บท
ตั้งค่า

บทที่ 03 นางร้ายกับพลังเวท

บทที่ 03

นางร้ายกับพลังเวท

"จะใส่อะไรเยอะแยะ"

ชายหนุ่มในชุดองครักษ์ที่นับวันเริ่มหลุดลุ่ยไม่ดูสง่างามเช่นตอนแรกเอ่ยขึ้นหลังเห็นสภาพคุณหนูที่ทนอยู่มาด้วยสองปีกว่าๆ

ร่างเล็กที่แม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นแต่ส่วนสูงก็ไม่กระเตื้องขึ้นเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ได้สลัดชุดเดรสฟู่ฟ่องแสนสวยเหลือเพียงเสื้อกันหนาวตัวหนาทับกันหลายชั้น ผ้าพันคอที่พันทบจนปิดเกือบครึ่งหน้า รวมไปถึงหมวกไหมพรมที่ใส่เก็บเส้นผมสีดำสวยที่เริ่มยาว แว่นตากันแดดที่ปิดใบหน้าซีกที่เหลือจนมิด และยังมีรองเท้าบูตกับถุงน่องที่ยาวปิดขา มือบางที่ใส่ถุงมือหนากระชับร่มสีดำในมือแน่น

ดูเหมือนเด็กสาวจะกังวลไม่น้อยกับการเดินทางออกจากคฤหาสน์ครั้งแรกของเธอ

ทั้งยังเป็นตอนกลางวันเสียด้วย

"ฉันกลัวแดดเผา"

"ไหนบอกทำไอ้ครีมกันแดดอะไรนั่นได้แล้วไง" ร่างสูงขมวดคิ้วพลางย่างเท้าเดินไปหาร่างเล็กที่กว่าจะเดินถึงรถม้าคงอีกนานอย่างหงุดหงิด

"ของที่ฉันมั่นใจแค่ 70% ฉันไม่กล้าใช้หรอก"

วูล์ฟอยากจะกลอกตามองบนกับนิสัยที่ไม่เคยพอดีของคุณหนูของเขาจริงๆ พอถึงร่างเล็กมือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ผ้าพันคอผืนหนาก่อนจะโยนปิ้วเข้าไปในรถม้าจนเหล่าข้ารับใช้ที่ยืนส่งพากันร้องวี้ดว้ายอย่างตกอกตกใจ

ส่วนคุณหนูของพวกเธอนั้นกลับไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ทำเพียงหมุนตัวสองตลบก่อนจะนั่งลงบนเบาะนุ่มในรถม้าอย่างสง่างาม

"หมดธุระแล้ว ไปไหนก็ไป" วูล์ฟหันไปไล่พวกข้ารับใช้ที่มองอย่างตื่นตะลึงไม่หาย แล้วจ้ำอ้าวเดินเข้าไปนั่งในรถม้าตามคุณหนูของเขา

เด็กสาวตัวเล็กดูตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ออกจากคฤหาสน์ครั้งแรก และนี่เป็นการไปวัดพลังเวทครั้งแรกของเธอด้วย ก็ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกอย่างนั้น เวลา 5 ปีที่เอาแต่หมกตัวในคฤหาสน์มันทั้งน่าเบื่อและน่าเบื่อจริงๆ

"จำไว้ว่าพอไปถึงสภากลางก็อย่าเดินมั่วซั่ว ให้อยู่กับฉันตลอดเข้าใจไหม"

"ค่า~" บอกทีว่าหมอนี่เป็นแค่องครักษ์ ไม่ใช่พ่อ!

การวัดพลังปีศาจจะมีทุกๆ 5 ปี สำหรับปีศาจชนชั้นสูงถือว่าเป็นวันชี้ชะตาเลยก็ว่าได้ โดยทุกคนจะต้องเดินทางไปยังสภากลางเพื่อทดสอบพลังเวทของตัวเอง ส่วนสามัญชนจะสามารถวัดพลังได้ตามจุดที่ทางสภากลางกำหนดให้ และแน่นอนว่าคริสทัลที่ใช้วัดพลังก็แตกต่างกัน สำหรับชนชั้นสูงนอกจากจะบอกว่าพลังเวทมีหรือไม่มีหรือบอกธาตุหลักของพลังเวทแล้ว ยังบอกปริมาณพลังเวทในตัวอีกด้วย

หากพลังไม่มีหรือมีน้อย ก็จะทำให้อนาคตไม่รุ่งโรจน์ ง่ายๆ คืออนาคตดับไปเลยนั่นเอง

แต่ถ้ามีมากก็จะกลายเป็นอัจฉริยะมีแต่คนต้องการตัว

มันจึงเป็นวันชี้ชะตาอย่างไรเล่า

แต่สำหรับลีแอนด์นางร้ายเกิดใหม่แล้วเรื่องนี้ไม่สำคัญสักนิด! ถึงจะมีหรือไม่มีที่โลกเดิมเธอก็มีสกิลการต่อสู้ขั้นเทพอยู่แล้ว แม้จะแพ้หมาหมู่ก็เถอะ! (หัวร้อน) แต่แน่นอนว่าเธอเสียดายแน่ถ้าไม่มีพลังเวทเจ๋งๆ มาลองใช้ แล้วมันจะเป็นไรไปล่ะ? นี่ลีแอนด์ ลูเซตต้า บุตรสาวของดยุคปีศาจที่มีอำนาจล้นพ้นเชียวนะ การจะหาอุปกรณ์พลังเวทมาเสริมให้ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถสักนิด! (ภูมิใจ)

คฤหาสน์ปีศาจลูเซตต้าของเธอแทบจะอยู่ที่ชานเมืองเลยก็ว่าได้ แถมยังอยู่ใต้หุบเหวลึก อย่างที่รู้ว่านายท่านของบ้านเป็นแวมไพร์ คงไม่บ้ามาสร้างคฤหาสน์บนดินล่อแสงอาทิตย์หรอก ดังนั้นการเดินทางไปยังสภากลางหรือเมืองหลวงของดินแดนปีศาจจึงใช้เวลานานกว่าที่คิด

โชคดีที่เธอเอาหนังสือมาอ่านเล่น

ให้พูดกันจริงๆ เธอไม่ใช่หนอนหนังสืออะไรหรอก แต่หนังสือในโลกนี้มันก็เหมือนกับพวกเทพนิยายปรัมปราที่เธอชื่นชอบนั่นแหละ มีแต่เรื่องแปลกๆ น่าสนใจทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกหากทุกคนจะคิดว่าเธอเป็นเด็กรักเรียน เป็นอัจฉริยะหอยสังข์อะไรนั่น

มันน่าขำตรงที่ 'ยัยแอนนรกแตก' กลายเป็น 'คุณหนูอัจฉริยะ' ไปเพียงชั่วข้ามคืน

"ทำหน้าตาประหลาดอะไรของเธอ"

"ยุ่ง! " ลีแอนด์หันไปมององครักษ์หมาป่าตาขวาง แม้จะสงสัยที่อีกฝ่ายตัดผมหน้ารุงรังจนเผยให้เห็นดวงตางดงามสีประหลาดก็ตาม เธอยอมรับว่าหมอนี่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่ใช่น้อย แต่ถ้าลดความปากหมาลงได้จะดีมาก!

แต่ยังไงก็ไม่มีใครน่ารักสู้โยชิของเธอได้หรอก หึ!

สำหรับเมืองหลวงของอาณาจักรปีศาจ จะประกอบด้วยสถานที่สำคัญอยู่เพียงสองแห่ง นั่นก็คือปราสาทของจอมมารที่อยู่บนภูเขาเหนือเมืองหลวง แต่ความยิ่งใหญ่อลังการของมันก็เด่นชัดขนาดที่มองจากด้านล่างก็เห็นเพชรเม็ดโตที่ติดอยู่ตรงประตู ส่วนอีกแห่งคือสภากลาง อันเป็นที่รวบรวมเหล่าขุนนาง ข้าราชการ ผู้มีความรู้ทั้งหลายเอาไว้ เพื่อทำงานพัฒนาดินแดนปีศาจแห่งนี้ ว่ากันว่าจอมมารเป็นพวกรักสันโดษ และไม่ชอบอยู่กับปีศาจตนอื่นเท่าใดนัก เหล่าบรรดาขุนนางช่างประจบทั้งหลายจึงถูกเนรเทศลงมายังสภากลางแล้วทำงานก่อนจะส่งไปให้จอมมารตรวจดูทางด้านบน

ดูวุ่นวายจนลีแอนด์อยากจะถอนหายใจเฮ้อยาวๆ

สภากลางมีที่ตั้งคือตรงกลางเมืองหลวง มีลักษณะเป็นสีขาวบริสุทธิ์ขัดกับภาพลักษณ์อันดำมืดของปีศาจ มีบันไดวนรอบปราสาทที่ตั้งอยู่สูงเหนือบ้านช่องของเหล่าปีศาจ ที่เด่นเป็นสง่าคงไม่พ้นรูปปั้นมังกรสีขาวที่ใหญ่กว่าตัวปราสาทเกือบเท่าตัวเกาะกำแพงของปราสาทเอาไว้ราวกับผู้พิทักษ์

รถม้าสีดำสนิทติดสัญลักษณ์ตระกูลค่อยๆ แล่นผ่านช้าๆ เหล่าชาวบ้านที่มองมาพากันค้อมหัวให้อย่างเคารพนบน้อม สำหรับปีศาจแล้วการจะเคารพใครสักคนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแบบพวกมนุษย์ พวกปีศาจวัดกันที่ความแข็งแกร่งเท่านั้น จะบอกว่าชาวบ้านสามารถด่าพวกองค์ชายได้ หากองค์ชายผู้นั้นมันกากจนเกินเยียวยา

ลีแอนด์คลี่ม่านออกนิดๆ แง้มมองสภากลางตามคำบอกของวูล์ฟ หมาป่าดวงตาสีประหลาดที่นั่งกอดอกหลับตานิ่งอย่างไม่สนโลก ก่อนที่ลีแอนด์จะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นสภากลางที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

"นั่นมัน..."

1 ในสถานที่อีเว้นที่นางเอกจะเจอเหล่าพระเอกนี่!

ลีแอนด์แทบจะลืมไปเลย เพราะฉากนี้ถ้าไม่อ่านไกด์เกมมาก่อนหรือดวงดีเลือกถูก ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าจริงๆ นางเอกยังมีอีเว้นที่สามารถสร้างความประทับใจแรกพบให้กับพวกพระเอกได้!

เธอลืมได้ยังไงว่าพวกพระเอกมันชนชั้นสูง การมาวัดพลังครั้งนี้ก็เหมือนการนัดรวมตัวกันของเหล่าบุคคลที่จีบได้และสามารถฆ่าเธอได้นั่นแหละ!

เอ้า กลับมาที่เรื่องเกมกันต่อ อย่างที่บอกไปว่านางเอกสามารถสร้างความประทับใจแรกกับพวกพระเอกได้ คือก่อนกดเริ่มเกมคุณเลือกที่จะกด Skip บทนำ อันเป็นคำโปรยของเกมที่รู้กันดีอยู่แล้ว คุณก็จะพลาดตัวเลือกอย่าง 'เดินไปเจอคุณพระเอกผมขาวที่กำลังถูกรังแก' หรือ 'พาคุณชายผมสีแดงที่กำลังหลงทางไปส่งที่หมาย' และอะไรอีกไม่รู้เยอะแยะ เธอจำไม่ได้หรอก!

เป็นอีเว้นลับที่เราสามารถเป็นที่จดจำของพระเอกตั้งแต่วัยเด็กได้ และเมื่อตอนโตที่ไปเจอกันในโรงเรียนก็จะสามารถลดความซาดิสต์ของพวกพระเอกลง และจีบพวกพระเอกได้ง่ายขึ้นด้วย แต่อีเว้นนี้จำกัดเพียงพระเอกคนใดคนหนึ่งเท่านั้น มันจึงเป็นอีเว้นที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่นัก

แต่ลีแอนด์รู้ดีว่า 1 ในพระเอก วันนี้จะได้เจอกับนางเอกแน่นอน!

ลีแอนด์แสยะรอยยิ้มอย่างถูกใจ

"ทำหน้าโรคจิตอะไรของเธอ ยัยบ้า"

"..."

แม้จะรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่นางเอกจะทำให้โอกาสการตายของเธอสูงขึ้น แต่เธอก็ไม่สน ช่างแม่ม!

เรื่องที่เธออยากรู้ตอนนี้มีเพียงเรื่องพลังเวทของตัวเองเท่านั้น

สำหรับเธอความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้เธอมีชีวิตรอด!

ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ในโดมใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อทดสอบพลังเวทของเหล่าปีศาจชนชั้นสูงโดยเฉพาะ แน่นอนว่าการแต่งตัวประหลาดของเธอดึงดูดสายตาปีศาจตนอื่นได้ไม่น้อย แต่อาจจะเป็นเพราะรังสีสังหารจากคนที่นั่งข้างๆ ก็ได้ ทำให้ไม่มีใครกล้าจ้องอย่างออกนอกหน้า

แต่ถึงจะจ้องเธอก็ไม่แคร์อะไรอยู่แล้วล่ะนะ (ยิ้มๆ)

"มองอยู่ได้ น่ารำคาญฉิบ! ยัยคุณหนูเธอก็รีบๆ ถอดชุดพะรุงพะรังของเธอได้แล้ว มันไม่มีแสงเข้ามาแล้วน่า! "

ดูเหมือนจะมีแค่เธอที่ไม่แคร์สินะ (เบะปาก)

"พูดมากตดเหม็น! รำคาญมากก็ไปรอข้างนอก! " เธอโบกมือไล่อย่างไม่คิดเกรงใจความรู้สึกอีกฝ่าย ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวก็ไม่คิดใส่ใจเช่นกัน ก่อนจะยักไหล่แล้วเดินอย่างสบายๆ จากไปไม่สนหน้าที่องครักษ์พิทักษ์คุณหนูของเธอสักนิด!

พอวูล์ฟเดินออกไปได้สักพัก บรรยากาศรอบตัวก็เริ่มเงียบลง พร้อมกับไฟสว่างนวลตาก็สว่างขึ้นกลางเวทีเผยให้เห็นร่างของจอมปราชญ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงมือขวาของท่านจอมมารปรากฏตัวขึ้น แม้อายุจะผ่านไปหลายพันปี แต่นอกจากริ้วรอยบนใบหน้าเพียงเล็กน้อยแล้ว เขาก็ดูเหมือนผู้ใหญ่วัยกลางคนทั่วไป เสียแต่มีเขาเล็กๆ สองข้างบริเวณหน้าผากของตน

กลิ่นนี้...ยักษ์รึ?

ลีแอนด์ไม่รู้ว่าตัวเองรู้ได้อย่างไร แต่คิดว่าคงเป็นสัญชาตญาณส่วนหนึ่งของการเป็นปีศาจล่ะมั้ง

จอมปราชญ์ที่ลีแอนด์ไม่สนใจยังคงพล่ามถึงพิธีเปิดและกล่าวอวยพรเอาฤกษ์เอาชัยให้แก่เหล่าเด็กน้อยทั้งหลาย ส่วนคนแก่ที่อยู่ในร่างเด็กเริ่มมองซ้ายมองขวาอย่างสำรวจ

เธอจำใบหน้าของพวกพระเอกมากไม่ได้หรอก นอกจากสีผมแสบตาหายากพวกนั้น เหมือนจะมี...

"อ๊ะ"

แสงไฟในโดมค่อยหรี่ๆ ลงจนเหลือแสงไฟจากตรงกลางแท่นพิธีเท่านั้น ทำให้ที่นั่งของเหล่าเด็กปีศาจมืดลงจนแทบมองไม่เห็น ลีแอนด์จึงหันไปสนใจแท่นตรงกลางโดมแทน บนแท่นนั้นไม่มีจอมปราชญ์อีกแล้วมีเพียงคริสทัลสีใสเป็นประกายส่องแสงออร่าแปลกๆ อย่างที่ชวนให้คนมองรู้สึกไม่ปลอดภัยออกมาแทน ข้างๆ เป็นชายในชุดคลุมของสภากลางที่ยืนถือสมุดบันทึกอยู่ คาดว่าเขาคงเป็นผู้ตรวจสอบ

"ลีแอนด์ ลูเซ็ตต้า"

หืม คนแรกเลยเรอะ!?

ลีแอนด์ค่อยๆ เขยิบก้นให้ไหลลงเก้าอี้อย่างช้าๆ อย่างที่รู้ว่าร่างกายเธอมันแทบไม่พัฒนาอะไรเลย สูงยังไงก็สูงยังงั้น ทำเอาเธอกลุ้มใจแอบไปกินนมในครัวตอนดึกทุกวันจนท้องเสียหนักมาก เรื่องก็เลยถึงหูท่านพ่อเข้า ผลสรุปก็คือเธอยอมแพ้ให้กับน้ำตาเม็ดโตที่ไหลพรากของดยุคปีศาจพร้อมรังสีฆ่าฟันของผู้เป็นองครักษ์ที่ทนไม่ได้ที่เห็นเจ้านายต้องหลั่งน้ำตา!

เธอคงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละ

"นั่นแวมไพร์ตนที่สองเหรอ"

"แต่งตัวแปลกเป็นบ้า น่าสงสารท่านดยุคผู้เก่งกาจชะมัด"

เสียงซุบซิบนินทาดังก้องไปทั่วโดมจากเด็กน้อยที่ความคิดเริ่มไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว ทำเอาลีแอนด์อยากจะถอนหายใจให้กับความเป็นไปของโลกจริงๆ แต่ช่างเถอะ โลกเก่าของเธอเด็กแก่แดดกว่านี้เยอะแยะ

"เหอะ นี่น่ะหรือว่าที่คู่หมั้นขององค์ชาย ช่างไม่ได้เรื่องเสียจริง! ไม่รู้จักการแต่งตัวให้เหมาะสมเลยสินะคะ"

เสียงหวีดแหลมที่ดังข้างๆ ทำให้ลีแอนด์หันขวับไปมองยัยเด็กตัวเล็กผมสีฟ้าสวยราวกับท้องฟ้ารับใบหน้าเล็กน่ารักที่ไม่เข้ากับปากหมาๆ ทำเอาลีแอนด์อยากจะเอามือกุมอกแล้วสวดวิงวอนกับพระเจ้าที่มอบใบหน้าอันงดงามแต่ดันเอานิสัยเน่าเฟะมาใส่เสียจริงๆ

ถึงทุกคนจะนินทาซุบซิบเพราะการแต่งตัวของเธอ แต่ก็เป็นเพียงเสียงเบาๆ จากระยะไกลๆ เท่านั้น พวกนั้นยังคงให้เกียรติกับตำแหน่งท่านหญิงแห่งปราสาทลูเซ็ตต้าของเธออยู่

ก็มีแต่ยัยหัวฟ้าคนนี้นี่แหละที่นั่งอยู่ริมทาง แล้วยังกล้าพูดตอนเธอกำลังเดินผ่านพอดี

"ก็ธรรมดาแหละนะคะสำหรับพวกเผ่าพันธุ์ที่ล่มสลายไปแบบนั้น! "

"หยุดเถอะน่าลูซิก้า! " เสียงเตือนเบาๆ จากเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ

"เผือกไร? "

"อ่ะ...เอ๊ะ" ลูซิก้าสะดุ้งนิดๆ ที่ร่างในชุดพะรุงพะรังหันมามองเธอพลางกอดอกถามเสียงเขียว ดวงตากลมแววสีแดงที่อยู่หลังแว่นกันแดด แต่ตอนนี้มันกลับดูเรืองรองประหลาดจนเห็นได้อย่างเด่นชัดทำเอาลูซิก้ารู้สึกเหงื่อตกนิดๆ

น่ะ...ไหนบอกว่าท่านหญิงแห่งลูเซ็ตต้าเป็นพวกเด็กดี (?) อัจฉริยะ (?) รักความสงบ (?) ไง!

"ไม่รู้ไรยังพูดมากอีก นอกจากไอ้องครักษ์ขี้เก๊กของฉันยังมีพวกพูดมากปากเหม็นอยู่อีกเรอะ! เธอน่ะไปแปรงฟันซะไป๊! เหม็นขี้ปากว้อย! พูดมากเดี๋ยวเบิ๊ดกะโหลกให้หายปากหมาเลย! " ไม่วายยังทำท่าประกอบทำเอาทุกคนมองอย่างพรั่นพรึง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเท่าไหร่นัก พอพูดจบก็เดินเตาะแตะไปยังลานพิธีอย่างไม่สนใจระเบิดที่ทิ้งเอาไว้สักนิด!

น่ะ...นี่เขาเรียกว่าถ่อยรึเปล่าค๊าาาาาา?!!!!!!!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel