ว่าเขาจะรักเธอหรือไม่ในวันนี้ อนาคตข้างหน้าคือคำตอบ

ฐิตารีมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยอยู่กับตัวเองเงียบๆ พอคิดจะจ้องคนตัวโตสายตาของเธอก็พร่าเลือนด้วยใบหน้าคมคายก้มต่ำลงมาใกล้ เธอแยกเรียวปากเพื่อจะคัดค้าน ทว่ากลีบปากสีกุหลาบชมพูใสก็ต้องถูกเรียวปากบางเฉียบกดทับ มีความตั้งใจโต้แย้งบอกปฏิเสธมากมายที่อยากพูดออกไป แต่ทำไมคำพูดทุกคำถูกซึมซับด้วยความหวานแหลม กลืนหายเข้าไปในลำคอจนหมด

สัมผัสชิดใกล้มากกว่ากอด ยังมีจูบอ่อนหวานประทับแนบหนักๆ ก่อนขยับเคลื่อนไปทั่วกลีบปาก หวานประหลาดสิ้นดี จากที่เคยคิดว่าการจะจูบใครสักคนเป็นเรื่องที่ทำใจยาก เพราะปากเป็นอวัยวะที่สำคัญบนใบหน้า เป็นส่วนที่รับอาหารผ่านไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้ การจะเอาปากแนบกับสิ่งใดจะต้องแน่ใจแล้วว่าสิ่งนั้นสะอาด แล้วคนที่จูบกันจะแน่ใจได้ยังไงกับปากของอีกฝ่ายนั้นสะอาด

ฐิตารียังคิดต่อไปไม่ทันจบ ความชุ่มชื้นของลิ้นก็แทรกผ่านเข้ามาทางริมฝีปาก มาถึงตอนนี้เธอไม่มีโอกาสชั่งใจว่าควรจะถอยห่างหรือสำรวจความสะอาดเสียก่อน รสจูบจากปลายลิ้นที่สากไม่น้อยช่างแสนประหลาดล้ำ มันไม่มีรสจืดชืดมีแต่รสหวานแปลกๆ ลิ้นของเธอยังไม่เคยรู้ว่าสากระคายแบบนี้หรือเปล่า ทว่าลิ้นของเขาเธอสำนึกได้ถึงความสากระคาย ลิ้นหนาตวัดไปทั่วโพรงปากของเธอจนรู้สึกคับและอึดอัด เมื่อไม่รู้จะทำยังไงเธอก็เลือกใช้ลิ้นตัวเองดันปลายลิ้นที่ซุกซนของเขาออก

สาวน้อยไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบนั้นมันเรียกเลือดหนุ่มให้ร้อนฉ่า มาร์คสำเหนียกได้ถึงความหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งใดๆ ในโลก ยิ่งเมื่อลิ้นเล็กกระทบลิ้นหนาของเขา มาร์คก็ตวัดปลายลิ้วพันเกี่ยวกับลิ้นของเธอเสียเลย เหนือกว่านั้นเขายังตั้งใจรูดรัดน้ำหวานที่ชโลมอาบปลายลิ้นสีชมพูนั่นเต็มที่

ร่างเล็กเย็นยะเยือกจากความตระหนกแปรเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวเนื้อตัวอ่อนระโหยโรยแรง เขากำลังดูดกลืนวิญญาณของเธอออกไปจากร่าง เธอผวาครั้งแล้วครั้งเล่าระทดระทวยพิงซบร่างหนาอย่างหมดแรง สัมผัสวาบหวามที่เพิ่งจะพานพบเจอเป็นครั้งแรกในชีวิต จูบแรกมาร์คก็เป็นคนได้มันไป และถ้าปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความวาบหวามที่ก่อมวลอยู่ในช่องท้อง เธอมิต้องเสียทั้งตัวเสียทั้งใจให้เขาหรอกหรือ

มือของมาร์คละจากแผ่นหลังบอบบางเลื่อนต่ำลงไปอย่างเผลอไผล ฐิตารีเป็นคู่หมั้นของเขาแล้ว ถ้าเขาจะหาความหวานเป็นกำลังใจจากเธอสักนิดจะเป็นไรไป คู่หมั้นของเขาอายุ 19 กำลังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง เขารู้ว่าเสน่ห์ของเธอมันยากเกินจะต้านทาน แต่เขาไม่ปรารถนาจะฉกฉวยเอาสิ่งที่เธอหวงแหนในตอนนี้ มาร์คไม่อยากทำให้ทุกคนในครอบครัวสุริยาพิบูลย์ต้องผิดหวัง แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหวจริงๆ แค่ได้สัมผัสภายนอกไม่ได้เกินเลยรุกล้ำกล้ำกลายภายใน ไม่ผิดใช่ไหม

เขาไม่ผิดคำพูด ที่ว่าจะไม่รังแกเธอ เพราะเขาแค่ขอกำลังใจเล็กๆ น้อย หลังจากนั้นเขาจะพาเธอไปส่งบ้านในสภาพที่ยังเหมือนเดิมทุกประการไม่มีผิดเพี้ยน เขาสัญญา!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel