ตอนที่ 4 ของฝาก
ศิรดากลับมาถึงบ้านตอนเจ็ดโมงกว่าๆ แต่ก็เหมือนจะยังสายกว่าบางคนที่ไม่รู้มาถึงตั้งแต่ตอนไหน สายตาของวรุตพี่ชายที่จ้องมองน้องสาวตัวเองเดินเข้ามาในห้องอาหารเรียกว่าสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว
"สวัสดีค่ะ พี่รุต" เธอรีบยกมือสวัสดีพี่ชาย
"ทำสีผมอะไรของเราน่ะ" นอกจากไม่ทักทายน้อง เสียงเข้มที่เอ่ยถามคล้ายดุไปในตัวเสียอีกด้วย
"เอ่อ...ทำโปรโมตร้านให้เพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวก็ย้อมสีดำกลับแล้วค่ะ" เหตุผลที่เพิ่งคิดได้ตอนนี้เอง
"รีบๆ ไปย้อมซะ แบบนี้จะไปทำงานที่ไหนได้ ความน่านับถือหมดกันพอดี"
เธอได้แต่พยักหน้ารับ ทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย แล้วก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"อ้าว ยายรดา กลับมาแล้วหรือ พอดีเลยลูก เอาผลไม้ไปฝากบ้านหนูจ๋าหน่อย พี่ชายเราเพิ่งเอามาจากสวนที่ทดลองปลูกด้วย"
"ได้ค่ะแม่" เสียงคุณรำไพผู้เป็นแม่ ช่วยให้เธอได้พอหายใจสะดวกขึ้นบ้าง เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งให้พี่ชายจับผิดอยู่ตรงนี้อีกนาน
"นี่ยายรดา ไม่ค่อยกลับบ้านหรือครับ" นั่นไงล่ะ โดนอีกแล้ว
"มีไปนอนที่คอนโดบ้างแหละ" คุณรำไพตอบให้ พร้อมกับจัดผลไม้ใส่ตะกร้าใบสวย
"เพราะพ่อกับแม่ตามใจแบบนี้ไง อีกหน่อยก็เสียคนพอดี"
"น้องโตแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปเกเรที่ไหน ผลการเรียนก็ดี ปล่อยให้น้องเป็นอิสระบ้างเถอะน่า"
"ยิ่งไปคบลูกสาวบ้านนั้นระวังไว้หน่อยก็ดีนะผมว่า คนพี่ก็เกเร น้องก็ไม่ค่อยสนใจเรียน ชวนกันแต่เที่ยว ถ้าไม่ได้ยายรดา ยายจ๋านั่นจะเรียนจบหรือเปล่าเถอะ"
"เรานี่บ่นเป็นคนแก่ไปได้ แล้วไปว่าหนูจ๋าเขาแบบนั้นได้ยังไง เราไม่ได้รู้จักเขาจริงๆ จังๆ สักหน่อย"
ศิรดาได้แต่มองพี่ชายทีมองแม่ที เพราะสองคนนี้เหมือนจะเถียงกันจริงจังเลยทีเดียว จนคุณรำไพจัดตะกร้าเสร็จจึงได้พยักหน้าให้เอาไปให้บ้านข้างๆ เธอจึงได้แต่รีบเดินตัวปลิวออกมา เพราะกลัวว่าเรื่องที่สองแม่ลูกเถียงกันจะมาถึงตัวอีกรอบ พอพ้นออกมาเธอจึงได้แต่ผ่อนลมหายใจหนักๆ
บ้านหลังใหญ่ของ ราชศิริโสภณ ที่ใหญ่กว่าบ้านของเธอหลายเท่าตัวนัก แม้จะอยู่รั้วติดกันแต่ความโอ่อ่าใหญ่โตช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนเธอต้องใช้รถจักรยานไฟฟ้าขี่ไปบ้านข้างๆ เพราะถ้าเดินก็คงใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะถึง
บ้านหลังนี้เธอเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อตอนมัธยมปลาย ตอนนั้นยังไม่ได้รู้จักบ้านข้างๆ สักเท่าไร ได้แต่เคยแอบเห็นในบางครั้ง จนเมื่อเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วได้มีโอกาสเรียนคณะเดียวกับยายจ๋า จึงทำให้ทั้งสองบ้านเริ่มรู้จักกันมากขึ้น เพราะสองสาวคอยไปมาหาสู่กันตลอด และก็เพราะยายจ๋านี่แหละ ที่ทำให้เธอกล้าขอพ่อกับแม่ไปอยู่คอนโดตอนปีสาม ด้วยเหตุผลกิจกรรมเยอะต้องกลับบ้านดึก ทำให้พ่อซื้อคอนโดไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยให้
ตอนที่เธอเริ่มรู้จักกับยายจ๋า เขาคนนั้นก็เตรียมไปเรียนต่อต่างประเทศพอดี ยังไม่เคยได้ทำความรู้จักกันสักนิด รู้แค่เพียงพี่รุตกับพี่ธรเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเท่านั้น ส่วนพี่รุตพอเรียนจบก็เรียนต่อโทที่เมืองไทยแล้วก็มารับช่วงงานโรงแรมต่อจากพ่อ โดยพี่ชายเธอขอเริ่มโปรเจกต์โรงแรมที่เชียงใหม่ ชีวิตหลังจากนั้นของเขาก็บินขึ้นเชียงใหม่กรุงเทพเป็นว่าเล่น และทุกครั้งที่กลับมาก็มักจะมีเสียงบ่นตามมาแบบนี้เสมอ
เธอจอดรถจักรยานไฟฟ้าสีแดงคู่ใจที่หน้าบ้านหลังใหญ่อย่างคุ้นเคย หิ้วตะกร้าหวายที่มีผลไม้ในนั้นอยู่หลายชนิดแต่ละอย่างก็ล้วนน่ากินเพราะปลูกเองจากสวนทดลองที่พี่ชายเริ่มทำนอกเหนือจากโรงแรม "เอ๊ะ..ทำผมใหม่ซะด้วยสวยเชียว แล้วนั่นหิ้วอะไรมาแต่เช้าลูก มาๆ ทานข้าวด้วยกันลูก" เสียงคุณพรรณีดังมาจากหน้าบ้าน เธอรีบยกมือไหว้ "พี่รุตกลับมาจากเชียงใหม่ค่ะ คุณแม่ให้เอาผลไม้มาฝากคุณป้าค่ะ" "แหม เกรงใจจัง มาๆ เข้ามาก่อนลูก" คุณพรรณี แม่ยายจ๋า รับตะกร้าไปถือไว้แล้วก็เดินนำเธอเข้าไปในห้องอาหารอย่างคุ้นเคย "ยายจ๋า ไม่อยู่หรือคะ" เธอเอ่ยถามเพราะหลังจากแยกกันเมื่อช่วงหัวค่ำก็ไม่แน่ใจว่ายายจ๋าจะกลับบ้านหรือเปล่า "อยู่บนห้องนั่นแหละ ตามลงมาทานข้าวด้วยกันเลยนะ" "ได้ค่ะ" ออกจากห้องอาหารเธอก็เดินตรงขึ้นไปที่ชั้นสองห้องของยายจ๋าที่เคยมานอนด้วยบ่อยๆ ไม่ว่าจะตั้งแต่สมัยเรียนหรือเรียนจบแล้วก็ตาม กว่าจะขุดยายตัวดีลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันได้ก็เล่นเอาเหนื่อย "ไง เมื่อคืนไปเที่ยวที่ไหนมาล่ะ ถึงนอนไม่ตื่นแบบนี้" "ไปผับพี่ธรนั่นแหละ" เธอเอ่ยถามหลังจากที่ยายจ๋าเดินงัวเงียออกมาจากห้องน้ำ ขนาดว่าโดนน้ำเจ้าตัวยังทำท่าแทบจะเดินหลับตาเลยทีเดียว "แล้วมาทำไรแต่เช้า ไหนบอกพี่รุตมาไม่ใช่หรือ" ยายจ๋ามาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวเล็ก ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบ่าอยู่เช็ดหน้าอย่างไม่เบามือนัก "อือ มาถึงก็โดนสวดแต่เช้า พอดีแม่ใช้ให้เอาผลไม้มาให้ เลยรีบหนีมานี่ไง" คนฟังได้แต่หัวเราะชอบใจคงเพราะคิดถึงใบหน้าเข้มเวลาดุของพี่ชายเธอได้ "งั้นกินข้าวเช้าที่นี่แหละ ขืนกลับไปเธอโดนพี่ชายกินหัวอีกแน่" เธอพยักหน้ารับตามคำแนะนำยายจ๋า แล้วก็พากันอมยิ้ม "องุ่นหวานจังครับ แม่ซื้อจากไหนเนี่ย" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังอยู่ในห้องอาหาร แทบจะทำให้เธอนึกอยากปฏิเสธยายจ๋าขึ้นมาเสียตอนนี้ เมื่อกี้ไม่น่ารับปากเลย กลับไปให้พี่รุตดุซะยังจะดีกว่า "หนูรดาเอามาให้น่ะ ตารุตกลับมาจากเชียงใหม่" เสียงตอบของคุณพรรณีที่เธอได้ยินอยู่ในห้องอาหาร จนนึกอยากจะเห็นสีหน้าของคนถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันได้เห็น พอเธอกับยายจ๋าเดินมาถึงห้องอาหารเห็นเพียงเขากำลังโยนผลไม้ในมือลงตะกร้าหวายอย่างเดิม แต่สายตาที่หันมามองคนที่เดินเข้ามา จนมองเลยมาถึงเธอ ก็แทบไม่ต้องคิดหรอกว่าเมื่อครู่เขาจะทำหน้าอย่างไร ก็คงทำหน้าอย่างนี้แหละ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดขึ้นทันตาแค่ได้ยินชื่อเธอหรือพี่ชาย และยิ่งเห็นหน้าเธอด้วย เขาคงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว "อ้าว ยายจ๋า มาพอดี มาหนูรดา มาทานข้าวพร้อมกันลูก" เธอจึงได้แต่เดินตามยายจ๋าเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ แต่พอเหลือบสายตามองคนตรงข้ามเห็นสายตาที่เขามองผมสีแปลกตาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน คล้ายเขายิ้มเยาะด้วยมุมปาก ทำเอาเธอประหม่าถึงกับยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยตัวเองเบาๆ มันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ก็ช่างบอกว่าสีนี้สวย เข้ากับผิวขาวๆ ของเธอ อาหารเช้าแสนอร่อยออกจะฝืดคออยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ได้คุณพรรณีกับยายจ๋าคอยชวนคุยเธอคงแทบจะกลืนไม่เข้า เพราะสายตาของคนตรงข้ามที่มองมาทำเอาเธอแทบจะไม่กล้าตักข้าวต้มเข้าปาก ยิ่งคุณพรรณีเอ่ยถามถึงเรื่องราวที่เชียงใหม่ของพี่รุต เธอก็ตอบบ้างบ่ายเบี่ยงบ้าง เพราะกลัวคนตรงข้ามคงจะไม่อยากรู้เท่าไรนัก จนข้าวต้มในถ้วยเขาหมดก่อนจึงลุกออกจากห้องอาหารไป จึงทำให้เธอค่อยกล้าพูดคุยขึ้นบ้าง จนเมื่ออาหารเช้าเสร็จสิ้นยายจ๋าจะรั้งตัวเธอไว้อีก แต่เธอก็รีบขอตัวกลับก่อน เพราะกลัวจะเจอกับพี่ชายยายจ๋าอีก "เอาผลไม้ไปให้แค่นี้ไปซะนานเชียว" "คุณป้าพรรณีชวนทานข้าวเช้าด้วยค่ะ" คำตอบของเธอทำให้พี่ชายถึงกับขมวดคิ้วใส่ "เออ อย่าไปดุน้องนักเลย ยายรดามันไม่กล้าปฏิเสธเขาหรอก" พอแม่ช่วยแก้ตัวให้ วรุตก็ได้แต่ส่ายหน้า "เราเถอะเพิ่งมาถึง จะไปพักผ่อนสักตื่นก่อนไหม ค่อยเข้าไปที่โรงแรม" "ดีเหมือนกันครับ ตื่นตั้งแต่เช้ามืดมาขึ้นเครื่อง เพลียๆ เหมือนกัน เดี๋ยวบ่ายๆ เราก็ไปพร้อมพี่ด้วยเลย เข้าไปดูโรงแรมมั่งจะได้ช่วยงานพ่อบ้าง เรียนจบแล้วไม่ใช่ลอยไปวันๆ แบบนี้" ตอบคำถามผู้เป็นแม่เสร็จ ก็ยังไม่พ้นเธออยู่ดี "ค่ะ"