บท
ตั้งค่า

6. พฤติการณ์อันแปลกประหลาดของเธอ

บัวเริ่มมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็นและสัมผัสตั้งแต่ฟื้นขึ้นมานั้นไม่ใช่ความฝันอย่างที่เข้าใจในครั้งแรก

‘นี่คือความจริง ความจริ๊ง ไม่อยากจะเชื่อ’

บัวเริ่มคิดถึงคุณยาย และนึกอยากได้โทรศัพท์มือถือมาเพื่อติดต่อคุณยาย แต่ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามจากเขา เขากลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“พ่อแม่เธอคงภาวนาให้เธอพ้นอันตราย เบอร์บ้านเธอคืออะไร อยู่แห่งหนตำบลไหนจะพาไปส่ง ”

บัวมองหน้าเขา นึกสงสัยว่าทำไมชายคนนี้พูดจาแปลกๆ จึงถามขึ้นว่า

“เบอร์บ้าน หมายถึง บ้านเลขที่ งั้นเหรอค่ะ”

เขาพยักหน้า รู้สึกแปลกต่อคำพูดคำจาของหล่อน ซึ่งเขาไม่ค่อยจะเข้าใจแต่พอจะจับใจความได้ เขามองเธอด้วยสายตาอันอ่อนโยน จนบัวรู้สึกได้ว่าชายแปลกหน้าคนนี้ น่าจะไว้ใจได้ คงไม่ใช่โจรผู้ร้ายอะไร ถึงแม้ว่าบัวจะรู้สึกว่าเขาเป็นมิตร แต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจไปเสียทุกอย่าง เธอรีบพูดต่อว่า

“แล้วคุณยาย น้าเล็ก กะแทน อยู่ไหนค่ะ”

บัวถามต่อโดยไม่หยุดช่วงให้เขาได้ตอบคำถามของเธอจนเขาคิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นต้องการคำตอบจริงหรือไม่ หรือเพียงพูดขึ้นมาลอยๆ

“แล้วที่นี่คือโรงพยาบาลอะไรค่ะ”

เธอซักเขาต่อเนื่อง เขามองหน้าเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า

“ผมไม่เห็นญาติเธออยู่ละแวกนั้น และได้พยายามออกติดตาม ก็หาพบผู้ใดไม่”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า

“ที่นี่หาใช่โรงพยาบาลไม่ เธอคิดว่าที่นี่คือโรงพยาบาลงั้นรึ”

บัวรำพึงในใจ

‘อ้าว! เฮ้ย! แล้วถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หมอ งั้นเขาเป็นใครกัน แล้วคุณยาย น้าเล็ก และแทนไปอยู่ที่ไหน’

ระหว่างที่บัวพยายามใช้ความคิดอยู่ เขามองหน้าเธอแล้วก็พูดขึ้นอีกว่า

“ที่นี่ เป็นบ้านพักทหารเรือ”

บัวเบิกตากว้าง ตกใจกับคำพูดของเขาเมื่อครู่ ‘แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่บ้านพักทหารเรือได้’ ก่อนตัดสินใจถามขึ้น

“แล้วคุณเป็นใคร”

“คนที่ช่วยเธอขึ้นมาจากท่าน้ำวัดระฆัง เธอคงจำอะไรมิได้กระมัง”

“แล้วคุณเห็นกระเป๋าสะพายของชั้นมั้ยค่ะ”

“ตอนที่ช่วยเธอขึ้นจากน้ำ ฉันก็ไม่พบกระเป๋าของเธอ”

“ขอบคุณที่คุณช่วยชั้นไว้นะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมมือถือหน่อยได้มั้ยค่ะ”

“หือ! จะให้เอามือถืออะไรดอกรึ”

บัวแอบคิดว่า นอกจากพูดจาประหลาดแล้ว ยังจะกวนประสาทอีก

“อ้าว! ก็โทรศัพท์มือถือไง”

“อ่อ! โทรศัพท์ อยู่ที่ห้องรับแขกด้านนอก”

บัวได้ยินดังนั้นจึงพรวดลุกขึ้น เหมือนคนปกติ รีบคว้าเสาแขวนถุงน้ำเกลือ ก่อนเดินอาดๆ ออกจากห้องนอน เขาลุกขึ้นตามเธอกระชั้นไปเช่นกัน

“ประเดี๋ยวก่อนเธอจะทำอะไร เหตุไฉน เธอจึงรีบร้อนนักเล่า”

บัดนี้เธอไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเขา ในใจกังวลครุ่นคิดถึงแต่คนที่บ้าน ตอนนี้คุณยาย น้าเล็ก และแทนจะเป็นห่วงเธอแค่ไหนกันนะ จะกำลังกังวลอยู่รึเปล่า นี่เราคงถูกน้ำพัดมาไกลจนหลงกับทุกคนเข้าแล้ว

เขาตามเธอมาติดๆ ในใจนึกเป็นห่วงระคนกับความสงสัยในคำพูด และพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอ

‘สตรีผู้นี้ เธอช่างมีกริยามารยาทแปลกประหลาดยิ่งนัก’

บัวตรงไปยังโต๊ะรูปทรงครึ่งวงกลม ปูด้วยผ้าสีขาวปักลายดอกไม้คล้ายกับผ้าม่านในห้องนอน โทรศัพท์สีดำทรงโบราณวางอยู่ด้านบนโต๊ะตั้งอยู่มุมห้อง ถัดไปคือ โซฟาหวายสีขาวและเบาะสีขาวลายดอกไม้

เมื่อเธอเห็นข้าวของเครื่องใช้ในห้อง ก็อุทานขึ้นว่า

“เฮ้ย! สวยมากเป็นแนววิทเทจ ทั้งบ้าน” เธอยิ้มถูกใจเฟอร์นิเจอร์ของบ้านหลังนี้

“เธอพูดอะไรดอกหรือ” เขามองเธอด้วยสีหน้าสงสัย และกังวล

บัวยิ้มตอบเขาไม่พูดอะไร บัวมองดูโทรศัพท์เครื่องนั้นก่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ค่อยๆ ยกหูขึ้นแนบหูเข้ากับส่วนโค้งงอมีช่องเล็กกว่าช่องปากพูด เธอก็ได้ยินเสียงสัญญาณออกมาจากหูนั้น จากนั้นจึงใช้นิ้วชี้วางลงในช่องที่ด้านในมีตัวเลข และหมุนไปตามเข็มนาฬิกา จนสุดขอบโค้งๆ ที่อยู่ด้านขวาล่างของแป้นหมุน เธอคาดเดาตามที่เคยเห็นจากหนังย้อนยุคหลายๆ เรื่อง และทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนหมุนตัวเลขได้ครบตามหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณยาย

เขายืนมอง เธอที่กำลังหมุนแป้นโทรศัพท์อย่างรวดเร็วด้วยท่าทางร้อนรน เธอหมุนอยู่หลายหมายเลขมากกว่าปกติ นี่ยิ่งทำให้เขาสงสัยพฤติกรรมเธอยิ่งขึ้น เพราะปกติแล้วเบอร์โทรศัพท์จะมีเพียงสามสี่ตัวเลขเท่านั้น เมื่อบัวหมุนเสร็จก็หันมายิ้มให้เขา ซึ่งขณะนี้ยืนมองเธออยู่ไม่ห่างนัก เธอแอบสังเกตเห็นว่าเขามองเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่บัวไม่ได้ใส่ใจนัก เธอรอฟังสัญญาณหลังจากหมุนหมายเลขถูกต้องแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะรอนานเท่าไร เธอกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ แม้แต่เสียงสัญญาณจากโทรศัพท์เครื่องนี้ บัวนึกเป็นห่วงคุณยายขึ้นมาจับใจ บัวจึงลองหมุนหน้าปัดโทรศัพท์อีกครั้ง แต่เปลี่ยนจากเบอร์คุณยายเป็นของน้าเล็กแทน ไม่วายอดคิดไม่ได้ว่าการหมุนเบอร์โทรศัพท์แบบโบราณแบบนี้ช่างไม่สะดวกทันใจเธอเลย

‘ไม่ทันใจเอาเสียเลย แบบ touch screen นี่ดีสุดๆ’ โทรศัพท์เครื่องนี้ขัดใจเธอสุดๆ

แต่ก็เหมือนว่าจะไร้ผล ไม่ได้ยินเสียงสัญญาณตอบกลับ ไม่ว่าเธอจะพยายามหมุนอีกกี่รอบก็ตาม บัวร้อนใจมากขึ้น อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพยายามหมุนเบอร์โทรศัพท์ของแทน แต่ผลเหมือนเคย คือไม่มีสัญญาณเช่นกัน เขายืนมองท่าทางที่เปลี่ยนไปของบัว ความรู้สึกไม่สบายใจก็เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ระหว่างที่บัวกำลังพยายามหมุนแป้นโทรศัพท์เป็นครั้งที่เท่าไรเธอเองก็ไม่อาจรู้ได้ จู่ๆ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษสีครีม มีตัวหนังสือสีดำใหญ่ รูปภาพเป็นสีขาวดำวางอยู่บนโต๊ะรับแขก ซึ่งถัดจากโซฟาหวายสีขาว บัวรีบพุ่งเข้าหามันในทันใด

บัวอ่านข้อความแถวแรกที่เห็น

“ศรีกรุง ” ซึ่งข้อความนี้ “ก” อยู่บนวงกลมที่เหมือนกับหยดหมึก

บรรทัดต่อมาของหนังสือพิมพ์เป็นตัวอักษรขนาดเล็กกว่าแถวแรกเขียนว่า

“THE SRIKRUNG DAILY NEWS”

ถัดลงมาเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เล็กกว่าเขียนว่า

“BANGKOK , SIAM”

เธอกวาดสายตามลงมาอีกแถวถัดลงมา แถวนั้นพิมพ์เป็นภาษาไทยแต่ในรูปแบบที่เธอไม่เคยเห็น

“ปีที่ ๑๓ ฉะบับที่ ๒๑๐๗ วันอาทิตย์ ที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ขึ้น ๑๐ เดือน ๔ ปีวอก จ.ศ. ๑๒๙๔ ฉะบับละ ๕ สตางค์”

บัวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เธอคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นพร้อมกับหันถามชายหนุ่มว่า

“นี่คือหนังสือพิมพ์เก่าหรือค่ะ”

ตลอดเวลาเขาสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของเธอดูคล้ายกับคนเสียจริต แต่เป็นคนเสียจริตที่อ่านเข้าใจทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ที่น่าฉงนมากขึ้น ก็เห็นจะเป็นคำถามที่หล่อนถามแต่ละครั้ง

“เธอแสร้งไม่รู้ดอกรึ หรือเธอไม่รู้จริงๆ”

บัวจ้องเขาเขม็งรอคำตอบจากเขา เธอคิดไปว่า

‘น่าจะเป็นหนังสือพิมพ์เก่า ต้องเป็นของสำหรับแต่งบ้านแน่ๆ แต่ เอ๊ะ! ทำไมกระดาษยังดูใหม่’

เขามองหน้าบัวที่บัดนี้สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด จึงตอบว่า

“ก็หนังสือพิมพ์ของวันนี้” เขายังพูดไม่จบ บัวก็พูดแทรกขึ้นว่า

“ห๊า! อะไรนะ”

เสียงกรีดร้องของบัว ดังจนได้ยินไปถึงหน้าบ้านของเขา

“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel