บทที่ 5
ไปกับผมก็แล้วกัน
ชายหนุ่มขับรถไปยังคอนโดของเขา โดยที่ไม่ได้ใช้เส้นทางปกติ แต่ใช้เส้นทางใหม่ จากตรงที่คุยกันถึงคอนโดของเขานั้นเกือบสองชั่วโมง พิชายุทธขับรถเข้าไปจอดด้านในสุด ซึ่งเป็นที่จอดประจำของเขา
“ถึงแล้วคุณ”
เธอมองเลิ่กลั่ก ยังหวาดระแวงไม่หาย ความกลัวยังจับหัวใจ ถ้าเมื่อกี้กระสุนทะลุร่างของเธอไป เธอก็คงจะซี้แหงแก๋ ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่ ๆ
“ตามผมมาสิคุณ” พิชายุทธเปิดประตูให้ พร้อมกับจับมือเธอเดินมาด้วยกัน จนถึงป่านนี้แล้วมือของหญิงสาวก็ยังเย็นอยู่
“คุณกลัวมากเลยใช่ไหม”
“มากสิคะ ลองใครโดนไล่ยิง แล้วกระสุนเฉียดหัวไปนิดเดียว แบบนี้ก็ต้องกลัวกันทั้งนั้นแหละ หรือว่าคุณไม่กลัว”
“ผมไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น”
“ช่างมันเถอะคุณ ฉันเหนื่อยจังเลยค่ะ และฉันก็อยากจะเข้าห้องน้ำด้วย”
“ลืมไปเลยนะ ผมไม่ถามคุณว่าปวดห้องน้ำบ้างหรือเปล่า คิดแค่ว่าจะพาคุณมาให้ไกลที่สุด ที่นี่ก็ไกลจากบ้านเรามาก”
พิชายุทธจูงเธอไปยังลิฟต์ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะกดขึ้นไปที่ชั้นเก้า หลังจากนั้นก็พาไปที่ห้องของเขา
เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ก็จะเห็นว่า ห้องของพิชายุทธนั้นไม่ได้กว้างขวางอะไร ก็พออยู่ได้ อาจจะเป็นเพราะห้องอยู่ใจกลางกรุง ราคาคงจะสูงพอสมควร
“ตอนที่ซื้อราคาเท่าไรคะ”
“อ๋อ ผมเปล่าซื้อครับ แค่เช่าอยู่ มันใกล้ที่ทำงาน”
“อ้าวคุณทำงานเยอะมากอย่างนี้ คุณไม่ได้ซื้อเอาไว้หรือคะ”
“ผมยังมีเงินไม่มากพอ ผมเพิ่งเข้าวงการและทำงานได้เพียงสองสามปีเท่านั้นเอง”
“งานสบายจะตายไป ร้องเพลงแล้วก็กลับมานอน ร้องเพลงแล้วก็กลับมานอน”
เขาจึงหันมามองเธอที่ทำท่าวิจารณ์ อย่างไม่เข้าใจงานของเขา
“มันก็ไม่ได้สบายหรอกครับคุณ การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหน งานทุกงานก็เหนื่อยเหมือนกันแหละ ว่าแต่คุณทำงานอะไรครับ”
“ฉันทำงานบัญชีให้กับคุณพ่ออยู่ที่บ้านน่ะค่ะ”
“แล้วคุณเหนื่อยไหม”
“เหนื่อยสิคะ วุ่นวายจะตายไปค่ะในแต่ละวัน” แค่นึกถึงความอลหม่านในตอนเช้าที่ทุกคนมารับงานที่กระจายให้
“เอ่อ... คุณอย่าเพิ่งถามอะไรฉันเลยค่ะ ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำ”
“อ้อจริงด้วย ทางนี้เลยครับ”
เขาเดินนำเธอไปที่ประตูห้องน้ำ แล้วเปิดให้ ใบข้าวรีบเข้าไปอย่างเร่งด่วน พิชายุทธเดินไปหาเสื้อกับกางเกงเลมาให้เธอเปลี่ยน เพราะสังเกตว่าเสื้อผ้าของเธอขาดอยู่หลายจุด จากนั้น เขาก็ไปหาอุปกรณ์ทำแผล ที่พอจะมีอยู่ในบ้าน ก่อนจะมาเตรียมทั้งหมดไว้ที่โต๊ะอาหาร ซึ่งอยู่ในครัวเล็ก ๆ ในคอนโดแห่งนี้
เมื่อใบข้าวทำธุระเสร็จ เธอเดินออกมาหาเขา
“โอ๊ย ฉันเริ่มเจ็บเนื้อเจ็บตัวแล้วค่ะ มีแผลถลอกเยอะเลย ฉันเพิ่งสังเกต”
“มานั่งก่อนคุณ ผมจะทำแผลให้” แม้ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เขาก็เต็มใจจะช่วย ชายหนุ่มเช็ดล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ ก่อนจะทาเบตาดีนให้ ตอนที่เช็ดล้างเธอก็แสบน่าดู แต่ก็ต้องอดทน
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยเอาไว้ ฉันคงตายอยู่ตรงนั้น”
“อย่าคิดมากเลยครับ” ทั้งสองยิ้มให้แก่กันเป็นครั้งแรก
“แล้วคุณต้อมไปทำอะไรที่นั่นคะ”
“อ๋อ ผมไปหาแม่หมอ”
“ไปทำไมคะ” เธอเอียงคอถาม
“ไปเอายันต์”
“หึ” ใบข้าวหัวเราะ
“คุณก็เชื่อเรื่องแบบนี้เหมือนกันหรือคะ”
“ผมตามใจคุณแม่ อะไรที่ทำให้แม่สบายใจผมก็ทำ”
“ช่วงนี้คุณไม่ได้ทำงานเหรอคะ” เธออยากรู้เรื่องของเขาบ้าง
“ตอนนี้ก็เวิร์กฟรอมโฮมงานของผมถูกยกเลิกเกือบทั้งหมด”
“ว้า... แย่จัง”
“ยังพอมีงานอื่นอยู่บ้าง ที่งานออนไลน์ และสัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุเท่านั้น”
“แบบนี้ก็เหนื่อยแย่เลยนะคะ ขาดรายได้ไปเยอะเลย”
“ครับ แต่สำหรับผมยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ไม่ได้ลำบากมากหรอกครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้มีภาระอะไร ผมไม่สร้างหนี้”
“ได้ข่าวว่า คุณไปสร้างบ้านให้พ่อกับแม่”
“ครับ เป็นเงินเก็บทั้งหมดที่ผมทำงานมาตลอดสองปี พวกเรามีที่ดินของเราอยู่แล้ว ผมคิดว่า การสร้างบ้านให้พ่อแม่ได้อยู่สบายขึ้น ผมก็สุขใจแล้ว”
“ดีใจแทนพ่อแม่ของคุณจังเลยนะคะ คุณเป็นคนที่กตัญญูจริง ๆ แล้วคุณต้อมไม่มีพี่หรือว่าน้องหรือว่ายังไงคะ”
“ผมเป็นลูกคนเดียวครับ พ่อกับแม่ชอบบ่น ว่าลำพังแค่มีผมคนเดียว พ่อแม่ก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว ถ้ามีลูกมากก็จะยากจนไปอีก”
“ฉันมีพี่สาวคนหนึ่งค่ะพี่สาวของฉันชื่อนกยูง พ่อหวงมากเลยนะคะ พ่อหวงพี่นกยูงมากกว่าฉันเสียอีก”
“หรือครับ ใครมีลูกสาวสวย ๆ ก็ต้องหวงกันทั้งนั้นแหละ”
“นี่คุณชมฉันใช่ไหมคะ” เธอยิ้ม ทั้งสองคนคุยกันด้วยท่าทางเป็นกันเองมากขึ้น และเริ่มสนิทสนมกัน
“คุณมองกระจกดูสิว่า คุณสวยจริงหรือเปล่า”
ใบข้าวหันไปมองในกระจก เธอเผลอยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ คุณเป็นคนแรกที่ชมฉันเลยนะคะ”
“จริงหรือครับ ไม่เคยมีใครชมคุณมาก่อนเลยเหรอ”
“ไม่เคย”
“แปลกจัง”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะปกติแล้ว คนอื่นที่สนิทกัน แล้วมองฉัน ทุกคนมักพูดว่าฉันมีนิสัยเหมือนกับผู้ชาย ก็เลยคิดว่า ฉันน่าจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”
“แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ” เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สายตามองแบบไม่มีอะไร
“ผมว่าคุณสวย”
“หื้อ! พอเลยค่ะ ฉันไม่เขินกับคำยกยอนะคะ” ใบข้าวกลับทำหน้าแดง แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระทึกนั่น เธอก็เริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ฉันอยากรู้ว่า ใครหมายปอง และคิดจะทำร้ายฉัน”
“คุณจะไม่โทร. บอกที่บ้านก่อนหรือครับ”
ใบข้าวหยิบมือถือส่งไปให้เขาดู
“คุณก็ดูสิ จะโทร. ได้ยังไงคะ หน้าจอโทรศัพท์แตกละเอียดแบบนี้” ใบหน้าท้อแท้
“คุณจะใช้โทรศัพท์ผมก่อนก็ได้นะครับ” เขาหยิบมือถือของเขาออกมาจากกระเป๋า
“ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่ ไปในที่ไม่มีสัญญาณมือถือ ส่วนพี่นกยูง ปรกติก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน ฉันอยู่อีกหลังเล็ก ๆ ใกล้กับออฟฟิศน่ะค่ะ”
“เอาเป็นว่า อยากโทร. หาใคร ก็บอกผม ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นสกูตเตอร์ของคุณ ใครเห็นจะจำได้ไหมว่าเป็นของคุณ”
“ค่ะ”
“อื้อ ถ้าแบบนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เพราะพวกเขาจะรู้ทันทีว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับคุณ”
ใบข้าวพยักหน้า ใช้สายตามองไปตามแผลที่เขาเพิ่งทำแผลไป
