บทที่ 4
ฉันไม่ได้โกหก
จากการสังเกตอยู่นาน และรถยนต์ก็ขับออกมาไกลมากแล้ว ใบข้าวจึงได้มุดขึ้นมาจากด้านล่าง พร้อมกับนั่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่ง ๆ
“เราปลอดภัยแล้วใช่ไหมคุณ” เธอถามเขา พร้อมกับจับสายเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาดด้วย
“ผมก็ไม่เห็นว่ามีใครตามมา นี่คุณคิดไปเองหรือเปล่าว่ากำลังถูกยิง” เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปดูถนนตามเดิม
“นี่คุณหาว่าฉันโกหกหรือ ใครจะทำให้รถของตัวเองล้มลงไป มันเจ็บนะ แล้วก็กลิ้งหลบกระสุนลงไปถึงข้างล่าง ไหนจะปีนขึ้นมาอย่างลำบากเพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณเนี่ย” อารมณ์ฉุนเหวี่ยงขึ้นมาเฉย ๆ นักร้องหนุ่มถึงกับเอ๋อแดก และต้องอึ้งอีก เมื่อเธอเอ่ย
“พาฉันไปหลบซ่อนตัวที่ไหนก่อนก็ได้ แล้วฉันจะจ่ายให้คุณอย่างงาม”
“เฮ่... เฮ่...” เขาทำเสียง
“นี่เป็นคำสั่ง ถ้าฉันปลอดภัย พ่อของฉันจะตกรางวัลให้คุณอย่างงาม” ใบข้าวหันไปชี้หน้าของเขา
“เอิบ...” พิชายุทธถึงกับหุบปากเงียบ
ตอนที่เขาจอดรถ แล้วเดินเข้าไปที่ใกล้เพิงของแม่หมอทองมา เขาก็ได้เห็นและก็ได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน ในตอนที่หญิงสาวคนนี้ยกมือไหว้ทำตามคำสั่งของแม่หมอ เขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“หื้อ! ขอว่ายังไง” ใบข้าวทำตาโต
“ก็ให้นางสาวคนนี้มีผัวนะสิ โอม... เจ้าที่เจ้าทาง องค์เทวดาที่อยู่แถว ๆ นี้ และก็เทพทุกองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่นางหนูคนนี้จะอธิษฐานต่อจากนี้ให้เป็นจริง สมหวังทุกประการเถิด” แม่หมอยกมือขึ้นท่วมหัว ก่อนจะพยักพเยิดใบหน้าให้ใบข้าวทำตาม
ใบข้าวหันซ้ายหันขวาไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้นก็จึงได้ยกมือไหว้ และเปล่งวาจาออกดัง
“ใบข้าวอยากมีผัวจริง ๆ นะคะ เพราะว่าใบข้าวไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว อยากมีเพื่อนเที่ยวด้วยค่ะ”
“เอ๊ะ... ไหนเอ็งไม่พูดบอกไปว่าอยากจะใช้อวัยวะส่วนนั้น”
พิชายุทธอมยิ้ม นึกถึงหน้าของหญิงสาวในตอนท้าย
‘ใบข้าวอยากมีผัวจริง ๆ นะคะ เพราะว่าใบข้าวไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว อยากมีผัว อยากได้ใช้อวัยวะส่วนนั้น’ เขาหัวเราะฮึ ๆ
“ขำอะไร”
“เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูง
ใบข้าวเอามือถือออกมาจากกระเป๋า แต่ต้องช็อกมาก หน้าจอแตกร้าว พอเธอกดปุ่มอะไรเข้าไป มันก็ไม่สามารถทำได้
“ตายห่าแล้ว”
“อะไรหรือคุณ”
“มือถือฉันนะสิ ใช้การไม่ได้ แล้วจะโทร. ไปบอกที่บ้านได้ยังไง”
“เอามือถือผมโทร. ไหม”
เธอหันไปมองหน้าเขาแบบชั่งใจ ดวงหน้าของชายหนุ่มคุ้นตา แต่นึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก
“ยังก่อนก็ได้ แป๊บหนึ่ง ขอฉันคิด และลำดับคำพูดก่อน แต่หากฉันไม่กลับบ้านภายในสองชั่วโมงนี้ คนที่บ้านจะมาตามหาเอง”
พิชายุทธได้แต่งง ๆ ว่าหล่อนคนนี้เป็นใครกันแน่ เขาก็เพิ่งเคยเห็นเธอครั้งนี้เป็นครั้งแรก
มีไฟแดงอยู่ตรงหน้า พิชายุทธชะลอรถ แล้วจอดติดไฟแดง
ใบข้าวทำตัวเลิ่กลั่กมองไปรอบ ๆ ว่ามีรถอะไรตามเธอมาไหม แต่ก็ไม่เห็นมี มีรถยนต์ของเขาติดอยู่คันเดียว เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง ๆ
ใบหน้าของเธอสะดุดตาเขามากทีเดียว พิชายุทธคิดว่าสาวนางนี้หน้าใสจริง ๆ เนื้อผิวดีแสนดี แค่เกลี่ยทาแป้งบาง ๆ ทาลิปมันวาวเบา ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ดูสวย
เธอเป็นใครกัน
“ในฐานะที่เราสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ฉันจะแนะนำตัว ฉันชื่อ ใบข้าว เต๊กบุญทรัพย์ คุณจะเรียกฉันว่าใบข้าว หรือว่าข้าวเฉย ๆ ก็ได้” เธอยื่นมือไปตรงหน้าเขาแบบขอจับมือ ตอนนี้เขามันตกกระไดพลอยโจน เธอมานั่งอยู่ในรถของเขาแล้ว
ชายหนุ่มจึงส่งมือไปจับมือกับเธอ
“ผมต้อม พิชายุทธ” เขามองหน้าเธอ คาดหวังว่าเธอจะรู้จักตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณต้อมสรุปว่ายังไงคะ ตอนนี้เราสองคนปลอดภัยดีหรือยัง มีใครตามเรามาอีกไหมคะ” ท่าทางของใบข้าวก็ยังกังวลไม่เลิก
“คงไม่มีใครตามมาแล้วล่ะ ผมไม่เห็นสิ่งใดผิดปรกติเลย”
ใบข้าวจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่ง ๆ
“คุณต้องช่วยเหลือฉันนะคะ ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ คุณห้ามทิ้งฉันเด็ดขาด” เธอพูดแบบนี้ออกมา เขาถึงอยากจะชักมือกลับ แต่เธอก็ดึงมือของเขาเอาไว้
พิชายุทธออกอาการอึ้ง เธอกำลังมัดมือชกเขา
“ถ้าคุณพาฉันกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย พ่อของฉันจะต้องตกรางวัลให้อย่างสวยงาม”
“คุณจะไม่ถามผมสักคำเหรอครับว่า ผมน่ะอยากได้เงินของคุณหรือเปล่า”
“ฉันไม่สนใจหรอกค่ะว่า คุณอยากได้ หรือไม่อยากได้ แต่คุณจะไล่ฉันลงจากรถของคุณไม่ได้”
พิชายุทธจ้องหน้าเธอ แล้วเผลอบีบมือของใบข้าวแรง ๆ
“โอ๊ย! และในตอนนี้ คุณช่วยปล่อยมือฉันหน่อยได้ไหมคะ คุณบีบแน่นไปแล้ว”
พิชายุทธรีบปล่อยมือของเธอ ใบข้าวสะบัดเบา ๆ ก่อนจะจับมือข้างขวาขึ้นมาดู มันมีทั้งรอยแผลถลอก และมีรอยแตกจนเลือดซิบ ตอนที่เกิดอุบัติเหตุเธอคงตกใจมากจนไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้มันเริ่มออกอาการแล้ว
“ไหน ขอผมดูหน่อยสิ” เขาจับมือของเธอและพลิกดูด้านซ้ายด้านขวา และดูไปตามเนื้อตัวของเธอด้วย
“มีแผล และเลือดออกด้วย”
“เจ็บนะคะ”
ชายหนุ่มจึงหยิบทิชชูที่อยู่ใกล้ขึ้นมาเช็ด ทำความสะอาดให้
แต่ตอนนั้น มีเสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง เขาจึงขับรถบึ่งออกไป
“ผมจะแวะพาคุณหาหมอก่อนนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้ค่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะครับ ทำไมถึงไม่หาหมอล่ะ”
“ฉันกลัวหมอที่สุดเลยค่ะ และอีกอย่างเราจะรู้ได้ยังไงคะว่า ไม่มีใครตามเรามา”
“ผมก็มาไกลได้สักระยะหนึ่งแล้วนะคุณ คงไม่มีใครติดตามเรามาแล้วจริง ๆ”
“ยังไงก็ยังน่ากลัวค่ะ ในเวลาแบบนี้ ฉันไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใครค่ะ การเอาตัวเองไปอยู่ในที่สาธารณะนั้น มันไม่ปลอดภัยอยู่ดี พ่อของฉันสอนเอาไว้แบบนี้”
“คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้คิดมากค่ะ คุณต้อมคะ คุณมีที่ปลอดภัยที่จะให้ฉันอยู่ไหม” สายตาวิงวอน
“ก็ต้องเป็นคอนโดของผม ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
