บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 : เอาตัวรอดในยุคโบราณ 1/2

ตอนที่

[4]

เอาตัวรอดในยุคโบราณ

“ไหว…เจ้าค่ะท่านยาย เพียงแค่ใช้พลังมากไปหน่อย ขอบคุณมากนะเจ้าคะ” ว่าแล้วก็หยิบเงินจ่ายให้หญิงชราเป็นค่าตะบันไฟ ทว่าเมื่อนางจ้าวเห็นเงินที่อีกฝ่ายมอบให้เป็นจำนวนเงินไม่น้อยจึงปฏิเสธที่จะรับ

“ที่บ้านข้ามีสองอัน อันนี้เจ้าเอาไปใช้ก่อนเถิด คาดว่าน่าจะใช้ได้ไม่นานมาก หากหมดแล้วก็ค่อยไปซื้อใหม่นะ”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านยายอีกครั้งนะเจ้าคะ รบกวนท่านยายมาเสียเวลานานเลย…”

“มิเป็นไร เช่นนั้นข้าขอตัวกลับบ้านก่อน หากเจ้ามีอันใดอยากให้ข้าช่วยเหลือก็ไปที่บ้านได้เลยนะ” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังบ้านที่อยู่ไม่ไกลออกไป

“ได้เลยเจ้าค่ะ ต้องรบกวนท่านยายหลายเรื่องเชียว” เพ่ยเพ่ยว่า

อย่างติดตลกจึงทำให้นางจ้าวหัวเราะออกมา แม้แต่อู้หลิงที่ไม่ค่อยเข้าใจอันใดมากก็หัวเราะเบา ๆ ด้วย บรรยากาศระหว่างพวกเขานั้นผ่อนคลายขึ้นมาก

คล้อยหลังสองย่าหลานกลับบ้านไป เมื่อมองไปยังไฟที่ติดอยู่เพ่ยเพ่ยก็เร่งต้มยาเป็นอันดับแรก ยาห้ามครรภ์ที่ซื้อมานางจะไม่ลืมเด็ดขาด อย่างไรก็ต้องป้องกันไว้ก่อน จะให้เกิดเหตุไม่คาดฝันไม่ได้ หลังจากดื่มยาแล้วค่อยไปเร่งทำความสะอาดส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมจัดเก็บของที่ซื้อมาเข้าไปในบ้านให้เป็นระเบียบ

แต่ที่นางออกจะกลุ้มใจก็คือห้องน้ำในยุคโบราณนี่แหละออกจะไม่สะดวกมาก ๆ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ดูจากบ้านชาวบ้านคนอื่นแล้ว บ้านท่านตาท่านยายน่าจะค่อนข้างดีกว่าผู้อื่นแล้ว แม้หมู่บ้านนี้จะทำการค้าเสียส่วนใหญ่แต่ก็ใช้ว่าทุกคนจะร่ำรวยกันเสียหมด

ใช้เวลาจนเกือบเที่ยงเพ่ยเพ่ยก็ได้นั่งพักและเป็นเวลาที่จะได้ลองวิชาการจุดไฟทำอาหารอีกครั้งเพราะไฟก่อนหน้าดับสนิทไปแล้ว

ฟู่ว

เมื่อได้ลองหัดจนชำนาญแล้วก็พบว่ามันไม่ยากเช่นคราแรก แสงไฟในมือคือความสำเร็จที่เพ่ยเพ่ยแทบหลั่งน้ำตา ไม่น่าเชื่อว่านางจะดีใจมากกับแค่การจุดไฟติดเพียงเท่านี้ ว่าแล้วก็รีบนำไฟไปจุดกับเชื้อเพลิงที่อยู่ในเตาไฟ เที่ยงนี้นางจะทำบะหมี่กินแบบง่าย ๆ เพราะเมื่อวานซื้อเส้นแบบสำเร็จรูปมาแล้ว

หลังจากที่ท้องอิ่มแล้ว เพ่ยเพ่ยก็มานั่งคิดว่าชีวิตจากนี้จะทำยังไงต่อดี ดูเหมือนว่านางคงไม่สามารถนั่ง ๆ นอน ๆ ใช้เงินที่มีอยู่จนมันหมดไปได้ แม้ว่ามันจะมากก็ตาม คิดแล้วเมื่อนึกไปถึงว่ายามเจ้าของเงินเห็นว่าเงินเขาหายไปเขาจะว่าอย่างไร แต่ระดับเจิ้งกวนโหว ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก…กระมัง

เมื่อขบคิดจนได้ความคิดเห็นที่เข้าท่าแล้ว นางก็ตัดสินใจว่าจะทำการค้าขาย เพราะอย่างไรคนที่นี่ก็ทำการค้าอยู่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่อันใด อยู่ที่นี่นางก็จะได้มีอะไรทำด้วย นอกจากนี้นางยังคิดที่จะปลูกผักอีก เพราะเท่าที่เดินดูรอบบ้านั้นยังมีคูแปลงผักเก่าของท่านตาท่านยายอยู่ หากพรวนดินและใส่ปุ๋ยสักหน่อยคงพร้อมในการปลูกผักรอบต่อไปได้ อย่างน้อยการมาอยู่ในยุคโบราณก็คงไม่แย่ขนาดนั้นแล้วกระมัง

ในช่วงบ่ายคล้อยสองย่าหลานที่กำลังช่วยกันในการเตรียมของสำหรับไปขายพรุ่งนี้ก็ชะงักเล็กน้อยแล้วพร้อมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ดังอยู่หน้ารั้วบ้าน เมื่อออกไปก็พบใบหน้างดงามของเพ่ยเพ่ย

“อ้าว เพ่ยเพ่ย เจ้ามาทำอันใดหรือ หรือว่าที่บ้านเกิดปัญหาอันใดขึ้น”

“มิใช่เจ้าค่ะ พอดีว่าข้าอยากจะปลูกผัก เลยอยากจะได้เมล็ดพันธุ์ผัก ไม่ทราบว่าต้องไปซื้อหาจากที่ไหนหรือเจ้าคะ”

“อ่า ถ้าเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ต้องไปซื้อที่บ้านเฒ่าหวัง แต่…” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากเพ่ยเพ่ยไปซื้อด้วยตนเองนั้นก็ไม่รู้ว่าเฒ่าหวังจะขายให้หรือไม่ ราวกับรู้เท่าทันความคิด เพ่ยเพ่ยคิดว่าก่อนที่นางจะเริ่มทำการอันใด อันดับแรกนางควรแก้ไขในสิ่งที่อันลู่เพ่ยคนก่อนเคยทำเอาไว้ก่อน

“ท่านยายเจ้าคะ พาข้าไปที่บ้านของชาวบ้านแต่ละคนในหมู่บ้านได้หรือไม่เจ้าคะ”

“หากเจ้ารู้ความขึ้นเช่นนี้พวกเราก็ไม่ถือโทษกับเรื่องเมื่อก่อนหรอก” นางฟ่านซื่อ หรือฟ่านจี๋ ภรรยาของผู้นำหมู่บ้านคนปัจจุบันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร สายตาเต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดูต่อเพ่ยเพ่ยไม่น้อย หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็รีบขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมกับมอบขนมที่ซื้อมาเมื่อวานให้ไปส่วนหนึ่ง จากนั้นจึงได้ไล่เดินไปยังบ้านคนอื่น ๆ ดีที่เมื่อวานซื้อขนมมามาก จึงเพียงพอสำหรับทุกบ้านที่นางจะไปในวันนี้

ใช่แล้ว วันนี้นางจะไปไล่ขอโทษทุกคนในหมู่บ้านจิ้นเฉิงนี้ให้หมด หากพวกเขาได้เห็นถึงความจริงใจของนางจะต้องให้อภัยในความผิดที่เคยก่อไว้เป็นแน่

และสิ่งที่เพ่ยเพ่ยคิดเอาไว้ก็ถูกต้อง ชาวบ้านล้วนไม่มีผู้ใดติดใจอันใดแล้ว หนำซ้ำเมื่อรู้ว่าหญิงสาวพบเจอกับความลำบากบางประการจนต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ

เพ่ยเพ่ยมองเมล็ดพันธุ์ผักที่ทั้งซื้อและได้มาแบบเปล่า ๆ ก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ชาวบ้านที่นี่นั้นนิสัยดีกันจริง ๆ

ด้วยความใจร้อนทำให้เพ่ยเพ่ยเร่งเตรียมหน้าดินเอาไว้สำหรับการเพาะปลูกทันที เพราะกว่าจะลงปุ๋ยเพื่อหมักดินเอาไว้ ก็คงใช้เวลาราวเจ็ดวัน ผักที่นางจะปลูกชุดแรกนั้นมี ผักบุ้งที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในยี่สิบถึงยี่สิบห้าวันหลังปลูก ผักกาดขาวเป็นผักที่ปลูกง่ายและมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ประมาณสามสิบถึงสี่สิบห้าวัน ผักกวางตุ้งใช้เวลาปลูกสี่สิบห้าวัน และสุดท้ายคือ หัวไชเท้า เป็นผักที่ปลูกง่ายและโตเร็ว สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในสี่สิบห้าถึงหกสิบวัน

ต่อไปนางก็จะมีผักเอาไว้กินและเอาไว้ขายด้วย

และพรุ่งนี้นางก็จะติดตามท่านยายจ้าวไปตลาดเช้าเพื่อสำรวจตลาดว่ามีอันใดที่น่าสนใจหรืออันใดที่ยังไม่มี นางจะได้เลือกขายสิ่งนั้น

ชีวิตในยุคโบราณของนางกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel