บท
ตั้งค่า

ยาพิษ

กู้หลีหลับไปถึงสองวันเต็มๆเมื่อตื่นขึ้นเขาก็พบรองเท้าฟางคู่ใหม่วางอยู่แทนคู่เก่าที่ฉีกขาด เขายิ้มจนตาหยีค่อยๆบรรจงสวมรองเท้าฟางฝีมือการสานของมารดาอย่างทะนุถนอม

กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยเข้ามาในห้อง กู้หลีสาวเท้าน้อยๆเดินตามกลิ่นอาหารมาที่ห้องโถง สตรีร่างบางได้ยินเสียงฝีเท้านางวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาพลางเอ่ยว่า

“หลีเอ๋อร์ข้าวต้มกำลังร้อนๆเจ้ารีบมากินเร็ว”

กู้หลีไม่รอให้มารดาเรียกเป็นครั้งที่สองเขาหยิบตะเกียบขึ้นมาถือไว้แล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ท่านก็กินด้วยกันขอรับ”

สตรีร่างบางพยักหน้าระหว่างที่กินข้าวกู้หลีเอ่ยถามมารดาว่า ”ท่านแม่ช่วงที่ข้านอนหลับมีใครมารังแกท่านหรือไม่“

สตรีร่างบางส่ายหน้าแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ”พอรู้ว่าเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเหมือนบิดาของเจ้าคนพวกนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะเดินผ่านหน้าบ้านของเรา“

กู้หลีวางตะเกียบลงพลางครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วจึงเอ่ยว่า ”ท่านยายต้องหาทางเล่นงานพวกเราแน่ๆท่านแม่ต้องระวังตัวให้มากนะขอรับ ยามที่ข้าไม่อยู่บ้านท่านอย่าได้เปิดประตูต้อนรับผู้ใดเด็ดขาด“

สตรีร่างบางยกมือลูบศรีษะเขานางยิ้มกว้างเอ่ยว่า ”อืม“

นับตั้งแต่กู้หลีสังหารลี่เจินกับชายฉกรรจ์อีกสามคนเขาและมารดาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบญาติๆฝั่งมารดาเมื่อรู้ว่าเขาหาใช่คนธรรมดาก็ไม่มีใครกล้ามารนหาที่ตายอีก

สามปีต่อมา

กู้หลีในวัยแปดปีฝึกบำเพ็ญเพียรตามตำราที่บิดาทิ้งไว้ให้แต่เนื่องจากเมืองชั้นนอกไม่มีปราณวิญญาณ แม้เขาจะใช้เวลายามไปเก็บสมุนไพรที่ป่าปราบเซียนอาศัยปราณวิญญาณของที่นั่นฝึกบำเพ็ญเพียรก็ตามแต่ระดับของเขาก็ไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่นัก

กู้หลีมีระดับหลอมลมปราณขั้นสามซึ่งเมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรวัยเดียวกันระดับการบำเพ็ญเพียรของเขานั้นด้อยกว่า แต่ถ้าต้องต่อสู้กับคนธรรมดาแล้วเขาสามารถสู้กับชายฉกรรจ์หลายสิบคนได้อย่างสบายๆ

วันนี้กู้หลีตื่นแต่เช้าเพราะต้องไปเก็บสมุนไพรที่ป่าปราบเซียน เขาสวมรองเท้าฟางที่มารดาเป็นผู้ทำให้เดินออกจากห้องนอน เมื่อกินอาหารฝีมือมารดาจนอิ่มเขาก็สั่งกำชับว่า “ท่านแม่ข้าจะกลับมายามเย็นท่านอย่าออกไปไหนและอย่าได้เปิดประตูให้ใครเข้ามานะขอรับ”

ที่ประตูบ้านของกู้หลีมียันต์ป้องกันติดไว้ตราบใดที่มารดาของเขาไม่ออกไปด้านนอกและไม่เปิดประตูให้ใครเข้ามามารดาของเขาก็จะปลอดภัย

ยันต์แผ่นนี้กู้หลีนำสมุนไพรวิญญาณที่เขาบังเอิญได้มาไปขายที่เมืองชั้นในและนำหินวิญญาณที่ได้จากการขายสมุนไพรไปซื้อมาเขาติดยันต์ปัองกันไว้ที่ประตูบ้านยามที่เขาไม่อยู่จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามารดาจะปลอดภัยหรือไม่

หลังกำชับมารดาเรียบร้อยเด็กชายรองเท้าฟางก็สะพายตระกร้าขึ้นหลังสาวเท้าเดินออกจากหมู่บ้านมุ่งไปสู่ป่าปราบเซียน

เมื่อแผ่นหลังของกู้หลีหายไปจากครรลองสายตา หญิงชราหน้าตาน่าเกลียดร่างกายอวบอ้วนจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

นางยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลจากบ้านของกู้หลีนักเมื่อรอจนแน่ใจว่ากู้หลีไปไกลแล้วนางจึงออกจากที่ซ่อนเร่งฝีเท้ากลับไปยังเรือนของตน

หนึ่งเค่อต่อมาหญิงชราหน้าตาน่าเกลียดสองมือประคองหม้อดินใบเก่ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านของกู้หลี

นางหันซ้ายหันขวาเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวบริเวณนี้หญิงชราจึงเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก

สตรีร่างบางที่กำลังเย็บชุดให้บุตรชายได้ยินเสียงเคาะประตูจึงวางงานในมือลงเพื่อจะไปดูว่าใครกันที่มาเคาะประตู

หญิงชราได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในบ้านจึงส่งเสียงแหลมของตนเองเอ่ยว่า “จูเอ๋อร์ข้าเคี่ยวน้ำแกงไก่มาให้เจ้ากินเจ้าเปิดประตูให้ข้าหน่อย”

สตรีร่างบางไม่ตอบนางกำหมัดแน่นเพื่อไม่ให้ตนเองใจอ่อน หญิงชราไม่ย่อท้อเอ่ยเสียงแหลมว่า “จูเอ๋อร์ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่มารดาแท้ๆของเจ้าแต่ข้าก็เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งแต่หกหนาว มิหนำซ้ำก่อนที่บิดาเจ้าจะตายยังสั่งเสียให้เจ้าช่วยดูแลข้าบ้างในยามที่ข้าแก่ชราเจ้าลืมสิ้นแล้วหรือ”

สตรีร่างบางกำหมัดแน่นกว่าเดิมพลางเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปเสียเถอะเงินสินเดิมของมารดาข้ารวมกับสมบัติของสามีข้าที่เจ้าเอาไปถือเสียว่าข้าใช้สมบัติเหล่านั้นทำตามคำสั่งเสียของท่านพ่อ”

หญิงชรารู้นิสัยลูกเลี้ยงของตนดีว่าเป็นคนใจอ่อนนางจึงแสร้งร่ำไห้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้าผิดไปแล้วยามนี้เจินเอ๋อร์ก็ตายไปแล้วเจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่”

สตรีร่างบางไม่ตอบหญิงชราจึงส่งเสียงสะอื้นพลางเอ่ยว่า “ฮือ ฮือ หญิงชราอย่างข้าอยู่ได้อีกไม่กี่ปีก็ตายสิ่งเดียวที่อยากทำก่อนตายคือการให้เจ้าให้อภัย ข้าจะได้ไปพบหน้าบิดาของเจ้าในแม่น้ำเหลืองได้อย่างสบายใจ ฮือๆถ้าเจ้ายังไม่ยอมให้อภัยข้าจะขอตายอยู่หน้าบ้านเจ้า”

สิ้นคำของหญิงชราประตูรั้วบ้านก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมด้วยเสียงอันอ่อนโยนของหญิงสาว “อย่าทำเช่นนี้”

หญิงชราแสร้งปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงแล้วเอ่ยว่า ”จูเอ๋อร์ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาพบหน้าข้า“

หญิงชราก็ก้มลงหยิบหม้อดินขึ้นมาจากพื้นส่งให้ลี่จูพลางเอ่ยว่า “ข้าทำน้ำแกงไก่มาให้เจ้ารีบกินตอนยังร้อนๆสิ”

สตรีร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธนางเอ่ยเสียงเบาว่า “นำกลับไปเถอะ”

หญิงชรารีบเอ่ย “เจ้ายังไม่ยอมให้อภัยข้าอีกหรือ“

สตรีร่างบางมองมารดาเลี้ยงของตนเห็นว่านางแก่ชรามากแล้วคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่ปีด้วยความที่นางมีจิตใจดีและเป็นคนใจอ่อนจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า

“ข้าให้อภัยท่านต่อไปนี้พวกเราไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกันอีกท่านกลับไปเถอะข้ายังมีงานต้องทำ“

เอ่ยจบนางก็เตรียมจะปิดประตูรั้วหญิงชรารีบเอ่ย “ข้าเคี่ยวน้ำแกงไก่อยู่นานหลายชั่วยามเพื่อนำมาขอโทษเจ้า ถ้าเจ้าให้อภัยหญิงชราคนนี้จริงดังปากว่าเจ้าก็กินเสียหน่อยเถอะ”

สตรีร่างบางถอนหายใจแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยมีหญิงชราเดินตามเข้าไปในบ้านด้วย

น้ำแกงไก่ถูกเทใส่ชามใบใหญ่สตรีร่างบางนำหม้อดินไปล้างจนสะอาดแล้วส่งคืนหญิงชราพลางเอ่ยว่า “ท่านกลับไปได้แล้ว”

หญิงชรา “ข้าจะไม่กลับจนกว่าเจ้าจะยอมยกโทษให้”

สตรีร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ถ้าข้ากินน้ำแกงถ้วยนี้ท่านจะยอมกลับไปใช่ไหม”

หญิงชราพยักหน้าใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา สตรีร่างบางเห็นเช่นนั้นจึงใจอ่อน มือบางจับช้อนตักน้ำแกงขึ้นมากิน

ทันทีที่น้ำแกงไก่ไหลลงคอลำคอของนางก็ร้อนดังถูกไฟเผานางรีบยกน้ำขึ้นมาดื่มแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นมิหนำซ้ำตอนนี้ไม่เพียงแต่ลำคอนางเท่านั้นที่ร้อนทั่วร่างกายของนางโดยเฉพาะบริเวณท้องนั้นแสบร้อนเป็นอย่างมาก

ยามนี้ต่อให้เป็นคนโง่ก็ย่อมรู้แล้วว่าในน้ำแกงไก่มียาพิษสตรีร่างบางดวงตาแดงก่ำจ้องมองหญิงชราพลางเอ่ยว่า

“แค่กๆเจ้าส่งยาแก้พิษมา”

หญิงชรายิ้มเหี้ยมนางยืดหลังตรงเอ่ยเสียงเย็นว่า “ไม่มี”

สตรีร่างบางพุ่งเข้าใส่หญิงชราสองมือบางกุมลำคอหญิงชราไว้แน่นปากก็เอ่ยว่า “นางแก่ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตายไปพร้อมกันกับข้าเถอะ”

หญิงชราใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแกะมือของลี่จูออกจากลำคอของตน ฤทธิ์ยาค่อยๆกัดกร่อนอวัยวะภายในจนลี่จูกระอักเลือดออกมาแต่มือของนางก็ยังกุมลำคอของหญิงชราไว้แน่น

ตึง ตึง ตึง เสียงฝีเท้าหนักอึ้ง ประตูบ้านถูกเปิดออกทำให้คนภายนอกเข้ามาด้านในได้ ผู้ที่มาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนพวกมันคือลูกสะใภ้ของหญิงชรานั่นเอง

หญิงวัยกลางคนสองนางช่วยกันแกะมือของลี่จูออกจากลำคอของหญิงชรา ทันทีที่มือถูกแกะออกหญิงชราก็สบถออกมา “แค่กๆข้าเกือบจะตายอยู่แล้วไยพวกเจ้าพึ่งมา”

ลูกสะใภ้ของหญิงชรารีบเอ่ย “ขอโทษเจ้าค่ะท่านแม่”

หญิงชราไม่สนใจลูกสะใภ้ทั้งสองอีกหญิงชรามองดูลี่จูที่นอนเกลือกกลิ้งดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นแต่ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมาที่นางไม่วางตา หญิงชราเห็นดังนั้นจึงสบถออกมา “มารดามันเถอะนังตัวดีจะตายอยู่แล้วยังกล้ามองหน้าข้าอีกหรือ”

เอ่ยจบหญิงชราก็ยกเท้าถีบไปที่ใบหน้าของสตรีร่างบางพลางเอ่ยว่า “เจ้ามันโง่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะยอมขอโทษคนที่ทำให้บุตรสาวข้าตายหึนางโง่”

สตรีร่างบางใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเค้นคำพูดออกมาประโยคหนึ่ง “พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายหลีเอ๋อร์ย่อมไม่ปล่อยพวกเจ้าไป”

ลูกสะใภ้สองคนตัวสั่นลูกสะใภ้คนโตเอ่ยว่า “ท่านแม่เราจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าเด็กนั่นต้องมาแก้แค้นแน่ๆข้ากลัว”

หญิงชรายกเท้าถีบลูกสะใภ้คนโตพลางเอ่ยว่า “ชักช้าอยู่ไยจุดไฟเผาบ้านมันให้มันคิดว่าบ้านของมันไฟไหม้มารดาของมันหนีออกมาไม่ทันตายในกองเพลิงก็สิ้นเรื่อง”

สะใภ้รองมือเท้าว่องไวได้ยินดังนั้นจึงวิ่งไปในครัวค้นหาตะบันไฟ ไม่นานนางก็ถือตะบันไฟออกมาพลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “ท่านแม่ข้าวสารเต็มไหเลยพวกเรานำกลับบ้านกันดีหรือไม่”

หญิงชรายกเท้าถีบลูกสะใภ้คนรองพลางเอ่ยเสียงดังว่า “ถามอันใดโง่ๆรีบไปขนออกมา”

มองดูร่างที่ไร้วิญญาณบนพื้นลูกสะใภ้คนโตลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงลงมือค้นหาถุงเงิน สักพักนางก็เทเงินในถุงที่มีเพียงสองอีแปะออกมาพลางเบะปากอย่างรังเกียจที่เงินมีน้อย

เปลวเพลิงลุกโชนทั่วบ้านอย่างรวดเร็วหญิงชราพาลูกสะใภ้สองคนหอบผ้าฝ้ายเนื้อดีสองพับและไหข้าวสารเดินออกมาจากบ้านของกู้หลี ด้วยกลัวว่าจะมีคนเห็นพวกนางจึงเร่งฝีเท้าเดินกลับเรือนตนเองอย่างรวดเร็ว

หญิงชราปากกว้างกับเด็กหนุ่มร่างผอมเผยตัวออกจากหลังต้นไม้สองแม่ลูกรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้านของกู้หลี เด็กหนุ่มร่างผอมใช้น้ำในโอ่งตรงลานบ้านราดตัวแล้ววิ่งฝ่ากองเพลิงเข้าไปในบ้าน

ไม่นานนักเขาก็อุ้มร่างอันไร้วิญญาณของลี่จูออกมาจากกองเพลิงปากก็ส่งเสียงตะโกนดังลั่น “ท่านแม่มารดาของกู้หลีนางสิ้นใจแล้วขอรับ“

หญิงชราปากกว้างสั่งให้เด็กหนุ่มอุ้มร่างของลี่จูกับเรือนของตนเนื่องจากนางกลัวว่าพวกคนแซ่ลี่จะย้อนกลับมาเจอแล้วฆ่าปิดปากพวกนางสองแม่ลูก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel