บทที่ 3 องค์หญิง 14 แห่งแคว้นเว่ย
แคว้นเว่ย เป็นแคว้นทางเหนือมีอากาศหนาวเย็น ดังนั้นการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ ทำได้ยากกว่าแคว้นอื่นๆ รอบด้าน โชคดีที่มีเทือกเขาสูงป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงอาศัยการเข้าป่าล่าสัตว์มาขายพอประทังเลี้ยงชีพได้
กษัตริย์แคว้นเว่ยองค์ปัจจุบันมีนามว่า เว่ยต้าหลู่ เป็นผู้มีความสามารถผู้หนึ่งในด้านการวางแผนและการใช้คน ฮ่องเต้แคว้นเว่ยทรงขึ้นครองราชได้จากการแย่งชิงทางการเมืองโดยไม่เสียเลือดเนื้อ
เว่ยต้าหลู่ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของตัวข้า ข้าเป็นองค์หญิงลำดับที่ 14 มีนามว่า เว่ยหมิงเย่ว์ที่เกิดจากพระสนมเฟยฮัวหลูฮั่ว พระมารดาของข้าไม่มีครอบครัวเดิมคอยหนุนหลัง ดังเช่นพระสนมในวังหลังคนอื่น อาศัยเพียงความงดงามและความสามารถในศาสตร์วิชาทั้งห้ามาแย่งชิงความโปรดปราณจากกษัตริย์พระองค์นี้มาได้
เมื่อพระมารดาของข้าให้กำเนิดองค์ชายแปด จึงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นพระสนมขั้นเฟย เพื่อให้พระมารดาข้าสามารถเลี้ยงดูบุตรด้วยตัวเองได้ ถือเป็นข้อยกเว้นและแสดงความโปรดปราณมากที่สุดแล้วของเสด็จพ่อของข้า
ในวังหลวงต่างรู้กันดีว่าสนมในวังหลังจะได้รับความโปรดปราณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเบื้องหลังของครอบครัวของแต่ล่ะนาง ในวังหลังจึงมีสนมมากมาย และองค์หญิงกับองค์ชาย ก็มีจำนวนมากเช่นกัน พระบิดาของข้าทรงสะสมอำนาจและสลายอำนาจที่เป็นภัยในทุกด้านที่พระองค์ทำได้ รวมไปถึงการแต่งงานขององค์ชายและองค์หญิง ที่เป็นบุตรและธิดาของพระองค์
องค์หญิงที่ได้รับความสำคัญชาติกำเนิดดีงาม มากความสามารถ และมีสิริโฉมงดงาม ยิ่งได้พระราชทานงานสมรสไปอยู่ที่แคว้นที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ เสด็จพี่หญิงใหญ่ของข้าที่เกิดจากเสด็จแม่ผู้เป็นฮองเฮา ได้รับความโปรดปราณรักใคร่จากเสด็จพ่อมากที่สุด เสด็จพ่อยังตัดใจส่งนางไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์ไกลถึงแคว้นฉู่
เสด็จพี่หญิง 5 ถือเป็นยอดหญิงที่เก่งกาจในศาตร์ทั้ง 7 ถูกส่งไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ยังแคว้นฉู่ เสด็จพี่หญิง 9 ที่ถือว่าเป็นยอดหญิงที่งดงามกว่าใครในแผ่นดิน ถูกส่งไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ที่แคว้นเหยียน
พระมารดาของข้าที่ลำบากแย่งชิงความโปรดปราณในวังหลังหาพระอาจารย์มาสอนให้ข้าเรียนรู้ตำราศาตร์ทั้งวิชาทั้งหลายอย่างเข้มงวด แต่กลับสั่งสอนให้ข้าแสดงว่า พอรู้ พอทำได้ แต่ไม่ชำนาญ ดังนั้นข้าที่พยายามเรียนมาอย่างยากลำบากกลับไม่เคยแสดงความสามารถให้ใครรู้ เพราะว่าข้าไม่นับว่าเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปราณมากนัก
พระมารดาของข้าให้กำเนิดองค์ชาย 8 และองค์หญิง14 เช่นข้าแล้วก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก เนื่องจากพลาดโดนวางยาพิษทำให้ร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นพระนางจึงระมัดระวังไม่ให้ข้าสนิทสนมกับใครในวัง เพื่อป้องกันภัยที่จะตามมา ชีวิตนี้ของข้าไม่มีสหายเหมือนดังคนอื่นๆ เสด็จพี่แปดของข้า เว่ยไท่หยางได้รับความรักความเอาใจใส่จากพระมารดาของข้าเป็นอย่างมาก จนบางคราข้ารู้สึกสงสัยว่าข้าใช่บุตรสาวแท้ๆ ของพระนางหรือไม่
เมื่อถึงคราวที่เสด็จพี่ชายแปด ของข้า ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง และต้องเสด็จออกไปจากพระราชวังไปพักที่จวนอ๋อง ข้าจึงเพิ่งรู้สึกว่าได้รับความรักใคร่จากพระมารดา ข้ามีหน้าตาที่งดงามเยี่ยงพระมารดา บรรดาเสด็จพี่และน้องของข้าดูไม่ค่อยชอบข้ามากนัก แม้แต่เสด็จพี่ชายแปด ยามเด็กพวกเราถือว่าสนิทกันมากพอควรแต่พอเติบใหญ่เสด็จพี่แปดคล้ายจะมีธุระมากมายทำให้ทรงห่างเหินไม่มีเวลามาพบข้า
สุดท้ายในวัย 15 ปีของข้า วันพระราชพิธีปักปิ่นอันยิ่งใหญ่ ที่พระมารดาของข้าลงทุนลงแรงเต็มที่เพื่อจัดงานนี้ขึ้นมา ข้าได้รับราชโองการพระราชทานการสมรสเชื่อมสัมพันธ์ไปแคว้นฉี เมื่อจบราชโองการ พระมารดาของข้าถึงกับเป็นลมหมดสติลงไปกองกับพื้น ข้าจึงรู้ว่าพระมารดารักใคร่ข้ามากจริงๆ เสด็จพี่ของข้า ท่านอ๋องแปดนัยน์ตาแดงก่ำ วิ่งไปทูลขอร้องเสด็จพ่อให้ยกเลิกราชโองการ เสด็จพ่อทรงกริ้วสั่งกักบริเวณอ๋องแปดที่จวนอ๋อง ข้าจึงต้องไปทูลขอร้องเสด็จพ่อให้ทรงพระราชทานการอภัยให้เสด็จพี่ และตัวข้ายินยอมรับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้
วันที่ข้าออกไปรับของหมั้นหมายจากแคว้นฉี ข้าได้พบกับแม่ทัพหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวคล้ำเข้ม ร่างกายสูงโปร่ง พูดจาสุภาพราวกับบัณทิต และรองแม่ทัพรูปร่างบอบบางผิวเนียนราวหยก หน้าตาสวยงามราวสตรี ซึ่งแตกต่างจากแม่ทัพแคว้นข้าที่มีร่างสูงใหญ่ราวหมียักษ์ ใบหน้ามีแต่หนวดเครารกรุงรัง
ข้าจึงให้ความสนในตัวท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพคู่นี้เป็น อย่างมาก ด้วยความสงสัยใคร่รู้ จึงให้นางในคนสนิทของข้าไปสืบความได้ว่า นามของแม่ทัพแคว้นฉีที่เดินทางมาส่งของหมั้น คือแม่ทัพฟู่ซานหลาง ส่วนรองแม่ทัพมีนามว่า ตู้ซิวซยา และทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน เมื่อฟังจบเหมือนดวงใจสาวน้อยของข้าได้รับความกระทบเทือน อะไรกันสตรีแคว้นฉีเก่งกาจจนเป็นถึงรองแม่ทัพเลยหรือ ข้าประทับใจรองแม่ทัพแคว้นฉีคนนี้เป็นอย่างมาก จึงส่งคนไปสืบข่าวของนางมาหลายๆ เรื่อง
คนที่ข้าต้องแต่งงานด้วยเป็นองค์ชายหกที่เกิดจากฮองเฮาของแคว้นฉี เสด็จพ่อของข้าทรงพอพระทัยในการสมรสครั้งนี้มาก พระมารดาของข้าป่วยตรอมใจไม่ยอมออกมาพบผู้ใด ยกเว้นแต่ข้า สินสมรสของข้ามีเสด็จแม่ผู้เป็นฮ่องเฮาของแคว้นเว่ยจัดการให้ เสด็จพ่อสั่งเพิ่มทรัพย์สินส่วนพระองค์เพิ่มให้ข้าอีก ถือว่าเป็นการให้หน้าข้ามากแล้ว
วันที่ข้าต้องออกเดินทางเสด็จพ่อทรงทำให้ข้าประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อพระองค์เสด็จมาส่งข้าที่หน้าพระราชวังด้วยพระองค์เอง ยามที่ข้าคุกเข่าถวายการคำนับลา พระองค์ทรงประคองข้าลุกขึ้นด้วยพระองค์เองฝ่ามือคู่นั้นช่างอบอุ่น สายตาที่มองข้าก็อบอุ่นอย่างมาก แบบที่ข้าไม่เคยได้รับมาก่อน พระมารดาข้าไม่ได้มาส่งข้า เพราะทรงป่วยหนัก ท่านอ๋องแปดทรงขออนุญาติจากเสด็จพ่อแบกข้าขึ้นขี่หลัง เดินไปส่งข้าขึ้นรถม้าเป็นพิธีการส่งเจ้าสาวออกเรือน แบบเรียบง่าย
แม่ทัพแคว้นเว่ยที่ไปส่งข้าคือแม่ทัพทัวป๋าอ๋อง มีศักดิ์เป็นเสด็จอาของข้าและจะอยู่ร่วมพิธีแต่งงานของข้าที่แคว้นฉี
ขบวนเจ้าสาวของข้ามีขบวนยิ่งใหญ่ เนื่องจากสินเดิมเจ้าสาวเยอะและมีผู้คุ้มกันแน่นหนาจึงเดินทางอย่างเชื่องช้ามาก เป็นเวลา 7 วันจึงถึงชายแดนแคว้นเว่ย ท่านอ๋องแปดเสด็จพี่ของข้ามาลาข้าเพื่อแยกกลับแคว้นเว่ย
“พี่คงส่งเจ้าได้เท่านี้ เมื่อไปถึงแคว้นฉีให้ดูแลตัวเองให้ดี ข้าทิ้งคนของข้าไว้ข้างกายเจ้า เจ้าสามารถฝากสารถึงข้าและพระมารดาผ่านคนเหล่านี้” เสียงเคร่งขึมของเว่ยไท่หยางพูดกับน้องสาวอย่างข้าสร้างความแปลกใจให้ข้าไม่น้อย
“หมิงเย่ว์ เจ้าดูแลตัวเองให้ดี หากจิ้นอ๋องแคว้นฉีไม่ดีต่อเจ้า ให้เจ้าส่งสารมาบอกพี่ แคว้นฉีกับแคว้นเว่ยมีชายแดนติดกัน หากเจ้าทนอยู่ไม่ไหว พี่จะไปรับเจ้ากลับแคว้นเว่ยด้วยตัวพี่เอง” เสด็จพี่ทรงจับมือข้าบีบเบาๆ ข้ารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เป็นคราแรกที่เสด็จพี่ของข้าแสดงความรักแบบพี่น้องกับข้า
“ข้าขอลาเสด็จพี่ที่นี่ ข้าอกตัญญูไม่มีโอกาสดูแลพระมารดาแล้ว ข้าฝากเสด็จพี่ดูแลพระมารดาแทนข้าด้วย” กล่าวจบ ข้าคำนับเต็มพิธี ท่านอ๋องแปดรับการคำนับจากข้า ก่อนจะประคองข้าขึ้นมา พร้อมทั้งบีบไหล่ข้าเบาๆ เป็นการให้กำลังใจข้า ก่อนที่ร่างสูงจะหันหลังไปขึ้นม้า เร่งออกเดินทางจากไปพร้อมกองทหารองค์รักษ์ ข้ามองเงาด้านหลังของเสด็จพี่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ และรู้สึกโดดเดี่ยว
ข้ากำลังจะเดินทางข้ามชายแดนแคว้นเว่ยไปแคว้นฉี ใจของข้ารู้สึกเศร้าและหดหู่ เหมือนมีความรู้สึกลึกๆ ว่าจากไปครั้งนี้ ข้าคงไม่โอกาศกลับมาแคว้นเว่ยอีกแล้ว ในช่วงระหว่างการเดินทาง ข้าได้มีโอกาสใกล้ชิดกับคนที่ข้าประทับใจจนถึงขั้นข้าต้องขอร้อง ให้นางยอมเป็นสหายต่างวัยของข้า
สุดท้าย ขบวนเจ้าสาวของข้าโดนกองทัพที่มีขนาดใหญ่เข้า โจมตี ผู้คนรอบกายข้าต่างเสียชีวิตกันหมด ข้าไม่อยากโดนจับเป็นเชลย ไม่อยากเป็นของเล่นให้ทหารกักขระเหล่านั้นจึงตัดสินใจ ปลิดชีพตัวเองทันที ด้วยกริชที่สวยงาม เป็นกริชที่ได้รับจากสหายต่างวัยเพียงคนเดียวของข้า ตู้ซิวซยา
