9 เพราะกูไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลย
10th August 2018
16.00 PM : St.Martin International School
“ป๋าย”
เสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้น ขณะที่ฉันกำลังเดินออกมาจากโรงเรียน เตรียมที่จะไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับบ้าน พอหันไปดู ก็เห็นว่าคนที่เรียกฉันนั้นคือฟ็อกซ์ เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาฉัน
“ว่าไงฟ็อกซ์?”
“ทำไมวันนี้กลับบ้านคนเดียวล่ะ? เจย์เดนไปไหน?”
“ช่วงนี้เจย์เดนซ้อมหนักน่ะ อยู่แต่ในห้องซ้อมทุกวันเลย”
“งั้นเหรอ? เรานึกว่าป๋ายทะเลาะกับเจย์เดนซะอีก”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” ที่จริงแล้วใช่ ช่วงนี้ฉันกับเจย์เดนทะเลาะกันบ่อยมาก เขาหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา ฉันพูดอะไรนิดหน่อยก็ไม่เข้าหูไปซะทุกเรื่อง เราทะเลาะกันตั้งแต่เรื่องกิน ยันเรื่องเรียน ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งๆที่ตอนเป็นเพื่อนเราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย
“นึกว่าป๋ายรู้เรื่องนั้นแล้วซะอีก” ฉันหยุดเดิน หันไปมองฟ็อกซ์ที่พูดแบบนั้นออกมา ทำไมช่วงนี้ชอบมีคนเอาข่าวนั่นนี่เกี่ยวกับเจย์เดนมาเล่าให้ฉันฟังอยู่เรื่อยเลยนะ พวกเพื่อนๆทำเหมือนว่าอยากเห็นฉันกับเจย์เดนทะเลาะกัน
“เรื่องอะไร?”
“มีคนเห็นเจย์เดนจูบกับคิตตี้ในห้องน้ำชั้นสามเมื่อวันก่อนอะ คิตตี้ที่เป็นเด็กใหม่อะ”
“ป๋ายไม่เชื่อ ขอร้องนะ ฟ็อกซ์อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้ป๋ายฟังอีก ป๋ายไม่ใช่คนหูเบา ถ้าไม่ได้เห็นกับตาป๋ายจะไม่เชื่อเด็ดขาด” ฉันโกรธมากที่ได้ยินแบบนั้น ตอนนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ว่าเมื่อวาน ฉันบังเอิญเจอคิตตี้ แล้วยัยบ้านั่นก็เดินเข้ามาบอกฉันว่า...ปากเจย์เดนหวานดีนะ
22.30 PM : Home
“ฮัลโหล”
[อืม]
“เจย์เดนซ้อมเสร็จหรือยัง?”
[เสร็จแล้ว กำลังจะกลับคอนโด]
“ไหนว่าวันนี้จะกลับบ้าน?”
[เปลี่ยนใจแล้ว จะนอนที่คอนโด ป๋ายโทรมามีอะไร?] เดี๋ยวนี้ฉันที่เป็นแฟนจะโทรหาเขาต้องมีเรื่องอะไรด้วยอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่มีอะไรหรอก ขับรถกลับบ้านสวมหมวกกันน็อกด้วยนะ อย่าลืมกินข้าวด้วย เจย์เดนไม่ค่อยกินข้าว ชอบดื่มแต่เบียร์กับสูบบุหรี่”
[จะทำตัวเป็นแม่ทำไม?]
“เจย์เดน...ป๋ายก็แค่เป็นห่วง!”
[มันน่ารำคาญว่ะป๋าย เลิกทำตัวเหมือนแม่เจย์ได้ปะ?]
“งั้นป๋ายจะวางแล้วนะ”
[อืม]
“เดี๋ยว!” อยู่ๆฉันก็เกิดเปลี่ยนใจอยากจะถามอะไรบางอย่างกับเขาขึ้นมา
[อะไรอีก?]
“เบื่อป๋ายแล้วใช่ไหม?” ฉันร้องไห้ออกมาในที่สุด
[ก็เลิกบ่นสักที เจย์จะได้ไม่เบื่อ]
“แสดงว่าเบื่อ ก็เลยไปจูบกับผู้หญิงคนอื่น แบบนั้นใช่ไหม?”
[พูดเรื่องอะไรวะป๋าย?! อย่าหาเรื่องทะเลาะ!]
“ป๋ายไม่ได้อยากทะเลาะ แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนว่าป๋ายทำอะไร มันก็ผิดไปหมด แล้วป๋ายก็สงสัยจริงๆว่าเจย์เดนไปจูบกับคิตตี้จริงหรือเปล่า?”
[...]
“ตอบมาสิ”
[ถ้าจริงแล้วยังไง? ป๋ายจะทำอะไรถ้าเกิดเจย์ไปจูบกับยัยนั่นจริงๆ?] เขาไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ แล้วแบบนี้ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องจริงมันคืออะไร?
“ฮึก! ก็ไม่ยังไงหรอก! ป๋ายจะได้รู้เอาไว้ว่าถ้าเจย์เดนทำแบบนั้นได้ แสดงว่าป๋ายก็ต้องทำได้!” ฉันตัดสายทิ้ง โยนมือถือลงบนเตียง ก่อนจะฟุบหน้าลงเตียงแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ตอนนี้มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่ฉันกับเจย์เดนทะเลาะกัน
15th August 2018
17.00 PM : The Band
บรรยากาศภายในห้องซ้อมเงียบงัน ฉันมาที่นี่เพราะไวท์บอกให้มา ยังไม่ดีกับเจย์เดนเลยด้วยซ้ำ หลังจากที่ทะเลาะกันเมื่อหลายวันก่อน เขาไม่ง้อฉันเลย ไม่โทรหา แถมยังไม่ไปเรียน พอไวท์บอกให้ฉันมา ฉันก็เลยรีบมาทันที มาเพราะอยากจะเจอเจย์เดน แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้อยากจะเจอฉันเลยสักนิด และฉันก็คิดว่าฉันมาผิดวัน เพราะวันนี้ดูท่าที่วงจะมีเรื่องเครียดกันด้วย
“ตกลงจะเอายังไง? กูว่านี่แม่งเป็นโอกาสที่ดีของพวกเราเลยนะ” วินเทจเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ แล้วฉันก็เห็นว่าที่บนโต๊ะมีนามบัตรของค่ายเพลงวางอยู่
“พี่ป้องเป็นโปรดิวเซอร์ที่ดังมากเลยนะ ทำวงอินดี้ดังมาไม่รู้กี่วงแล้ว”
“คุยกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่เข้าค่าย?” ไวท์ถามขึ้น
“ก็ใช่...แต่มึงลองคิดดูนะ ว่าถ้าเรามีค่าย งานเราก็จะเยอะ มีเงินทำเอ็มวี มีโปรดิวเซอร์คอยแนะนำ เผลอๆเราอาจจะได้มีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเอง มึงไม่อยากมีคอนเสิร์ตของตัวเองเหรอวะไวท์?”
“ก็อยาก...แต่กูว่ามันไม่อิสระว่ะ ถ้ามีค่ายก็คงต้องโดนตีกรอบ ไม่แน่เราอาจจะโดนดองอยู่เป็นปี” ขณะที่วินเทจ เรโทรและไวท์กำลังถกเถียงกัน เจย์เดนก็เอาแต่นิ่งเงียบ
“จะเอาไงอะ? ลงความเห็นกันเลยไหมล่ะ?”
“พวกเรามีกันสี่คน ยังไงเสียงก็ออกมาเสมอ เพราะกูกับเจย์เดนคงเลือกไม่เอาค่ายเหมือนกัน กูก็เลยเรียกป๋ายมา ให้เสียงของมันเป็นคนตัดสินก็แล้วกัน” พอไวท์พูดออกมาแบบนั้น ฉันก็ตกใจไม่น้อย
“เดี๋ยว...กูไม่ได้อยู่ในวงด้วย มึงจะให้กูเลือกทำไม?”
“เอาเหอะ ถ้ามึงไม่เลือก พวกกูก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้ อีกอย่าง...มึงก็เหมือนคนในวง มึงอยู่กับพวกเรามาตั้งแต่แรก มึงเห็นมาทุกอย่าง กูว่าการตัดสินใจของมึงสำคัญนะป๋าย”
“แต่...”
“ไม่มีแต่แล้ว มึงก็เลือกในสิ่งที่คิดว่าดีกับวงมากที่สุด” ในตอนที่ต้องเลือก ฉันหันไปมองเจย์เดนที่กำลังมองมาที่ฉัน เขาไม่พูดอะไรเลย ทำเพียงมองฉันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“ไม่ต้องคิดเข้าข้างเจย์เดนด้วยนะ ตัดเรื่องแฟนหรือเรื่องเพื่อนออกไป เอาตามที่มึงคิดเลยป๋าย”
“จากที่กูดูพวกมึงมานาน เพลงที่ทำออกมา ถึงจะฟังยากแต่ก็เพราะมาก พวกมึงเก่ง แต่ก็เหมือนจะมีอะไรที่ขาดๆเกินๆอยู่บ้าง บางครั้งพวกมึงก็ซ้อมหามรุ่งหามค่ำ บางครั้งก็ละเลยไปอย่างไม่สนใจ กูเลยคิดว่าถ้าพวกมึงอยากเติบโตในเส้นทางนี้ ถ้าอยากไปไกลกว่านี้ พวกมึงก็ต้องมาคนคอยซัพพอร์ต กูเลือก...ฝั่งมีค่าย กูว่าการมีค่ายจะทำให้พวกมึงได้โชว์ศักยภาพที่มีออกมาจริงๆ และการมีโปรดิวเซอร์เก่งๆก็จะช่วยให้พวกมึงทำเพลงออกมามีดีกว่าเดิมแน่ๆ” ฉันเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด ทั้งๆที่มันอยู่ตรงข้ามกับสิ่งที่เจย์เดนต้องการ
“สุดยอด! กูว่าแล้วว่ามึงต้องคิดเหมือนกูไอ้ป๋าย” วินเทจดีใจออกมาทันทีเมื่อฉันเลือกข้างมัน
“งั้นพวกมึงก็เข้าค่ายกันไปเลย กูขอถอนตัวจากวง” แต่ในตอนนั้น เจย์เดนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องซ้อม
“เชี่ย! เจย์เดน!”
“เอาไงล่ะ? คราวนี้ใครจะตามง้อมัน?”
“ถ้ามันถอนตัวแล้วเราจะเป็นวงได้ยังไง? เริ่มมาด้วยกัน แล้วทำไมจะถอนตัวแบบนี้วะ?! ทำไมมันไม่ฟังเสียงคนส่วนใหญ่บ้างเลยวะ?!”
“มึงก็รู้ว่ามันปักธงไว้ตั้งแต่แรกว่าจะไม่เข้าค่ายเพลง มันอยากทำวงอิสระ แล้วพวกมึงมาเปลี่ยนเจตนารมณ์มันได้ยังไง?” ไวท์มองหน้าวินเทจสลับกับเรโทร
“ก็กูเห็นว่าข้อเสนอที่พี่ป้องเขาให้มามันน่าสนใจ”
“ห่าเอ๊ย! ถ้ามันจะถอนตัวแบบนี้ กูไม่เอาก็ได้วะค่ายเพลงอะ! ยังไงก็ต้องเอาเพื่อนไว้ก่อน!”
“หมดกัน! กูอุตส่าห์วาดฝันเอาไว้แล้วแท้ๆ” วินเทจและเรโทรโอดครวญ
“แล้วมึงยังไง? จะไม่ตามแฟนไปหรือไง? ไปให้กำลังใจมันหน่อย...ช่วงนี้มันเจอเรื่องแย่ๆอยู่” ไวท์หันมาบอกฉัน
“เรื่องแย่ๆ?”
“ให้มันเล่าเอง กูไม่อยากเป็นคนเสือก” เป็นอีกครั้ง...ที่ฉันได้รู้เป็นคนสุดท้ายว่าเจย์เดนกำลังมีปัญหา...
