บทที่ 2
ณิชชาพัชร์ได้แต่เก็บความข้องใจนี้ไว้และเลือกที่จะดื่มด่ำกับธรรมชาติตรงหน้าโดยไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ในขณะที่เธอกำลังชะโงกหน้าลงไปดูฝูงปลาที่พร้อมใจกันมาว่ายวนอยู่แถวนั้นอย่างเพลิดเพลิน เธอก็ได้ยินเสียงขัดจังหวะความสำราญดังแทรกขึ้นมา
“คิดจะทำอะไร! คงจะไม่ใช้วิธีโดดลงจากเรือเพื่อที่จะหนีไปจากผมหรอกนะ เพราะมันเป็นวิธีการที่โง่มากโดยเฉพาะกับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างคุณ ถ้าโดดลงไปเมื่อไรมีแต่ตายกับตายสถานเดียว แล้วอย่าหวังนะว่าผมจะลงไปช่วยคุณ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างคุณมันใจคอคับแคบไหนเลยจะยอมเสี่ยงชีวิตลงไปช่วยฉัน” ณิชชาพัชร์เชิดหน้าตอบชายหนุ่ม
“ถ้าเป็นคนอื่นผมอาจจะช่วย แต่ถ้าเป็นคุณผมจะแค่ยืนดูคุณทรมานและดำดิ่งลงไปช้า ๆ ด้วยความสะใจ”
“โรคจิต”
“ระวังปากหน่อยนะคุณ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก โดยเฉพาะกับผู้หญิงอย่างคุณ”
“ทำไมผู้หญิงอย่างฉันมันเป็นยังไง”
“แพศยา”
ณิชชาพัชร์ถึงกับชะงักและอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะโกรธจนควันออกหู เมื่อได้ยินคำพูดที่รุนแรงจากปากของเขา
“อะไรนะ! คุณมีสิทธิอะไรมาด่าฉันด้วยถ้อยคำรุนแรงเช่นนี้”
“คำนี้เหมาะกับผู้หญิงอย่างคุณที่สุดแล้ว”
“ฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่คุณก็ไม่มีสิทธิที่จะมายืนด่าฉันด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและหยาบคายแบบนี้ ทั้งที่เรายังไม่รู้จักกันและกันดีพอ”
“คุณอาจจะไม่รู้จักผมแต่ผมรู้จักนิสัยของคุณเป็นอย่างดี อย่ามัวแต่พูดมากอยู่เลยตามผมลงไปทานอาหารได้แล้ว”
“ฉันไม่กิน”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจ” หญิงสาวพูดเน้นทีละคำ
“ตามใจคุณ”
และแล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาประจานหญิงสาว ทำให้กฤษฎายิ้มเยาะออกมาก่อนจะพูดว่า
“ถ้าหิวมากขนาดนั้นก็เลิกเล่นตัวและตามผมลงไปทานอาหารด้วยกัน”
พูดจบก็เดินนำไปทันทีโดยมีณิชชาพัชร์เดินตามไปห่าง ๆ พร้อมกับพึมพำกับตนเองเบา ๆ
“ทำไมจะต้องมาดังประจานกันตอนนี้ด้วยนะน่าขายหน้าจริง ๆ”
เมื่อณิชชาพัชร์เดินกลับลงมาด้านล่างและตามไปสบทบกับชายหนุ่มที่โต๊ะอาหาร เธอพบจานสเต็กเนื้อพร้อมกับสลัดผักและที่จะขาดไม่ได้เลยคือไวน์แดงที่เขาจัดเตรียมไว้ หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่มก่อนจะลงมือทานอาหารที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ด้วยความหิว ต่างคนต่างทานกันเงียบ ๆ สุดท้ายณิชชาพัชร์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นซะเอง
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไม่จำเป็นต้องถามไปถึงที่นั่นเมื่อไรคุณก็จะรู้เอง”
กฤษฎาตอบโดยมิได้เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย ณิชชาพัชร์ตัดสินใจถามเขาถึงสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของเธอ
“คุณบอกฉันได้ไหมว่าการันต์คือใครและมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณ ที่สำคัญเขาเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”
คำถามของหญิงสาวมีผลทำให้กฤษฎาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เกลียดชัง ถ้าสายตาของเขาฆ่าคนได้เธอก็คงมอดไหม้เป็นจุณไปแล้ว
“นี่คุณมั่วผู้ชายไม่เลือกหน้าจนจำไม่ได้เลยเหรอว่าเคยนอนกับใครไว้บ้าง สำส่อนไม่เลือกเลยสินะว่าใครเป็นใคร ขอเพียงให้เป็นผู้ชายก็พร้อมที่จะแก้ผ้าเสนอตัวให้เขาหมด”
“ฉันถามคุณดีดีทำไมคุณต้องด่าฉันด้วยถ้อยคำที่หยาบคายแบบนี้ด้วย คุณมีสิทธิอะไรมาด่าฉันว่าแพศยาหรือสำส่อน”
“ใครว่าผมด่าคุณผมชมคุณต่างหาก คำสองคำที่คุณเอ่ยออกมามันเหมาะสมกับผู้หญิงอย่างคุณที่สุด หรือจะเอาคำว่าร่านพ่วงท้ายไปด้วยอีกคำก็ได้นะ ความหมายของคำเหล่านี้มันบ่งบอกตัวตนของคุณได้เป็นอย่างดี”
กฤษฎาพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ สายตาของเขายามที่มองมาที่เธอนั้นไม่ต่างอะไรกับการมองอีตัวชั้นต่ำราคาถูก จะว่าไปผู้หญิงหากินพวกนั้นยังดีซะกว่าเพราะเขาขายร่างกายเพื่อหารายได้เลี้ยงตัว ผิดกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้ เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลแต่ทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงหากิน มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้าขอให้หล่อหรือถูกใจ เธอก็พร้อมที่จะสลัดผ้าออกอย่างง่ายดาย และพร้อมที่จะมีอะไรกับผู้ชายเหล่านั้น อีกทั้งยังหลอกให้ผู้ชายหน้าโง่พวกนั้นหลงรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น เบื่อเมื่อไรก็เฉดหัวทิ้งไปอย่างไม่ใยดี จะต้องมีผู้ชายอย่างการันต์อีกสักกี่คนที่ตกเป็นเหยื่อของผู้หญิงสำส่อนคนนี้ ณิชชาพัชร์รู้สึกโกรธมากที่เขามาด่าว่าเธอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทั้งที่เขาไม่มีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น แต่เธอก็ต้องพยายามระงับอารมณ์เพียงเพื่อที่จะเจรจากับเขาให้รู้เรื่อง
“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าการันต์คือใคร เกี่ยวข้องอะไรกับฉันและคุณ”
“เขาเป็นน้องชายเพียงคนเดียวของผม และเป็นน้องชายที่ผมรักมาก แต่คุณก็พรากเขาไปจากผม”
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ฉันไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อการันต์ด้วยซ้ำ แต่คุณกลับปรักปรำว่าฉันพรากน้องชายสุดที่รักของคุณไป”
“เพราะผู้หญิงแพศยาอย่างคุณที่มาปั่นหัวน้องชายผม หว่านเสน่ห์ให้น้องของผมหลงรักคุณ ยอมให้เขาครอบครองคุณแต่พอคุณเบื่อคุณก็เฉดหัวเขาทิ้งไป โดยไม่สนใจว่าเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร ผู้ชายที่อ่อนต่อโลกอย่างการันต์มีหรือที่จะตามผู้หญิงเหลี่ยมจัดและสำส่อนอย่างคุณได้ทัน”
“ช่วยไม่ได้ก็น้องชายของคุณมาหลงเสน่ห์ฉันเอง”
ณิชชาพัชร์รู้สึกโมโหที่เขาด่าว่าเธอทั้งที่เธอไม่มีความผิด และทำไมคนบริสุทธิ์อย่างเธอจึงต้องมาทนให้เขาจิกด่าอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ทำให้เธอตอบกลับไปเช่นนั้นโดยที่ในความเป็นจริงเธอไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อการันต์ด้วยซ้ำ แม้แต่ชื่อของเขาเธอก็เพิ่งจะเคยได้ยินจากปากของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าในขณะนี้
“ก็ถ้าคุณไม่แก้ผ้าและให้ท่าน้องชายผมล่ะก็ การันต์ก็คงจะไม่ต้องมีจุดจบแบบนี้”
“ฉันเนี่ยนะให้ท่าเขา คุณคงจะเข้าใจอะไรผิดพลาดไป ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่เคยรู้จักผู้ชายที่ชื่อการันต์”
“โกหกหน้าด้าน ๆ การันต์เคยเล่าให้ผมฟังว่าคุณยอมนอนกับเขานับครั้งไม่ถ้วน เขาถึงได้หลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้นและรับไม่ได้ที่คุณทิ้งเขาไปอย่างไม่มีเยื่อใย ทั้งที่จริงแล้วผู้หญิงมากชู้หลายผัวอย่างคุณไม่มีคุณค่าควรแก่การจดจำด้วยซ้ำไป ทำตัวไม่ต่างไปจากพวกผู้หญิงหากิน ต่างกันตรงที่ผู้หญิงพวกนั้นเขาทำเพื่อความอยู่รอด หรือทำเพราะความจำเป็นบังคับ ส่วนคุณทำไปเพราะสนองความต้องการของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่เกิดมาในตระกูลผู้ดีทั้งยังมีการศึกษาจะทำตัวใฝ่ต่ำได้ขนาดนี้”
กฤษฎาพูดพร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความขยักแขยง สายตาของเขาแสดงถึงความเกลียดชังเธอให้เห็นอย่างเด่นชัด ณิชชาพัชร์สุดจะทนให้เขามาด่าเธออยู่ฝ่ายเดียว ความโกรธทำให้เธอพูดอะไรออกไปแบบไม่ยั้งคิด ในเมื่อปฏิเสธไปแล้วแต่เขาไม่เคยรับฟัง ทำให้เธอตอบโต้เขากลับไปด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อน และคำพูดเหล่านี้เองที่ย้อนกลับมาผูกมัดเธอ
“ก็ไม่ใช่เพราะผู้หญิงอย่างฉันหรอกหรือที่น้องชายของคุณหลงจนหัวปักหัวปำ ขนาดฉันเขี่ยทิ้งไปแล้วก็ยังมาอ้อนวอนออดอ้อนขอคืนดีกับฉัน”
“ณิชชาพัชร์”
กฤษฎาตวาดชื่อเธอเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนข้างตัวเธอ สายตาของเขาวาวโรจน์แสดงความโกรธแค้น มือของเขากำเข้าหากันแน่น ชายหนุ่มพยายามที่จะระงับความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ เพราะเธอเป็นผู้หญิง ถ้าคนที่ผู้ประโยคเหล่านี้ออกมาเป็นผู้ชายเหมือนเขาละก็คงจะโดนต่อยปากไปแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มาลอยหน้าลอยตา ต่อปากต่อคำกับเขาเหมือนเช่นที่เธอกำลังทำอยู่ ณิชชาพัชร์รู้สึกสะใจที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปกับคำพูดของเธอได้บ้าง
“ยอมรับความจริงไม่ได้หรือไงคุณ ช่วยไม่ได้นะก็น้องชายของคุณมันโง่เองที่มาหลงเสน่ห์ของฉัน”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันไม่หยุด ทีคุณยังด่าฉันด้วยคำพูดที่หยาบคายได้เลย แล้วทำไมคุณจะทนฟังความจริงเกี่ยวกับน้องชายของคุณบ้างไม่ได้”
ณิชชาพัชร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินมายืนเผชิญหน้ากฤษฎา แบบไม่เกรงกลัวต่อสายตาที่เกลียดชังรวมไปถึงท่าทีที่คุกคามของเขา
“ขอเตือนว่าอย่าพยายามยั่วโมโหผม ไม่อย่างนั้นคุณเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน” กฤษฎาเอ่ยเตือนอีกฝ่าย
“ถ้าคิดว่าคำขู่ของคุณจะทำให้ฉันกลัวละก็ฝันไปเถอะ ยอมรับความจริงเถอะนะว่าน้องชายของคุณโง่เองที่มาหลงรักฉัน”
“ผมบอกให้คุณหยุดพูด...หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”
กฤษฎาพูดพร้อมกับใช้มือบีบคออีกฝ่ายอย่างสุดแรง เขารู้สึกสะใจที่เห็นผู้หญิงตรงหน้าทรมานด้วยการขาดอากาศหายใจ ณิชชาพัชร์พยายามออกแรงดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากเงื้อมือของมัจจุราช แต่ดูเหมือนแรงของเธอจะสู้แรงของเขาไม่ได้ ตอนนี้เธอจึงรู้สึกราวกับว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจ และถ้าเขายังคงบีบคอเธอนานกว่านี้เธอคงจะต้องตายด้วยน้ำมือของเขา ยังดีที่เขายอมปล่อยมือจากคอของเธอพร้อมทั้งผลักร่างของเธออย่างแรง หญิงสาวเซถลาลงไปนั่งกองกับพื้นอีกทั้งสูดหายใจลึก ๆ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่สมเพชเวทนา ถ้าเขาไม่ปรานีเธอป่านนี้เธอคงไม่รอด
“จำไว้ให้ดีว่าอย่าพยายามมายั่วโมโหผมไม่อย่างนั้นคุณจะโดนหนักกว่านี้ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของผมจะได้ไม่เจ็บตัว”
กฤษฎาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินจากไป ณิชชาพัชร์ลูบไล้ไปตามลำคอของตนเองที่ตอนนี้ปรากฏร่องรอยแดง ๆ อย่างเห็นได้ชัด ขนาดเขาใช้มือเพียงข้างเดียวเธอยังเจ็บขนาดนี้ ถ้าเขาใช้สองมือบีบคอเธอล่ะก็เธอคงจบชีวิตด้วยน้ำมือของเขาไปแล้ว
“ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริง ๆ เพราะอะไร...ทำไมเขาถึงได้โกรธแค้นเรานักหนา”
นี่คือปริศนาที่เธอจะต้องพยายามค้นหาคำตอบ ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาเกลียดเธอได้มากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่เธอเองก็ไม่เคยรู้จักเขาและน้องชายของเขามาก่อน จะต้องมีการเข้าใจอะไรผิดพลาดไปแน่ ตอนนี้ณิชชาพัชร์ได้แต่กังวลว่าทางครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของเธอคงจะวุ่นวายที่จู่ ๆ เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ป่านนี้ทุกคนคงจะเป็นห่วงเราแย่แล้วที่หายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว” ณิชชาพัชร์พึมพำพร้อมกับถอนหายใจอย่างแรง
