บท
ตั้งค่า

บทที่ ๙ : หัวใจแตกสลาย 1

นันดินีผวาลุกขึ้นจากเตียงนอนที่ไม่คุ้นเคย ทรวงอกอิ่มสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ตอนแรกคิดว่าตัวเองคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่เมื่อมองไปรอบตัวอย่างพินิจพิเคราะห์ หญิงสาวจึงพบว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝันหรือมโนภาพที่สร้างขึ้น ยิ่งเมื่อเห็นเสื้อผ้าเปียกวางพาดอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ตัวยาว เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าได้รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาแล้วจริงๆ

นันดินีก้มมองชุดแขนยาวสีขาวที่รุ่มร่ามจนถึงข้อเท้าอย่างสงสัย คนที่ช่วยเหลือเธอไว้คงจะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพื่อลดโอกาสการเจ็บป่วย ขณะที่กำลังคิดว้าวุ่นนึกเป็นห่วงตัวเองว่ายามที่ร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า คนที่ช่วยชีวิตจะจัดการกับเธออย่างไรบ้าง ประตูไม้ที่ใกล้พังก็ถูกเปิดเข้ามาภายในห้องพักโกโรโกโสนี้เสียก่อน ดวงตาสีเขียวอมเทาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ

“ซามาห์!” หญิงสาวเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ

“คุณยังจำผมได้ เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เพื่อยื่นแก้วนมอุ่นส่งให้ แววตาที่ดูประหลาดใจของนันดินีทำให้ซามาห์ไหวไหล่อย่างมีเลศนัย แต่ก็ยังไม่ยอมอธิบายจนกระทั่งเธอเอ่ยปากถามขึ้น

“คุณมาที่นี่ได้ยังไง แล้ว...คุณเป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้ที่โอเอซิสนั่นใช่ไหมคะ”

“ผมมาที่นี่เพราะถูกส่งมา แล้วก็ผมอีกนั่นแหละที่เป็นคนว่ายน้ำลงไปช่วยคุณขึ้นมาทันเวลาพอดี” ดวงตาของชายหนุ่มดูสว่างไสว เพียงเพราะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่แอบประทับใจอีกครั้ง แต่หากนึกย้อนไปในตอนที่หญิงสาวดิ้นทุรนทุรายอยู่ใต้น้ำ เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมาไม่น้อย เพราะเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่มาถึงเมืองยาฮาห์ช้าเกินไป

“ถ้างั้นคุณเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ!” ใบหน้าที่ซีดเผือดของนันดินีทำให้ซามาห์รีบส่ายหน้า

“เปล่านะ ผมไปขอให้เจ้าของบ้านพักหลังนี้มาช่วยเปลี่ยนให้คุณต่างหากล่ะครับ”

“เหรอคะ” เธอลอบถอนหายใจและยิ้มแหย

“คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มยิ้มตอบ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ฉันแค่ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ว่าแต่คุณเถอะซามาห์ คุณตามฉันไปที่โอเอซิสได้ยังไง แล้วที่คุณบอกว่าถูกส่งมา...ดารัมดาสเป็นคนส่งคุณมาจับผิดฉันใช่ไหม” นันดินีไม่สนใจเรื่องใดอีก นอกจากต้องการรู้ว่าการรอดตายอย่างหวุดหวิดในครั้งนี้มันเป็นความบังเอิญหรือเพราะอะไรกันแน่

“ถูกแล้ว ดารัมดาสส่งผมมา แต่ไม่ใช่เพื่อจับผิดคุณหรอก เขาส่งผมมาคอยช่วยคุณให้รอดพ้นจากแผนการชั่วร้ายของผู้หญิงสกปรกคนนั้น มันอาจฟังดูเหมือนว่าพี่ชายผมเป็นคนดีนะ แต่คุณคงรู้ดีว่าจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงยอมให้คุณเป็นอันตรายไม่ได้”

“แน่ล่ะสิ ฉันเป็นนางนกต่อคอยทำงานให้เขานี่นา ถ้าฉันตายขึ้นมาเขาคงแย่” นันดินีแค่นยิ้ม

“อย่าตอกย้ำตัวเองนักเลยนันดินี ผมว่าคุณรีบทำเรื่องพวกนี้ให้มันจบดีกว่า ขืนชักช้าคุณก็จะยิ่งมีอันตราย นี่ถ้าวันนี้ผมมาช้าอีกแค่เสี้ยววินาทีเดียว ผมคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ที่ช่วยคุณไม่ทัน” คำพูดที่ตรงไปตรงมาว่ารู้สึกอย่างไร ไม่ได้ทำให้คนฟังสะดุดใจนัก เพราะกำลังอยากรู้อย่างอื่นมากกว่า

“เดี๋ยวนะคะ เมื่อกี้คุณบอกว่าดารัมดาสส่งคุณมาช่วยฉันให้รอดพ้นจากแผนชั่วร้ายของผู้หญิงสกปรก นี่คุณได้เห็นด้วยเหรอคะว่าคนที่ผลักฉันตกน้ำเป็นผู้หญิง ฉันเองก็คิดว่าต้องเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”

“ใช่ครับ คนที่ถูกส่งมาจัดการคุณเป็นผู้หญิงที่คุณเองก็รู้จักดี คุณรู้จักแม้กระทั่งคนที่ส่งเธอมาฆ่าคุณด้วยซ้ำ” ซามาห์ดูหงุดหงิดใจไม่น้อยเมื่อนึกถึงจิตใจอันร้ายกาจของหญิงงามตระกูลคาน ซ้ำยังทั้งโง่และบ้าอีกด้วยที่ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อผู้ชายที่ไม่ใช่ของตัวเอง

“คนที่ส่งเธอมาฆ่าฉันคงเป็นท่านชีคสินะคะ เขาคงคิดว่าฉันเป็นราน่า” ดวงตาคู่สวยดูสิ้นหวัง

“เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนันดินี ชีคชากีร์ยัฟไม่เลือดเย็นได้ขนาดนี้หรอก คนที่ทำร้ายคุณก็คือผู้หญิงที่คุณกำลังปกป้องอยู่นั่นแหละ ราน่าคือคนวางแผนทั้งหมด ให้คนขับรถจากตระกูลคานที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยมาส่งคุณที่โอเอซิส ส่วนคนที่ผลักคุณตกน้ำไปคือสาวใช้คนสนิทของเธอ” ชายหนุ่มอธิบายอย่างละเอียด

“มาวีด้า!” นันดินียกมือขึ้นทาบอก

“ใช่ครับ สาวใช้ที่ชื่อมาวีด้านั่นแหละที่ทำให้คุณเกือบตาย เสียดายที่ผมแสดงตัวไม่ได้ ต้องปล่อยให้เธอกลับไปรายงานนายสาวของเธอว่าทำงานสำเร็จ”

“ทำไมล่ะคะ”

“เราควรปล่อยให้ราน่าหลงระเริงกับความสำเร็จของตัวเองไปก่อนน่ะสิ”

“นี่คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน ดูคุณจะมองราน่าออกกว่าฉันเสียอีก”

“ผมอยู่กับกองโจรมาตั้งแต่ยังเล็ก ผมย่อมมีทักษะในการสังเกตและจับผิดคนอื่นได้มากกว่าคนที่ไร้พิษสงอย่างคุณอยู่แล้ว อีกอย่างจาฮีดาคอยรายงานทุกอย่างให้พี่ชายผมรู้แทบจะตลอดเวลา แม้กระทั่งเรื่องแผนชั่วร้ายของราน่านี่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะจาฮีดาเป็นคนแอบฟังและสังเกตอยู่เงียบๆ ดารัมดาสคงส่งผมมาดูแลคุณไม่ทัน” ซามาห์บอกให้นันดินีรู้ถึงประโยชน์ด้านดีของสายลับสาว แต่ในความเป็นจริงมันส่งผลดีต่อกองโจรดาวาร์เสียมากกว่า

“จาฮีดารายงานเรื่องของฉันกับท่านชีคไปบ้างไหมคะ” เธอถามเพื่อที่จะได้ระวังตัวให้มากกว่านี้

“แน่นอนอยู่แล้ว จาฮีดารายงานว่าบางครั้งคุณก็ดูเหมือนใจอ่อนจนทำให้ท่านชีคจับตามอง แต่บางครั้งคุณก็ใช้มารยาล่อลวงเขาจนอยู่หมัด พี่ชายผมดูจะพึงพอใจไม่น้อยเหมือนกันที่รู้ว่าคุณกล้าขอให้ไอ้ชีคนั่นจูบคุณเพื่อยืนยันความจริงใจ” ความหึงหวงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ทำให้ชายหนุ่มเผลอพูดจาก้าวร้าวออกมา นันดินีที่นั่งหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอายแอบเหลือบตามองอย่างประหลาดใจ แต่ก็คิดน้อยเกินกว่าจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายรู้สึกชอบพอ

“เอ่อ...จาฮีดาหูตาดีแบบนี้ ต่อไปฉันคงต้องระวังให้มากขึ้น ความจริงวันนั้นฉันไม่ได้อยากจะขอให้เขา...ให้เขาจูบฉันเลยนะคะ แต่ฉันทำไปเพราะเห็นจาฮีดาแอบดูอยู่ตรงประตู ไม่งั้นฉันคงไม่ยอมทำอะไรน่าอายแน่ๆ” หญิงสาวเอ่ยตะกุกตะกักเหมือนไม่รู้ว่าควรเรียบเรียงคำพูดอย่างไร แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่บูดบึ้งของซามาห์ดูดีขึ้นแทบจะทันที

“จริงเหรอครับ”

“ก็จริงน่ะสิคะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ผู้หญิงที่ไหนจะใจกล้าหน้าด้านขนาดนั้นถ้าไม่จำเป็น” คราวนี้นันดินีเอ่ยโดยไม่ยอมสบตา มันทำให้เธอพลาดที่จะได้เห็นรอยยิ้มและแววตาเป็นประกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความพอใจของเขา

“เอาล่ะครับ ผมว่าตอนนี้คุณควรกินยาแล้วนอนพักต่ออีกนิดดีกว่านะ”

“จะดีเหรอคะ คุณไม่คิดว่าฉันควรกลับไปแสดงตัวที่คฤหาสน์ตอนนี้จริงๆ เหรอ” หญิงสาวขอความเห็น

“มันยังเร็วเกินไป ดารัมดาสกำชับมาแล้วว่าผมต้องจัดการเรื่องนี้แบบไหน”

“แล้วมันแบบไหนล่ะคะ” เธอทำหน้ากระเง้ากระงอดอย่างไม่ตั้งใจ เพียงแค่ร้อนใจอยากกลับไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงร้ายกาจเร็วๆ นี่ถ้าต้องตายไปด้วยแผนการของราน่าจริง ดวงวิญญาณคงโศกเศร้าไม่จางหาย เพียงเพราะเข้าใจผิดคิดว่าชากีร์ยัฟคือคนเลวที่คิดจะกำจัดผู้หญิงตัวเล็กๆ ไปจากชีวิต แม้เธอจะเป็นแค่คนรับเคราะห์แทนก็ตาม

“ก็แค่ปล่อยให้เธอเล่นละครต่อไปสักพัก ในเมื่อเธอมั่นใจว่าคุณตาย เธอต้องแสดงความมั่นใจนี้ออกมาไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม มันเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ท่านชีคเกิดความสงสัยในตัวเธอยังไงล่ะ แล้วพี่ชายผมก็ฝากบอกคุณด้วยว่าคุณต้องทำให้ท่านชีคไล่ราน่าออกไปจากชีวิตของคุณให้สำเร็จ ถ้าปล่อยให้เธอวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ต่อไป ทุกอย่างจะแย่ลง”

