บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 กลับบ้านเดิม (1)

เช้าวันรุ่งขึ้นอู๋ชิวอิ่งแทบลุกไม่ขึ้น นางรู้อยู่แล้วว่าสามีเป็นคนร้อนแรงและมีพลังมากล้นนัก เรื่องราวบนเตียงของเขาเปรียบแล้วดังม้าพยศก็ไม่ปาน แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังสู้แรงเขาไม่ใคร่ได้ หากนางไม่ร่ำร้องว่าหมดแรงแล้วถึงกับน้ำตาไหล อ้อนวอนก็แล้ว ชมเชยที่เขามีพลังเหลือล้นเก่งกาจหาใดเทียมไหนเลยเขาจะยอมปล่อยนาง

นางกับเขาลงถังอาบน้ำชำระกายพร้อมกัน แต่ไม่ได้กระทำการใดให้เสียเวลา จากนั้นสาวใช้ก็ช่วยทั้งสองแต่งตัว และพากันไปเรือนฮูหยินผู้เฒ่า บอกกล่าวกับผู้อาวุโสพร้อมทั้งรับอาหารเช้าพร้อมกันแล้วสามีภรรยาก็ออกมาหน้าจวน

ของขวัญตระเตรียมพร้อมแล้วยังรถม้าอีกคันหนึ่งกับสาวใช้ที่ติดตามไป สองสามีภรรยาออกจากจวนสกุลหลิวตรงไปยังจวนสกุลอู๋ที่ต้องใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วยาม อู๋ชิวอิ่งจึงใช้ยามว่างในรถเอนกายซุกอกสามีหลับตาพริ้มไปเสียเลย เขาก็อดสงสารนางไม่ได้ จึงกอดกระชับนางไว้ ยกมือขึ้นลูบผมข้างจอนหูให้อย่างเอาใจใส่และแตะจูบเบาๆ ที่หน้าผากมนเกลี้ยงเกลาด้วยความรักใคร่

คราแรกเขาก็ได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้วว่าคู่หมั้นของเขาเป็นสตรีขี้อายที่อยู่ในจวนไม่ค่อยย่างเท้าไปไหน แต่เมื่อมาเจอตัวจริงนางกลับเร่าร้อนจนแทบเผาเขาจนมอดไหม้ ไม่ต้องพูดถึงความงดงามเหนือสามัญและความอ่อนหวานเอาใจใส่ยินยอมให้เขาสารพัด การแต่งงานที่เขาไม่ได้คาดหวังนักกลับทำให้เขารู้สึกเหนือคาด ภรรยาเช่นนี้เขาจะหมางเมินได้อย่างไรเล่า นางช่างดียิ่ง เขากระชับอ้อมแขนแน่นจนกระทั่งเวลาผ่านไป รถม้าจอดสนิทดีแล้ว เขากระซิบเรียกนางแผ่วเบาอู๋ชิวอิ่งก็รู้สึกตัว จัดผมกับเสื้อผ้าเล็กน้อยก็พากันลงจากรถม้า

มาถึงสกุลอู๋คนที่รอรับสามีภรรยาอยู่หน้าจวนพร้อมรอยยิ้มละไมคือพี่ชายคนโตกับพี่ชายคนรองและพี่สะใภ้ทั้งสองของอู๋ชิวอิ่งนั่นเอง

“คำนับพี่ชายทั้งสอง พี่สะใภ้” หลิวเต๋อหมิงแม้จะมีตำแหน่งเจ้าเมือง แต่พี่ชายคนโตของอู๋ชิวอิ่งกลับมาตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ในกรมอากรแล้ว นับว่ามีตำแหน่งสูงกว่าเขา ซ้ำอีกฝ่ายยังอายุมากกว่า การที่น้องเขยอย่างเขาจะนอบน้อมให้พี่ภรรยาไม่ใช่เรื่องที่ไม่สมควร

“น้องเขย เข้าจวนเถอะ ท่านพ่อท่านแม่กำลังรออยู่” คุณชายใหญ่วัยยี่สิบห้า ท่าทางสุภาพแต่เคร่งขรึมเล็กน้อยตอบรับคารวะของน้องเขยแล้วเชิญกันเข้าจวน คุณชายรองก็เช่นกัน เขาไม่ได้ส่งเสียง แต่ยิ้มรับ ส่วนสะใภ้ทั้งสองยอบกายทักทายอีกฝ่ายเงียบๆ

อู๋ชิวอิ่งจำภาพนี้ได้ เมื่อชาติก่อนก็เป็นเช่นนี้ พี่ชายทั้งสองรอต้อนรับนางกลับบ้านเดิมหลังแต่งงานที่หน้าประตูจวน คนทั้งหมดพากันเข้าจวนไปทางโถงใหญ่

เมื่อเห็นบุตรสาวหน้าตาสดใสยังงดงามแรกแย้มเช่นเดิมหม่าซื่อถึงกับต้องลอบซับน้ำตา ในบุตรพี่น้องทั้งสาม นางห่วงบุตรสาวคนเล็กมากที่สุด ยังไงก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวที่นางประคองไว้ในฝ่ามือมาตั้งแต่เล็ก ผิดกับบุตรชายทั้งสองที่ติดตามหลังสามีต้อยๆ ตั้งแต่สามขวบ นางลอบมองเสื้อผ้าและเครื่องประดับของบุตรสาว ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนไม่ใช่ของที่นางตระเตรียมไว้ให้ก่อนออกเรือน นั่นแสดงว่าต้องเป็นลูกเขยของนางแล้วที่จัดการได้อย่างรอบคอบและคิดถึงบุตรสาวนาง เห็นเช่นนี้นางจึงเบาใจได้เปลาะหนึ่ง

“คำนับท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย” หลิวเต๋อหมิงเดินขึ้นหน้าไปคารวะพ่อตาแม่ยายด้วยท่าทางสุภาพแย้มยิ้ม

“แอ่ม อือ นั่งเถอะ” อู๋ฉงพยักหน้าครั้งหนึ่งก่อนละสายตาจากบุตรเขยไปยังบุตรสาว เห็นนางยังแย้มยิ้มก็เบาใจ ใช่ว่าแค่ฮูหยินของเขาเสียที่ไหนที่เป็นห่วงบุตรสาว เขาเองก็ห่วงไม่ต่างกัน ซ้ำนางก็ต้องแต่งงานไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไหนเลยคนเป็นพ่อจะวางใจลงได้

“ท่านแม่คงมีอะไรจะพูดกับอาชิว ท่านพ่อเองก็อยากชวนน้องเขยไปเดินหมากด้วยกันไม่ใช่หรือ” อู๋ติ้งเกาหรือคุณชายใหญ่เอ่ยขึ้น

“ไปเถอะ ข้าได้สุราดอกท้อสิบปีมาด้วย นับว่าใช้วันนี้เป็นฤกษ์ดีเปิดมันดื่มก็แล้วกัน” อู๋ลี่คุน คุณชายรองก็เอ่ยขึ้นมาอีกคน

“งั้นก็ไปห้องหนังสือเถอะ” ว่าแล้วอู๋ฉงก็ลุกขึ้น ยังไม่วายหันมองบุตรสาวครั้งหนึ่ง เห็นแก้มนวลเนียนนั้นแดงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลก็ยกเท้าเดินจากไปพร้อมบุตรชายและบุตรเขย

เมื่อถึงห้องหนังสือทั้งสี่คนนั่งลงที่ตั่งข้างหน้าต่าง บิดาและพี่ชายใหญ่นั่งฝั่งตรงข้าม หลิวเต๋อหมิงกับพี่ชายคนรองของภรรยาก็นั่งฝั่งเดียวกับเขา แต่ทั้งสามล้วนทำเหมือนกันคือจ้องหน้าเขาเขม็ง

“ท่านพ่อตา พี่ชายทั้งสอง ให้เต๋อหมิงใช้ชานี้คารวะพวกท่านสักจอกเถอะ” เขารินชาใส่จอกเล็ก ยกขึ้นและดื่มมันลงไปรวดเร็ว

“บุตรสาวข้าถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เล็กจนโต อย่าทำให้นางขุ่นเคืองใจเล่า ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ฮึ” หากเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้เขาก็ว่าไม่ใคร่เหมาะ แต่เขาอู๋ฉงห่วงบุตรสาวนี่ ยังไงก็ต้องข่มบุตรเขยไว้ก่อนถึงจะดี

“ที่ท่านพ่อตาเป็นกังวลข้าเข้าใจ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะดูแลนางให้ดี ไม่ทอดทิ้งแน่นอน”

“มาๆ ดื่มกันเถอะ” เห็นเช่นนั้นแล้วอู๋ลี่คุนจึงรีบเปิดจุกไหสุราและหงายจอกขึ้นสี่ใบ ริมสุราลงไป กลิ่นหอมอวลไปทั้งห้อง หลิวเต๋อหมิงยังยิ้ม เขารับสุรามาสูดดม “ขอใช้สุราจอกนี้ให้สัตย์สาบาน ข้าหลิวเต๋อหมิงจะดูและชิวอิ่งเป็นอย่างดี วันใดวันหนึ่งหากข้าละเลย ขอไร้ความสุขสงบไปชั่วชีวิต ยามอยู่คนหมางเมิน ยามตายไร้ดินกลบหน้า” กล่าวด้วยถ้อยคำหนักแน่นแล้วก็ยกสุราขึ้นดื่ม

พ่อลูกสกุลอู๋ทั้งสามเห็นเช่นนี้ก็พากันรีบยกสุราดื่มตามรวดเดียวจบ

“ท่านพ่ออยากเดินหมากกับน้องเขยมาตลอดมิใช่หรือ” อู๋ติ้งเกาเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งพยักหน้าเรียกสาวใช้ยกหมากกระดานมา พวกสาวใช้มาส่งของว่างก็วางมันลงยังโต๊ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel