Ep.4
“แล้วน้องเทรดมานานหรือยังครับ” สามีพี่พรเพ็ญถาม
“ก็เกือบปีแล้วค่ะ”
“งั้นก็คงต้องฝึกอีกนานครับ ถ้าน้องมีเวลา วันอังคารหน้า ทางโบรกของพวกพี่ที่เทรดอยู่จะมีโค้ชมาเปิดการสอนเทรดที่บ้านของพี่โจครับ”
“สนใจค่ะพี่ สนใจมากเลย แต่ว่าอยู่ไกลไหมคะ”
“เดี๋ยวผมจะส่งแผนที่ไปไหนไลน์กลุ่มให้ครับ ถ้าใครสนใจก็มาอบรมฟรีได้ทุกคนเลย เฉพาะสมาชิกในกลุ่มไลน์ของเรานะครับ”
“ค่ะพี่ แล้วจัดช่วงเช้าหรือบ่ายคะ”
“ตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงบ่ายสองครับ” สรายุทธบอก
“อ๋อ ค่ะ”
เพื่อนของสามีของพี่พรเพ็ญคนนี้ ก็ดูเป็นกันเองดี ก็คือคนที่สามีพี่พรเพ็ญเรียกแกว่า ‘พี่โจ’ นั่นแหละ เขาดูไม่ค่อยถือตัวเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยเขาก็ตอบคำถามเธอ แต่สามีพี่พรเพ็ญดูกันเองกว่าใคร แต่อีกคนที่นั่งอยู่ท่าทางจะเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ก็ยิ้มเก่ง
พี่พรเพ็ญมีสามีนิสัยดีแบบนี้ พี่แกไม่น่าระแวงสามีแกเลย
ธรรมดาของคนที่เทรดฟอเรก มักจะเฝ้ากราฟแบบไม่หลับไม่นอน ดึกๆแค่ไหนก็ยังเฝ้าลุ้นอยู่ตลอด โดยเฉพาะตอนมีข่าวแรงๆ เช่นข่าวนอนฟาร์ม13
อีกคืนก็จะเสร็จงานนักสืบของเธอแล้ว
ขอบคุณพี่พรเพ็ญแกจริงๆที่จ้างเธอให้มาสืบเรื่องสามีของแก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มาเจอคนเทรดเก่งๆอย่างคนที่ชื่อโจนี่หรอก
รอดูพวกหนุ่มๆทำงานกันจนถึงสามทุ่ม ถือว่าทั้งสามหนุ่มและเธอนั่งอยู่ในร้านนานมากๆเลยจนเธอรู้สึกเกรงใจเจ้าของร้าน แต่เพราะเกรงใจเธอจึงต้องสั่งชิฟฟอนชาเขียวอีกชิ้นมากิน
เช่นเดียวกับพวกหนุ่มๆ ที่สั่งออเดอร์เพิ่มตลอดเช่นกัน ทว่าพอถึงสามทุ่ม ทุกคนก็ตั้งท่าจะลุกออกจากร้านแล้ว แล้วเธอจะอยู่ต่อไปทำไมล่ะ
“อ้าว น้องก็จะกลับแล้วเหมือนกันเหรอครับ” สามีพี่พรเพ็ญอีกเช่นเคยที่ถามเธอ ราวกับเป็นคนที่สนิทคุ้นเคยกันมานาน
“ใช่ค่ะ”
“แล้วบ้านน้องอยู่แถวไหนครับ พอดีพวกพี่ก็จะกลับกันแล้ว แต่ในรถยังมีที่ว่างหนึ่งที่ แล้วพี่จะขอให้พี่โจไปส่งน้องให้นะครับ ได้ไหมครับพี่โจ”
ท้ายประโยคพิสิทธิ์หันไปถามหัวหน้ากลุ่ม เขาก็หันมาพยักหน้ายิ้มให้ แล้วโค้งศีรษะให้เธอ บอกว่าเขาเต็มใจไปส่งเธอนะ
พิสิทธิ์หันไปมองหญิงสาวยิ้มๆ
“พี่โจเขาตกลงแล้ว น้องพักอยู่แถวไหนครับ หรือว่าขับรถมาเอง หรือมีคนมารับครับ อ้อ พี่ชื่อสิทธิ์ครับ”
“หนูมาแท็กซี่ค่ะ พี่สิทธิ์”
“งั้นกลับกับพวกพี่นะครับ และไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเราสามคน ไว้ใจได้”
แต่ว่าทั้งรถมีแต่พวกหนุ่มๆ แล้วมีแค่หนึ่งหญิงคือเธอ ถึงพวกเขาบอกว่าพวกเขาไว้ใจได้ แต่เธอรู้สึกไม่ดีแน่
สาวๆ สวยๆอย่างเธอ ไม่ควรไปไหนมาไหนกับพวกผู้ชายกลางค่ำกลางคืน ยกเว้นแท็กซี่ขาประจำที่ใจดีเช่นลุงชมที่อาสาพาเธอไปทุกที่อย่างปลอดภัยเสมอมา
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวหนูเรียกแท็กซี่ขาประจำดีกว่าค่ะ”
“แสดงว่าน้องไม่ไว้ใจพวกเราใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจค่ะ แต่ว่าหนูไม่ชินจริงๆค่ะ หนูเขิน หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
หญิงสาวไม่รอการสนทนาตอบ เธอเดินลิ่วๆเข้าห้องน้ำไปทันทีเพื่อไปแปลงโฉมกลับมาเป็นตนเองเหมือนเดิม ที่ทั้งสามหนุ่มคงไม่มีใครจำเธอได้
จากชุดกางเกงฮาวายสีลายน้ำตาลอ่อน ผมบ๊อบ และรองเท้าคีบประดับเพชรสีขาว เปลี่ยนมาเป็ชุดฮาวายกระโปรงยาวเกือบกรอมเท้าสีลายม่วง ผมยาวเป็นลอนและไม่มีเครื่องหน้าใดๆ เพราะล้างจนหน้าดูจืดๆไปแล้ว คือตอนนี้เธอหน้าสดมาก และสวมร้องเท้าคีบสีม่วงสายถัก พอโทรศัพท์เรียกลุงชมเสร็จ หญิงสาวก็เดินหิ้วถุงผ้าออกมาจากห้องน้ำ
ทว่าพอเดินมาถึงทางที่บรรจบกันจากทางเดินออกมากห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชาย เธอก็ชนเข้ากับร่างสูงของใครสักคนจนเกือบจะล้ม เพราะตากำลังสอดส่ายมองหาแท็กซี่ขาประจำ ที่เพิ่งโทรหาเขาก่อนจะเดินจากห้องน้ำมา
“ขอโทษค่ะ”
เธอขอโทษเขา ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิดก็ตาม เพราะปากของเธอมันพูดคำขอโทษออกไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เมื่อเผลอเดินชนเข้ากับใครสักคน
“ไม่เป็นไรครับ” เขาปล่อยมือจากต้นแขนเธอ แล้วสบตาเธอคล้ายจะสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร
‘คุณโจ!’
หญิงสาวรีบกลบเกลื่อนความตกใจด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปตรงรถแท็กซี่ของลุงชมที่ขับมาจอดรอตรงลานจอดรถพอดี
แล้วถ้าหากหญิงสาวจะหันมองกลับมาทางด้านหลัง คงจะเห็นว่าคนที่เธอเดินชนเมื่อครู่ ยังยืนมองเธออยู่ที่เดิม จนกระทั่งเธอก้าวเข้าไปนั่งในรถ เขาจึงได้เดินไปยังรถเก่งสีดำของเขาที่จอดอยู่
สายตาของสรายุทธ มองอะไรไม่เคยพลาด แม้จุดเล็กๆที่สังเกตเห็น ก็ทำให้เขาสามารถทำนายการวิ่งของกราฟฟอเรกได้ ทำไมเขาจะไม่สังเกตเห็นจุดที่ใหญ่กว่าที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเอาไว้บนตัวเธอล่ะ
