บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองอนุวัตรอาจารย์ที่สอนมหาวิทยาลัยเดียวกับณิชชาพัชร์ ได้เดินทางมาที่บ้านของเธอ เพื่อสอบถามว่าเพราะเหตุใดเธอจึงไม่ไปสอนหนังสือตามตารางที่กำหนดไว้โดยไม่แจ้งให้ทางมหาวิทยาลัยทราบล่วงหน้า ที่สำคัญทางมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้ เขาจึงรับอาสามาตามเธอที่บ้าน และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงได้เข้ามานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกภายในคฤหาสน์หลังงามของตระกูลรุจน์สุธิตานนท์ อนุวัตรลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้บิดามารดาของหญิงสาว

“สวัสดีพ่อหนุ่ม...เชิญตามสบาย” ธนพัฒน์ซึ่งเป็นบิดาของณิชชาพัชร์รับไหว้และเอ่ยทักทายชายหนุ่มรุ่นลูก

“ขอบคุณครับ”

“เห็นเด็กไปบอกว่ามีแขกมาขอพบพัชร์คงเป็นคุณเองสินะ”

“ใช่ครับ ผมขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่ออนุวัตรเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับคุณพัชร์”

“ว่าแต่มาหาพัชร์ถึงนี่มีธุระอะไรสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ” มารดาของณิชชาพัชร์เอ่ยถาม

“คือคุณพัชร์ไม่ได้ไปสอนที่มหาวิทยาลัยมาสองวันแล้วครับ โดยไม่ได้แจ้งให้ทางมหาวิทยาลัยทราบ และก็ไม่มีใครสามารถติดต่อกับคุณพัชร์ได้เลย ผมก็เลยต้องมารบกวนเวลาเพื่อสอบถามข่าวคราวของคุณพัชร์ถึงที่นี่”

คำตอบของชายหนุ่มรุ่นลูกนั้นทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองต้องหันมาสบตากัน แต่ยัง ไม่ทันที่จะได้พูดจาอะไรก็มีคนเดินเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ทันทีที่อนุวัตรหันไปเห็นบุคคลที่เดินเข้ามาภายในห้องดังกล่าว ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับเรียกชื่อของเธอด้วยรอยยิ้ม

“คุณพัชร์”

“คุณทักคนผิดแล้วล่ะเพราะฉันไม่ใช่พัชร์”

คำตอบของอีกฝ่ายสร้างความงุนงงสับสนให้แก่อนุวัตรยิ่งนัก ก็เห็นอยู่ว่าผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องนี้หน้าตาเหมือนณิชชาพัชร์ราวกับพิมพ์เดียวกัน จะต่างกันก็ตรงที่การแต่งตัว เพราะผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นแต่งหน้าเข้มและแต่งตัวราวกับจะไปเดินแบบ ผิดกับณิชชาพัชร์ที่ชอบแต่งตัวด้วยสูทเข้าชุดกัน และมักจะแต่งหน้าแต่เพียงบางเบาเท่านั้น อนุวัตรไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นจึงปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ณิชชาพัชร์ หรือว่าเธอกำลังเล่นตลกอะไรกับเขา

“นี่ไม่ใช่พัชร์หรอกจ้ะแต่เป็นภาพี่สาวฝาแฝดของพัชร์”

ภัทรธิดามารดาของสองสาวฝาแฝดเอ่ยขึ้น เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่งุนงงของชายหนุ่มรุ่นลูก

“ทำหน้างุนงงแบบนี้สงสัยว่าพัชร์คงไม่ได้บอกพวกคุณละสิว่าเขามีพี่สาวฝาแฝด”

“ใช่ครับพวกเราไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย ผมจึงรู้สึกประหลาดใจที่คุณปฏิเสธว่าคุณไม่ใช่คุณพัชร์”

พัชราภาเดินไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่ พร้อมกับเอ่ยถามโดยไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าถามใคร

“กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ”

“คุณอนุวัตรเขามาถามหาพัชร์” มารดาของเธอเป็นคนตอบคำถามนี้

“นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็เป็นเรื่องของพัชร์นี่เอง”

พัชราภาหันไปถามอนุวัตรว่าเขาเป็นแฟนกับน้องสาวของเธอใช่ไหม

“ไม่ใช่ครับผมเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณพัชร์เท่านั้น”

“คุณอนุวัตรเขาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับพัชร์” ภัทรธิดาชี้แจงให้บุตรสาวคนโตฟัง

“อ๋อที่แท้ก็เป็นอาจารย์สอนที่เดียวกับพัชร์ ตอนแรกฉันนึกว่าคุณเป็นแฟนของพัชร์ซะอีก”

“เปล่าครับ”

ชายหนุ่มปฏิเสธทั้งที่จริงแล้วเขาชอบณิชชาพัชร์มาก แต่ก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้คิดกับเขาในแง่ชู้สาว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น เขาจึงไม่ได้บอกความรู้สึกของตนเองให้อีกฝ่ายรับรู้ ได้แต่เฝ้ามองเธออยู่ห่าง ๆ

“นั่นสินะ ผู้หญิงจืดชืดไร้รสนิยมอย่างพัชร์ คงจะไม่มีผู้ชายคนไหนมาให้ความสนใจหรอก” พัชราภาพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ

“ถ้าจะพูดจาไม่สร้างสรรค์แบบนี้ละก็ไม่พูดดีกว่าไหมภา” ธนพัฒน์กล่าวตักเตือนบุตรสาวคนโต

“คุณพัชร์ไม่อยู่หรือครับ”

พัชราภาสังเกตเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของบิดามารดา ด้วยไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของชายหนุ่มว่าอย่างไรดี ทั้งที่มันเป็นคำถามง่าย ๆ ทำให้เธอเป็นคนเฉลยข้อซักถามนั้นซะเองด้วยคำพูดที่ระคายหู

“ทำไมคุณพ่อคุณแม่ไม่ตอบเขาไปตามตรงละคะว่าพัชร์หายตัวไปตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ไม่รู้ว่านัดแนะกับผู้ชายและหนีไปอยู่ด้วยกันหรือเปล่า”

“ภาทำไมพูดถึงน้องแบบนั้นละลูกไม่น่ารักเลย”

“ไม่แน่เหมือนกันนะคะแม่ บางทีพัชร์อาจจะหนีตามผู้ชายไปจริง ๆ ก็ได้”

“พัชร์ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก”

“คุณพ่อมั่นใจได้ยังไงกันคะว่าพัชร์จะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนั้น”

“เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพัชร์ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่หนักใจ มีแต่เรานั่นแหละที่คอยแต่จะสร้างปัญหาให้พ่อแม่ตลอดเวลา”

“ใครจะรู้เห็นพัชร์เป็นคนเงียบ ๆ แบบนี้ บางทีอาจจะทำอะไรที่พวกเราคาดไม่ถึงก็ได้นะคะ อย่างเช่นการหนีไปอยู่กับผู้ชายตามลำพังโดยไม่บอกใคร”

“ฉันสั่งให้แกหุบปาก”

สรรพนามที่บิดาใช้เรียกตัวเธอเปลี่ยนไป ทำให้พัชราภารู้ดีว่าบิดากำลังโกรธที่เธอไปพูดจาให้ร้ายลูกสาวสุดที่รัก หญิงสาวเม้มปากแน่นเธอรู้สึกโกรธเคืองที่บิดาต่อว่าเธอต่อหน้าคนอื่น

“ภาแตะลูกรักของคุณพ่อไม่ได้เลยใช่ไหมคะ”

“พอได้แล้วนะภา” ภัทรธิดาเอ่ยปากห้ามบุตรสาวก่อนจะหันไปพูดกับสามีที่นั่งอยู่ข้างตัว

“คุณก็เหมือนกันนะคะหยุดได้แล้ว ไม่อายเขาหรือไงคะที่มานั่งทะเลาะกันต่อหน้าคุณอนุวัตรแบบนี้”

คำเตือนของภัทรธิดาทำให้สองคนพ่อลูกหยุดทะเลาะกัน

“ไม่ทราบว่าได้แจ้งความคนหายไว้บ้างหรือยังครับ” อนุวัตรถาม

“เราไม่ได้แจ้งความหรอกเพราะไม่อยากให้เป็นข่าว ตอนนี้ก็ได้สั่งให้คนออกติดตามหาตัวพัชร์อยู่ รวมถึงสอบถามไปยังญาติ ๆ และเพื่อนสนิทของพัชร์ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร”

“ผมว่าทางที่ดีเราควรจะแจ้งตำรวจไว้ก่อนนะครับ”

“แจ้งความไม่ได้เด็ดขาด” พัชราภาพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจกับคำแนะนำของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปพูดกับบิดา

“แจ้งตำรวจไม่ได้นะคะคุณพ่อ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเป็นขี้ปากชาวบ้านกันพอดี รุจน์สุธิตานนท์ ไม่ได้เป็นของพัชร์เพียงคนเดียวนะคะ ภาก็ใช้นามสกุลนี้ด้วยเหมือนกัน และถ้าเกิดว่าพัชร์ไปทำเรื่องเสื่อมเสียหรือไปทำเรื่องงามหน้าอะไรไว้ มันก็จะส่งผลกระทบมาถึงภาด้วยได้ขายหน้าคนเขาไปทั่ว ภาไม่ยอมหรอกนะคะ”

“ถ้าแกกลัวจะขายหน้ามากนักล่ะก็ฉันอนุญาตให้แกเปลี่ยนไปใช้นามสกุลอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องมาใช้รุจน์สุธิตานนท์ของฉัน”

“คุณพ่อ”

“ช่วยหยุดทะเลาะกันได้ไหมคะ แค่เรื่องที่พัชร์หายตัวไปก็ทำให้ฉันเครียดมากพออยู่แล้ว อย่าทำให้ฉันต้องปวดประสาทไปมากกว่านี้เลยค่ะ”

ภัทรธิดาเอ่ยขึ้นมาในที่สุด จากนั้นก็หันไปขอร้องอนุวัตรว่าให้ช่วยลางานแทนณิชชาพัชร์ อีกทั้งยังขอร้องให้เขาช่วยปิดเรื่องทั้งหมดที่เขาได้ยินในวันนี้ไว้เป็นความลับ เพราะถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปก็จะสร้างความวุ่นวายให้กับรุจน์สุธิตานนท์เป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรับปากจะทำตามที่ผู้อาวุโสร้องขอ และได้บอกกับท่านทั้งสองว่าถ้ามีความคืบหน้าเกี่ยวกับณิชชาพัชร์เมื่อไรให้รีบติดต่อบอกเขาด้วย ซึ่งท่านทั้งสองก็รับปากชายหนุ่ม จากนั้นอนุวัตรก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับความกังวลใจ ถึงการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของณิชชาพัชร์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel