บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

3

หลังจากที่รู้จากบิดาว่าต้องกลับเมืองไทยโดยด่วน เพราะงานที่ทำค้างไว้เร่งให้ต้องรีบกลับไปสานต่อ ฐิตารีพอจะรู้ว่าบิดาต้องการขยายงานร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นบริษัทเล็กๆ การขยายกิจการในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่เกือบทั้งหมด ตั้งแต่การซื้อตึกแถวและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นสำนักงาน การรับช่างเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้น และรายละเอียดอื่นอีกจิปาถะ ตอนนี้ตึกแถว 2 คูหา ยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงซ่อมแซมจวนจะเสร็จแล้ว สาเหตุที่ต้องรีบกลับคงเป็นเรื่องสัญญาว่าจ้างของผู้รับเหมา

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฐิตารี เธอได้รับของขวัญจากคุณป้าจันทร์ซึ่งยังไม่ได้แกะกล่องดูก็ต้องมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง หลังจากบิดาจองไฟล์ทบินได้เร็วที่สุดในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า หลังจากเที่ยวบินนี้ต้องรอไปอีกหลายชั่วโมงทีเดียว ท่านจึงเลือกเที่ยวบินที่เร็วที่สุด

สาวน้อยถอนใจหนักหน่วง ใครบางคนเคยบอกไว้ว่าวันนี้มีเรื่องจะบอกเธอ แต่ทำไมเขายังไม่มาให้เห็น หรือเขาจะลืมถ้อยคำนั้นแล้ว

“ข้าว นั่งเหม่ออะไรอยู่หรือลูก” นางกมลามารดาของเธอเรียก หลังจากเข้ามาในห้องนอนแล้วเห็นบุตรสาวเหม่อลอยนานแล้ว

“เอ่อ...แม่คะ ข้าวกำลังเก็บกระเป๋า แม่มีอะไรหรือคะ” เพราะมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อย ฐิตารีจึงหลุบตาซ่อนประกายตาจากสายตาของมารดา เด็กสาวอายุเท่าเธอไม่สมควรจะคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเรียน

“ข้าวกำลังคิดถึงใครอยู่หรือเปล่าลูก”

“ทำไมแม่ถามข้าวอย่างนั้นล่ะคะ ข้าวยังเด็ก ข้าวจะไปคิดถึงใครได้”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแม่ก็สบายใจ”

ฐิตารีลอบถอนใจที่ไม่เห็นแววตาไม่เชื่อถือของมารดา ท่านช่วยเธอพับผ้าใส่กระเป๋าและเก็บข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้น

“ถ้ามีคนมาขอข้าว ข้าวจะว่ายังไง” รู้ว่ายังไม่สมควรจะถาม แต่ความอยากรู้ก็ห้ามไม่ไหว ใจลูกเป็นยังไงเธอรู้ดีเพียงแต่สาวน้อยผู้อ่อนต่อโลกจะมีมุมมองความรักเป็นยังไง นั่นแหละที่อยากรู้

“ขอ!!!”

“แม่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาอันสมควร เพียงแต่แม่อยากรู้ว่าข้าวคิดยังไงกับเรื่องนี้”

“ใครจะมาขอข้าวคะ ข้าวยังเด็ก ยังไม่มีใครมาสนใจหรอกค่ะ ข้าวอยากเรียนให้จบจะได้ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ ช่วยพ่อกับแม่อีกทางไงคะ”

“แล้วถ้าคนมาขอเป็นเจ้าหนี้ของเราล่ะข้าว”

ฐิตารีปล่อยมือจากสิ่งของเครื่องใช้ที่ถืออยู่ เธอเคยอ่านนิยายที่มีเรื่องราวความรักระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้มาหลายเรื่อง ไม่คิดว่าเรื่องพรรค์นั้นจะเกิดขึ้นกับเธอเลย ไม่หรอก เธอจะไม่เป็นลูกหนี้ที่ต้องใช้หนี้ด้วยเรือนร่าง ไม่เด็ดขาด!

“ข้าวไม่ยอมเอาตัวใช้หนี้นะคะแม่” คิดยังไงปากก็พูดออกไปอย่างนั้น

“พูดอะไรแบบนั้นข้าว พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมให้ข้าวทำแบบนั้นหรอก เพียงแต่...”

“แต่อะไรคะแม่”

นางกมลาจ้องหน้าบุตรสาวอย่างชั่งใจ มันเป็นแค่ความคิดไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้น หากจะคิดล่วงหน้าไปก่อนเผื่ออนาคตจะผิดด้วยหรือ

“ถ้าเขาบีบเราขึ้นมา เงินตั้ง 10 ล้าน เราจะหาที่ไหนไปใช้ทัน”

“ถ้าข้าวเรียนจบ ข้าวจะรีบหางานทำ หาเงินไปช่วยใช้หนี้นะคะ แม่อย่าห่วงเลยค่ะ เขาจะไม่มีวันได้ทำอย่างนั้นกับเราแน่” เธอไม่ลังเลที่จะบอกมารดา แม้ใจจะมีข้อกังขากับเรื่องที่มารดาคิด ถ้านิยายเกิดจากเรื่องจริงในชีวิตคนแล้วเอามาเสริมเติมแต่ง เรื่องเอาตัวใช้หนี้ก็อาจะเกิดกับครอบครัวของเธอได้เหมือนกัน

