บทที่ 4
“น้องปานจะกลับแล้วเหรอ”
ปานตะวันหันกลับไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้าว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของพี่รหัสนั่นเอง
“ค่ะเดี๋ยวพี่ชายมารับค่ะ”
“ให้พี่ยืนรอเป็นเพื่อนมั้ย”
อีกฝ่ายถามปานตะวันอย่างใจดี เขาแอบมองน้องรหัสของเพื่อนสนิทมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าหาเพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่นัก อีกทั้งถ้าออกมาแบบนี้ก็มักจะมีเพื่อนสนิทอยู่ข้างกายตลอด วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้คุยกับเธอบ้าง
“อ้อไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ชายปานก็มาแล้วขอบคุณนะคะ”
ปานตะวันโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันด้วยความเกรงใจ ทำเอาเพื่อนของพี่รหัสเธอหน้าเจื่อนลงไป ระหว่างที่ปานตะวันกำลังจะใจอ่อน ก็ได้ยินเสียงเรียกตัวเองมาจากอีกด้านเสียก่อน
“ปาน”
ธนัทยืนทำหน้านิ่งในระยะไม่เกินสองเมตร ทรงผมที่เคยตัดเกรียนมาตลอดเริ่มไว้ยาวได้แต่ก็ไม่มากยังคงอยู่ในระเบียบ ท่าทางภูมิฐานและรูปร่างสูงใหญ่ช่วยให้คนอื่นเดาได้ไม่ยากนักว่าเขามีอาชีพเป็นอะไร
“พี่ธาม เอ่อ งั้นปานไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ”
หญิงสาวหันไปยกมือไหว้เพื่อนของพี่รหัสพร้อมกับรีบเดินไปหาเพื่อนสนิทพี่ชายของตัวเอง เพราะเธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังไม่พอใจ แต่ถ้าจะให้บอกว่าเขาไม่พอใจเรื่องอะไรปานตะวันก็บอกไม่ได้เช่นกัน
ตลอดทางที่นั่งรถของธนัทออกมาจากร้านเหล้าที่ปานตะวันไปสังสรรค์กับเพื่อนและรุ่นพี่ ชายหนุ่มก็นั่งเงียบไม่พูดอะไรจนหญิงสาวรุ่นน้องเริ่มทำตัวไม่ถูก ก่อนจะสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายถามขึ้นมา
“เดี๋ยวนี้ออกมากินเหล้าบ่อยเหรอ”
“เปล่าค่ะ วันนี้สอบเสร็จแล้วก็วันเกิดปานเพื่อน ๆ เลยอยากฉลองกันหน่อยค่ะ”
ธนัทพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ท่าทางนิ่งเงียบของเจ้าของรถ ทำเอาปานตะวันอดรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เหมือนคนมีชนักติดหลังไม่ได้ แต่คิดไปคิดมาเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดและอายุก็ถึงแล้วด้วย
“ดูแลตัวเองหน่อยก็แล้วกันเรียนก็ใกล้จะจบแล้ว”
“ค่ะพี่ธามไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ปานโตแล้วดูแลตัวเองได้”
ปานตะวันหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายเบาใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองหน้าเขาชัด ๆ อีกครั้ง หลังจากที่เขาต้องไปบรรจุราชการไกลถึงภาคเหนือ
“แล้วคนที่ยืนอยู่ด้วยเมื่อกี้ใครเหรอ อย่าบอกนะว่าปานมีแฟนแล้ว”
“ไม่ใช่นะคะ! เพื่อนพี่รหัสค่ะ”
ได้ยินคำถามตรงไปตรงมาแบบนั้นปานตะวันถึงกับหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มรีบปฏิเสธออกไปทันทีเพราะเธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจเธอผิดไป
“ดีแล้วล่ะยังเด็กอยู่เลยตั้งใจเรียนก็พอ ความรักน่ะถ้าถึงเวลามันก็มาเอง”
“แต่ว่าปานโตแล้วนะคะ”
“พี่รู้ว่าเราโตแล้วแต่ปานในสายตาพ่อแม่ ไอ้ปัน แล้วก็พี่ยังไงก็เป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ”
หัวใจดวงน้อยฟีบลงราวกับลูกโป่งถูกเจาะ นั่นสินะในสายตาพี่ธามไม่ว่ายังไงปานตะวันก็เป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ลอยอวลอยู่ในกระแสเลือดทำเอาปานตะวันนึกใจกล้าขึ้นมาหันไปถามอีกฝ่ายในสิ่งที่อยากรู้มาตลอดเป็นการเอาคืนบ้าง
“แล้วพี่ธามมีแฟนหรือยังคะ อย่าบอกนะคะว่าห้ามปานไม่ให้มีแฟนแล้วตัวเองมีแฟนอยู่ที่นู่น”
“ฮ่า ๆ พี่จะเอาเวลาที่ไหนมาหาแฟน ถ้าพี่มีแฟนพี่จะบอกปานคนแรกเลยแล้วกัน”
ดวงตากลมโตของปานตะวันเบิกกว้างขึ้นตกใจกับคำพูดของเพื่อนพี่ชายที่ชวนให้คิดไปไกล ทำให้หัวใจดวงน้อยที่เคยแห้งเหี่ยวกลับมาพองโตได้อีกครั้ง
“จริงนะคะปานจะรอดู”
คนเด็กกว่าคาดโทษ ก่อนจะรีบหันไปด้านนอกหน้าต่างรถแล้วแอบยิ้มคนเดียวด้วยหัวใจที่เต้นแรง หากว่ามีแสงสว่างและธนัทไม่ได้เปิดเพลงเขาคงได้เห็นรอยยิ้มของเธอและได้ยินเสียงหัวใจของเด็กสาวแล้ว