“ฉันจะพยายามค่ะ ตอนนี้ฉันตาสว่างหายโง่แล้ว ฉันจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำคนเดียวแน่ ราน่าทำกับฉันเกินไปจริงๆ ถึงฉันจะผิดที่เข้ามาทำลายชีวิตรักของเธอ แต่เธอก็ไม่มีสิทธ์คิดฆ่าฉัน” หญิงสาวผิดหวังเหลือเกินที่ราน่าตอบแทนมิตรภาพอันบริสุทธิ์ด้วยวิธีนี้

“คนเห็นแก่ตัวบนโลกใบนี้มันมีอยู่แทบทุกมุม แล้วมันก็บีบให้เรากลายเป็นเลวได้ด้วย” พูดแล้วซามาห์ก็นึกถึงตัวเอง เขาก็เป็นอีกคนที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนเห็นแก่ตัว แล้วต้องมีส่วนพัวพันทั้งที่ใจไม่อยากจะยุ่งด้วยเลยสักนิด นี่ถ้าไม่ใช่เพราะสงสารและอยากปกป้องคนที่ถูกบังคับอย่างนันดินี ต่อให้ดารัมดาสข่มขู่อย่างไรเขาก็จะไม่ยอมเข้ามายุ่งกับเรื่องผิดๆพวกนี้เด็ดขาด

“แม้แต่ตัวฉันเองก็ด้วยค่ะ ฉันเองก็ยอมเลวเพราะเห็นแก่ตัว ยอมเลวเพราะต้องการยื้อชีวิตคนที่ฉันรักด้วยการทำร้ายคนอื่น” นันดินีน้ำตาคลอด้วยความขมขื่น

“นันดินี...” หัวใจชายหนุ่มสั่นไหวเมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ระทมของหญิงสาว

“ดารัมดาสเลวเพราะคลั่งในเงินทองและอำนาจ ราน่าก็ร้ายกาจเพียงเพราะความรัก ทุกคนต่างก็หาเหตุผลมาทำเลวกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ฉันก็จะทำบ้าง บางทีถ้าฉันรู้จักใช้มารยา ใช้ความเลวที่มีอยู่ในกมลสันดานของมนุษย์ให้มากกว่านี้ เรื่องบ้าบอแบบนี้มันอาจจะจบเร็วขึ้นก็ได้” แล้วหยาดน้ำตาก็ไหลรินออกมารดแก้มนวล ซามาห์ต้องบังคับตัวเองอย่างมากที่จะไม่เข้าไปใกล้ๆ แล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่สุดท้ายเขาก็ทำอย่างนั้นจนได้

“คุณไม่ต้องรู้สึกกดดันเพราะราน่านักก็ได้ ถ้ามันทำให้คุณเหนื่อยเกินไปแบบนี้ ผมนี่แหละจะจัดการด้วยตัวเอง รับรองว่าแม่คนนั้นจะไม่กล้าทำตัวร้ายกาจใส่ใครอีกแน่” ชายหนุ่มละมือออกห่างจากใบหน้าสวย เมื่อเธอหันมาจ้องหน้า

“ฉันดึงคนดีอย่างคุณเข้ามาเกี่ยวมากพอแล้วนะคะ”

“มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พี่ชายผมทำกับคุณ ผมคงรู้สึกผิดบาปมากถ้าปล่อยให้คุณเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตามลำพัง เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณแค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ แล้วลืมเรื่องที่จะจัดการกับคุณหนูตระกูลคานคนนั้นไปได้เลย เพราะผมจะทำเอง” ชายหนุ่มรู้สึกไม่ถูกชะตากับราน่านัก ทั้งที่ไม่เคยพบหน้าหรือพูดคุยกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เขารู้แค่เพียงว่าใครก็ตามที่คิดจะฆ่านันดินี มันก็เท่ากับเป็นศัตรูของเขาด้วย

