บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 กลับบ้านเดิม (2)

อู๋ติ้งเกาคิดถึงเมื่อสามสี่ปีก่อนไม่มีใครไม่รู้ถึงผลการแข่งขันศาสตร์ทั้งเก้าของสำนักศึกษาหลวงว่าศาสตร์หมากล้อมนั้นหลิวเต๋อหมิงชิงป้ายผู้ชนะเลิศไปได้ ครั้งนั้นหลิวเต๋อหมิงยังศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาหลวง และปีนั้นเขาก็สอบผ่านซิ่วไฉได้อันดับที่หนึ่งด้วยและเข้าแข่งขันศาสตร์ทั้งเก้าครั้งนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายในฐานะศิษย์ของสำนักศึกษาหลวงเพราะปีต่อมาเขาเตรียมตัวสอบจวี่เหริน ที่จะมีการจัดขึ้นสามปีครั้ง แล้วเขาก็สอบผ่านในระดับต้นๆ มีใครไม่รู้จักหลิวเต๋อหมิงผู้นี้บ้าง เสียดายก็แต่เขาออกจากเมืองหลวงไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองเสียนหยางสองปีแล้ว ได้กลับมาเมืองหลวงน้อยครั้ง ผู้คนจึงค่อยๆ ลืมหนุ่มหน้าหยกผู้มากความสามารถอย่างเขาไป และเพราะความสามารถที่โดดเด่นเช่นนี้อย่างไรเล่าที่ทำให้ท่านพ่อและท่านลุงถึงเห็นดีเห็นงามจะยกน้องสาวของเขาให้อีกฝ่ายไป อีกอย่างนายท่านผู้เฒ่าหลิวกับนายท่านผู้เฒ่าอู๋ยามยังมีชีวิตก็เป็นสหายกัน ตอนที่อู๋ฉงเปรยๆ กับผู้ใต้บัญชาหลังเลิกประชุมขุนนางหลิวเซิงหรือท่านลุงใหญ่ของหลิวเต๋อหมิงก็บอกว่าตัวเองก็กำลังมองหาหลานสะใภ้ด้วยเช่นกัน สุดท้ายจึงนำมาซึ่งการเกี่ยวดองกันระหว่างอู๋หลิวสองสกุล

พ่อตากับลูกเขยเริ่มดวลหมากกระดานกันเงียบๆ พี่น้องสกุลอู๋ก็ดื่มสุรากินถั่วคั่วแทะเม็ดแตงมองไปเพลินๆ ผลสุดท้ายท่านพ่อตาที่จัดว่าเป็นมือดีด้านหมากล้อมยังแพ้ให้บุตรเขย เมื่อเขาร่ำร้องจะเล่นอีก รอบที่สองหลิวเต๋อหมิงอ่อนข้อให้อย่างเห็นกันชัดๆ แต่ไม่มีใครพูด พ่อตาอย่างอู๋ฉงจึงชนะไปอย่างขาดลอย

พี่น้องสกุลอู๋เห็นท่านพ่อหัวเราะเพราะได้รับชัยชนะก็ได้แต่อมยิ้มรินสุราให้อย่างเอาใจ จนกระทั่งสาวใช้มาบอกว่าสำรับมื้อเที่ยงพร้อมแล้ว ทั้งสี่คนจึงพากันไปที่โถงข้าง

อู๋ชิวอิ่งเห็นสามีเดินตามท่านพ่อและพี่ๆ มาด้วยใบหน้าอมยิ้ม เมื่อมองท่านพ่อเห็นอีกฝ่ายแก้มแดงเพราะดื่มสุราก็ไม่อยากพูดอะไรอีก เชื้อเชิญให้สามีนั่งและนางก็นั่งลงด้านข้าง โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะกลมตัวใหญ่ สมาชิกทุกคนนั่งกันพร้อมหน้ายกเว้นเด็กๆ ทั้งสามที่กำเนิดจากอู๋ติ้งเกา หญิงชายคู่หนึ่ง บุตรของอู๋ลี่คุน ชายหนึ่ง ทั้งสามถูกพาไปกินมื้อเที่ยงตั้งนานแล้ว

หลิวเต๋อหมิงรับน้ำแกงหวานจากสาวใช้ส่งให้อู๋ชิวอิ่งก่อน ยามกินข้าวก็คอยคีบกับข้าวให้ เขาไม่ได้ทำให้ใครดู แต่ทำเพราะอยากทำ ตั้งแต่นางแต่งเข้ามาเขาก็ทำเช่นนี้ เขาคิดว่าการได้เอาใจใส่นางคือสิ่งที่เขาสมควรทำในฐานะสามี

อู๋ชิวอิ่งกินข้าวเงียบๆ สามีคีบอาหารอะไรมาวางในชามข้าวให้ก็กิน เพิ่มน้ำแกงให้ก็ดื่ม นางรับการเอาใจของสามีเต็มที่ แต่สำหรับนางคือการทำให้ท่านแม่ดูเพราะท่านแม่ห่วงนางมาก กลัวสามีจะเอาเปรียบและไม่ดีกับนาง ตอนนี้ก็ให้ท่านแม่ดูลูกเขยเอาใจนางไปมากๆ ก่อนเถอะ หวังว่าท่านแม่จะวางใจลงได้บ้าง

หลังมื้อเที่ยงอู๋ชิวอิ่งพาหลิวเต๋อหมิงไปพักผ่อนยังเรือนที่นางเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เล็กจนโต เดินผ่านประตูวงพระจันทร์เข้าไปเจอสวนและทางเดินเล็กๆ ในสวนล้วนแต่ปลูกไม้ดอกไว้มากมาย แม้ยามนี้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ยังมีดอกไม้หลายกระถางให้ชม ครั้งเดินเข้าไปในเรือนก็ตรงไปยังห้องนอนส่วนใน

หลิวเต๋อหมิงเดินไปนั่งที่ตั่งริมหน้าต่าง บนตั่งตัวใหญ่นั้นวางโต๊ะเล็กไว้อีกตัว เขาดึงนางให้มานั่งบนตัก หันใบหน้ามองออกไปยังสวน เห็นต้นเฟิง[6] ไม่ใหญ่มากนักต้นหนึ่งข้างภูเขาจำลอง ใบเฟิงกำลังปลิดปลิวร่วงหล่นสีแดงบ้าง สีเหลืองบ้าง สีน้ำตาลบ้าง ล้วนแล้วแต่น่ามองและทำให้รู้สึกถึงความเงียบสงบ

“คิดว่าช่วงนี้ของฤดูเจ้าคงมานั่งเล่นที่ตั่งตัวนี้บ่อยๆ”

“ก็ไม่บ่อยเท่าไร หากวันอากาศดีข้าจะออกไปนั่งที่ซุ้มชิงช้าตรงนั้นมากกว่า” นางชะโงกหน้าไปชี้ให้เขาดูซุ้มชิงช้าใต้ระแนงต้นจื่อเถิงหลัว[7] ไม่ไกลจากภูเขาจำลองนัก ยังมีดอกสีม่วงอ่อนดกหนาห้อยระย้าลงมาน่ามองมาก

หลิวเต๋อหมิงชะโงกหน้าออกไปจนเห็นซุ้มระแนงนั้นแล้ว “กลับไปข้าจะสั่งช่างมาทำซุ้มจื่อเถิงหลัวในเรือนของเราบ้าง” ว่าแล้วเขาก็หันมองไปทางประตู เห็นพวกสาวใช้ถอยห่างไปพร้อมกับงับประตูปิดให้เรียบร้อย เขาจึงมือไม้อยู่ไม่สุข เริ่มลูบไล้เนื้ออวบอิ่มสองก้อนที่เห็นแล้วทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้เลย หน้าอกนางช่างงดงามตระการตาทีเดียว เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ก็พอเหมาะพอเจาะกับนางยิ่ง ชุดรัดเอวนี้ยิ่งขับเน้นเอวอ้อนแอ้นให้ชวนมองมาก

อู๋ชิวอิ่งดื่มชาอยู่ก็แทบสำลัก เพียงแต่นางไม่ได้ห้ามปรามเขา วันนี้นางใส่ชุดสีม่วงอมแดงทั้งชุด ผ้าคาดเอวบางดูอ้อนแอ้นชวนมอง เสื้อผ้าถูกรมกลิ่นหอมดอกกล้วยไม้ เรือนผมถูกเกล้าเก็บอย่างสตรีที่ออกเรือนแล้ว เครื่องประดับผมเป็นเครื่องประดับชุดใหม่ที่หลิงเต๋อหมิงเตรียมไว้ให้นางอย่างใส่ใจเข้าคู่กับชุดนี้ คล้ายเขาจะชมชอบมองนางแต่งตัวงดงามสมวัย นางเองก็เพิ่งเห็นด้านนี้ของเขาเหมือนกัน คิดแล้วก็ให้สะท้อนใจนักที่ชาติก่อนนางเหมือนจะละเลยเรื่องบางอย่างไปหรือไม่ ถึงทำให้ไม่ค่อยรู้ความชมชอบของสามีมากนัก

ขณะที่อู๋ชิวอิ่งใจลอย มือหนึ่งของหลิวเต๋อหมิงก็ลูบที่ข้างเอวนาง ลูบอยู่พักใหญ่คล้ายชมชอบ ลมหายใจเขาร้อนลวกอยู่ข้างใบหูนาง ใบหน้าเขาฝังลงยังซอกคอนาง ขบเม้มเบาๆ

“ตรงนี้ได้หรือไม่” เสียงถามแหบพร่า อู๋ชิวอิ่งมีหรือจะไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร มือที่ลูบไล้เนินอกนางเริ่มสอดเข้าไปในสาบเสื้อสองชั้นบีบเคล้นเนินอกผ่านเสื้อเอี๊ยมสีกลีบบัว ปลายนิ้วสะกิดยอดอกจนมันชูชันแข็งตั้งอย่างไม่อาจหักห้ามไว้

ก่อนหน้านี้เขาดื่มสุราไปหลายจอก ตอนที่กินมื้อเที่ยงก็ถูกพี่ชายทั้งสองของภรรยาชวนดื่มไปอีกนับห้าหกจอก นับว่าไม่น้อยเพราะสุราดอกท้อไหนั้นหอมหวานแต่กลับทำให้มึนเมาเร็วมาก ตอนนี้ก็เหมือนสุราออกฤทธิ์พาให้ในกายปั่นป่วนร้อนรุ่ม

อู๋ชิวอิ่งรู้สึกเหมือนมีบางอย่างทิ่มอยู่ที่สะโพก นางชะงักไป แต่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนั้นคืออะไร แม้จะรู้สึกอ่อนใจอยู่บ้างแต่นางก็วางจอกชาลง หันกลับไปมองใบหน้าแดงเรื่อของสามี ยกสองแขนขึ้นคล้องคอเขา ลมหายใจเป่ารดกันและกัน นางยังได้กลิ่นสุราดอกท้ออวลออกมาจากลมหายใจของเขา

.

.

.

[6] ต้นเฟิง หมายถึง ต้นเมเปิล

[7] ‘จื่อเถิง’ (紫藤) หรือ ต้นวิสทีเรีย (Wisteria อาจเรียกกันว่า จื่อเถิงหลัว (紫藤萝) ก็ได้ ซึ่งคำว่า 萝 (หลัว) แปลว่าเถานั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel