ตอนที่ 2 : ที่ที่เคยรังเกียจ 1/1
ตอนที่
[2]
ที่ที่เคยรังเกียจ
เสียงล้อรถม้าดังกุกกักเหยียบย่ำไปตามถนนหนทางที่ยิ่งเดินทางออกไปมากเท่าไรก็ดูเหมือนว่าเส้นทางจะยิ่งขรุขระมากขึ้นเท่านั้น เพ่ยเพ่ยเปิดม่านออกเพื่อดูบรรยากาศด้านนอก ทิวทัศน์ชนบทที่เขียวขจีแบบนี้เธอไม่ได้เห็นมานานแล้ว ด้วยเกิดและโตรวมถึงทำงานอยู่แต่ในเมืองกรุง นาน ๆ ทีถึงจะกลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด จึงไม่ค่อยมีโอกาสที่จะเห็นบรรยากาศที่ไร้มลพิษและฝุ่นควันเช่นนี้ ไหนจะตึกสูงที่ไม่มีให้เห็นอีก
แต่ว่าการที่ย้อนกลับมาในยุคที่ยังไม่มีอะไรมากเช่นนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความสะดวกสบายที่น้อยลง ดังเช่นรถม้าที่เธอนั่งมาทั้งคืนนี้ หาได้นั่งสบายเฉกเช่นยานพาหนะในโลกที่เธอจากมา หลังจากที่ผ่านการเดินทางทั้งคืนเพ่ยเพ่ยก็รู้สึกว่าร่างกายเมื่อยขบไม่น้อย จึงได้พยายามที่จะยืดเส้นยืดสายในรถม้าไปพลาง ๆ หวังว่ามันจะช่วยได้
หลังจากที่รวบรวมความคิดที่กระจัดกระจายมาจนครบถ้วนแล้ว เธอก็พบว่าเธอกำลังพบเจอกับเรื่องมหัศจรรย์พันลึกอยู่
ก่อนหน้านี้เธอกำลังเล่นน้ำทะเลอยู่กับเพื่อนสนิทอีกสองคน พวกเราวางแผนกันนานมากว่าจะเก็บเงินแล้วหาวันหยุดไปท่องเที่ยวกันที่เกาะที่พวกเธอใฝ่ฝันมาตลอดและเมื่อวันนั้นเป็นจริงพวกเราก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน น้ำทะเลที่ใสสะอาดจนเห็นหมู่ปลาแหวกว่ายเช่นนี้หาได้ยากนัก ทว่าในวันสุดท้ายที่จะได้ท่องเที่ยวอยู่ที่นี่ ในตอนที่พวกเรากำลังเล่นน้ำกันอยู่นั้น
จู่ ๆ เธอก็ดันเป็นตะคริวขึ้นมา น้ำที่ไม่ได้ลึกมากพร้อมกับส่งเสียงเรียกเพื่อนให้มาช่วย ปกติก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ความแปลกคือดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงเธอเลย เธอจึงพยายามดิ้นรนที่จะเอาชีวิตรอดอยู่พักใหญ่ ร่างกายถูกความเจ็บปวดจากการเป็นตะคริวเข้าจู่โจมต่อมาก็ถูกบีบรัดราวกับจะขาดใจตายลงทุกเมื่อ
ในห้วงสุดท้ายของชีวิตเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกตัวอีกที เธอก็ดันกำลังมีสัมพันธ์อย่างเร่าร้อนกับคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาทว่าดุดันอย่างเจิ้งกวนโหว ประสานกับความทรงจำอันหลากหลายที่ประเดประดังเข้ามาในหัว จึงสรุปได้ว่าเธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของคนผู้หนึ่งที่มีนามว่าอันลู่เพ่ย คนที่ชื่อคล้ายกันกับเธอ
คล้ายแค่ชื่อ แต่นิสัยนั้นไม่ใช่เลย
คนที่นิสัยเหมือนกับตัวร้ายในละครหลังข่าวแบบนี้ ไม่รู้ว่าโชคชะตาอะไรถึงได้นำพาเธอให้มาอยู่ในร่างคนแบบนี้ได้
ซวยชะมัด
อันลู่เพ่ยนั้นเป็นบุตรสาวคนโตของเสนาบดีกรมการคลังอย่าง
อันลู่เหวิน เป็นสตรีที่เกิดและเติบโตในครอบครัวชนชั้นสูงอย่างที่แท้จริง แต่ว่าอันลู่เพ่ยนั้นเป็นคนมีปมเพราะรู้สึกรังเกียจชาติกำเนิดของมารดาว่าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดามิใช่ชนชั้นสูงที่มีนามว่าหวงหลานเจีย นางเลยมักจะอยู่ห่างจากมารดาและแสดงความไม่ชอบใจเมื่อมารดาเข้าใกล้ จวบจนกระทั่ง
อันฮูหยินล้มป่วยและเสียชีวิตไป อันลู่เพ่ยก็ไม่ได้เสียใจหนำซ้ำยังรู้สึกดีใจที่จะไม่มีอะไรมาคอยตอกย้ำว่าตนเกิดจากบุตรสาวชาวบ้านอีก ซึ่งในตอนนั้น
อันลู่เพ่ยอายุเพียงสามสี่หนาวเท่านั้น อายุน้อยแต่ก็สามารถมีความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนี้แล้ว
ทว่าเรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อเสนาบดีอันได้แต่งตั้งฮูหยิน
คนใหม่ ที่มาจากตระกูลเฉิน เฉินเหยียนเฟยซึ่งตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง เฉินเหยียนเฟยได้คลอดบุตรสาวออกมาหนึ่งคนนามว่า อันลู่เฟิน เรื่องนี้ยิ่งทำให้ปมริษยาของอันลู่เพ่ยเต้นเร่า เกลียดชังน้องสาวต่างมารดาที่เกิดมาเพียบพร้อมกว่าตน นับจากนั้นหากมีโอกาสได้โจมตีน้องสาวต่างมารดารวมถึงแม่เลี้ยงเมื่อใด หญิงสาวก็ไม่ลังเลที่จะทำ มิใช่แค่ในจวนตระกูลอัน นอกจวนหากมีสตรีรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีความโดดเด่น
อันลู่เพ่ยก็จะวางแผนลอบกัดคนผู้นั้นจนประสบเคราะห์ร้าย พวกเขามิใช่ไม่รู้แต่เพราะเกรงกลัวบารมีของเสนาบดีกรมการคลังเลยจำต้องปล่อยอันลู่เพ่ยไป
เรื่องราวความร้ายกาจนี้ดำเนินมาเรื่อย ๆ และล่าสุดก็คือเมื่อหนึ่งเดือนก่อน อันลู่เพ่ยดันได้ยินแม่เลี้ยงกล่าวกับอันลู่เฟินว่าไท่ฮูหยินหรือก็คือมารดาของเจิ้งกวนโหว นั้นคิดอยากจะสานสัมพันธ์กับตระกูลอัน จึงอยากให้อันลู่เฟินนั้นลองทำความรู้จักกับเจิ้งกวนโหว เพราะอีกสองปีอันลู่เฟินก็จะถึงวัยปักปิ่นแล้วถึงตอนนั้นความสัมพันธ์ก็คงจะสุกงอมพร้อมออกเรือนได้
อันลู่เพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ยินยอม ตระกูลเจิ้งนั้นนอกจากมีตำแหน่งที่สืบทอด ยังมีตำแหน่งทางราชการที่สูงส่ง ทั้งยังมีความใกล้ชิดกับฝ่าบาท เช่นนั้นจะปล่อยให้คนเช่นนี้กลายเป็นของอันลู่เฟินได้อย่างไร แม้ว่าชื่อเสียงของเจิ้งกวนโหวนั้นจะน่าหวาดหวั่น แต่ด้วยเพราะความอยากเอาชนะ อันลู่เพ่ยจึงมองข้ามมันไปและค่อย ๆ วางแผน เริ่มจากค่อย ๆ ไปให้เจิ้งกวนโหวเห็นหน้าบ่อย ๆ แม้เขาจะไม่สนใจแต่ก็มิได้หมางเมิน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีและวันที่นางจะลงมือขั้นเด็ดขาดนั่นก็คือวันคล้ายวันเกิดของไท่ฮูหยิน
ด้วยความร้ายกาจที่สะสมมันตั้งแต่เยาว์วัยทำให้แผนการวางยาในน้ำชานั้นอันลู่เพ่ยมิคิดที่จะใช้ ทว่าแผนการของนางลึกล้ำกว่านั้น โดยเริ่มแรกนั้นติดสินบนให้กับสาวรับใช้ที่ดูแลเรื่องอาภรณ์ของเจิ้งกวนโหว จากนั้นก็ให้คนของตนเข้าไปหยดยาที่มีฤทธิ์ปลุกกำหนัด ที่จะออกฤทธิ์หลังจากที่ต้องกับผิวกายในอีกหนึ่งชั่วยาม เมื่อครอบครัวตระกูลอันมาถึงที่งาน อันลู่เพ่ยก็จดจ้องที่เจิ้งกวนโหวอย่างใจเย็น เมื่อใกล้ถึงเวลาก็ให้สาวรับใช้อีกคนที่ตนได้ติดสินบนไว้ ทำทีเป็นว่าจะเติมน้ำชาให้กับอีกฝ่าย ทว่ากลับพลาดพลั้งทำน้ำชาหกรดอาภรณ์ของอีกฝ่ายจนเปียกชุ่ม เจิ้งกวนโหวไม่มีทางเลือกจึงจำต้องไปเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ เขาจึงต้องกลับไปที่เรือนนอนของตน โดยที่มีคนสนิทติดตามไปด้วย ทว่าอันลู่เพ่ยก็มีวิธีการที่จะสลัดคนสนิทผู้นั้นให้ออกไป เมื่อเห็นว่าทางสะดวก ใบหน้างดงามก็ประดับรอยยิ้มร้ายก่อนจะทำตามแผนต่อไป
