Ep.5
...ทั้งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของดอกลาเวนเดอร์...และสร้อยข้อมือที่ทำจากหินคาเนเลียนสีบรั่นดี แค่สองสิ่งนี้ก็สามารถทำให้เขาทำนายได้ว่า เธอคือคนคนเดียวกัน กับผู้หญิงที่แต่งตัวแสนเฉิ่มคนนั้นที่ไปนั่งดื่มในผับนั้นคนเดียว... แล้วก็คือคนคนเดียวกับผู้หญิงที่เขาคุยด้วยเมื่อกี้...
‘ว่าแต่เธอเป็นใคร ทำไมต้องสะกดรอยตามพวกเขาด้วยล่ะ’
“หึ”
‘ถ้าเธอมาร้าย ก็อย่าหวังว่าจะรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้ แต่ถ้ามาดี ก็คงต้องสอบสวนหน่อยล่ะ ว่าเธอทำแบบนั้นทำไม’
รอดูคืนพรุ่งนี้อีกคืนแล้วกัน ถ้าหากเขาเจอเธออีก เธอไม่รอดแน่ แต่ถ้าไม่มาให้เห็นอีก ก็รอดตัวไป
แต่ที่สำคัญกว่านั้น หากเจอกันอีกครั้ง แล้วสืบได้ว่าเธอมาร้าย เขาก็คงไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลไปอย่างแน่นอน
ชญานิลที่คืนนี้แต่งตัวแนวฝรั่งจ๋า ด้วยวิกผมสีทอง และการแต่งตัวที่ค่อนข้างทันสมัยด้วยเดรสยาวแค่เข่าสีน้ำตาลทองเข้ากับสีผมบนรองเท้าส้นสูงสี่เซนติเมตรมองไปรอบๆตัวด้วยแววตาหวั่นวิตกเล็กๆ เพราะตรงหน้าเธอคือหนุ่มไทยหน้าตาดีเข้ามาขอนั่งดื่มเป็นเพื่อน ซึ่งเธอก็ยอม
เพราะคืนนี้คนเยอะมากจริงๆ เธอจึงไม่อยากนั่งดื่มคนเดียวเพราะมันก็ยังรู้สึกเขินๆอยู่
แต่เอาน่า เธอมาทำงานอีกแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น
‘ทนเอาหน่อยน่าญานิล’ หญิงสาวบอกตนเองในใจ
“ดูคุณจะสนใจสามคนนั้นเป็นพิเศษเลยนะครับ ผมเห็นคุณมองไปทางพวกเขาตลอดเลย”
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษเลยค่ะ เพียงแต่ฉันกำลังคิดว่า ทำไมหนึ่งในสามคนนั้น ถึงหน้าคุ้นจัง คล้ายเพื่อนสมัยม.ต้นของฉันเลยค่ะ”
“อ๋อ อย่างนั้นเองเหรอครับ” หนุ่มตรงหน้าดูจะผ่อนคลายลงหน่อยเมื่อได้ฟังคำตอบของเธอ
“ค่ะ”
‘จะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย ทำไมอิตานี่ต้องมานั่งกับเธอด้วย อึดอัดจะแย่ ทำงานไม่สะดวกเลย’
จะมองไปทางสามหนุ่มนั่นตลอดก็ไม่ได้ จะกลับก่อนก็ไม่ได้ เพราะเธอจะต้องถ่ายรูปเวลาล่าสุดก่อนที่พวกเขาจะกลับบ้านอย่างน้อยก็สักหนึ่งภาพ ก่อนที่เธอจะกลับเช่นกัน งานถึงจะเสร็จสมบูรณ์
...อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว...
ชญานิลเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ในใจ รอจนถึงร้านใกล้ปิด เธอก็แอบถ่ายรูปสามีของพี่พรเพ็ญเก็บเอาไว้ จากนั้นเธอจึงขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อจะโทรให้ลุงชมมารับเวลาเดิมคือตีสองห้านาที
“จะกลับแล้วเหรอครับ”
“อ๋อยังค่ะ แค่จะไปเข้าห้องน้ำเฉยๆ”
“ให้ผมไปส่งไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาดื่มเป็นเพื่อนฉัน”
“ครับ”
ทว่าพอจะลุกยืนขึ้น หญิงสาวกลับรู้สึกมึนๆเบลอๆ แล้วก็รู้สึกเหมือนแขนกำลังถูกใครสักคนจับเดินออกไปจากผับ เธอหันไปมองคนข้างๆก็รู้ว่าเขาคือคนที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนเธอทั้งคืนนั่นเอง เขากำลังพาเธอเดินมาขึ้นรถเก๋งสีแดงคันหนึ่ง
“คุณจะพาเธอไปไหนไม่ทราบ”
หนุ่มนิรนามหันมามองคนที่ทักเขาทางข้างหลังขณะกำลังยัดเยียดหญิงสาวเข้าไปนั่งในรถ
“เธอเป็นแฟนผม ผมจะพาเธอกลับบ้าน”
“คุณจะพาเธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เธอเป็นน้องสาวของผม ผมจะพาเธอกลับบ้านเอง” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม
“ผมไม่เชื่อคุณหรอก หน้าตาก็ไม่เห็นจะเหมือนกันเลย เป็นพี่น้องกันได้ยังไง”
“ก็เธอเป็นน้องนอกไส้ของผม แล้วคุณจะทำไม จะปล่อยเธอมาให้ผมดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง หรือว่าต้องใช้ไอ้นี่”
คนที่ดูหน้าดุกว่าหน้าเข้มกว่าจงใจเลิกชายเสื้อขึ้น เผยให้เห็นอาวุธสีดำเมื่อมวาววับในความมืดสลัวที่เหน็บอยู่ที่เอว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเมา เขาก็มองออกว่ามันคืออะไร
“โอเคครับลูกพี่ พาเธอกลับบ้านเถอะครับ” ไอ้คนชั่วที่หวังจะมอมเมาชญานิลดึงหญิงสาวมาส่งให้กับคนที่เขาเพิ่งเรียกว่า ‘ลูกพี่’ อย่างไว เพราะกลัวโดนไข้โป้ง
สรายุทธนั่นเอง เขาพาหญิงสาวไปนั่งในรถของเขา เขาสังเกตดูเธอมาตลอดคืนเช่นกัน โดยที่เธอไม่รู้ตัว ดูจนรู้ว่าไอ้ผู้ชายที่นั่งดื่มกับเธอแอบป้ายยาบางอย่างบนเสื้อผ้าของเธอ จึงทำให้หญิงสาวตกอยู่ในอาการมึนงงแบบนี้ ซึ่งมาจากฤทธิ์ของยาที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยถูกป้ายนั่นเอง
เขาพอรู้ว่ายาประเภทนี้จะทำให้คนที่เผลอสูดดมมันเข้าไป จะมีอาการมึนๆงงๆ อยู่ราวๆครึ่งชั่วโมง และจะมีอาการจำได้ลางๆว่าใครพาไปที่ไหน ไปทำอะไร แต่จะจำหน้าคนคนนั้นไม่ได้ และไม่มีแรงจะต่อต้าน แถมเล่าเรื่องไม่ปะติดปะต่อ มันจะลืมๆ เบลอๆ
เขาเองก็เคยเผลอสูดดมยาตัวนี้เข้าไปเมื่อครั้งที่เขาไหล่หลุดแล้วต้องไปให้หมอเอาไหล่เข้าให้เหมือนเดิม ถ้าเอาไหล่เข้าที่เดิมแบบสดๆ มันก็จะเจ็บปวดทรมานมาก แต่ถ้าสูดดมยามึนตัวนี้เข้าไป มันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย แถมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคุณหมอเอาไหล่เข้าให้ตอนไหน พอรู้ตัวอีกทีก็ไปอยู่หน้าห้องรอจ่ายเงินแล้ว