ทว่า...เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด

“เอาล่ะ แม่จะกลับห้องก่อน ยังเก็บของไม่เสร็จเหมือนกัน ถ้าข้าวเก็บเสร็จแล้วก็เตรียมตัวเลยนะลูก เราจะต้องไปถึงสนามบินก่อนเวลา”

“ค่ะแม่”

มารดาออกจากห้องไปแล้ว ฐิตารีก็มองกล่องของขวัญวันเกิดที่ป้าจันทร์มอบให้ เธอจะเก็บไปแกะที่บ้าน มันอาจจะเป็นของขวัญกล่องเดียวสำหรับวันเกิดปีนี้ของเธอ ถ้าอยู่ที่บ้าน เพื่อนๆ จะต้องแห่กันมาอวยพร ของขวัญที่เคยได้ก็มีจำนวนไม่น้อย และอาจจะมีปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆ เกิดขึ้น แต่ที่นี่เธอไม่มีใคร ไม่มีเพื่อน และไม่มีใครโทร.ข้ามทวีปมาอวยพรวันเกิดเธอ

สาวน้อยถอนใจเฮือก เธออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ได้ใช้นางสาวแล้วสินะ ยิ่งโตความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้น เรียนจบก็ต้องทำงาน เฮ้อ...อีก 6 ปี เธอจะเรียนจบปริญญาตรี บอกตรงๆ เธอยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเรียนอะไร กลับบ้านไปคราวนี้คงต้องคิดสักหน่อยแล้ว คิดเผื่อไว้นานๆ จะได้เตรียมพร้อมล่วงหน้า

หลังจากเก็บของเสร็จ ฐิตารีก็หิ้วกระเป๋าลงมาลาเจ้าของบ้านทั้งสองท่าน ที่นี่เองเธอได้เจอกับใครบางคน ซึ่งเขากำลังก้าวผ่านประตูบ้านเข้ามา

มาร์คมาพร้อมกับรอยยิ้ม ในมือของเขามีช่อดอกลิลลี่สีขาว ทั้งดอกไม้และคนถือตรึงสายตาทุกคู่ให้อยู่กับที่

“มาร์คมาทันพอดี”

“ทัน?” มาร์คไม่เข้าใจที่มารดาพูด จนเห็นกระเป่าใบไม่โตนักวางอยู่ด้านหลังสาวน้อย เขากวาดตามองปราดไปทั่วร่างกลมกลึงอย่างรวดเร็ว เธอสวมชุดรัดกุมพร้อมกระเป๋า หรือว่า...

“จะกลับแล้วหรือคะ” เขาก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะถามสาวน้อย

“ค่ะ คุณพ่อมีงานรออยู่ค่ะ” ฐิตารีตอบ สายตาของเขาทำให้เธอสั่นได้ไม่ยาก

“ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดน้องข้าวหรือคะ” ถามแล้วก็ปรายตามองน้าชายที่เดินลงมาจากชั้นสองพอดี แววตาคู่นั่นไม่ซ่อนเร้นความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย มาร์คจ้องคนที่มีศักดิ์เป็นน้าชายและเป็นพ่อของฐิตารีจนนายฐากูรลงมายืนข้างบุตรสาว

“ขอโทษนะครับคุณมาร์ค งานที่โน่นรออยู่ น้าต้องรีบกลับ”

“พรุ่งนี้ก็น่าจะทันนี่นา” มาร์คเริ่มขัดแย้ง “ถ้าพี่มาร์คมาไม่ทัน พี่ก็คงไม่ได้เจอน้องข้าวอีก ใช่ไหมคะ” น้ำเสียงบ่งบอกความน้อยใจไม่คิดจะปิดบัง เขาอุตส่าห์เลือกของขวัญล้ำค่าให้เธอ แต่ทำไมไม่มีใครบอกว่าเธอจะกลับไทยคืนนี้ ถ้าเขาไม่มาเห็นกับตาจะมีใครใส่ใจบอกเขาบ้างไหม

ฐิตารีหลบตาวูบ ดวงตาของพี่มาร์คในตอนนี้ร้อนจนไม่มีใครกล้ามอง และอาการหวาดกลัวของเธอก็ทำให้มาร์คถอนฉุน

เธอกำลังจะไป เขาเหลือเวลาไม่มาก!

“พี่มาร์คขอเวลาสักนิดแล้วกันนะคะ ห้ามปฏิเสธด้วยค่ะ ไม่งั้นพี่จะโกรธ”

ฐิตารีคอแข็ง เรื่องอะไรจู่ๆ เขาจะมาโกรธเธอ ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ก็เขาเองไม่ใช่เหรอที่หายหน้าไปดื้อๆ เขาคิดว่าเป็นคนสำคัญที่ทุกคนจะต้องคอยชี้แจงแถลงไขทุกเรื่องทุกเวลาเลยหรือไง

“ยังมีเวลานะลูก ไปเถอะ พ่อจะรอ” นายฐากูรกระซิบบอกบุตรสาว ฐิตารีปรายตามองบิดานิดหนึ่งก่อนจะชายตามองผู้ใหญ่อีกสองท่านที่อยู่ในห้องนี้ แล้วเธอก็ต้องเดินตามร่างสูงออกไปด้านนอกในส่วนที่เป็นสนามหญ้า

เมื่อพากันเดินตามออกมาถึงมุมๆ หนึ่ง ชายหนุ่มก็ยื่นช่อลิลลี่ให้สาวน้อยพร้อมคำอวยพร

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค่ะ พี่มาร์คขอให้น้องข้าวมีความสุขมากๆ นะคะ”

“ขอบคุณค่ะพี่มาร์ค” ฐิตารีรับเอาไว้ เธอพินิจช่อลิลลี่สีขาวแสนสวย

“ทราบไหมคะ ลิลลี่สีขาวหมายถึงอะไร”

“ไม่ทราบค่ะ”

“ฉันรู้สึกดีที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้”

“เอ๊ะ!” สาวน้อยค่อนข้างงงกับประโยคนั้น ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“ความหมายของลิลลี่สีขาวไงคะ น้องข้าวชอบหรือเปล่าคะ หรือชอบกุหลาบมากกว่าคะ”

ตอนที่ได้ช่อลิลลี่ช่อนี้มาจากโจเซฟ เขานึกอยากไล่มือขวาจอมซื่อบื้อนั่นออกเต็มที เขาหวังจะได้เห็นกุหลาบช่อโตที่สาวๆ มักจะอยากได้กันหนักหนา แต่พอมือขวาบอกให้รู้ถึงความหมาย เขาก็พอใจและตบรางวัลให้โจเซฟไปอย่างงามทีเดียว จากมือขวาจอมซื่อบื้อก็กลายเป็นมือขวาที่รู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง

“ชอบค่ะ ขอบคุณค่ะพี่มาร์ค” เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกรอบ ความหมายของลิลลี่สีขาวกำลังทำให้ใจเธอเต้นแรง เขากำลังจะบอกนัยๆ ว่าดีใจที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้เธอใช่หรือเปล่านะ

“นอกจากความสวยแล้ว ลิลลี่สีขาวยังซ่อนอะไรเอาไว้ข้างในด้วยนะคะ”

ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้ฐิตารีพลิกช่อลิลลี่ไปมา ก่อนเธอจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในช่อลิลลี่ กล่องของขวัญเล็กจิ๋ว!

“อะไรกันคะพี่มาร์ค”

“อยากรู้ก็เปิดดูสิคะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมทำหน้าเชิญชวนเต็มที่ เขาอยากเห็นความพอใจในดวงตาของสาวน้อย อยากเห็นรอยยิ้มที่มากกว่ายิ้มบางๆ อยากเห็นแก้มป่องๆ ของเธอป่องขึ้นอีกนิด

“ไปเปิดที่บ้านดีกว่าค่ะ”

นั่นแน่ะ เธอกำลังจะปฏิเสธคำเชิญชวนของเขา

“เปิดที่นี่แหละค่ะ พี่มาร์คอยากรู้ว่าน้องข้าวชอบของที่อยู่ข้างในหรือเปล่า สิคะ”

ช่อลิลลี่ถูกมือใหญ่แย่งไปถือไว้ แล้วเขาก็ยัดกล่องของขวัญใบเล็กใส่มือเธอ สาวน้อยกะพริบตาปริบๆ เธออยากเอากลับไปเปิดดูที่บ้าน ทว่ารอยยิ้มข้างแก้มของเขามันไม่ยอมให้เธอปฏิเสธเลยจริงๆ ในที่สุดเธอก็ต้องกระตุกริบบิ้นเส้นเล็กและแกะกล่องใบเล็กออก เจอกล่องกำมะหยี่ข้างในอีกชั้น

ฐิตารีไม่เคยซื้อเครื่องประดับล้ำค่า จึงไม่รู้ว่าบรรจุภัณฑ์จะเป็นอย่างไร พอเปิดออกก็ต้องห่อปากจู๋ ทั้งตกใจ ทั้งดีใจ ทั้งหวั่นใจในคราวเดียวกัน ประกายตาของเธอจึงสุกสกาวยิ่งกว่าดาวดวงไหน

แหวนเพชร!!!

“พี่มาร์ค!!! นี่มัน...”

“บลูไดมอนด์ออนเดอะริงค่ะ พี่หวังว่าน้องข้าวจะชอบเหมือนที่ชอบดอกไม้นะคะ”

สาวน้อยส่ายหน้าปิดกล่องกำมะหยี่ส่งคืนชายหนุ่ม มาร์คส่ายหน้าไม่รับคืนเหมือนกัน

“ข้าวรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันแพงเกินไป”

คนตัวโตหลุบตามองกล่องกำมะหยี่ใบเล็ก เขากล่าวขอโทษเพื่อจะจับมือเธอแบหงายแล้วยัดใส่มือเธอข้างนั้น พร้อมกับพับนิ้วเรียวขาวๆ ให้กำกล่องใบเล็กจนแน่น

“ของอะไรที่พี่ให้ พี่จะไม่รับคืนค่ะ บลูไดมอนด์ออนเดอะริงเป็นฝีมือการออกแบบของพี่มาร์คเองน้องข้าวรู้ไหมคะ ตอนที่พี่ออกแบบ พี่ไม่รู้เลยว่าใครจะสวมมันได้ แหวนวงนี้พี่มาร์คกะขนาดเอง คิดว่าคนที่สวมมันได้คือคนที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว น้องข้าวลองสวมดูสิคะแล้วจะรู้”

“คัดเลือก?” คนตัวเล็กกับยังงงไม่หาย เธอกำลังจะถูกคัดเลือกด้วยขนาดแหวนวงนี้น่ะหรือ หมายความว่ายังไงกัน ใจสาวเต้นรัวแรงราวกับจะโลดออกมานอกทรวงอก ดวงตายังไม่ละไปจากกล่องกำมะหยี่ราวกับมันตรึงสายตาของเธอได้ และบังคับให้ต้องเปิดกล่องเพื่อลองสวมแหวนวงนี้

“สิคะ ถ้าน้องข้าวใส่ไม่ได้ พี่มาร์คอนุญาตให้ขว้างทิ้งได้เลยค่ะ หรือจะเอาไปให้ใครต่อก็ได้” เขาบอกใจป้ำ

ฐิตารีหยิบแหวนแสนสวยด้วยเพชรสีน้ำเงินถูกเจียระไนให้เล็กนิดเดียว แต่ละเม็ดแม้จะเล็กกระจิ๋วก็ยังแวววาวได้เหลี่ยมสวย เพชรเม็ดเล็กเรียงอยู่บนตัวเรือนจนรอบ ทั้งสวยและน่ากลัวหากจะสวมมันแล้วหยิบจับสิ่งของหนักมือไปนิด ก็กลัวว่าความงามไร้มลทินนั้นจะมีตำหนิ ทว่าสาวน้อยกลับชอบมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

บลูไดมอนด์ออนเดอะริงถูกสวมเข้ากับนิ้วนางข้างซ้ายโดยคนสวมไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าไม่ชอบสวมแหวนนิ้วอื่น ตากลมเบิกกว้างรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกพันธนาการจากแหวนวงนี้ ด้วยมันสวมได้พอดีนิ้วของเธอเป๊ะ ไม่คับและไม่หลวม ราวกับมันถูกทำขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ

มาร์คพอใจที่เขากะขนาดนิ้วเล็กๆ นั่นไม่ผิด ตาคมไหววาบมองนิ้วนางข้างที่สวมแหวนของเขา จะด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้เธอสวมบลูไดมอนด์ออนเดอะริงลงบนนิ้วนางข้างซ้าย เขาอยากจะขอบคุณเสียจริง เพชรสีน้ำเงินขับนิ้วเรียวขาวให้ผุดผาดมากขึ้น ปลายเล็บสีชมพูนั่นก็น่าจับขึ้นมาขบเม้มเบาๆ อยากตวัดปลายลิ้นไปตามข้อนิ้วเล็กเรียวบอบบางจนถึงแหวนเพชรน้ำงาม

ทำไมเธอถึงไม่เกิดให้เร็วกว่านี้ เขาจะได้ทำทุกอย่างตามความต้องการที่กำลังดิ้นพล่านอยู่ในหัวใจ แก้มแดงชมพูป่องนิดๆ น่าจูบคลอเคลียนั่นกำลังทำให้ร่างกายของเขาปวดร้าว เธอจะรู้ตัวบ้างไหมว่ามีอิทธิพลต่อทุกประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขาเสียจริง

โอ้...มาร์ค บราวน์ ไม่เคยเกิดอาการอยากคลั่งแบบนี้มาก่อน

ให้ตายสิ เขาอยากสบถหยาบคายระบายอารมณ์รวดร้าวในตอนนี้เหลือเกิน ถ้าไม่กลัวสาวน้อยจะตกอกตกใจ เขาต้องทำแน่

ชายหนุ่มข่มอารมณ์พุ่งพล่านให้ต่ำลึก ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวอย่างกับมีไข้ขึ้นสูง จำต้องหลุบซ่อนดวงตาคมกล้าอย่างกลัวจะฉายให้เห็นความปรารถนาชัดเจนกว่านี้ สาวน้อยเป็นฝ่ายเหลือบตามองคนตัวสูง เห็นขอบตาของเขาแดงขึ้นกว่าเมื่อครู่ เห็นแก้มที่มีไรเครานิดๆ ระเรื่อขึ้น เห็นเรียวปากบางเฉียบเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เธอก็เกิดความลังเลสับสน ทำไมปฏิกิริยาของเขาถึงได้เปลี่ยนไป

“พี่มาร์คคะ” ฐิตารีกำลังจะบอกถามอาการของเขา เผื่อไม่สบายขึ้นมาดื้อๆ เธอจะพาเข้าบ้าน ยืนตรงนี้รับลมเย็นนานๆ เดี๋ยวอาการจะหนักขึ้น แต่เสียงทุ้มชิงพูดขึ้นมาก่อน

“น้องข้าวใส่ได้ พี่มาร์คดีใจค่ะ วงนี้ถือเป็นของขวัญ รักษาไว้ให้ดีนะคะ ไปเถอะค่ะ คุณพ่อคุณแม่รอน้องข้าวอยู่”

เขาไล่เธอดื้อๆ ซะอย่างนั้น ฐิตารีงงหนักกว่าเก่า หากแต่พอได้ยินเสียงเรียกของบิดาแว่วเข้ามาในหู เธอจึงเลือกกระชับมือที่ถือช่อลิลลี่สีขาว แล้วกำมือข้างที่สวมแหวนเดินกลับเข้าบ้านไป ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามจะลับสายตา

ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด เขาจะกลายเป็นคนระยำทำร้ายเด็กสาวแน่นอน...

4 ปีต่อมา

“เรื่องสาขาที่เมืองไทย คุณมาร์คจะให้ใครไปดูแลครับ”

โจเซฟถามเจ้านายหลังจากปิดแฟ้มรายงานผลการดำเนินงานในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ของสาขาในประเทศไทย ซึ่งเป็นสาขาใหม่เพิ่งเปิดดำเนินการมาได้เกือบๆ จะ 4 ปี

ตั้งแต่ครอบครัวสุริยาพิบูลย์กลับไทยไปคราวนั้น มาร์คก็ริเริ่มการขยายงานในแถบภาคพื้นเอเชีย โดยเปิดสาขาแห่งใหม่ในประเทศไทยขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาอยากลงทุนในประเทศไทยขึ้นมา แต่ทุกคนรู้ดีว่าการลงทุนในครั้งนี้ของมาร์ค บราวน์ ประสบความสำเร็จไม่แพ้สาขาอื่น

เครื่องประดับอัญมณีแบรนด์เจมส์บราวน์ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมจากบรรดาไฮโซไฮซ้อคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย ความงดงามจากฝีมือสุดแสนพิถีพิถันทำให้แบรนด์ของเจมส์บราวน์โด่งดังยิ่งกว่าพลุแตก ความงามที่ควรคู่มูลค่ามหาศาล แค่เปิดตัวยังทำรายได้หลายสิบล้านบาท ไม่ต้องคำนวณว่า 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของเจมส์บราวน์จะมหาศาลขนาดไหน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา มาร์คส่งโจเซฟเทียวไปเทียวมาดูแลสาขานั้นอยู่ ส่วนตัวเขาเองก็บินไปดูแลอยู่เบื้องหลัง มาร์คยังไม่เคยเปิดเผยตัวเองให้สื่อมวลชนในไทยได้กระจายข่าว งานเปิดสาขาก็ได้พ่อกับแม่ของเขาเป็นประธานในพิธี ทุกคนรู้แต่เพียงว่าหัวหอกใหญ่เจ้าของแบรนด์ดังก้องโลกคือเดเมียนและพิซิร่า บราวน์ มีไม่กี่คนที่รู้ลึกรู้ดีว่าฟันเฟืองที่ทำให้เจมส์บราวน์ประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้คือ มาร์ค บราวน์

“ฉันจะไปดูแลเอง” เจ้านายของโจเซฟตอบสั้น ใช้คีมเล็กในมือคีบเพชรสีชมพูขึ้นมาดูอย่างใส่ใจในรายละเอียด เพชรสีชมพูคือเพชรที่มีราคาแพงที่สุด และสวยที่สุดในโลก

“แล้วที่นี่ล่ะครับ”

“ที่นี่ไม่มีอะไรต้องห่วง คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่”

“ครับ” โจเซฟเสียงอ่อย ถ้าเจ้านายไปดูแลที่ประเทศไทย หมายความว่าตัวเขาเองก็ต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย เฮ้อ...เขาไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานๆ เลย แต่ในเมื่อเป็นความประสงค์ของเจ้านาย ลูกน้องอย่างเขาก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน

“เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง” มาร์คไม่ละสายตาไปจากเพชรสีชมพูในมือ เขาก้มหน้าถามมือขวาราวกับเป็นเรื่องทั่วไป ทั้งที่หูซ้ายและหูขวาพร้อมสดับรับฟังคำตอบของมือขวาใจจดจ่อ

“อ้อ...มิสฐิตารี ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วครับ” โจเซฟตอบฉะฉานด้วยรู้ความเคลื่อนไหวของสาวน้อยแสนสวยอยู่ทุกระยะ จากคำสั่งของเจ้านายหนุ่มซึ่งเพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบให้เขาอีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือติดตามดูความเคลื่อนไหวของหญิงสาวตลอดเวลา ถ้าถามจะต้องตอบได้

โจเซฟไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เขาเฝ้าดู ทั้งที่มาร์คสามารถสอบถามเรื่องราวของเธอคนนั้นได้จากครอบครัวของเธอเอง เขาใช้ความเป็นเจ้าหนี้ถามสารทุกข์สุขดิบของลูกหนี้ได้เสมอ หรือจะใช้ความเป็นญาติห่างๆ ถามไถ่กันข้ามทวีปก็ไม่มีใครว่า มันง่ายกว่าส่งลูกน้องไปตามดูอยู่ห่างๆ

“คณะอะไร สาขาอะไร”

“คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาศิลปะการออกแบบหัตถอุตสาหกรรมครับ” โจเซฟลังเลนิดๆ ด้วยกลัวจะพูดออกไปไม่ถูกหลักและความหมายในภาษาไทย มาร์คพยักหน้า เขาเข้าใจทุกคำพูดและความหมายในภาษาไทยไม่ต่างจากเจ้าของภาษาด้วยสายเลือดที่มีอยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง

“อืม...มีเพื่อนชายสนิทสนมด้วยไหม”

“เท่าที่เห็น ในกลุ่มของมิสฐิตารีมีแต่เพื่อนผู้หญิงนะครับ แต่ถ้าในแผนกที่เรียนก็มีเพื่อนผู้ชายอยู่ไม่น้อย แต่ไม่เห็นเธอยุ่งเกี่ยวกับใครนะครับ”

แก้มสากกดบุ๋มเมื่อได้ฟังคำรายงานของมือขวา มาร์คพอใจยิ่งนักที่สาวน้อยคนนั้นจะไม่มีใครมาข้องแวะ เพราะเธอจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเขา

แหวนเพชรบลูไดมอนด์ออนเดอะริงวงนั้นคือเครื่องพันธนาการหัวใจและร่างกายของเธอ ไม่ให้โบกบินหายไปบนฟากฝ้า เธอจะรู้หรือเปล่า เขากำลังจะยัดเยียดความหมายของดอกลิลลี่ให้เธอทีละสี

หึ หึ...มันยากมากกับการที่ต้องทนรอคอยบางสิ่งบางอย่างใจจดจ่อ โดยไม่อาจยื่นมือเข้าไปรั้งสิ่งนั้นมาข้างกายได้ คนอย่างมาร์ค บราวน์ ไม่เคยต้องใช้ความอดทนมากมายถึงเพียงนี้ เธอคือคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาอยากได้จนทนทำทุกอย่างได้โดยไม่ปริปากบ่น

รอได้ ถ้าจำเป็นต้องรอ แต่เมื่อถึงเวลา การรอคอยก็ต้องสิ้นสุด

“โจเซฟให้สาขาที่ไทยประโคมข่าวการเฟ้นหาดาวดวงใหม่ประดับวงการในสัปดาห์หน้า เรื่องนี้เคยเข้าที่ประชุมแล้ว นายจัดการตามนั้นได้เลย และศุกร์นี้ฉันจะบินไปไทย จะไปคัดเลือกดาวดวงใหม่ด้วยตัวเอง นายเตรียมตัวให้พร้อม ไปครั้งนี้ฉันจะไปนาน”

“ครับคุณมาร์ค”

มาร์คกระตุกยิ้มลึกตรงมุมปาก จวนจะได้เจอหน้ากันอีกหนแล้วนะสาวน้อย เจอกันครั้งนี้พี่มาร์คจะไม่ทนอีกต่อไป

วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ ฐิตารีใช้เวลาว่างมาช่วยงานบิดาที่บริษัทรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าในตึกแถว 2 คูหา เธอช่วยงานด้านเอกสารบัญชีต่างๆ ตรวจการลงบันทึกรายรับรายจ่ายที่มารดาเป็นคนทำก่อนจะส่งให้สำนักงานบัญชีจัดการต่อ

“ข้าวน่าจะเลือกเรียนบริหาร จบออกมาจะได้มาช่วยงานพ่อ” นายฐากูรเห็นฐิตารีเป็นคนละเอียดทำงานด้านนี้น่าจะดี ใจอยากให้ลูกเลือกเรียนด้านนี้จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระไปบ้าง แต่ฐิตารีกลับเลือกเรียนศิลปะ

“ข้าวอยากเป็นนักออกแบบนี่คะพ่อ พ่อรู้มั้ยนักออกแบบได้เงินดีจะตายไป” บุตรสาวแจงสาเหตุที่ตนเลือกเรียนวิชานี้ โดยเลี่ยงพูดถึงสาเหตุหลักๆ อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นมูลหลักทำให้เธอปักใจเลือกเรียนวิชานี้

“พ่อรู้ว่าข้าวอยากได้เงินเยอะ จะได้ช่วยใช้หนี้ให้พ่อ”

“แหม...คุณพ่อก็รู้แล้วนี่คะ แล้วจะยังถามข้าวอีกทำไมล่ะ”

“ก็พ่อเห็นข้าวทำงานนี้ได้ดี ถ้าเราจะไม่ต้องจ้างคนอื่น แต่ให้ข้าวทำแทนก็น่าจะดี เอาเถอะ พ่อไม่อยากขัดใจข้าว ข้าวชอบอะไรก็เรียนอย่างนั้นเถอะลูก”

“แน่อยู่แล้วค่ะพ่อ ฮิ ฮิ ก็ข้าวเรียนมาได้ตั้งปีนึงแล้ว จะเปลี่ยนกลางคันได้ยังไง”

“ว่าแต่ ข้าวจะออกแบบอะไรล่ะลูก” คราวนี้เป็นเสียงของมารดาที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่ไกลดังขึ้น ฐิตารีหันไปส่งยิ้มหวาน นัยน์ตาชวนฝันคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่

สาวน้อยวัย 19 ปี กำลังคิดถึงแหวนเพชรบลูไดมอนด์ออนเดอะริงวงนั้น หลังจากกลับมาจากอังกฤษ เธอก็ซ่อนแหวนมีค่าวงนั้นไม่ให้ใครเห็น เธอไม่ได้ชอบแค่มันล้ำค่าหรือเพราะใครเป็นคนให้มา แต่เธอชอบการออกแบบที่เรียบง่าย มองผิวเผินก็ดูธรรมดา แหวนรูปทรงนี้มีอยู่ให้เกลื่อน ทว่าการเจียระไนเพชรเลอค่าสีน้ำเงินเรียงเป็นแถวมีเนื้อทองคำขาวแทรกปิดช่องว่างระหว่างเพชร

บลูไดมอนด์ออนเดอะริง ทำให้เธอค้นหาความฝันของตัวเองเจอ การเป็นนักออกแบบเครื่องประดับคือความฝันนั้น

“ข้าวอยากเป็นนักออกแบบเครื่องประดับค่ะ”

“ทำไมถึงอยากเรียนด้านนี้ล่ะลูก”

“ข้าวชอบนี่คะ”

“เอ...ปกติข้าวก็ไม่ชอบใส่เครื่องประดับนี่นา แล้วทำไมถึงบอกว่าชอบ” มารดาจับสังเกตบุตรสาว ฐิตารีหลบตาวูบปรับสีหน้าอีหลักอีเหลื่อก่อนยิ้มสู้ตอบหน้าตาเฉย

“ข้าวเห็นในทีวีค่ะ แม่น่าจะทราบว่าข้าวชอบดูเขาเดินแบบ แต่ข้าวไม่ได้ชอบชุดของนางแบบนะคะ ข้าวชอบเครื่องประดับที่อยู่บนตัวนางแบบต่างห่างล่ะคะ เอ้อ...แม่คะ บัญชีรายรับของเดือนก่อนอยู่ไหนคะ ข้าวจะเอามาเปรียบเทียบกันค่ะ”

ฐิตารีเฉไฉไปเรื่องอื่น นางกมลาไม่ได้สนใจหาสมุดบัญชีเล่มที่บุตรสาวต้องการ ในขณะนั้นรถเก๋งราคาแพงลิบสีดำก็จอดลงหน้าตึก ผู้ชายสองคนลงมาจากรถก่อนคนหนึ่งจะหันไปเปิดประตูด้านหลังให้ใครบางคนก้าวลงมา นายฐากูรเขม้นตามองชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีเข้ม สวมแว่นกันแดดสีดำสนิทเหมือนกันทั้งสองคน คนสุดท้ายต่างหากที่แต่งกายแตกต่างดูสบายๆ กว่า แต่สวมแว่นกันแดดสีชาปิดบังดวงตาสีสวย

หญิงสาววางปากกาลงบนโต๊ะเพื่อจ้องมองทะลุประตูกระจกไปยังชายฉกรรจ์ทั้งสามคน บิดาของเธอลุกขึ้นยืนด้วยหวังจะต้อนรับหากคนกลุ่มนี้เป็นลูกค้า

“วันนี้ร้านปิดนะครับ ต้องขออภัยด้วย”

ผู้ชายโดดเด่นด้วยความสูงและการแต่งกายกระตุกยิ้มที่มุมปาก แก้มสากกดลึกเป็นลักยิ้มทำให้ใบหน้าเข้มคมคายนั้นหวานขึ้น ฐิตารีชะงักไปกับรอยยิ้มนั้น ทำไมเธอจะจำไม่ได้ในเมื่อไม่มีใครยิ้มสวยได้เท่านี้มาก่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็น...มาร์ค บราวน์

ชายหนุ่มเจ้าของลักยิ้มที่สวยที่สุดในโลกดึงแว่นสีชาออกจากใบหน้า

“คุณมาร์ค! โธ่...นึกว่าใคร จะมาทำไมไม่โทร.บอกก่อนล่ะครับ น้าจะได้เตรียมต้อนรับ” พอรู้ว่าเป็นใคร นายฐากูรและนางกมลาก็กุลีกุจอต้อนรับ

มาร์คพนมมือไหว้น้าชายและน้าสะใภ้ ก่อนจะมองเลยมาจับจ้องสาวน้อยในอดีตที่ตอนนี้เธอโตเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวและสวยยิ่งกว่าเดิม ฐิตารีพนมมือไหว้ชายหนุ่มผู้เคยทำให้หัวใจของเธอสั่นคลอนตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำว่ารัก มาบัดนี้ความรู้สึกนั้นยิ่งรุนแรง ใจของเธอเต้นระริกบีบรัดและคลายออกสลับกัน แค่สบตาคมสีสวยแก้มสาวก็แดงซ่านโดยอัตโนมัติ เจ้าตัวรู้ว่าแก้มร้อนผ่าวก็แสร้งเบือนหน้าหนีปิดสมุดบัญชีตามมารยาทที่ดีของเจ้าบ้าน เธอลุกเดินเข้าไปด้านหลังซึ่งแบ่งทำเป็นครัวเล็กๆ มีเครื่องครัวเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

ตู้เย็นถูกเปิด มือบางคว้าขวดน้ำมารินน้ำใส่แก้ว หูเล็กๆ ก็คอยเงี่ยฟังเสียงทุ้มที่ดังแว่วอยู่ด้านนอก

“คุณมาร์คมีธุระอะไรกับน้าหรือเปล่าครับ”

แม้นายฐากูรจะมีศักดิ์เป็นน้าของชายหนุ่มตรงหน้า แต่ในฐานะลูกหนี้เขาไม่เคยคิดจะใช้ศักดิ์ข่ม คิดอยู่เสมอว่ามีหน้าที่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ ถึงเจ้าหนี้ตรงหน้าจะไม่เคยทวงดอกเบี้ยเลยทั้งยังปล่อยเวลาให้เนิ่นนานผ่านมา 4 ปี ดอกเบี้ยจะทบขึ้นไปมากมายเท่าไหร่ เจ้าหนี้ก็ยังไม่เคยเอ่ยปากถาม เพราะเหตุนี้ลูกหนี้จึงสำนึกในบุญคุณข้อนี้ คำพูดคำจาก็เลยอ่อนน้อมไปตามความรู้สึกนึกคิด

“อย่าพูดว่าเป็นธุระเลยครับ แค่ผมมีเรื่องจะขออนุญาตคุณน้าเท่านั้น”

“เรื่องอะไรครับ”

ร่างเล็กโผล่หน้ามาครึ่งซีกเพื่อเขม้นมองร่างสูงที่กำลังสนทนากับบิดามารดาของเธอ ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรต่อจากนั้นเพราะสบสายตาคมกล้าซึ่งจ้องมาอย่างรู้เท่าทัน เหมือนถูกตรึงตราด้วยไฟร้อนผ่าวเธอไม่อาจละสายตาไปจากเขา รอยยิ้มสองข้างแก้มทำให้เธอเผลอมองอย่างลืมตัวและยิ้มตอบกลับไปบ้าง

“ผมจะมาขอหมั้นข้าวหอมครับ”

ทุกคนชะงักนิ่งงันหลังจากได้ยินรวมถึงคนที่อยู่ในครัวด้วย

“ผมชอบน้องข้าวหอมมาก ไม่อยากทำอะไรให้เธอเสื่อมเสียทั้งจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจ จึงอยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีผู้ใหญ่รับรู้ว่าเรากำลังคบหากันอยู่ในฐานะอะไร ผมก็เลยจะมาขอหมั้นน้องข้าวหอมนี่ล่ะครับ”

“ตายจริงคุณมาร์ค อะไรจะปุบปับๆ แบบนี้ล่ะคะ” นางกมลารู้สึกอยากจะเป็นลมเสียตอนนี้ ไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายปี เจอกันอีกทีจะเลื่อนฐานะเสียแล้ว

“ผมใจร้อน ก็อย่างที่บอกล่ะครับ ผมชอบน้องข้าวมากจนอยากแต่งงานด้วย แต่รู้ว่าน้องข้าวยังเรียนไม่จบ ก็เลยจะขอหมั้นหมายกันไว้ก่อน จะได้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายไงครับ”

“แต่ยัยข้าว...เอ่อ...เราน่าจะถามความคิดเห็นของข้าวหอมก่อน น้าไม่เคยต้องบังคับใจลูกเลยนะคะ คุณมาร์คต้องรอฟังการตัดสินใจของข้าวหอมคนเดียว ถ้าลูกน้าตอบรับ น้าก็ไม่ปฏิเสธ”

“หมายความว่าถ้าน้องข้าวปฏิเสธ คุณน้าทั้งสองก็ต้องปฏิเสธผมสินะครับ”

ชายหนุ่มจงใจทำเสียงเข้ม ตาคมพราวระยับเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา รอยยิ้มหวานๆ จางหายไปในบัดดล มาร์ครู้จุดอ่อนของครอบครัวนี้ดี และเขาก็ไม่รีรอเอามันมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยน คนอย่างมาร์ค บราวน์ ไม่เคยถูกปฏิเสธ และไม่ต้องการให้ใครมาปฏิเสธความต้องการของเขา แม้จะต้องใจร้ายกันบ้างก็จะทำ เพื่อตนจะได้สมปรารถนา

“เอ่อ...”

“โจเซฟ เอาซองในรถมาให้หน่อยสิ”

ไม่นานต่อมา ซองสีน้ำตาลก็ถูกยื่นมาตรงหน้านายฐากูร ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชายเปิดซองดูเอกสารที่อยู่ในนั้น เป็นเอกสารแจ้งยอดหนี้สินรวมดอกเบี้ยทั้งหมด

“ผมจะไม่ทวงหนี้คุณน้าหรอกครับ เงินจำนวนนี้สำหรับผมมันน้อยมากเลย แต่มันมากมายนักสำหรับคุณน้า”

“คุณมาร์ค!”

“อย่างที่ผมบอก ผมพูดแล้วไม่คืนคำหรอกครับ”

ฐิตารีซึ่งกำลังประคองแก้วน้ำมาให้แขกได้ยินชัดสองหู มือบางสั่นอย่างระงับไว้ไม่อยู่ เธอวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะและยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อย่างไร้มารยาท

“ข้าวทำไมไม่นั่งลงล่ะลูก” นางกมลาต้องปราม พอเห็นสีหน้าบุตรสาวเธอต้องยกมือทาบอกอย่างตกใจ สีหน้าบูดบึ้ง แก้มใสแดงก่ำ ดวงตาวาวแสง แสดงถึงความเป็นคนไม่ยอมใคร แน่นอนในขณะนี้คนๆ นั้นคงหนีไม่พ้นมาร์ค บราวน์

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้มขึ้นมองหญิงสาวสวยสะดุดตาตรงหน้าอย่างขันๆ เขาไม่ขุ่นเคืองในอารมณ์แม้แต่น้อยกลับรู้สึกสนุกที่เห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอ ฐิตารีคงได้ยินเรื่องที่เขาพูดสินะถึงออกอาการแบบนี้

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า น้องข้าวคงอยากพูดบางอย่างกับผม”

มาร์คกระตุกยิ้มบนมุมปาก ลุกขึ้นประจันหน้ากับนางฟ้าที่ขุ่นมัวด้วยอารมณ์ ความสูงของเขาข่มคนตัวเล็กจมมิดหายไปกับพลังเสน่หาที่เปี่ยมล้นข่มขวัญเธอให้กระจ้อยร่อย หากแต่คนตัวเล็กมิได้มีความหวาดกลัว เธอเชิดหน้าอย่างถือดีแม้ว่าภายในใจกำลังพลุ่งพล่านไปกับเสน่ห์อันมากล้นของเขา

“ผมขออนุญาตพาน้องข้าวไปคุยกันข้างนอกสักประเดี๋ยวนะครับ รับประกันว่าจะพามาส่งให้ถึงมือโดยไม่มีอะไรบุบสลาย”

ฐิตารีเม้มปาก หันมาขออนุญาตบิดามารดาเพื่อจะพาตัวเองไปกับผู้ชายตรงหน้า เธอแน่ใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอถ้าเธอไม่ยอม บางสิ่งบางอย่างบอกเธอว่าอย่างนั้น แม้จะเห็นเขาส่งเอกสารที่น่าจะสำคัญและมันทำให้บิดามารดาของเธอหน้าถอดสีไปได้

การเผชิญหน้ากับมาร์ค บราวน์ อีกครั้ง เป็นเรื่องที่น่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว ผู้ชายคนนี้อันตรายแค่ไหนเธอรู้อยู่แก่ใจมานานแล้ว รอยยิ้มหวานๆ เคลือบความร้ายกาจ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ สายตาคู่นั้นต่างหากที่มันให้สัญญาว่าจะไม่มีวันทำร้ายเธอแน่นอน

...เธอเชื่อ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel