บทที่ 2
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถด้วยกัน ปานตะวันที่นั่งอยู่ด้านหลังก็แอบเหลือบมองเพื่อนสนิทของพี่ชายอยู่บ่อยครั้ง ขณะเดียวกันหูก็คอยเงี่ยฟังทั้งสองคนคุยกันถึงเรื่องที่โรงเรียนไปด้วย
ดูแล้วเหมือนพี่ธามจะผิวคล้ำขึ้นมากจากตอนที่ได้เจอกันครั้งล่าสุดไม่ต่างไม่จากพี่ชายของเธอเลย สงสัยพวกเขาจะฝึกหนักกันไม่น้อย
“แมวน้อยเรียนเป็นไงบ้าง”
ปานตะวันเกือบสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ บทสนทนาของพี่ชายวนมาหาตัวเองแต่ก็เก็บอาการไว้ได้ทัน หากกระจกมองทางด้านหลังสามารถเห็นตรงที่เธอนั่งได้ พี่ชายของเธอคงสังเกตเห็นไปแล้วว่าเธอนั้นแอบมองธนัทแทบจะตลอดเวลา
“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ปีหนึ่งเน้นเรียนวิชาพื้นฐานจากตอนมัธยม”
“เหรองั้นถ้าจบปีหนึ่งได้ก็อย่าลืมขอบคุณไอ้ธามด้วยล่ะ ตอนมอปลายมันติวให้เยอะเลยนี่ ฮ่า ๆ ”
พูดแหย่น้องสาวจบปานปริญก็ปล่อยเสียงหัวเราะเสียดังลั่นรถทำเอาปานตะวันต้องค้อนเขาคอแทบหัก เจ้าพี่ชายบ้าคนนี้เคยคิดจะไว้หน้าเธอบ้างมั้ยเนี่ย และยิ่งรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นไปอีกเมื่อผู้ร่วมทางอีกคนก็ดันหัวเราะไปกับเพื่อนสนิทด้วย
“อย่ามาดูถูกความสามารถของปานนะพี่ปัน!”
“ปาน พรุ่งนี้มามั้ย” พี่ธาม พี่ชายคนที่สอง
โทรศัพท์มือถือของปานตะวันสั่นแจ้งเตือนข้อความเข้าระหว่างที่เด็กสาวกำลังนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน ริมฝีปากบางแต้มลิปออยสีธรรมชาติยกยิ้มรีบยกขึ้นมาเปิดดูและพิมพ์ตอบกลับไปทันที ก็เธอไม่อยากให้เขารอนาน
“ไปค่ะ” ปานตะวัน
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้นะ” พี่ธาม พี่ชายคนที่สอง
“เจอกันค่ะ” ปานตะวัน
รถไฟฟ้าหยุดจอดที่สถานีปลายทางพอดี ปานตะวันลุกขึ้นริมฝีปากฉีกยิ้มน้อย ๆ อย่างอารมณ์ดี หัวใจของเด็กสาวมีเพื่อนสนิทของพี่ชายมาตั้งแต่มอปลาย วันพรุ่งนี้เขาก็จะกลายเป็นนายตำรวจแล้ว เธอรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของเขามาก
มือขาวกระชับถุงผ้าใส่ของขวัญวันเรียนจบที่เธอเตรียมไว้ตั้งใจจะมอบให้พี่ชายคนที่สองของตัวเอง เดินออกตรงไปหาคุณพ่อที่ยืนรอรับอยู่ด้านล่างของสถานีรถไฟฟ้า
บรรยากาศงานจบการศึกษาของนักเรียนนายร้อยตำรวจคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย เนื่องจากครอบครัวของเหล่านักเรียนนายร้อยต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง
ปานตะวันยกยิ้มช่วยถ่ายรูปให้กับพี่ชาย และเพื่อน ๆ ที่มาเรียนด้วยกันเพื่อบันทึกช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านี้ไว้ให้เขาอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณมากนะแมวน้อย เดี๋ยวพี่ไปเข้าหอประชุมก่อน”
ปานปริญเดินมาบอกกับน้องสาวอีกครั้ง เพราะเขาไม่ชอบใจนักที่เพื่อนในรุ่นพากันแอบมองแมวน้อยของเขา ถึงน้องสาวของเขาจะไม่ใช่คนสวยหยาดเยิ้มออกไปทางเรียบร้อยซะมากกว่า แต่ปานตะวันก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ามองมาก แถมยังมีผิวขาวเสียจนสว่างจ้า มองจากตรงไหนก็เห็น
“ได้ค่ะ”
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต่าง ๆ แล้ว บรรดานายตำรวจจบใหม่ก็เริ่มทยอยเดินออกมาจากหอประชุมเพื่อมาหาญาติและครอบครัวที่รออยู่ด้านนอก
“ปาน”
เสียงทุ้มของธนัทดังมาจากด้านหลังของเด็กสาวที่กำลังจะเดินตามพ่อแม่ของตัวเองเพื่อไปที่รถ ปานตะวันหัวใจพองฟูขึ้นมาอีกครั้งเพราะตอนแรกคิดไปแล้วว่าวันนี้คงจะไม่ได้เจอเขาแล้ว
“พี่ธาม”
มือขาวจับกระเป๋าผ้าที่ใส่ของขวัญวันเรียนจบของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อเช็คดูอีกครั้งว่าของที่ตั้งใจจะเอามาให้อีกฝ่ายนั้นยังไม่ได้หายไปไหน
“เฮ้ย มึงถ่ายรูปให้กูกับน้องสาวหน่อย”
ธนัทเรียกเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทกัน ให้ช่วยถ่ายรูปให้ตัวเอง พร้อมกับรีบยัดโทรศัพท์มือถือของตัวเองใส่มืออีกฝ่ายอย่างเร่งรีบ
“ได้ ๆ มา”
ปานตะวันแอบมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทพี่ชายด้วยหัวใจเต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ได้ถ่ายรูปคู่กันสองคน เด็กสาวยิ้มกว้างอย่างสดใสจนดวงตากลมโตเป็นประกายแวววาวทำเอาคนถ่ายยังอดเขินไม่ได้
“ขอบคุณมากนะเว้ยเดี๋ยวเจอกัน”
“ได้เพื่อน”
คนตัวสูงในชุดเครื่องแบบหันกลับมาหาเด็กสาวอีกครั้ง เขายิ้มให้ปานตะวันที่วันนี้ดูจะเป็นสาวกว่าปกติเพราะชุดเดรสสีขาวยาวกรอมเท้ามีเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อนทับไว้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ต้องไปรายงานตัวเข้าทำงานแล้ว จากนี้คงไม่ได้เจอปานบ่อย ๆ แล้วนะ ไว้ยังไงพี่จะส่งข้อความหานะถ้าว่างก็ช่วยตอบข้อความพี่บ้างล่ะ”
“อื้อ ได้ค่ะ เอ่อ นี่ของขวัญค่ะ”
เธอส่งถุงผ้าที่ด้านในใส่ช่อดอกทานตะวันแฮนเมดที่เธอตั้งใจทำมันขึ้นมาให้กับเขา ธนัทยิ้มพลางรับถุงผ้านั้นมาถือไว้ก่อนจะแอบแง้มเปิดดูด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย
“ไว้ค่อยกลับไปเปิดทีหลังก็ได้ค่ะ พี่ธามปานไปก่อนนะคะ พ่อมาตามแล้ว”
“อื้อไปเถอะไว้เจอกันนะ”
“ไว้เจอกันค่ะสวัสดีค่ะ”
เด็กสาวยกมือไหว้เพื่อนสนิทพี่ชาย ก่อนจะโบกมือให้เขาเบา ๆ เมื่อเห็นบิดาของตัวเองกวักมือเรียกให้รีบไปก็รีบจ้ำเท้าออกมาจากตรงนั้น
