ตอนที่ 2
2
หลังจากทุกคนพร้อมแล้ว คุณนายบราวน์ก็เกิดความคิดใหม่ขึ้นมาฉับพลัน
“เอ่อ...มีคนทั้งหมด 6 คน แบ่งไปรถ 2 คัน ดีไหมคะ ให้มาร์คขับรถไปคันหนึ่งพาหนูข้าวไปด้วย ส่วนผู้ใหญ่ก็ไปรถอีกคันจะได้คุยกันไปตลอดทาง ดีไหมคะ”
มาร์ครู้ว่ามารดาเปิดโอกาสให้เขาเต็มที่ แต่ฝ่ายหญิงนี่สิ เขาจะพอใจหรือเปล่าที่ปล่อยลูกสาวขึ้นรถไปกับผู้ชายอื่นตามลำพัง ถึงเขาจะเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าคนไทยค่อนข้างถือสากับเรื่องแบบนี้ ผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ไม่ควรอยู่ตามลำพังกับหญิงสาววัยกำดัด แถมเขาก็อยากสปาร์คสาวน้อยแทบแย่ แต่เธอสิ เอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาเขาเลยสักนิด ท่าทีเหมือนนางกวางตัวน้อยที่กำลังหวาดผวากับภัยมืด หรือเธอจะรู้ว่าเขาน่ะสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ถึงไม่กล้าสบตาแบบนี้
มุมปากบางกดลึกจนลักยิ้มบุ๋ม ความพอใจในตัวสาวน้อยเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ยิ่งเธอกลัวจนแทบอยากกระโจนหนี เขาก็ยิ่งอยากขย้ำเนื้อหอมๆ ของเธอนัก ไม่รู้หรือไง ท่าทางหวาดหวั่นจนตัวแทบสั่นระริกมันยั่วกำหนัดให้อยากรั้งเธอเข้ามาใกล้ แล้วขโมยจูบเธอจนทั่วตัว
“จะดีหรือคะ”
มารดาของสาวน้อยคงรับรู้ถึงอารมณ์รุนแรงของเขาตามสัญชาตญาณของการปกป้อง ชายหนุ่มระบายยิ้มแต่ดวงตาสีสวยกลับนิ่งแน่ว ถ้าเขาจะใช้ยกฐานะความเป็นเจ้าหนี้ขึ้นมาเรียกร้องขอสิทธิ์บ้างจะเป็นอะไรไหม ในเมื่อตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ก็ไม่ควรจะปฏิเสธความต้องการของเจ้าหนี้นี่นา
“ดีครับคุณน้า เรื่องของผู้ใหญ่บางครั้งก็น่าเบื่อเกินกว่าหนุ่มสาวจะทนฟังนานๆ อีกอย่างไปนั่งเบียดกันทำไม แบ่งกันไปจะได้ไม่อึดอัด จริงมั้ยครับ”
“ก็ได้ครับ” นายฐากูรเป็นคนตอบ “ข้าวไปกับพี่เขานะลูก แล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะลูก” ประโยคหลังบอกลูกสาวเสียงอ่อน
ฐิตารีมองบิดาทีมารดาที แล้วช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงที่สุดในกลุ่ม เจ้าของลักยิ้มที่เธออยากให้มีบนแก้มตัวเองบ้างฉวยโอกาสนั้นยิ้มใส่ตาสาวน้อยทันที ทำให้แก้มใสซับสีระเรื่ออย่างน่ารัก
แล้วนางฟ้าตัวน้อยก็เดินตามเทพบุตรตัวสูงขึ้นรถคันโก้สีดำมันปลาบ โดยมีเขาเปิดประตูให้ตามวิสัยของสุภาพบุรุษพึงกระทำต่อสุภาพสตรี
“คุณฐา คุณกมลา ถ้าพี่จะขอจับจองหนูข้าวให้ตามาร์คซะเลยวันนี้จะเป็นไรมั้ยจ๊ะ”
พิซิร่ารอจนรถเคลื่อนตามกันไปจึงเอ่ยปาก ทำเอาทุกคนในรถถึงกับหันมามองที่เธอเป็นตาเดียว
“คุณ! ไม่เร็วไปเหรอ” เดเมียนเตือนภรรยา ถึงจะพอใจเด็กสาวขนาดไหน เรื่องแบบนี้ถ้าเร็วไปจะไม่งาม
“นี่ฉันแค่พูดเกริ่นไว้เท่านั้นค่ะ เรื่องของเด็กๆ ก็ต้องให้เขาจัดการเอง แต่ฉันก็อยากบอกคุณฐากับคุณกมลาตรงนี้ก่อน เผื่อเกิดอะไรขึ้นวันข้างหน้า จะได้รู้ไว้ว่าเราพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง และพร้อมอ้าแขนรับหนูข้าวเป็นลูกสะใภ้ไงล่ะคะ”
“เอ่อ...ยัยข้าวยังเด็กมาก ฉันว่ารอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะค่ะพี่จันทร์ ตอนนี้ฉันอยากให้ลูกตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเดียว เรื่องอื่นมันยังไม่ถึงเวลาค่ะ”
กมลาอดที่จะทักท้วงไม่ได้ ฐิตารียังเด็กมาก จะพูดตรงๆ ณ วันนี้ยังไม่ได้ใช้นางสาวเลยด้วยซ้ำ อีกนานกว่าจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นใจลูกจะเป็นยังไงเธอก็ไม่รู้ เช่นเดียวกับใจของมาร์ค วันนี้สายตาของหลานชายสื่อความนัยไม่มีปิดบัง เธอก็ยังหวั่นๆ กลัวฝ่ายชายจะใจด่วนร้อนทำให้ฐิตารีหมดอนาคตทางการศึกษา ถึงแม้มาร์คจะเลี้ยงฐิตารีได้อย่างสบายๆ ไปตลอดชีวิตและพร้อมจะสร้างครอบครัวแล้ว แต่ถึงอย่างไรความหวังของแม่ก็คืออยากเห็นลูกเรียนจบรับปริญญาเสียก่อน
“เอาเถอะค่ะ คุณกมลาไม่ต้องเป็นห่วง พี่ไม่คิดจะบังคับฝืนใจหนูข้าวอยู่แล้ว เรื่องมาร์คก็อย่าได้ห่วง ลูกชายของพี่รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร พี่จะคอยปรามลูกอีกแรงถ้าคุณกมลาคิดว่ามาร์คจะใจเร็วด่วนได้ล่ะก็”
“เอ่อคือ...พี่จันทร์อย่าพูดเชิงตัดพ้อสิคะ ฉันคิดว่าคุณมาร์คไม่มีทางทำให้ทุกคนผิดหวังหรอกค่ะ”
แม้ใจจะยังหวั่นวิตกเพราะฝ่ายชายเป็นหนุ่มฉกรรจ์เรื่องพรรค์นี้ห้ามกันยาก แต่ในเมื่อมาร์คเป็นลูกของผู้มีพระคุณเธอจึงปฏิเสธไม่เต็มเสียง ถ้าสามีของเธอไม่มีเงินมาใช้หนี้ธนาคาร ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆ ก็คงจะปิดตัวลง ที่สำคัญสามีของเธอหยิบยืมเงินเพิ่มจากส่วนที่ต้องเอาไปใช้หนี้ธนาคาร เพื่อขยายกิจการร้านซ่อมและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน การขยายกิจการต้องใช้เงินทุนก้อนหนึ่ง สำหรับครอบครัวสุริยาพิบูลย์แล้วมันมากมายนัก อีกหลายปีกว่าจะใช้หนี้หมด เจ้าหนี้ก็ไม่ได้เรียกร้องดอกเบี้ยอะไร ให้หยิบยืมในฐานะญาติที่แม้จะห่างกันพอสมควรแต่ก็ยังมีน้ำใจให้กัน เธอกับสามีถือเป็นบุญคุณที่ต้องทดแทน หากจะต้องชดใช้ด้วยลูกสาวเพียงคนเดียวก็ขอใช้เวลาคิดหลายปีหน่อย
ถ้าอนาคตฐิตารีเกิดรักชอบพอมาร์คขึ้นมาทุกอย่างก็จบ หนี้สินจะถูกชดใช้โดยไร้ดอกเบี้ย แต่หากฐิตารีเกิดมีใจให้ชายคนอื่นเล่า เธอและสามีคงต้องเก็บเงินใช้หนี้และดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่ง
5 ล้าน ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยทีเดียว
“ถ้างั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ นะคะ ถ้าทั้งคู่ไม่พอใจกันก็แล้วไป หรือถ้าหนูข้าวไม่ชอบตามาร์คจริงๆ ฉันก็จะไม่บังคับ” พิซิร่าจบคำพูดด้วยเสียงทอดถอนใจ ดังนั้นทุกคนก็เลยหมดคำพูดต่อจากนั้นไปหลายนาที จวบจนเดเมียนรู้สึกอึดอัดจึงเปิดบทสนทนาเรื่องใหม่ขึ้นและยาวต่อเนื่องตลอดการเดินทาง
ภายในรถคันหรูที่สร้างขึ้นเพื่อเศรษฐีวัยรุ่นโดยเฉพาะ เพราะมีที่นั่งเพียงแค่ 2 ที่ คือที่นั่งคนขับและผู้โดยสารอีก 1 ที่เท่านั้น
ฐิตารีได้แต่ระงับใจที่เต้นแรงโลดจนนับไม่ทัน นึกกลัวคนข้างๆ จะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้นและเข้าใจผิดคิดว่าได้ยินเสียงรัวกลองดังลั่น ถ้าอากาศไม่หนาวจนต้องสวมเสื้อโค้ท เธอแน่ใจว่าทั้งร่างคงจะเปียกชื้นจากเหงื่อที่พากันทะลักออกมาทุกรูขุมขน อะไรบางอย่างในตัวผู้ชายข้างๆ มีแรงดึงดูดมหาศาล แรงดึงดูดที่เธอไม่อาจต้านทานได้เลย
“สวัสดีค่ะ เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการเลยนะคะ พี่มาร์คค่ะ แล้วนางฟ้าชื่ออะไรคะ”
สาวน้อยสะดุ้งเฮือก จู่ๆ เสียงทุ้มก็เปล่งออกมาเป็นภาษาไทยค่อนข้างชัด เขาพูดภาษาไทยได้ดีอย่างที่คาดการไว้ไม่ผิด ฐิตารีปรายตามองมือใหญ่ที่วางอยู่บนเกียร์รถก่อนจะตวัดขึ้นสบตาสีอัลมอนด์อย่างไม่แน่ใจ
“ข้าวหอมค่ะ” เธอตอบเสียงดังแค่ได้ยิน
มาร์คอมยิ้ม เด็กสาวกำลังกลัวเขา แน่ล่ะคนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เมื่อได้มาอยู่ด้วยกันตามลำพังในรถก็ต้องระแวดระวังไม่ไว้ใจไปตามประสา เห็นแบบนี้ไม่ได้กดความรู้สึกต้องการที่กำลังเอ่อล้นให้ลดระดับลงเลย ตรงกันข้ามเขากลับยิ่งปรารถนาร่างสั่นน้อยๆ นั่นมากกว่าเดิม
“ข้าวหอมมะลิน่ะเหรอคะ” เขาถามพร้อมกับกลั้นหัวเราะ
“ข้าวหอมเฉยๆ ค่ะ” เสียงหวานแข็งขึ้นเล็กน้อย
“อืม...งั้นก็กินได้สิคะ”
ฐิตารีตวัดตามองคนพูดยั่วโมโหตาขุ่นคว่ำ แต่พอเห็นแก้มบุ๋มเป็นอันต้องข่มอารมณ์ เธอแพ้ผู้ชายมีลักยิ้มด้วยสิ เพราะมันคือเสน่ห์เหลือร้ายของเขา ทว่ามาร์คหันมาสบตากลมวาวแล้วแกล้งวาดมือถูกท่อนแขนเล็ก ทำเป็นจะจับพวงมาลัยแต่เผลอไปโดนเข้า สาวน้อยชักมือหนีทันควัน
“ทำไมต้องกลัวพี่มาร์คด้วยล่ะคะน้องข้าวหอม” มาร์คถามอย่างอดเสียมิได้
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าแบบนี้คือเปล่า แล้วแบบไหนที่ใช่กันล่ะคะ”
ฐิตารีลอบถอนใจ ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ไม่บันยะบันยังจริงๆ เขาเป็นลูกครึ่งที่พูดไทยได้เพราะมาก เสียงทุ้มช่างนุ่มละมุนหู คะขาของเขาก็ฟังดูไม่ขัดหูเลย มันน่าฟังมากทีเดียว
อยู่ที่โรงเรียนใช่ว่าจะไม่มีใครมาแจกขนมจีบ มีเยอะและก็ถูกปฏิเสธไปเสียทุกราย เธอยังไม่อยากตกอยู่ในภาวะทางอารมณ์แบบผู้ใหญ่ ไม่อยากมีความรักระหว่างชายหญิง ไม่อยากต้องมานั่งผิดหวังเสียใจหากวันหนึ่งต้องทะเลาะกัน หรือวันหนึ่งจะต้องเลิกกัน วัยของเธอน่าจะเหมาะแค่อยู่ในห้องเรียนที่สุดแล้ว
แต่ผู้ชายที่โรงเรียนไม่มีใครมีเสน่ห์ล้นเหลือแบบนี้นี่นา เวลามีใครส่งยิ้มหวาน มองมาตาเยิ้ม หรือมีใครขยับมายืนจนชิด ลมหายใจรดกัน เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ หรือผู้ชายพวกนั้นจะไม่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอเหมือนผู้ชายคนนี้
ไม่นะข้าวหอม เธอยังเด็ก ยังไม่ใช้นางสาวเลยด้วยซ้ำ
“อีกไกลมั้ยคะกว่าจะถึง” เธอเฉไฉถามเรื่องอื่น และนั่นก็ทำให้มาร์คต้องระบายเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“หึ หึ พอสมควรค่ะ น้องข้าวหอมหิวแล้วหรือคะ”
ฐิตารีส่ายหน้าพัลวัน จะบอกตรงๆ ได้ไง เธอรับรู้ถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ และเธอก็แน่ใจว่าเขาคือคนอันตรายมากที่สุด
“เปล่าค่ะ แค่รู้สึกว่าในรถมันอึดอัด”
จบคำหลังคารถก็ถูกเลื่อนลงไปข้างหลัง สาวน้อยหน้าตาตื่นเกิดมาไม่เคยนั่งรถคันโก้ราคาแพงระยับ แถมยังเปิดประทุนได้แบบนี้
“แบบนี้โอเคมั้ยคะ” มาร์คกำลังสนุกสนานกับการทำตามใจสาวน้อยทุกเรื่อง การเห็นอาการตื่นตูมของเธอมันทำให้หัวใจของเขาเบิกบานชนิดไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำได้มาก่อน
ฐิตารีไม่ตอบ ไม่ว่าจะพูดอะไรหรือคัดค้านอะไรออกไป เขาต้อนเธอจนมุมตลอด การเลือกที่จะเงียบน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดกระมัง
“สงสัยพี่มาร์คจะพูดเยอะไป น้องข้าวหอมก็เลยเบื่อจะพูดกับพี่” คนตัวโตโอดครวญ คนตัวเล็กได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่ต้องชำเลืองมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา แล้วสรุปเงียบๆ อยู่ในใจว่า...
‘ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ’
แต่หากจะให้ต่ออีกสักนิดก็คงเป็น
‘ยิ่งถูกตรึงไว้ด้วยเสน่หา’
หัวใจของสาวน้อยกำลังสับสนกับความรู้สึกที่บังเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่หรอก สำหรับเธอมันไม่ใช่รักแรกพบ เพราะเธอแน่ใจว่าตอนนี้ ‘ยังไม่เกิดความรัก’ แต่อนาคตเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูกันต่อไป
“คุณพูดภาษาไทยเก่งมาก”
“คุณ! ไม่เอาค่ะ เรียกพี่มาร์คดีกว่านะคะ เรียกคุณมันห่างเหินพี่มาร์คไม่ชอบเลยค่ะ เอ...หรือว่าพี่มาร์คจะแก่เกินให้น้องข้าวหอมเรียกพี่คะ”
ทีนี้ฐิตารีกลั้นยิ้มจนแก้มป่อง สำรวจคนตัวโตให้ลึกซึ้งมากขึ้น ไม่เลย เขาไม่แก่เลยสักนิด ใบหน้าหล่อเหลานั่นไม่ได้มีความเป็นคนสูงวัยอยู่เลย ไม่มีริ้วรอยใดๆ นอกจากลักยิ้ม จนนึกอยากถามว่าแท้จริงเขาอายุเท่าไหร่กันแน่
“อายุเท่าไหร่คะ” แล้วเธอก็หลุดปากถามออกไป
“พี่มาร์คอายุ 30 ค่ะ แก่กว่าน้องข้าวหอมมาก หนึ่งรอบกับอีก 3 ปีเต็ม” มาร์คตอบแล้วรอฟังสาวน้อยที่เริ่มสนใจในตัวเขามากขึ้นซักถามต่อ
“ข้าว 2 คน เท่ากับพี่มาร์ค 1 คน”
ชายหนุ่มออกอาการสำลักน้ำลายตัวเอง ก่อนจะหัวเราะลั่นแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ใครๆ ก็รู้ว่ามาร์ค บราวน์ เป็นผู้ชายเส้นลึกที่สุดในโลก แต่สำหรับเธอคนนี้เขาพร้อมจะหัวเราะและยิ้มแค่ได้อยู่ข้างๆ เธอ ทำไมความรู้สึกนี้มันถึงรุนแรงปัจจุบันทันด่วน ‘รักแรกพบ’ สำหรับคนอื่นจะมีอาการเหมือนเขาหรือเปล่านะ
“แล้วสรุปว่าพี่มาร์คแก่เกินไปสำหรับน้องข้าวหอมหรือเปล่าคะ”
“ข้าวเรียกพี่มาร์คได้ค่ะ” ยิ่งกว่ายินดีเรียกเสียอีก เพราะเธอคงไม่รู้จะให้คำนำหน้าชื่อของเขาว่าอะไรดี ถ้าไม่ใช่พี่
“พี่มาร์คหมายถึง พี่แก่เกินไปสำหรับข้าวหอมหรือเปล่าค่ะ ทุกเรื่องของข้าว พี่มาร์คพอจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยได้ไหมคะ”
“มันเกี่ยวข้องกันตรงไหนคะ”
มาร์คระบายยิ้ม เหลือบตาเห็นมือบางขาวละเอียดนึกในใจว่ามันคงจะนุ่มและหอมกรุ่น เขาอยากจับขึ้นมาหอมหรือไม่ก็จูบไปทั่วมือบางๆ นั้น ถ้าไม่กลัวว่าสาวน้อยจะตกอกตกใจยกใหญ่แล้วล่ะก็นะ ฉับพลันเขาก็หยุดรถริมถนนสายนั้น
ฐิตารีหน้าตาตื่นหันซ้ายแลขวาแล้วเงยหน้าขึ้นเพียงแค่จะไม่เห็นหลังคารถ เพราะหมายถึงเธอกับเขาไม่ได้อยู่ในที่มิดชิดลับตาคน ทว่าพอเงยหน้าแล้วเธอต้องตาพร่างพราวเป็นประกายด้วยเห็นดวงดาวทอแสงระยิบระยับเกลื่อนท้องฟ้า จากความตระหนกจึงเปลี่ยนเป็นความพอใจและตรึงให้เธอต้องเงยหน้าค้างไว้อย่างนั้น
ชายหนุ่มเห็นอาการนั้นก็แหงนมองท้องฟ้าแล้วเห็นความงดงามของธรรมชาติเหนือจักรวาล นี่เองที่ตรึงใจสาวน้อยมากกว่าเขา
“สงสัยว่าดาวจะน่าสนใจมากกว่าพี่มาร์คเสียแล้ว น่าน้อยใจจัง”
ฐิตารีกะพริบตาปริบๆ ละสายตาจากหมู่ดาวบนท้องฟ้าหันมาสบตาสีอัลมอนด์ ก่อนจะยิ้มให้คนขี้ใจน้อยอย่างเผลอไผล ยิ้มหวานราวกับปลอบโยนนั้นทำให้มาร์คตาพร่าประหนึ่งดาวนับล้านกลายเป็นดาวหางพุ่งเข้าใส่เป็นพายุ
“พี่มาร์คยังไม่ตอบข้าวเลยนะคะว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน” และเมื่อเนื้อหาของบทสนทนาเดิมกลับมา มาร์คจึงเป็นฝ่ายกะพริบตาให้บ้าง ในขณะที่เธอยิ้มกว้างราวกับยินดีกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติก เธอกลับจำได้ในเรื่องที่ควรลืมเลือนไปแล้ว ก็เขาอยากให้เธอลืม
“เกี่ยวตรงที่พี่อยากรู้เรื่องของข้าวไปตลอดชีวิตค่ะ”
อยากรู้? หมายถึงอะไร?
สาวน้อยมึนไปทั้งหัว เขาอยากรู้เรื่องของเธอไปตลอดชีวิต อยากรู้แค่นั้นแล้วมันหมายถึงอะไรล่ะ
“เอาไว้อีก 5 วันนะคะ แล้วพี่มาร์คจะอธิบายให้ชัดกว่านี้ค่ะ”
ชายหนุ่มคิดว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อีก 5 วัน สาวน้อยจะใช้นางสาว ถึงวันนั้นเขาจะเลื่อนขั้นให้ตัวเองอีกขั้น
ฐิตารีไม่ได้รับคำตอบ เพราะมาร์คเคลื่อนรถออกไปจากตรงนั้น เขาเพียงแค่ยิ้มนัยน์ตาพราวไม่พูดไม่จา ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนเธอก็ตาพร่าไปกับรอยยิ้มน่ารักของเขาตลอดทาง
หลังจากดินเนอร์คืนนั้นผ่านพ้นไปด้วยใจที่เต้นระทึกตลอดเวลา ฐิตารีรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากซินเดอร์เรล่าที่ได้เจ้าชายอย่างมาร์คประคองกอดในอ้อมแขน แม้ในความจริงเขาไม่ได้แตะต้องเนื้อตัวเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอชื่นชมที่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมาก ตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง เปิดประตูรถให้เธอ หรือแม้แต่จะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ในยามที่เธอสงสัยว่ารถรุ่นนี้ทำไมคาดเข็มขัดยากนัก ที่แท้ตลอดเวลามือของเธอสั่นก็เลยทำอะไรไม่ถนัดต่างหาก
ทั้งนี้ทั้งนั้นมาร์คให้เกียรติเธอทุกวินาที ไม่แม้แต่จะแต๊ะอั๋งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่แววตาของเขาวับวาวดูอันตรายเหลือร้ายก็ตาม
ผ่านพ้นค่ำคืนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ นักธุรกิจอย่างเขาก็ใช้เวลาช่วงที่ว่างจากงานพาเธอไปเที่ยวชมในสถานที่ต่างๆ ของอังกฤษ ฐิตารีรู้สึกสนุกสนานคลายอาการเกร็งยามที่ต้องอยู่ใกล้ๆ คนร่างสูงจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุพาดผ่านอากาศเย็นๆ วันแรกผ่านไป วันที่สอง สาม ก็ตามมา ความห่างเหินค่อยๆ หมดลง ความสนิทสนมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พี่มาร์คก็ยังครองตัวเป็นสุภาพบุรุษที่มีรอยยิ้มทั้งปากและตาอันตรายที่สุดในโลก
หลังจากนั้นพี่มาร์คก็หายไป...
ฐิตารีไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน เธอไม่เจอเขาที่บ้าน ไม่เคยถามและไม่มีใครบอกว่าเขาไปอยู่ที่ไหน เธอรู้สึกว่ารอบกายที่เคยตื่นเต้นในช่วงระยะหนึ่งกลับหยุดนิ่ง ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ ถ้าเขาอยู่เธอจะได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ เสียงทุ้มที่หัวเราะและหาเรื่องต่างๆ มากมายมาเล่าให้ฟัง ถ้อยคำหวานหูเพราะลงท้ายด้วยคะ ขา ค่ะ ตลอด กำลังทำให้เธอติดพัน พอไม่ได้ฟังก็เหมือนขาดอะไรไปอย่าง
เขามีที่นอนอีกที่หนึ่ง!
เมื่อเขาไม่กลับบ้าน ฐิตารีก็รับรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาคงมีที่พักแห่งอื่นนอกเหนือจากบ้านหลังนี้ และบางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่เพียงลำพังที่นั่น
ใจสาวแฟ่บลงไปมาก สาวน้อยพยายามปัดความคิดคำนึงถึงให้กระเด็นออกไป แล้วหาอย่างอื่นทำแทน ไม่ปล่อยให้สมองคิดอะไรเพ้อเจ้อไร้สาระอีก
“คุณมาร์คจะนอนที่ไหนหรือครับคืนนี้”
โจเซฟถามเพราะเจ้านายของเขากลับไปนอนบ้านนานถึง 3 วัน นับเป็นเรื่องแปลก โดยปกติมาร์คจะนอนที่แมนชั่นหรูของเขามากกว่าบ้าน จะพูดให้ถูกก็คือมาร์คไม่ได้กลับไปนอนบ้านนานแล้ว เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บริษัทและแมนชั่น กลางวันทำงาน กลางคืนพักผ่อนตามประสาชายโสด
เมื่อวานนี้เจ้านายของโจเซฟนอนที่แมนชั่น วันนี้เขาจึงต้องถามเพื่อความมั่นใจจะได้แจ้งคนรถล่วงหน้า มาร์ค บราวน์ เป็นคนเจ้าระเบียบพอสมควร ทุกอย่างจะต้องถูกวางระบบไว้ล่วงหน้าเพื่อในขณะที่ทำจะต้องเนี้ยบ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเดินทางกลับบ้าน เมื่อขึ้นรถเขาจะไม่บอกคนรถว่าจะไปไหน คนขับรถจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้เจ้านายตนจะไปไหน หากผิดพลาดขึ้นมาโทษของเขาก็คือถูกตัดเงินเดือน
ด้วยเหตุนี้โจเซฟจึงต้องเป็นสอบถามและบอกคนขับรถล่วงหน้า
“บ้าน ฉันจะกลับบ้าน” ฟันเฟืองใหญ่แห่งเจมส์บราวน์ตอบ มาร์ควางปากกาในมือลงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ “โจเซฟ นายไปเปิดเซฟเลือกแหวนมาให้ฉันสักวงสิ เอาแบบน่ารักๆ นะ”
“แหวน! คุณมาร์คจะเอาไปให้ใครเหรอครับ หรือมีลูกค้ารายไหนต้องการดูตัวอย่างแล้วผมไม่ทราบ”
“เปล่า ฉันจะเอาไปให้คน”
“สาวๆ คนไหนโชคดีขนาดนี้ครับ ร้อยวันพันปีคุณมาร์คไม่เคยเอาเครื่องเพชรของเราไปให้ใครเลยนี่ครับ มีแต่จะให้เงินเอาไปซื้อเอง คุณยังบอกผมว่าขี้เกียจเลือกให้ แล้วเครื่องเพชรของเจมส์บราวน์ก็มีค่าเกินกว่าจะมอบให้ผู้หญิงพวกนั้น แล้วนี่...”
“หุบปากของนายเลยโจเซฟ ฉันจะเอาไปให้ใครก็เรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว หรืออยากเกี่ยว” หางเสียงของนายจ้างเต็มไปด้วยการคุกคาม โจเซฟไหล่เหี่ยว เสียงแบบนี้เป็นที่รู้กันว่าอย่าได้แหยมเลยเชียว ไม่งั้นชะตาขาดแน่
“ไม่อยากครับ แล้วจะให้เอาแบบไหน เพชรสีอะไร ขนาดนิ้วเท่าไหร่ เจ้านายไม่บอกรายละเอียดแล้วผมจะหยิบมาถูกใจไหมล่ะครับ”
มาร์คโคลงหัว อยากต่อว่าโจเซฟให้คิดมากกว่านี้ คิดและกลั่นกรองออกมาสิว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะมีลักษณะยังไง เครื่องเพชรทุกชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันหมด เหมือนความชอบของคนเราที่แตกต่างกัน และผู้หญิงที่เขาจะควงจริงจังด้วย ทำไมโจเซฟถึงวาดภาพไม่ออก
ทีเรื่องอื่นน่ะเก่งนัก!!
“ไม่ต้องแล้ว นายน่าเบื่อมากเลยนะโจเซฟ เรื่องแค่นี้คิดเองไม่เป็นหรือไง โง่!” ต่อว่าเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นพรวด
โจเซฟคอย่นคิดว่าวันนี้ซวยจริงๆ สงสัยจะไม่รอด เขาเตรียมรับการลงทัณฑ์จากเจ้านายหนุ่มซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ อย่างเบาก็คงโดนตุ้บสองตุ้บ อย่างหนักก็ถึงกับเดี้ยงต้องหนีบไม้ค้ำยันมาทำงานพรุ่งนี้ หรือไม่ก็...จะไม่มีวันพรุ่งนี้ที่บราวน์บิวดิ้งสำหรับเขาอีกต่อไป
“เจ้านายจะชกหน้าผมให้คว่ำ หรือไม่ก็เตะผมอัดกำแพงให้น่วมเลยก็ได้ แต่อย่าไล่ผมออกจากงานเลยนะครับ”
ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าลูกหน้าผู้มีอายุมากกว่า โจเซฟกำลังหลับตาปี๋รอรับการลงโทษจากเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงโดนสมใจอยาก มาร์ค บราวน์ สำหรับทุกคนในเจมส์บิวดิ้งไม่ใช่เทพบุตรใจดี แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเขายิ่งกว่าเทพบุตร แต่จริงๆ แล้วมาร์คไม่ชอบคนขัดใจ ไม่ชอบการผิดพลาด ไม่ชอบการฉีกกฎที่เขาตั้งขึ้นมา ถ้าใครไม่ทำหรือแค่ลืม โทษของคนพวกนั้นก็คือไปให้ไกลจากบราวน์บิวดิ้ง
ไม่แปลกหากโจเซฟจะรู้ชะตากรรมของตัวเอง
บทมาร์คใจดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็ร้ายจนขนหัวลุก ข้อนี้โจเซฟทราบดี ถ้าไม่ได้ยินเจ้านายสบถก็เป็นอันรอด แต่ถ้าได้ยินเมื่อไหร่ เตรียมตัวไว้ให้ดีแล้วกัน
โจเซฟเป็นมือขวาผู้รู้ใจเจ้านายมาก ไม่บ่อยนักที่มาร์คจะขุ่นใจเพราะเขา และถึงแม้โจเซฟจะพลาดทำให้เจ้านายอารมณ์ขุ่นมัว เขาก็ไม่เคยถูกทำโทษหนักๆ อย่างไปให้ไกลจากบราวน์บิวดิ้งเหมือนคนอื่น หากแต่เขาจะถูกพักงาน 3 วัน ถูกหักเงินเดือน เท่านั้นที่เขาเคยโดนมาแล้ว ถ้านับครั้งก็มีเพียง 2 ครั้ง และครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งที่ 3
“ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนายก็รู้ เฮ้อ...คราวหลังอย่าพยายามกวนอารมณ์ฉันอีกนะโจเซฟ ถึงนายจะทำงานกับฉันมานานจนรู้ใจมากกว่าใคร แต่ถ้าฉันรำคาญมากเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่ทนเหมือนกันจำไว้”
อสูรยังไม่คิดกำจัดเขา โจเซฟลืมตาขึ้นไม่เห็นเจ้านายหนุ่มอยู่ตรงหน้า เขาก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ วันนี้คุณมาร์คอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยเลยแฮะ เฮ้อ...ตกใจหมดเลย”
โจเซฟรีบเดินตามหลังเจ้านายไปก่อนที่จะถูกดุอีก ไม่งั้นเขาแย่แน่
มาร์คเปิดห้องนิรภัยเข้าไปเลือกแหวนเพชรที่อยู่ในตู้กระจก โจเซฟพูดไม่ผิดเรื่องที่ไม่รู้รายละเอียดแล้วจะเลือกถูกใจได้ยังไง รายละเอียดของสาวน้อยน่ะหรือ ชายหนุ่มไม่เคยแม้แต่จะจับมือ เขากะขนาดนิ้วเล็กๆ บอบบางนั่นด้วยความทรงจำ วาดไซส์ด้วยมโนภาพ แล้วสังเกตทุกสิ่งอย่างที่เธอชอบ ฐิตารีน่าจะชอบสีหวานอย่างสีชมพู ดูจากชุดที่เธอสวมเวลาไปเที่ยวกับเขา ชุดแต่ละชุดต้องมีสีชมพูประกอบ
ทว่า...เขาแอบเห็นต่างหูคู่เล็กๆ ของเธอเป็นสีฟ้า ต่างหูวัยรุ่นสีฟ้าขับให้ใบหน้าขาวยิ่งเด่นสวยมากขึ้น
แหวนเพชรแฟนซีไดมอนด์เจียระไน 52 เหลี่ยม น้ำงามไร้มลทินเจือปน บลูไดมอนด์ฝังเรียงไปทั่ววงแหวนมีไซส์เล็กเหมาะสำหรับผู้หญิงวัยรุ่น มาร์คเลือกวงนี้โดยมองข้ามพิ้งค์ไดมอนด์อีกวงไปเลย เขามั่นใจว่าฐิตารีจะต้องชอบวงนี้
“ใส่กล่องห่อให้ด้วย ฉันจะเอาไปเป็นของขวัญวันเกิดของคนๆ หนึ่ง อ้อ...ขอช่อดอกไม้สวยๆ สักช่อด้วยนะ”
โจเซฟรับแหวนวงน้อยน่ารักแต่มูลค่าแพงไม่เบาแล้วจัดการงานต่อไปตามที่ได้รับคำสั่ง ไม่พิรี้พิไรสอบถามเรื่องอื่นให้ถูกต่อว่าอีก แม้ใจจะอยากรู้ว่าใครคือผู้หญิงที่แสนโชคดีคนนั้นมากเพียงใดก็ตาม
