บทที่ 4
หลังจากที่มีการปะทะคารมกับกฤษฎาจนถึงขั้นลงไม้ลงมือบีบคอกันนั้น ณิชชาพัชร์ก็ขังตัวเองอยู่ภายในห้องพัก เธอได้แต่นั่งเหม่อมองทะเลผ่านทางกระจกหน้าต่างบานเล็กที่อยู่ภายในห้องนั้น พร้อมกับคิดทบทวนคำพูดของเขาที่พูดเกี่ยวกับการันต์ หญิงสาวมั่นใจว่าเธอไม่เคยรู้จักเขาและผู้ชายที่ชื่อการันต์มาก่อน แต่ทำไมเขาถึงได้กล่าวหาว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับน้องชายของเขา และสุดท้ายก็ทิ้งชายหนุ่มคนนั้นไปอย่างไม่สนใจใยดีทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง เขาต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ถึงได้ด่าว่าเธอด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและหยาบคาย เห็นทีเธอคงต้องพยายามสืบหาคำตอบว่าอะไรคือสาเหตุ ที่ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดเพี้ยนไปได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหาคำตอบเหล่านั้นได้จากที่ไหน ที่สำคัญก็คือเธอยังไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนด้วยซ้ำ และเธอจะติดต่อครอบครัวได้อย่างไรว่าเธอปลอดภัยดี ทางบ้านจะได้ไม่ต้องกังวลรวมถึงเป็นห่วงเธอ
และแล้วการเดินทางของเขาและเธอก็สิ้นสุดลง กฤษฎาพาณิชชาพัชร์ขึ้นฝั่งด้วยใบหน้าเรียบเฉยจนยากที่จะจับความรู้สึกของเขาได้ในยามนี้ว่าเขารู้สึกเช่นไร
“เดินให้มันเร็ว ๆ หน่อยสิชักช้าอืดอาดยืดยาดอยู่ได้” ชายหนุ่มหันกลับมาตวาดใส่เธอ
ณิชชาพัชร์ตวัดสายตาคมค้อนกฤษฎา ก่อนจะรวบชายกระโปรงชุดราตรียาวของตนเองเพื่อเดินตามเขาให้ทัน แต่ดูเหมือนว่าชุดราตรียาวที่เธอสวมใส่อยู่นั้นจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดิน ซึ่งโดยปกแล้วณิชชาพัชร์จะไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยสัดส่วนเช่นนี้ แต่เป็นเพราะพี่สาวบังคับให้เธอใส่ชุดดังกล่าว เพื่อไปร่วมงานปาร์ตี้แห่งหนึ่งแทน ทำให้ณิชชาพัชร์ต้องจำยอมสวมใส่ชุดราตรีที่พี่สาวเลือกมาให้ทั้งที่ไม่อยากใส่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวไม่เคยขัดใจพี่สาวของตนเองได้เลยสักครั้ง และเมื่อกฤษฎาหยุดเดินทำให้ณิชชาพัชร์เดินชนเขาเข้าอย่างจัง เพราะไม่คิดว่าเขาจะหยุดเดินอย่างกะทันหัน แรงกระแทกเกือบจะทำให้เธอเสียหลักล้มลงดีที่เขายื่นมือมารั้งตัวเธอเอาไว้
“ขอบคุณ”
กฤษฎาปล่อยตัวณิชชาพัชร์เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายยืนทรงตัวได้อย่างมั่นคง แต่ก็ยังไม่วายพูดจาเหน็บเธอ
“ไม่เป็นไรผมรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงอย่างคุณชอบอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชาย”
“นี่คุณคิดว่าฉันอยากที่จะตกอยู่ในอ้อมกอดของคุณมากหรือไง ฉันไม่เคยร้องขอให้คุณมาช่วยฉัน แต่คุณเองต่างหากที่เป็นฝ่ายดึงตัวฉันเข้าไปในอ้อมแขน แล้วจะมาพูดกล่าวหาว่าฉันอยากอยู่ในอ้อมกอดของคุณได้ยังไง” ณิชชาพัชร์เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมลดละ
“อย่าคิดเด็ดขาดว่าผมจะพิศวาสผู้หญิงอย่างคุณ เพราะมันไม่มีวันเป็นไปได้ ผมทั้งรังเกียจและขยักแขยงคุณด้วยซ้ำ แต่ที่ผมต้องรั้งตัวคุณไว้เป็นเพราะผมช่วยไม่ให้คุณล้มลงไปต่างหาก แทนที่คุณจะสำนึกในบุญคุณของผม แต่คุณกลับมายืนเถียงผมคอเป็นเอ็น การกระทำของคุณทำให้ผมนึกถึงนิทานเรื่องชาวนากับงูเห่า” กฤษฎาพูดพร้อมกับยิ้มเยาะอีกฝ่ายที่มุมปาก
ในช่วงจังหวะนั้นเองที่อานนท์เดินตรงเข้ามาหากฤษฎา ทำให้การต่อปากต่อคำด้วยวาจาที่เผ็ดร้อนของสองหนุ่มสาวต้องยุติลงก่อนเวลา อานนท์เอ่ยทักทายเจ้านายหนุ่ม
“สวัสดีครับคุณกฤษ”
“ลุงนนท์จัดเตรียมทุกอย่างตามที่ผมสั่งแล้วใช่ไหมครับ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“คุณตามผมมานี่”
กฤษฎาหันมาสั่งหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างตัว ก่อนจะเดินนำไปโดยมิได้หันกลับมามอง
“ผู้ชายบ้าอำนาจดีแต่ออกคำสั่ง”
ณิชชาพัชร์เผลอพูดในสิ่งที่ตนเองคิดโดยลืมไปว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เมื่อเธอหันไปเห็นชายวัยกลางคนยืนมองเธออยู่ เธอจึงส่งยิ้มแทนคำทักทายให้ชายคนดังกล่าว
“เชิญทางนี้เลยครับคุณณิชชาพัชร์”
“ลุงรู้จักชื่อของฉันด้วยหรือคะ”
อานนท์ไม่ตอบเขาเพียงแต่เดินนำเธอตรงไปไปที่บ้านพักของกฤษฎา ณิชชาพัชร์ค่อนข้างแปลกใจที่ชายคนนี้เรียกชื่อของเธอได้อย่างถูกต้อง เธอยอมเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย พร้อมกับคิดว่าทำไมชายตรงหน้าถึงได้รู้จักชื่อของเธอ ฉับพลันความคิดของเธอก็สะดุดหยุดลง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นบังกะโลหลังงามที่สร้างตั้งอยู่บนผิวน้ำ ณิชชาพัชร์รีบก้าวเดินขึ้นไปที่บังกะโลหลังนั้นทันที เธอพบกฤษฎายืนรออยู่กลางห้อง พร้อมกับสองสาวต่างวัยอีกสองคน
“ห้องของคุณอยู่ทางโน้น” กฤษฎาชี้ไปที่ห้องที่อยู่ทางด้านขวามือ
“ส่วนห้องนี้เป็นห้องผม และขอสั่งว่าห้ามเหยียบเข้าไปในห้องนั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาดเข้าใจไหม ถ้าไม่เชื่อฟังกันละก็คุณโดนดีแน่”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากจะก้าวเข้าไปในห้องของคุณนักหรอก”
“ทำให้ได้ตามที่พูดแล้วกัน...นั่นเสื้อผ้าของคุณ”
กฤษฎาพยักหน้าหันไปทางเสื้อผ้าที่วางอยู่บนโซฟา ก่อนจะหันไปสั่งหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“รีบไปเปลี่ยนซะสิ แล้วเราจะได้ออกมาคุยกันถึงสิ่งที่คุณต้องทำ”
หญิงสาวทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่เกี่ยงงอน เพราะอยากที่จะถอดชุดราตรีที่ตนเองสวมใส่อยู่ออกเช่นกัน
เมื่อหญิงสาวหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องพัก อ้อรีบถามเจ้านายหนุ่มทันทีโดยไม่รอช้า
“คุณกฤษแน่ใจแล้วหรือคะที่ให้คุณณิชชาพัชร์พักอยู่ที่นี่กับคุณกฤษ”
กฤษฎายังไม่ทันได้ตอบคำถามนี้ ก็ได้ยินเสียงร้องของอ้อดังแทรกขึ้นมา
“โอ๊ย! เจ็บนะแม่มาหยิกฉันทำไม”
“ก็แกมันปากไม่มีหูรูดชอบแส่เรื่องของเจ้านายดีนัก”
“ถามก็ไม่ได้เหรอแม่ก็ฉันอยากรู้จริง ๆ นี่ ฉันเป็นห่วงคุณกฤษหรอกนะแม่ถึงได้ถาม”
“หุบปาก”
“ป้าจุรีไม่ต้องไปดุอ้อหรอกครับ”
ตอนแรกเขาก็ไม่คิดที่จะให้ณิชชาพัชร์พักอยู่ที่เดียวกับเขา แต่เพราะต้องการที่จะควบคุมหล่อนให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา จึงต้องจัดห้องให้อยู่ภายในที่พักเดียวกัน
“ผมต้องการให้ลุงกับป้าคอยจับตาดูผู้หญิงคนนี้เอาไว้ อย่าปล่อยให้ไปเดินเพ่นพ่านที่ไหนเด็ดขาด โดยเฉพาะที่รีสอร์ตห่มรัก ส่วนอ้อเธอก็มีหน้าที่คอยติดตามณิชชาพัชร์อย่าให้คลาดสายตา และก็คอยควบคุมให้หล่อนทำงานทุกอย่างตามที่ฉันสั่ง”
“คุณกฤษจะให้อ้อคอยติดตามคุณพัชร์จริงหรือคะ”
“ใช่หรือเธอมีปัญหาอะไร”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เพียงแต่อ้อรู้สึกเข็ดขยาดอารมณ์ของคุณพัชร์ เธอเป็นผู้หญิงที่อารมณ์ร้ายมากเลยนะคะคุณกฤษ ที่ผ่านมาเวลาใครทำอะไรไม่ถูกใจ เธอเป็นต้องอาละวาดด่าทอ บางครั้งถึงกับขว้างปาสิ่งของ ถ้าหลบไม่ทันมีหวังหัวแตก หรือไม่ก็มีเลือดอาบบนใบหน้ากันบ้าง”
“ถ้าเขาทำกิริยาต่ำ ๆ แบบนั้นอีก ฉันอนุญาตให้เธอจัดการสั่งสอนเขาได้ตามใจชอบ”
“อ้อทำแบบนั้นได้จริงหรือคะคุณกฤษ แต่ใครละคะที่จะกล้าไปสั่งสอนหรือตักเตือนเธอ ดีไม่ดีอาจจะโดนจิกหัวตบ”
“ถ้าไม่กล้าทำก็มาบอกฉันเดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการหล่อนเอง”
“ได้เลยค่ะคุณกฤษ”
“ลุงนนท์ครับผมอยากจะให้ลุงไปสั่งกำชับทุกคนว่าห้ามพูดถึงการันต์ให้ผู้หญิงคนนี้ได้ยิน และไม่ว่าเธอจะถามอะไรเกี่ยวกับการันต์ก็ขอให้ปิดปากให้สนิท”
“ได้ครับคุณกฤษผมจะรีบไปจัดการตามที่คุณสั่ง”
“พรุ่งนี้ผมจะต้องเข้ากรุงเทพฯ และอาจจะต้องค้างที่นั่นคืนหนึ่ง ลุงนนท์ช่วยดูแลความเรียบร้อยทางนี้ให้ด้วยนะครับ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเวลา”
“คุณกฤษไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะจัดการดูแลทุกอย่างเอง”
“ผมอยากให้ลุงคอยควบคุมและจับตาดูณิชชาพัชร์ให้ดี บางทีหล่อนอาจจะคิดหาทางหนีไปจากเกาะนี้”
“ได้ครับ”
ในช่วงจังหวะนั้นเองที่ณิชชาพัชร์เดินออกมาจากห้อง พร้อมกับสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้ ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองเธอ กฤษฎามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาดูแคลน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจงใจนุ่งผ้าถุงซะสั้นขึ้นมาเหนือเข่ามากมาย ณิชชาพัชร์ขาดความมั่นใจเมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่มองมาที่เธอ
“ถ้าจะนุ่งสั้นขนาดนี้แก้ผ้าดีกว่าไหม”
“ฉันไม่เคยนุ่งผ้าถุงมาก่อนแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรจะนุ่งสั้นหรือยาว”
“แต่นี่มันสั้นมากไปค่ะคุณพัชร์”
“ต้องนุ่งยาวกว่านี้สินะ”
ณิชชาพัชร์จับผ้าถุงที่เธอพับไว้ที่เอวเพื่อปล่อยชายผ้าถุงให้ยาวลงมาแทบเท้า
“แบบนี้ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะแต่คุณพัชร์ต้องเดินระวัง ๆ หน่อยนะคะ ไม่เช่นนั้นจะสะดุดหกล้มได้”
“นั่นสิฉันก็กลัวว่ามันจะหลุดอยู่เหมือนกัน”
“นั่งสิ”
ณิชชาพัชร์ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวที่ใกล้ที่สุด
