บทที่ 1 ให้สัมภาษณ์ [1]
“คุณคินทร์คะ ไม่ทราบว่าข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณฝันเป็นเรื่องจริงหรือจ้อจี้คะ?” นักข่าวสาวถามขึ้นในขณะที่ไมค์ของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังจ่อปากพระเอกหนุ่ม เนื่องจากนานๆ ครั้งชายหนุ่มจะออกงาน พวกเขาจึงฉวยจังหวะที่คีรินทร์มีอีเวนต์ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อมาสัมภาษณ์เรื่องนี้โดยเฉพาะ
แต่ยังไม่ทันที่หนุ่มหล่อซึ่งวันนี้สวมแบรนด์ดังทั้งตัวจะได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ก็มีเสียงของนักข่าวคนอื่นๆ แทรกขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“คุณคินทร์รู้จักน้องฝันมาก่อนหรือเปล่าครับ มีคนบอกว่าเธอได้รับบทนี้เพราะทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน”
“ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าผู้จัดปักนางเอกอีกคนหนึ่ง แต่อยู่ๆ ก็ถูกปาดหน้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณคือเปล่า”
“มีคนบอกว่าเพราะพวกคุณแอบคบกันจริงไหมคะ?”
“มีคนบอกว่าพวกคุณชอบหายเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยกันบ่อยๆ ไม่ทราบว่า...”
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ อย่าเพิ่งกรูกันเข้ามาได้ไหม คินทร์เพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ พี่ๆ นักข่าวอยากถามอะไรก็ขอให้ใจเย็นๆ นิดหนึ่งนะครับ เมื่อคืนพวกเราถ่ายละครจนถึงตีสาม เช้ายังต้องมาเปิดช็อปแบรนด์อีก ช่วยเห็นใจกันด้วยนะครับ” ก้องภพ ผู้จัดการส่วนตัวของคีรินทร์เอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงสุภาพทว่าแฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้
วันนี้คีรินทร์สวมแบรนด์หรูทั้งตัว ผมถูกย้อมเป็นสีเงินจัดทรงอย่างดี รับกับใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาที่สวมคอนแท็กเลนส์สีเทาเข้ม ด้วยผิวขาวละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิงทำให้เขาดูเหมือนลอยออกมาจากภาพวาดในจินตนาการของผู้คน อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่เขาเดินออกมาและโดนรุมล้อม สีหน้าของคีรินทร์ก็เต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลก
ด้วยเหตุนี้ก้องภพจึงต้องแยกนักข่าวออกจากคีรินทร์ชั่วคราวเพื่อไม่ให้เขาอารมณ์เสีย
แม้ว่าโดยปกติแล้วคีรินทร์จะเข้ากับคนง่าย เป็นมิตรกับเด็กและสตรีทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้คนสามารถล่วงล้ำชีวิตส่วนตัวของเขาได้ง่ายๆ ที่สำคัญมีข่าวลือมานานแล้วว่าเบื้องหลังของคีรินทร์นั้นไม่ธรรมดา แต่เพราะเขาแทบไม่เคยกล่าวถึงครอบครัวของตนเอง จึงไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใครมาจากไหน
และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่คนในวงการโดยเฉพาะนักข่าวต่างก็ทราบดีว่าหากต้องการข่าวจากคีรินทร์ มีขอบเขตที่พวกเขาห้ามล้ำเส้น
นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ๆ ก็มีคนใจกล้าทะลุกลางปล้องขึ้นมาแล้วถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้หญิง ทั้งยังดูเหมือนว่าจะมี ‘แหล่งข่าว’ ที่น่าเชื่อถืออยู่เบื้องหลังอีกด้วย
ชายหนุ่มหรี่ตาลง รอให้ก้องภพกันนักข่าวให้ออกห่างจากตัวเขาหนึ่งก้าว สมองคิดอย่างรวดเร็วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อก้องภพเห็นว่าคีรินทร์ไม่แผ่รังสีอำมหิตออกมาแล้ว เขาจึงหันไปพูดกับนักข่าวว่า “เชิญสัมภาษณ์คินทร์ได้ แต่ขอให้สัมภาษณ์ในขอบเขตนะครับ นี่เป็นงานเปิดตัวช็อปแบรนด์ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องชวนอึดอัดขึ้นเหมือนเมื่อครู่ และหวังว่าพี่ๆ นักข่าวจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
น้ำเสียงนุ่มนวลของก้องภพดังพอที่กลุ่มคนวุ่นวายกระหายข่าวจะได้ยินชัดเจน หลายคนจับสีหน้าของก้องภพได้อย่างแม่นยำ คนที่ตาดีส่วนใหญ่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ
ไม่มีใครกล้าดูแคลนผู้จัดการอย่างก้องภพที่เปิดบริษัทเอเจนซี่ตั้งแต่อายุสิบแปด เขาคร่ำหวอดในวงการบันเทิงมาจนอายุยี่สิบแปดนี้ด้วยความสามารถในการมองคน ดังนั้นศิลปินดาราชื่อดังมากมายจึงปรากฏตัวในสังกัดของเขาอย่างต่อเนื่อง ด้วยสัญญาของมืออาชีพที่ให้อิสรภาพศิลปินในสังกัดในการใช้ชีวิตเช่นเดียวกับคนทั่วไป เขาไม่มีเงื่อนไขในการร่วมงานมากนัก นอกเสียจากว่าหากจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัว จะต้องไม่กระทบต่อหน้าที่การงานของตนเอง
กระทบในที่นี้หมายถึงไม่ผิดศีลข้อที่สามและไม่ผิดจริยธรรม
ตราบใดที่ดาราในสังกัดทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ ก้องภพก็จะให้การสนับสนุนอีกฝ่ายเต็มที่ ทว่าศิลปินในสังกัดของก้องภพนั้นมีไม่มากนัก ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่าเขาปั้นคนมาไม่เกินสิบคน และแน่นอนว่าทั้งสิบคนนี้คือดาวเด่นและดาวค้างฟ้าของวงการบันเทิง
เช่นเดียวกับเบื้องหลังของคีรินทร์ ไม่มีใครรู้ว่าก้องภพเป็นใครมาจากไหน พวกเขาทราบเพียงว่าก้องภพได้เจอกับดารารัตน์ นางเอกดาวค้างฟ้าของวงการบันเทิงตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่เข้าสู่วงการ อย่างไรก็ตามผ่านไปเพียงปีเดียวดารารัตน์ก็ดังเป็นพลุแตก ด้วยความสามารถของเธอจึงทำให้คนทั้งวงการบันเทิงต่างก็มองผู้จัดการมือทองอย่างก้องภพว่าเป็นอัจฉริยะในการมองผู้คน
หลังจากนั้นไม่นานก้องภพก็รับดูแลศิลปินเพิ่มขึ้น ดารารัตน์ในช่วงจุดสูงสุดของชีวิตเลือกที่จะลาออกจากวงการแล้วกลับไปแต่งงานกับสามีที่ต่างจังหวัด ท่ามกลางความเสียดายของคนทั้งประเทศ หลายคนมองว่าก้องภพปล่อยให้เพชรเม็ดงามหลุดมือไป แต่ไม่มีใครรู้ว่าก้องภพรู้สึกอย่างไร บ้างก็ว่าเขาอกหักจากศิลปินคนแรกในสังกัด บ้างก็ว่าเขาถูกหักหลัง แต่หนึ่งปีหลังจากนั้นก้องภพก็ปั้นดาราหน้าใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ก้องภพก็เจียระไนเพชรเม็ดงามเข้าสู่วงการบันเทิงเป็นว่าเล่น ใครก็ตามที่ผ่านสายตาเขาล้วนไม่เคยถูกกลืนไปในแวดวงนี้ แต่ก็อย่างว่า ที่นี่คือวงการบันเทิง เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการลักลอบพูดคุยและแทงข้างหลังผู้อื่น จึงยังมีศิลปินสองสามคนซึ่งถูกดึงตัวไปอยู่ที่อื่น ในขณะที่ก้องภพกลับไม่ได้สนใจมากนัก เขาดูเหมือนจะปล่อยวางได้ง่าย จนกระทั่งเขาได้พบกับคีรินทร์เมื่อสามปีก่อน
ผู้คนคิดว่าเขาพบคีรินทร์หลังจากกลับมาที่ประเทศไทย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้พบกับคีรินทร์แล้วเมื่อตอนอยู่ต่างประเทศ และครั้งนั้นเองที่เขาได้พบกับคนประเภทเดียวกัน
ภายใต้การชื่นชมของคนจำนวนมาก ไม่มีใครทราบว่าก้องภพมีญาณพิเศษที่สามารถอ่านโหงวเฮ้งคนและมองเห็นสิ่งลี้ลับบางอย่างได้ เขาสามารถทำนายได้ว่าใครจะเป็นดาวเด่น หรือใครจะเป็นดาวหายนะ แม้ว่าจะมีหลายคนที่เขาปั้นจนดังแล้วเนรคุณ แต่ก้องภพไม่เคยมองว่ามันคือการเนรคุณ เพราะท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็ทำสัญญากับเขาอย่างเท่าเทียม ตราบใดที่ยังร่วมมือกัน เขาก็จะช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างเต็มที่ แต่เมื่อไรที่อีกฝ่ายหันหลังให้เขา ก้องภพก็จะถือว่าตนเองไม่เคยรู้จักคนนั้น
แต่กลับกัน เมื่อเขาพบกับคีรินทร์ นอกจากบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าสำรวจอย่างใกล้ชิดแล้ว นรลักษณ์ของคีรินทร์คือสิ่งที่ดึงดูดเขาที่สุด
อะไรบางอย่างบอกว่าหากคีรินทร์เข้าสู่วงการบันเทิง เขาจะดังจนไม่มีอะไรฉุดได้ อีกทั้งยังเป็นศิลปินคนแรกที่มีภูมิต้านทานต่อสิ่งล่อใจและการล่อลวงของสิ่งลี้ลับ
โดยเฉพาะสิ่งลี้ลับ...
ใครก็ตามที่สามารถด่าผีจนสำนึกผิดได้ คงไม่สามารถถูกวิญญาณเหล่านี้ทำให้หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ หรือแม้กระทั่งถูกล่อลวงจากโหงพรายที่เหล่าดาราสายมูส่งมาอ่อยเหยื่ออย่างแน่นอน
ก้องภพเชื่อในสิ่งนี้มาตลอด จนกระทั่งคีรินทร์เข้าสู่วงการบันเทิง จนกระทั่งเขาโชว์ฝีมือการแสดงให้เห็น จนกระทั่งเขาแคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ
จนกระทั่ง...เขาได้พบกับคนรักเก่า
