ตอนที่ 2.3
“อีกที มีหมัดเด็ดอะไรปล่อยมาให้หมด”
ธรรศบอกเธอแล้วเหวี่ยงเธอให้ลุกขึ้นยืน ญภาอาศัยช่วงที่ธรรศเผลอเธอตวัดปลายเท้าหมายจะให้ถูกเข้าสักที่ แต่ธรรศพลิกหลบแล้วตะปบร่างบางของเธอด้วยอ้อมแขนที่อบอุ่น พร้อมกับเรียวขาที่แข็งแรงล็อคขาของเธอไว้
“โอ๊ย เจ็บนะ อื้อ”
ญภารู้สึกหงุดหงิดที่นอกจากจะไม่สามารถอวดให้เขาเห็นว่าเธอเก่งได้แล้ว ยังถูกเขาโอบกอด ประชิดตัว จนเธอมักจะตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลา
“คนฉวยโอกาส ปล่อยนะ”
เธอร้องโวยวายขึ้นเมื่อพวงแก้มขาวแตะสัมผัสถูกกับปลายจมูกรุมร้อนของเขา
“ผมไม่คิดเลยนะว่า เทคนิคการต่อสู้ของคุณ ไม้เด็ดคือการเอียงแก้มให้คนร้ายได้ดอมดม”
ธรรศพูดจบก็ยอมปล่อยร่างของญภาออกจากวงแขนแล้วก้าวห่างออกไป
“นี่ดีนะที่เป็นผม หากเป็นคนร้ายจริง มันคงจะต่อสู้กับคุณดุเด็ดเผ็ดมันไปถึงไหน ๆ”
“หยาบคายฉันไม่ได้..”
“การต่อสู้ที่ประชิดตัวแบบนี้คุณต้องระวังให้มาก สายตาต้องไว ดูจังหวะให้ดี เท้าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มันสามารถยืดออกจากตัวได้มากกว่าแขน”
ญภาอยากจะปฏิเสธว่าเธอไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้ทำแบบนั้น เธอก็ไม่มีโอกาสได้พูดเมื่อธรรศชิงพูดขึ้นก่อนพร้อมอธิบายหลักการและเหตุผลของการฝึกศิลปะการต่อสู้
“ผมจะสอนการต่อสู้ที่เรียกว่า คาโปเอร่า แต่ขอให้จำไว้ว่าเป็นการเรียนเพื่อป้องกันตนเองและคนใกล้ชิด ไม่ได้เรียนไว้เพื่อจู่โจมหรือทำร้ายใคร หลักการเรียนคือป้องกันตนเอง คือหลบหลีก หากคนร้ายจู่โจมคุณจำเป็นต้องป้องกันตัว”
“ฉันรู้น่า”
ญภาแย้งพร้อมกับตวัดสายตาขว้างค้อนให้เขาเสียวงใหญ่
“ผมไม่รู้ว่าคุณเรียนมาจากไหน แต่เท่าที่ผมเห็นแล้วได้ลองต่อสู้กับคุณ ผมอยากให้คุณลบมันทิ้งไปให้หมด เราจะฝึกทุกเช้า ตั้งแต่ตีห้าครึ่งจนถึงเจ็ดโมง”
“แต่ว่าฉัน..”
“ไม่มีแต่ ในเมื่อคุณต้องการทำงานที่นี่ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎกติกา”
“ฉันขอลาออก”
“ไม่ได้”
ธรรศก้าวเข้าไปหาเธอที่เชิดหน้าใส่เขา
“ฉันไม่ทำ”
“ไม่ได้ เพราะผมปิดรับสมัครแล้วและก็ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาสมัครเพียงเพราะคุณต้องการจะทำงานนี้ ดังนั้นไม่มีการลาออกอย่างเด็ดขาด”
เขาพูดจบก็เดินไปหยิบเอกสารมาเปิดดู
“หลักฐานของคุณ ทั้งวุฒิการศึกษาและอื่น ๆ อยู่ในนี้หมดแล้ว และนี่คือแบบฟอร์มเซ็นชื่อซะ อ้อ ถึงคุณไม่เซ็นก็ไม่สามารถลาออกได้ หากไม่เชื่อผม ผมจะทำอะไรก็ได้เพราะหลักฐานของคุณอยู่ในแฟ้มนี้ครบแล้ว”
ญภาเม้มปากแน่น
“เริ่ม”
ธรรศส่งสัญญาณเมื่อเก็บเอกสารไว้ที่เดิม ในขณะที่ญภาอยากจะเปลี่ยนใจนัก แต่คงไม่สามารถทำได้ นอกจากตั้งใจฝึกและเรียนรู้ในสิ่งที่ธรรศสอน เพราะหากเธอเผลอนั่นหมายถึงเธอจะต้องเจ็บตัวเนื่องมาจากเขาที่ไม่ยอมออมมือเลยสักนิด
หลังจากการฝึกซ้อมในวันแรกที่ทำให้ญภาสะบักสะบอม จนแทบคลาน เธอไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าธรรศด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาเห็นร่างกายของเธอเหมือนกระสอบทรายหรือไม่ก็หมอนข้างที่เขาสามารถแตะต้องได้ตามอำเภอใจ แม้ว่าเธอก็พยายามจะฝึกซ้อมแต่ก็ยังไม่วายที่จะต้องปกป้องตนเองให้รอดพ้นจากอ้อมแขนของเขา
แต่ดูเหมือนว่า เนื้อตัวของเธอจะมีบางส่วนเท่านั้นที่เล็ดรอดจากการถูกโจรกรรมจากมือ เท้า แขนและขาของเขา ไม่เว้นแม้แต่ลมหายของเขาที่มักจะสาละวนอยู่ไม่ห่างใบหน้าของเธอ
“พักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยอาบน้ำ อย่าอาบน้ำทันทีเพราะมันอาจจะทำให้คุณป่วยได้”
ธรรศหันมาบอกเธอเมื่อเขายุติการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ ในขณะที่ญภายังนั่งเหยียดยาวอยู่บนพื้นโดยที่มือเรียวบางทั้งสองวางทาบอยู่ทางด้านหลังเพื่อพยุงตนเองไม่ให้นอนราบลงไป
“ฉันไม่อยากอาบน้ำหรอกค่ะ เวลานี้ฉันอยากนอนมากกว่า”
เธอตะโกนบอกเมื่อธรรศเตรียมก้าวออกจากห้องนั้น
“บ้าที่สุด ฝึกวันแรก ทำยังกะฉันเคยร่ำเรียนมาเป็นสิบปี..ชาดำเย็นเอ๊ย นี่ถ้าไม่ติดว่ารูปร่างหน้าตาเท่ห์ดูเพอร์เฟคเซ็กซี่สมบูรณ์แบบล่ะก็ รับรองฉันไม่ตวัดหางตามองหรอกน่า”
ญภาคิดในใจเมื่อค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินโซซัดโซเซตามธรรศออกไป แต่เธอก็ต้องหยุดกึกเมื่อจู่ ๆ ธรรศก็เดินย้อนกลับมาช่วงเวลาที่เธอก้าวออกไป จนทำให้ร่างบางระหงเกือบจะชนเข้ากับร่างกำยำสมสัดส่วนของเขา
“อุ๊ย!”
“ผมลืมบอกไปอย่าง”
ญภาตวัดสายตามองหน้าเขา ผู้ชายผิวขาว ตาคม จมูกโด่ง ปากแดงคนนี้ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน เขาก็ล้วนน่ามองไปหมด
“คุณต้องไปโรงเรียนกับชามาด้วย ชามาไปไหนคุณไปด้วย อย่าให้คลาดสายตา แล้วรายงานผมทุกเรื่อง โดยเฉพาะชามาคบหากับใคร ถ้าเห็นท่าไม่ดีคุณต้องกัน ชามาออกให้ห่าง”
ญภาเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังคำสั่งของเขา
“อะไรนะ ฉันต้องไปเรียนหนังสือด้วยหรือคะ”
“ใช่ ชามาไปไหนคุณไปด้วย คุณต้องเป็นเงาของชามา”
ธรรศพูดจบก็หันหลังเดินจากมา แต่ญภารีบวิ่งตามเขาไป แล้วกระโดดไปยืนขวางหน้าพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างแสดงว่าห้ามเขาเดินไป ต้องฟังเธอก่อน
“ฉันจบปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาวิชาวิศวกรรมการเงิน อายุ ยี่สิบสามปี ไม่ใช่เด็กอายุสิบหกเหมือนหลานสาวคุณนะ ฉันเรียนจบแล้ว ไม่อยากเรียนอีกแล้ว เพราะถ้าฉันอยากเรียนฉันคงต่อปริญญาโท ไม่ใช่ย้อนกลับไปเริ่มต้นเรียนระดับมัธยม”
เธอพยายามอธิบาย
“แต่นี่คืองานที่ผมจำใจต้องจ้างคุณเข้ามา โดยที่ผมก็ยังคลางแคลงใจกับเหตุการณ์บังเอิญของคุณที่เข้าไปช่วยเหลือหลานสาวของผมหลังจากที่ผมปฏิเสธคุณ ผมยังเชื่อมั่นว่า มันคือแผนการของคุณ”
ญภาได้แต่ส่ายหน้า ในขณะที่ธรรศเบี่ยงร่างหลบเธอแล้วเดินลงไปด้านล่าง เขาทำประหนึ่งว่าไม่อยากถูกเนื้อต้องตัวของเธอ ทั้งที่เมื่อครู่เขาแทบจะไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากร่างของเธอเลยด้วยซ้ำ
“มันบังเอิญ คุณไม่ได้ยินหรือไง ใครบ้างจะบ้ายอมเจ็บตัวเพื่อเข้าทำงาน”
“ก็คุณไง”
ธรรศหยุดเมื่อญภาวิ่งมาขวางหน้า
“ผมไม่เชื่อเรื่องความบังเอิญ เหมือนผู้หญิงอยากจะจับผู้ชายสักคนก็ต้องสร้างสถานการณ์บังเอิญขึ้น เพราะฉะนั้นความบังเอิญไม่มีอยู่จริงในโลกใบนี้”
“ทฤษฎีบ้าบออะไรของคุณคะเจ้านาย”
“หยุดพล่ามแล้วไปอาบน้ำ ผมให้เวลาสิบห้านาที เจอกันที่ห้องอาหาร อ้อ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานวันแรก”
ญภาเตรียมอ้าปากตอบโต้แต่ธรรศยกมือชี้หน้าเธอ
“อย่าบอกนะว่าจะไม่ทำ ในเมื่อคุณลงทุนลงแรงถึงขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อได้งาน จะสลัดงานทิ้งแบบนี้ มันยิ่งน่าสงสัย หรือเพราะคุณได้รู้ได้เห็น ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วจึงจะออกไป”
“จะบ้าเหรอ”
“ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นคุณต้องพิสูจน์ให้ผมรู้ว่าคุณไม่ได้สร้างภาพหรือสร้างเหตุการณ์นั้นเพื่อหวังอะไรบางอย่างในการเข้ามาที่นี่”
ธรรศพูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าคำพูดของเขาก็ทำให้ญภานึกถึงพรยศขึ้นมาอีก หากธรรศรู้ว่าพรยศเคยเป็นอะไรกับเธอมาก่อน เขาต้องเข้าใจว่าที่เธอเข้ามาที่นี่เพราะพรยศหรือไม่ก็เพราะต้องการแก้แค้นหรือ ต้องการแย่งพรยศกลับคืนหรือไม่ก็ด้วยเหตุผลร้อยแปดที่ธรรศจะสร้างสรรค์มาพรรณนาใส่ร้ายเธอ