ซามาห์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงปล่อยให้ความรู้สึกพวกนี้เข้ามาครอบงำเหนือหน้าที่ การที่เขาปล่อยใจให้หลงรักนันดินีแบบนี้ มันจะทำให้เกิดปัญหากับดารัมดาสในอนาคต เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้ผู้เป็นพี่ชายทำร้ายเธอมากไปกว่านี้อีก แม้นันดินีจะต้องแปดเปื้อนจากแผนสกปรกอย่างไม่มีทางเลือก ทว่าเขาก็ยินดีจะดูแลเธอต่อไปโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น บางทีมันอาจถึงเวลาแล้วที่จะประกาศสงครามกับพี่ชายในสายเลือดเสียที

“คุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ” นันดินีสูดน้ำมูกแล้วถามอย่างสนใจ

“คุณต้องทำให้ผมเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ราฮัล...ในฐานะพี่ชายของคุณ” ดวงตาที่จริงจังบ่งบอกว่าสิ่งที่หลุดออกจากปากคือความต้องการอย่างแท้จริง

ดารัมดาสคงหงุดหงิดมากที่ซามาห์ทำตามอำเภอใจโดยไม่คิดจะปรึกษา แต่ในความหงุดหงิดพวกนั้นย่อมมีความพอใจปะปนอยู่มากกว่า ในเมื่อสามารถส่งอสรพิษตัวใหญ่เข้าสู่ถิ่นฐานของเป้าหมายได้อีกคน คนเห็นแก่ตัวอย่างดารัมดาสย่อมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว

นันดินีไม่ได้โต้แย้งอะไรขึ้นมาสักคำ นอกจากนั่งนิ่งและใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ชากีร์ยัฟยอมรับพี่ชายกำมะลอของเธอเข้าสู่เคหะสถานที่เข้มงวดขนาดนั้น ลำพังชีคหนุ่มไม่น่าห่วงเท่าไร เพราะเขาดูจริงจังกับเธอเสียเหลือเกิน แค่ออดอ้อนแล้วให้เหตุผลประกอบอีกเล็กน้อยก็คงได้อย่างที่ต้องการ แต่ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่พ่อคนช่างค้านอย่างโมบารัคห์น่ะสิ

“ถ้าคนสนิทของท่านชีคตรวจสอบประวัติคุณเหมือนที่ทำกับพวกฉันล่ะคะ”

“เปิดทางให้พวกเขาได้เลย เพราะประวัติของผมขาวสะอาดเสมอ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครรู้หรอกว่าผมคือน้องชายของมหาโจรดารัมดาส พ่อของผมคงรู้ดีว่าผมมันไม่เอาไหน ถึงไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาเลย ดีแค่ไหนแล้วที่เขายอมให้ผมใช้นามสกุลเดียวกัน แล้วนามสกุลดาวาร์นี่ก็มีหลายตระกูลเสียด้วยสิ” เขายิ้มสดใส ไม่มีแววเศร้าสร้อยอย่างที่เธอคิดว่าจะได้เห็นเลยสักนิด

ราน่ารับประทานมื้อค่ำได้อิ่มเอมกว่าทุกวัน เพราะก้างชิ้นใหญ่ที่ขวางอยู่ในลำคอมานานหลายวันได้ถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้นแล้ว เนห์รูก็นอนซมอยู่ในห้องตลอดทั้งวันจนไม่รู้ว่านันดินีหายตัวไป ส่วนชากีร์ยัฟนั้นคงมีงานสำคัญที่ต้องจัดการ วันนี้ถึงกลับมาที่คฤหาสน์ในช่วงเกือบสองทุ่ม ทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องโถง ชายหนุ่มก็มองหานันดินีแล้วหันมาถามเอากับราน่า คราวนี้ช่างน่าแปลกนักที่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าหงุดหงิดใจออกมาเลย

“นันดินีหายไปไหน ผมถามจาฮีดากับสาวใช้คนอื่น ทุกคนต่างก็บอกว่าวันนี้ไม่เห็นเธอเลย” ใบหน้าหล่อประหารในยามนี้บูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ โมบารัคห์ที่เดินประกบอยู่ข้างหลังก็รู้สึกใจคอไม่ดีนักที่เห็นราน่าลอบยิ้มมีเลศนัย

“ทำไมถึงมาถามกับฉันล่ะคะ ในเมื่อทุกคนไม่เห็นนันดินี แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง”

“ก็คุณพูดเองนี่ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ผมมาถามกับคุณแล้วมันแปลกตรงไหน”

“หามิได้ค่ะท่านชีค แต่ต้องขออภัยจริงๆ ที่ฉันไม่ทราบเรื่องเลย ฉันเองก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย จริงสิ...ฉันได้ยินมาจากสาวใช้ว่าเนห์รูป่วย บางทีนันดินีอาจจะดูแลน้องสาวของเธออยู่ก็ได้นะคะ” ราน่าทำหน้าจริงจัง

“เมื่อกี้ผมถามกับจาฮีดาแล้ว เธอบอกว่าท่านหญิงนันดินีไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ครับ” โมบารัคห์เอ่ยขึ้นบ้าง

“นันดินีหายไปตั้งแต่ตอนไหน! ทำไมถึงไม่มีใครรายงานให้ฉันรู้” ชากีร์ยัฟหันมาตวาดใส่คนสนิทด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ดวงตาสีสนิมที่ดูทรงอำนาจดูกรุ่นโกรธจนเป็นประกายน่ากลัว ราน่าแสร้งทำเป็นกังวลใจ เริ่มเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องโถงพร้อมกับทำท่าทางครุ่นคิด

“แย่จริง ไม่มีใครรู้เลยว่านันดินีหายไปตอนไหนหรือกับใคร ฉันว่าบางทีเธออาจจะมีปัญหาอะไรอยู่ก็ได้ พักหลังมานี่คุณเอาใจใส่เธอมากพอหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอหนีไปก็ได้” หญิงสาวพยายามสร้างประเด็น

“ไม่มีทาง! นันดินีไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะทำอะไรก็ย่อมบอกผมก่อนเสมอ แล้วเมื่อเช้าก็สัญญาไว้แล้วด้วยว่าจะไม่ออกไปไหน เพราะเธอจะอยู่ดูแลเนห์รู” ชีคหนุ่มแย้งทันควัน

“ใช่ครับ ท่านหญิงรักคุณเนห์รูมาก ไม่มีทางที่จะทิ้งกันไปอย่างที่คุณหนูราน่าเข้าใจหรอกครับ” หนุ่มหน้าเข้มเห็นด้วยกับความคิดของเจ้านาย นันดินีเป็นห่วงเนห์รูยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก จะให้มาทอดทิ้งกันไปทั้งที่อีกฝ่ายนอนป่วยอยู่ ไม่ใช่นิสัยของว่าที่ชีคคาแน่

“ฉันก็แค่คาดเดาเท่านั้นโมบารัคห์ นายกล้าดียังไงถึงมาทำน้ำเสียงตำหนิใส่ฉัน!” เธอแหวใส่อย่างไม่พอใจ

“พอเถอะราน่า! นี่ไม่ใช่เวลามาหาเรื่องกันนะ” ชากีร์ยัฟแทรกขึ้นก่อนที่จะเกิดปัญหาจุกจิกกวนใจไปมากกว่านี้

“ผมว่ารีบส่งคนออกตามหาเถอะครับ ยิ่งดึกก็ยิ่งลำบาก” โมบารัคห์เสนออย่างร้อนใจ

“ฉันจะไปด้วยตัวเอง นายโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากคนของรัฐบาลด้วยนะ การที่นันดินีหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นแบบนี้ ฉันว่ามันต้องมีเงื่อนงำบางอย่างแน่ แล้วฉันก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าใครหรืออะไรที่มันทำให้เธอหายไปแบบนี้!” คราวนี้ชากีร์ยัฟหันมาพูดกับราน่าเหมือนต้องการบอกว่าเขาสงสัยเธอมากที่สุด ทว่าคนต้นเรื่องกลับจ้องตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน เพราะมั่นใจว่านันดินีที่ป่านนี้คงนอนนิ่งอยู่ใต้โอเอซิส จะไม่มีโอกาสบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น

ชากีร์ยัฟเกณฑ์คนออกตามหานันดินีตั้งแต่ค่ำจนกระทั่งฟ้าสาง หัวใจของชายหนุ่มเย็นยะเยือกเมื่อคิดว่าบางทีเธออาจจะได้รับอันตรายไปแล้ว คนของรัฐบาลเองก็ช่วยประสานงานและส่งกำลังคนไปตรวจสอบตามสถานที่ต่างๆ จนเกือบทั่วเมือง ทว่ากลับไม่พบแม้แต่ร่องรอย

เมื่อเดินทางกลับมายังคฤหาสน์อีกครั้ง โมบารัคห์ก็พยายามขอร้องให้ชีคหนุ่มขึ้นไปพักผ่อนข้างบน แต่เขายังคงยืนยันว่าจะรอข่าวของนันดินีต่อไป ในช่วงเวลาแบบนี้มันยากนักที่จะให้ข่มตาหลับลงได้ แต่เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเก้าโมงเศษ ใครสักคนที่แสดงตัวว่าเป็นพลเมืองดีก็ติดต่อมาหาที่คฤหาสน์ราฮัลโดยตรง ทันทีที่สาวใช้วิ่งกระหืดกระหอบมารายงาน ชากีร์ยัฟก็รีบเดินกึ่งวิ่งไปรับสายด้วยความรวดเร็ว

“ได้ยินมาว่านายพบเบาะแสของคู่หมั้นของฉัน นายรู้อะไรมาบ้าง นายพบเธอที่ไหน แล้วเธอปลอดภัยดีหรือเปล่า เธอบาดเจ็บตรงไหนไหม” น้ำเสียงคนถามฟังดูร้อนรนเหลือเกิน

“เอ่อ...ผมต้องขออภัยด้วยครับท่านชีค ผมไม่ทราบเลยว่าท่านหญิงปลอดภัยดีหรือไม่ ผมเพียงแค่อยากรายงานเบาะแสให้ท่านชีคทราบ คือ...” ทาบันอึกอัก เพราะถ้าราน่ารู้เรื่องที่เขาเข้ามายุ่ง อาจถูกลงโทษอย่างหนักเลยก็ได้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นประกาศตามหานันดินีที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเอง ทาบันก็คงไม่ยอมเสี่ยงแบบนี้

“รีบพูดมาสิ!” ชากีร์ยัฟตะคอกถามแล้วกำโทรศัพท์แน่นจนปลายนิ้วขาวซีด

“คือ...เมื่อวานนี้ตอนช่วงสาย ผมเห็นท่านหญิงแต่งกายด้วยชุดสาวใช้ของคฤหาสน์ราฮัล แล้วขึ้นรถ...เอ่อ รถแท็กซี่มุ่งหน้าไปทางทะเลทรายอาซูเซน่าเหนือ ตอนนั้นผมอยู่แถวนั้นพอดีครับ แล้วก็ได้ยินว่าท่านหญิงต้องการไปที่โอเอซิส”

“โอเอซิสงั้นเหรอ!” หัวใจของชีคหนุ่มร้อนรุ่มดั่งไฟเผา “เมื่อวานมีประกาศไปทั่วว่าจะเกิดพายุขึ้นที่ทะเลทรายในเขตเหนือ แล้วทำไมไอ้คนขับรถนั่นมันถึงไม่ห้ามเธอ นายเองก็ควรจะบอกให้เธอรู้ไม่ใช่เหรอฮะ!” ชายหนุ่มตวาดลั่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel