บทที่ 1 ให้สัมภาษณ์ [2]
สิ่งที่ทำให้ก้องภพปวดหัวที่สุดก็คือความโหดร้ายของคีรินทร์
“เชิญทุกท่านยิงคำถามมาได้เลย ผมจะตอบเท่าที่ผมตอบได้” คีรินทร์พูดพร้อมรอยยิ้มสุภาพ ทว่ากลับไปไม่ถึงดวงตาเสียทีเดียว ราวกับมีน้ำแข็งบางๆ ฉาบทับใบหน้าหล่อเหลาจนมองไม่ออก
นักข่าวต่างพากันเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกขนลุกโดยไม่ทราบสาเหตุ กระทั่งมีคนหนึ่งตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อนก็ยิงคำถามทันที “มีข่าวว่าคุณคินทร์กับน้องฝันนางเอกใหม่ที่เพิ่งเปิดกล้องประกบคู่กันมีซัมติง ไม่ทราบว่าเรื่องนี้คุณคินทร์จะให้คำอธิบายอย่างไรครับ”
“...” ก้องภพเผลอกำหมัด เหลือบมองคีรินทร์ด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขากลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรที่ไม่สามารถควบคุมได้
“หึ...” คีรินทร์พ่นเสียงหัวเราะ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันที่แทบมองไม่เห็น “พวกคุณไปเอาข่าวมาจากไหนกันครับ”
“มีคนบอกว่าคุณสองคนชอบหายตัวเข้าไปในห้องด้วยกันเป็นประจำ” นักข่าวอีกคนคันปากจึงสำทับด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กน้อย
“โอ้...พวกเขาไม่ได้บอกเหรอครับว่ามีผู้จัดการของพวกเราเข้าไปด้วย”
รอยยิ้มเย็นชาของคีรินทร์ทำเอาคนที่เพิ่งสวนขึ้นมาเมื่อครู่หนาวสันหลังเยือก
“เอ่อ...แต่มีคนบอกว่าบทบาทนางเอกนี้เป็นคุณคินทร์จิ้มเลือกคุณฝันมา ไม่ทราบว่าจริงไหมครับ”
รอยยิ้มของคีรินทร์ค่อยๆ เลือนหาย สายตาที่มองคนถามเต็มไปด้วยอันตราย “คำถามนี้พวกคุณควรถามผู้จัดจบไปตั้งแต่วันเปิดกล้องแล้ว คำตอบก็ควรจะได้รับแล้ว คิดว่าสมควรนำเรื่องที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมองมาถามเพื่อใส่ไฟคนอื่นหรือเปล่าครับ”
“...” นักข่าวทุกคนพากันสูดลมหายใจโดยไม่ได้นัดหมาย โดยเฉพาะคนถามหน้าเผือดสีจนเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ พฤติกรรมและคำพูดของคีรินทร์นี้หากเป็นดาราทั่วไปอาจจะถูกแบนจากสำนักข่าวจนไร้ที่ยืน ทว่าสิ่งเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับเขา
ในเวลานี้ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคีรินทร์ ไม่ใช่เพราะแบ็กของเขาใหญ่ แต่เป็นเพราะด้วยความสามารถของคีรินทร์ แม้ว่าจะไม่มีที่ยืนในวงการบันเทิงไทย เขาก็สามารถไปได้ดีในตลาดเอเชียและวงการบันเทิงระดับโลก อีกทั้งคำพูดของคีรินทร์ไม่มีคำใดที่พวกเขาสามารถตำหนิได้เลย
“คุณคินทร์อย่าเพิ่งโกรธ พวกเราแค่ถามตามหน้าที่เท่านั้น” มีคนหนึ่งพูดแก้ต่างเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป
“โอ้...” คีรินทร์ลากเสียงยาวอย่างประชดประชัน “ถ้าพวกคุณทำหน้าที่จริงๆ ก็น่าจะรู้ว่าวันนี้คืองานเปิดตัวช็อปของแบรนด์ L แต่คำถามที่ถามมาไม่มีคำถามไหนเกี่ยวกับแบรนด์เลยไม่ใช่เหรอครับ แบบนี้จะได้ข่าวไหมล่ะ?”
เมื่อถูกคีรินทร์ต้อนจนมุม บางคนก็ละอายเกินกว่าจะกล้าสบตากับเขา แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ยอมแพ้
“แล้วสรุปว่าทั้งคู่ไม่มีความสัมพันธ์กันใช่ไหมคะ”
คีรินทร์ลดสายตามองนักข่าวหญิงตัวเล็กที่มองเขาอย่างไม่ยอมแพ้ กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ “ระหว่างผมกับเธอเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน แน่นอนว่ามีบางครั้งที่ต้องต่อบทกันสองคนเพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้าพวกคุณสนใจหน่อยก็คงรู้ว่าน้องฝันเธอค่อนข้างหัวไว สอนอะไรก็เป็นงานง่าย แม้แต่ผู้กำกับก็เอ่ยปากชมไม่หยุด เราสองคนทำงานอย่างมืออาชีพ ดังนั้นพวกคุณควรเลิกสนใจข่าวซุบซิบจากพวกปากหอยปากปูได้แล้ว ว่าไหมครับ”
คำพูดของเขาทำเอาคนฟังมึนงงไปชั่วขณะ แต่รอยยิ้มของเขากลับทำให้นักข่าวสาวหูอื้อตาลายอย่างไร้แรงต้าน สุดท้ายจึงพยักหน้าหงึกหงักรับคำอย่างโง่งม ราวกับต้องมนตร์อย่างไรอย่างนั้น
“เป็นยังไง เห็นหรือยังว่าผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้” เสียงประชดประชันของสาวสวยไม่ดังไม่ค่อย แต่กระแทกใจคนที่กำลังดูข่าวในมือถืออย่างจัง
ใบหน้าสวยหวานปราศจากสีเลือด ม่านน้ำตาคลอหน่วยจนแทบจะหยดอยู่รอมร่อ ทว่าเธอก็ต้องกลั้นมันไว้เพียงเพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยวีไอพี และมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเดินผ่านไปมาอยู่เนืองๆ
ป้ายชื่อตรงหน้าห้องเขียนไว้ว่า
‘ผ่านฟ้า อัศวพงษ์’
วันนี้เนื่องจากตารางงานว่าง เธอจึงมาเฝ้าไข้พี่ชายเพราะเขาหลับยาวไปอีกครั้ง แต่เพราะบทสัมภาษณ์ที่นักข่าวสัมภาษณ์คีรินทร์จึงทำให้พี่ข้าว ผู้จัดการสาวคนสวยของเธอต้องถ่อมาถึงโรงพยาบาลเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากความโง่เขลา
ขวัญข้าวเคยเตือนเหมือนฝันหลายครั้งแล้วว่าวงการบันเทิงนี้มีแต่สิ่งเน่าเฟะ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนทั้งสิ้น แม้กระทั่งความรักที่แสนหวาน สักวันก็ต้องจบลง
โดยเฉพาะความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวของบรรดาตัวพ่อตัวแม่มอบให้กับน้องใหม่ในวงการ ไม่ต่างอะไรจากหมาหยอกไก่ พอพวกเขาเบื่อก็จะเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี
เธอเคยเตือนเหมือนฝันแล้วครั้งหนึ่งว่าคีรินทร์คือบุคคลอันตราย แต่เพราะเหมือนฝันบอกว่าทั้งคู่เคยคบกันและไม่ได้เลิกรากันอย่างเป็นทางการ ขวัญข้าวจึงไม่ได้สอดมือเข้ามายุ่งมากนัก
อย่างไรก็ตามเธอมักจะเตือนเหมือนฝันอยู่เสมอให้ระวังตัว ไม่ใช่เพียงเพราะผู้ชายอันตรายอย่างคีรินทร์เท่านั้น แต่เป็นเพราะผู้จัดการอันตรายอย่างก้องภพด้วยเช่นกัน
“ฝันจะโทรถามพี่คินทร์”
ขวัญข้าวกำลังจะออกปากห้าม ทว่าเหมือนฝันกลับกดโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว รอไม่ถึงชั่วอึดใจปลายสายก็รับโทรศัพท์
[ฮัลโหล]
“พี่คินทร์ให้สัมภาษณ์แบบนั้น หมายความว่ายังไงกันแน่คะ?”
ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลั้วเสียงหัวเราะเย็นชาว่า
[ก็หมายความตามนั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เล่นสนุกกันคั่นเวลา พอเบื่อแล้วก็แยกทาง ฟินก็ฟินทั้งคู่ ไม่มีใครเสียหายเลยนี่]
มือเล็กที่กุมโทรศัพท์มือถือสั่นเทา หัวใจปวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว เหมือนฝันพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ทว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจยอมรับคำพูดทั้งหมดนี้ได้ แต่เพราะด้วยเหตุนี้ริมฝีปากบางจึงทำได้เพียงส่งเสียงเจือสะอื้นว่า “พี่คินทร์อย่าแกล้งฝันแบบนี้เลยนะ”
[พี่ไม่ได้แกล้งอะไรนี่ บทสัมภาษณ์ก็เป็นกลางที่สุดแล้ว อีกอย่างช่วงนี้ดูเหมือนจะมีข่าวลือมากมาย มันค่อนข้างน่าเบื่อน่ะ ยังไงช่วงนี้เราสองคนต้องระวังให้มากขึ้น พี่ยังอยากสนุกกับฝันอยู่นะ]
น้ำเสียงน่ารังเกียจของคีรินทร์ทำให้หัวใจของเหมือนฝันเจ็บปวดราวกับถูกคมมีดกรีดเฉือนจนไม่เหลือชิ้นดี น้ำตาไหลอาบแก้มใสแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นออกมา เหมือนฝันทรุดตัวลง คำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายคล้ายกับก้องอยู่ในความคิดไม่รู้จบ
พี่ยังอยากสนุกกับฝันอยู่นะ...
พี่ยังอยากสนุกกับฝันอยู่นะ...
พี่ยังอยากสนุกกับฝันอยู่นะ...
“น้องฝัน!”
ร่างเล็กหมดสติลงในขณะที่โทรศัพท์มือถือกระแทกพื้นและไถลไปไกลจนไม่อาจรู้ได้ว่าปลายสายได้ยินหรือไม่ แต่ขวัญข้าวตะโกนเรียกหมอก่อนที่ทั้งโถงทางเดินจะเต็มไปด้วยความโกลาหล
