ตอนที่ 5 กรณีฉุกเฉิน
ตอนที่ 5
กรณีฉุกเฉิน
“หยุดนะ!!!” เสียงห้าวดังกังวานหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ชะงัด ชาครียาเห็นนักรบก็ดีใจสะบัดตัวออกจากเงื้อมือเฮียหมงแล้ววิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม
“ลื้อเป็นใคร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลื้อ ถอยไป”
“คิตตี้เป็นแฟนผม ผมจะไม่ยอมให้เฮียทำระยำกับเธอแน่” นักรบประกาศกร้าว ใจจริงก็อยากตะบันหน้าตี๋ๆ เอาให้หงายเก๋งจนลุกไม่ขึ้น ถ้าไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลของจังหวัดที่ตนกำลังยืนอยู่ ไม่ใช่กลัวแต่นายทหารกล้าไม่ควรจะมีเรื่องให้เสื่อมเสีย
“อะไรวะ อาคิตตี้จะเป็นแฟนลื้อล่ายไง อั๊วะสืบมาหมดเลี้ยว อียังไม่มีผัวนี่นา”
“ก็ผมนี่แหละที่เป็นผัวเธอ ผมไม่คิดเลยว่าเฮียหมงคนดีในสายตาคนอื่นจะใจระยำแบบนี้”
“ลื้อกล้าว่าอั๊วะเหรอ รู้จักอั๊วะน้อยไปเลี้ยว”
“ออกไปรอผมข้างนอกก่อน” ชายหนุ่มหันไปบอกคนข้างหลัง ชาครียาสองจิตสองใจไม่ควรจะปล่อยให้เขาอยู่กับเฮียหมงตามลำพัง เฮียหมงคงทำได้ทุกอย่างและนักรบจะต้องเจ็บตัวแน่นอน “ไปสิ” เธอเม้มปากก่อนจะออกไปด้านนอกตามที่เขาต้องการ
ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปหาร่างอ้วนเตี้ย ข่มให้คนมีอิทธิพลต้องเงยหน้าขึ้นมองคอตั้งบ่า
“ผมไม่รู้จักเฮียมากนักหรอก และผมก็ไม่อยากมีเรื่องมีราวกับเฮียด้วย เรามาคุยกันดีๆ ไม่ดีกว่าหรือ”
“อั๊วะจะเอาอาคิตตี้ อั๊วะไม่เชื่อว่าอีเป็นเมียลื้อ ลื้อชอบอีก็เลยสวมรอยเป็นผัวอีล่ะสิ อย่าให้อั๊วะต้องจัดการกับลื้อขั้นเด็ดขาดเลยนะ”
“แล้วคิดว่าผมจะกลัวเฮียเหรอ หึหึ”
“ลื้อเป็นใคร ทำไมไม่กลัวอั๊วะ อั๊วะเป็นผู้มีอิทธิพลนะโว้ย” เฮียหมงยกมือทุบอกตัวเองอย่างโอ้อวด
“ผม...นาวาโทนักรบ ผดุงกิตติศักดิ์”
“นาวาทงนาวาโทที่ไหน อั๊วะไม่สน” เฮียหมงชะงักไปนิด “ผดุงกิตติศักดิ์ นี่ลื้อเป็นอะไรกับเสี่ยยุทธนา”
“ผมเป็นลูกชายคนเดียวของเสี่ยยุทธนา เจ้าของบริษัท ผดุงกิตติ์ทัวร์ จำกัด บริษัททัวร์ครบวงจรที่เฮียหมงเป็นลูกค้าอยู่นี่ไง”
“ละ...ลื้อเป็นลูกชายของเสี่ยยุทธนาจริงๆ เหรอ” เฮียหมงยังไม่เชื่อเต็มร้อย แต่เพราะชื่อเสียงของเสี่ยยุทธนาทำให้เขาเกิดความเกรงใจขึ้นมาทันที
นักรบส่งบัตรประชาชนของตนให้ชายร่างอ้วนดู พร้อมทั้งบัตรประจำตัวทหารชั้นสัญญาบัตรของเขา เฮียหมงเห็นแค่บัตรประชาชนก็หน้าถอดสี ชื่อและนามสกุลชัดเจน และพาเหลือบตาเห็นยศทหารหาญผู้ที่เป็นรั้วของชาติและยังสังกัดหน่วยรบใดก็รีบเบือนหน้าหนี ผู้ชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นสามีของชาครียานอกจากจะเป็นบุตรชายของเสี่ยยุทธนาแล้วยังเป็นนักรบรีคอน หน่วยรบที่ใครๆ ก็สยองเพียงแค่คิดถึงการฝึกหนักหนาสาหัสสากัน หลายคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นหนึ่งในหน่วยรบนี้แต่ไปไม่ถึงฝันต้องถอนตัวออกจากการฝึกฝนเสียก่อน ถึงแม้เฮียหมงจะไม่รู้เบื้องลึกไปมากกว่านี้แต่หากจะต้องปะทะกับนักรบเลือดเหล็กคงไม่เป็นผลดีนัก
“เอ่อ...กะ...เก็บบัตรของลื้อไปเถอะ อั๊วะเชื่อเลี้ยว”
“ที่ผมให้ดูเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราวกับเฮีย หากเลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง ถึงแม้ผมจะโกรธเฮียที่ทำร้ายแฟนผมแค่ไหนก็ตาม”
“อั๊วะขอโทษ อั๊วะไม่รู้ว่าอีเป็นแฟนลื้อ แล้วลื้อมายืนอยู่ตรงนี้ล่ายยังไง”
“เรื่องนั้นเฮียอย่ารู้เลยครับ เอาเป็นว่าอย่ามายุ่งกับแฟนผมอีกก็พอ นอกนั้นเฮียจะทำอะไรผมไม่สนใจหรอก”
“อั๊วะจะไม่ยุ่งกับอีอีกเลี้ยว”
“ขอบคุณครับ”
นักรบขบกรามกรอดในขณะที่หมุนตัวเดินออกมา เขาพยายามข่มความโกรธให้อารมณ์นิ่งสนิทที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถูกฝึกมาตลอดทั้งชีวิตว่าอย่าแสดงออกทางสีหน้าตราบใดที่ศัตรูยังไม่ยกธงขาว พวกมันจะต้องไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
ชาครียาเห็นร่างสูงเดินออกมาก็คว้าแขนกำยำไว้แล้วกวาดตามองไปทั่วเนื้อตัวของอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร” เขาตอบเรียบๆ สายตายังสอดส่ายมองหาความผิดปกติอย่างเช่น ร่องรอยของการถูกทำร้าย ดีที่เห็นเพียงผมเผ้ายุ่งเหยิง นอกนั้นก็เหมือนเดิม
ร่างสูงเดินตัวตรงไปเรื่อยๆ หญิงสาวจึงเดินตามไปติดๆ
“ขอบคุณค่ะที่ช่วยฉันไว้ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่”
“นึกว่าชอบเสียอีก”
ชาครียาเม้มปากก้มลงหยิบก้อนหินก้อนเล็กๆ ปาใส่หัวชายหนุ่ม แต่พลาดเพราะเขาหลบทันด้วยประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
“ถ้าหัวผมแตก คุณต้องชดใช้” เขาหันมาเข่นเขี้ยวใส่เธอ
“ก็คุณอยากปากเสียทำไมล่ะ ถ้าฉันชอบแล้วจะร้องแรกแหกกระเชอให้คนช่วยเหรอ”
“จะรู้เรอะ นึกว่าอยากเป็นเมียคนดังนี่นา”
ชาครียากระทืบเท้าเร่าๆ ไม่น่าเป็นเขาที่เข้ามาช่วยเธอเลย ถ้าช่วยแล้วโดนว่าแบบนี้ไม่ต้องมาช่วยจะดีกว่า เสียอารมณ์จริงๆ เชียว
นักรบอมยิ้ม เขาเพิ่งจะเคยเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความเป็นผู้หญิงแท้ๆ ผู้หญิงเวลาไม่ได้ดั่งใจก็มักจะทำแบบนี้ ดีที่เธอไม่ได้กรีดร้องวี้ดว้ายให้เสียงดัง ชายหนุ่มมองเธอที่สะบัดหน้าพรืดแล้วนึกสงสารหากเขาตามมาไม่ทันจะเป็นอย่างไร
“คุณติดหนี้ผม คุณต้องชดใช้ให้ผมด้วยนะชายา”
“ชายาอะไร ใครเป็นชายาของคุณ พูดจาแปลกๆ นะนี่”
“ก็คุณไง ต่อไปนี้คุณจะไม่ใช่คิตตี้ แต่คุณจะเป็นชายาสำหรับผม”
ฟังดูก็เหมือนประโยคธรรมดาๆ แต่หญิงสาวก็แก้มร้อนผ่าวจนไม่รู้จะวางหน้ายังไงดี เธอหลุบตามองพื้นแล้วเดินเลี่ยงไปทางขวา นักรบคว้าข้อมือเล็กๆ เอาไว้ หญิงสาวแทบสะบัดรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตมันแล่นปราดจากปลายนิ้วขึ้นไปยังต้นแขน พลันรู้สึกว่าแขนข้างนั้นกำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“ปล่อยนะ คุณจะทำเหมือนเฮียหมงหรือไง บอกไว้ซะก่อนว่าครั้งนี้ฉันไม่ยอมให้คุณลวนลามเหมือนครั้งก่อนแน่”
“จะกลัวอะไรเล่า คุณไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย เฮียหมงไม่หล่อไม่น่าเจี๊ยะเท่าผมหรอกน่ะ”
“นี่!! จะบ้าเหรอ อย่าบอกนะว่าจะทำจริงๆ”
นักรบยิ้มกว้างมองสีหน้าตื่นๆ อย่างพอใจ ชาครียาในวันนี้สวยกว่าที่เคยเห็น อาจเพราะเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน เขาภาวนาขอให้เธอเปลี่ยนแปลงมันเพื่อเขา และลุคส์นี้ก็โดนใจเขาไม่ใช่น้อย
“อยากทำ จะให้หรือเปล่าล่ะ”
“เฮอะ ฝันไปเถอะ ปล่อย” ชาครียาพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดจากอุ้งมือใหญ่ สัมผัสของเขาถึงจะไม่เหมือนสัมผัสของเฮียหมงเพราะให้ความรู้สึกที่แตกต่าง แต่ความร้อนบนข้อมือเหมือนถูกไฟลวกนั้นทำให้เธออยากจะดึงมือออกให้ได้
“รู้มั้ยว่าผมทำใจอยู่นานแค่ไหน ว่าเร็วๆ นี้ผมจะต้องทดสอบความเป็นหญิงของคุณ อยากรู้นักว่ามีดหมอจะให้ความรู้สึกดีเท่าของแท้หรือเปล่า ผมถึงได้มาหาคุณนี่ไง”
“นี่คุณยังคิดว่าฉันเป็นสาวประเภทสองอีกเหรอ”
“อ้าว...ก็คุณบอกผมเองนี่นา หรือคุณโกหก จริงสิผมลืมไป ขนาดเฮียหมงยังอยากได้คุณเลยนี่นา แสดงว่าคุณโกหกผมมาตลอดใช่มั้ย” นักรบแสร้งยกเรื่องโกหกที่เธออุตส่าห์ทุ่มทุนหลอกลวงเขาว่าเป็นกระเทยแปลงเพศ ถ้าวันนั้นเพื่อนของเธอไม่รีบกลับมา เขาคงได้ฝ่าด่านอรหันต์จากมีดหมอที่คงมีฝีมือดีที่สุดในโลกเข้าให้แล้ว
“เอ่อ...คือว่า...” ชาครียาเป็นฝ่ายจนมุม จะแก้ต่างว่าเฮียหมงเป็นพวกรักร่วมเพศก็กระไรอยู่ จะบอกว่าเธอโกหกก็ไม่ใช่เรื่องเพราะลงทุนเปลี่ยนตัวเองซะขนาดนี้ เขาน่าจะพอเข้าใจอะไรๆ บ้างแล้วสิท่า
“อ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้แสดงว่าจริง ร้ายกาจมากที่กล้าหลอกผม” นักรบกล่าวหา เขาพยายามยั่วให้ชาครียาสิ้นสุดความอดทน
“ใครหลอกกัน คุณคิดไปเองต่างหาก ฉันก็แค่...เออออห่อหมกไปด้วยเท่านั้น” เธอยอมรับออกไปแล้วก็กัดริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง “รู้แล้วก็ปล่อยมือฉันเสียที”
“ความรู้สึกของผมล่ะ ผมเสียความรู้สึกมากที่ถูกหลอก คุณต้องชดใช้รวมทั้งเรื่องเฮียหมงด้วย อย่าลืมสิว่าคุณติดหนี้ผมอยู่น่ะ”
ชาครียานึกอยากตะบันหน้าหล่อๆ ให้หนำใจ ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมจนมุมง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ สายตาที่เต็มไปด้วยความหมายมองมายังเธอตลอดทั้งวัน บัดนี้เธอเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าเขามองแบบไหนและต้องการอะไร เขามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียว
...คือเธอ...
“ฉันก็ขอบคุณแล้วไง ยังจะต้องการอะไรอีก”
“ผมต้องการคุณไงชายา”
คำขอโต้งๆ นั้นเล่นเอาหญิงสาวเป็นใบ้ไปชั่วขณะ สายตาเว้าวอนนั่นก็ทำให้ใจของเธอกำลังอ่อนยวบ ผู้ชายคนนี้เข้ามามีอิทธิพลต่อจิตใจเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมตอนนี้เขายังใช้อิทธิพลนั้นบังคับให้เธอต้องยอมอย่างไม่มีข้อแม้
“ชาครียาฟังผมให้ดีนะ ถ้าคุณใจตรงกับผมก็ไปกับผมเถอะ งานทางนี้ให้ใครทำแทนไปก่อน ตอนนี้เวลานี้ผมต้องการคุณ”
“ลูกทัวร์ก็ต้องการฉัน พวกเขามีความหมายสำหรับฉัน และฉันยังไม่อยากตกงาน”
“ชายาของนักรบ ผมจะบอกเสี่ยยุทธนาให้เรื่องที่คุณจะลางานหลายวัน รับรองว่าเสี่ยจะไม่ไล่คุณออก”
“ไม่เชื่อหรอก คุณเป็นใครเสี่ยถึงได้เกรงใจคุณ”
“ผมเป็นใครก็ไม่สำคัญ แต่เชื่อเถอะว่าผมจะไม่ทำให้คุณตกงานแน่นอน”
ชาครียาเริ่มลังเล งานคือเงิน เงินคืองาน ถ้าเธอตกงานก็หมายถึงความลำบาก ตลอดเวลาที่ทำงานนี้เธอไม่เคยต้องมาเสียงานเพราะขาดความรับผิดชอบ และครั้งนี้เธอจะต้องตัดสินใจเพื่อผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้างั้นหรือ
“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย ฉัน...ไม่ไปหรอก” ว่าแล้วเธอก็สะบัดข้อมือจนหลุดแล้วเดินหนี
“คุณต้องเชื่อผม เพราะใจเราตรงกัน” นักรบบอก
หญิงสาวชะงักเท้าในฉับพลัน หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงเป็นจังหวะระรัว เพียงแค่หันกลับมาหาเธอจะต้องย้อนไปสู่อ้อมแขนที่อ้าออกรับ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เพราะใจเราตรงกัน’ มันเป็นความจริงหรือเปล่าเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่หัวใจกำลังร่ำร้องให้เธอหันหลังกลับแล้วเดินหน้าเข้าสู่อ้อมแขน
ใจง่าย!!!
จะยอมตกล่องปล่องชิ้นกับผู้ชายที่รู้เพียงแค่ชื่อนักรบ เท่านั้นหรอกหรือ
“ผมตั้งใจมาหาคุณครั้งนี้เพราะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไรก็ตาม แต่ผมจะต้องได้คุณ ผมยังเชื่อว่าการได้นอนกับคุณจะทำให้มีความสุขมากแค่ไหน แล้วทำไมคุณถึงไม่เชื่อมันทั้งที่คุณเองก็รู้สึกไม่ต่างจากผม”
เสียงของนักรบยังดังอย่างต่อเนื่อง ถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้บิดเบือนความจริงเลยแม้แต่น้อย ประโยคแรกๆ เขาจะพูดจริงหรือไม่ เธอไม่รู้ แต่ประโยคสุดท้ายของเขามันชัดเจนอยู่ในใจ
“ถ้าคุณต้องใช้เวลาคิดมากกว่านี้ ผมจะไปรอที่ห้อง เมื่อใดที่คุณต้องการผม คุณก็ไปเคาะประตูห้องผมก็แล้วกัน” กล่าวจบร่างสูงก็หันหลังคล้ายตัดใจจาก ทว่าความจริงมันคือการหลอกล่อด้วยมันสมองอันชาญฉลาดอย่างแนบเนียน สัญชาตญาณบอกเขาว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา ต้องการและอยากได้ แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งจึงตัดสินใจเรื่องแบบนี้ได้ยากลำบาก และเขาจะเร่งให้เธอตัดสินใจเร็วขึ้นเพราะเขาไม่มีเวลามากพอจะต้องรอเธอนานๆ
“เดี๋ยวค่ะ” ชาครียาเรียกไว้ในนาทีที่นักรบก้าวขาออกเดิน “คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทำให้ฉันตกงานแน่ๆ”
“แน่นอนที่รัก ผมจะจัดการให้คุณเดี๋ยวนี้”
นักรบชูมือถือให้หญิงสาวเห็นแล้วทำท่าทางขอตัวไปโทรศัพท์ ซึ่งเธอก็ยินยอมโดยดี รอไม่นานชายหนุ่มก็กลับมาบอกข่าวดี
“เรียบร้อยแล้ว เสี่ยยุทธนาอนุญาตให้คุณลางานได้ตลอด 1 อาทิตย์ ส่วนเรื่องจะให้ใครทำแทนนั้นเดี๋ยวเสี่ยจะจัดการให้เอง”
ชายหนุ่มแบมือมาตรงหน้า ชาครียามองมือนั้นอย่างตัดสินใจ เธอโหยหาเขามาตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากันแล้วไยเธอจะต้องหนีห่างไปจากเขา อนาคตจะเป็นอย่างไรเธอไม่รู้แต่ประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับคนที่พอใจมันหาไม่ได้ง่ายๆ เธอไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณ กิน เที่ยว เล่นมาสารพัด แต่ไม่เคยมีประสบการณ์บนเตียงกับผู้ชายคนไหนมาก่อน เธอถือคติว่าถ้าเจอคนที่ถูกใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นประสบการณ์จะมาหาเธอเอง
และบางทีคนที่ถูกใจก็อาจไม่ใช่คนที่จะต้องแต่งงานด้วยเสมอไปนี่นา
“ฉันไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร แต่ฉันตัดสินใจจะให้คุณสอนประสบการณ์ในอีกระดับของชีวิต” เธอบอกแล้ววางมือในอุ้งมือใหญ่
“ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ผมสัญญา”
เสี่ยยุทธนาวางหูโทรศัพท์อย่างงงๆ กับกรณีฉุกเฉินที่ลูกชายเพิ่งโทรมาบอก คุณนายนภาพรมองสีหน้าอึ้งๆ ของสามีก็รีบถามอย่างอยากรู้
“เป็นอะไรหรือคะคุณ”
“ตารบน่ะสิ”
“ตารบ!! ตารบทำไมหรือคะคุณ หรือว่าตารบเป็นอะไรไป” เสี่ยยุทธนารีบยกมือห้ามก่อนที่ศรีภรรยาจะวิตกกังวลไปมากกว่านี้
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ตารบโทรมาบอกให้ผมหาคนไปขับรถแทน แล้วก็สั่งไกด์ที่ยังว่างให้ทำงานแทนหนูคิตตี้ด้วย”
“ทำไมกันคะคุณ”
“เห็นบอกว่าจะพาหนูคิตตี้หนีเที่ยว แล้วห้ามผมไล่เธอออกจากงานเด็ดขาด”
“ตายจริง แบบนี้แสดงว่าตารบคิดอะไรกับหนูคิตตี้หรือเปล่าคะ”
“ไม่รู้สิ แต่ผมอนุญาตมันไปแล้ว”
เสี่ยยุทธนาบอกศรีภรรยาก่อนจะต่อโทรศัพท์ไปหาคนที่คิดว่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ ฝ่ายคุณนายนภาพรก็กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ หวังว่าเร็ววันนี้อาจจะได้ลูกสะใภ้เป็นตัวเป็นตนเสียที
นักรบพาชาครียามาที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งเป็นรีสอร์ตเล็กๆ ที่อยู่ริมหาดทุ่งวัวแล่น หาดมีชื่อของจังหวัดชุมพร ในเวลาดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวออกมาเดินขวักไขว่ หลังจากเปิดห้องเป็นบังกะโลไม้ยกพื้นสูงด้วยบันได 4 ขั้น ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวออกมานั่งริมชายหาด บรรยากาศในค่ำคืนนี้มีดวงดาวอยู่เต็มฟ้าสุกสกาวนับล้านดวง
“กังวลอะไรอีก”
เขาลูบผมของเธอเบาๆ คล้ายปลอบใจไม่ให้หญิงสาวเครียด เห็นความกังวลของเธอแล้วนึกเอ็นดู ใครจะรู้ว่าคนอย่างนาวาโทนักรบต้องใช้ทั้งเล่ห์กลเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้ตามมาด้วย เสน่ห์ของเขาคงไม่มากพอจะชักจูงเธอจึงต้องผสมกับความเจ้าเล่ห์เล็กน้อยเพื่อให้เธอยอมโอนอ่อน
“ฉัน...”
“พี่ไม่ยอมให้เธอเปลี่ยนใจแล้วนะ”
หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจดี เธอถอนใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คืนนี้ท้องฟ้าเปิดเหมือนเปิดโอกาสให้เธอได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ มันเป็นเรื่องสำคัญมากในชีวิตของลูกผู้หญิงและเธอก็เลือกแล้ว
“ฉันจะไม่เรียกร้องให้คุณต้องรับผิดชอบเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น”
“พี่ยินดีรับผิดชอบเธอนะชายา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันตัดสินใจเอง ไม่ควรจะให้คุณรับผิดชอบ” เธอบอก นักรบโน้มหน้าเข้าไปคลอเคลียกับพวงแก้มนุ่ม
“รู้มั้ยว่าผู้หญิงไม่ควรพูดแบบนี้ ถ้าผู้ชายบอกว่าจะรับผิดชอบ เธอควรจะรีบรับไว้” ริมฝีปากหนาแต้มอยู่เหนือมุมปากอิ่ม กดซับหนักๆ แล้วเคลื่อนไปทั่วใบหน้าเรียว
“แต่มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“จุ๊ๆๆ เลิกเรียกพี่ว่าคุณได้แล้ว พี่อายุมากกว่าเธอตั้ง 9 ปีเชียวนะ เรียกพี่รบก็พอจะได้ฟังไม่ห่างเหิน”
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอายุเท่าไหร่” เธอถามแล้วผลักหน้าหล่อๆ ที่เต็มไปด้วยไรเคราสั้นๆ ให้หยุดการกระทำอันชวนสยิว
“พี่รู้ก็แล้วกันชายา”
“อย่าเรียกคิตตี้ว่าชายาได้มั้ย ฟังดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้” เป็นเพราะความหมายของมันทำให้เธอต้องอายหากเขาจะเรียกหาชายาอย่างจริงๆ จังๆ
“พี่เป็นนักรบ นักรบก็ต้องมีชายา เหมือนอัศวินโต๊ะกลมไง” บอกงึมงำอยู่กับซอกคออุ่นกรุ่นกลิ่นกายสาวคละเคล้าด้วยกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ
“แต่คิตตี้ยังไม่ใช่ชายา เรียกคิตตี้อย่างเดิมจะดีกว่า”
ชายหนุ่มไม่สนใจว่าเธอจะให้เรียกยังไงเพราะตอนนี้มีสิ่งอื่นที่น่าสนใจยิ่งกว่า เนื้ออุ่นๆ ที่เขาหลงคิดว่าเป็นเนื้อผู้ชายแปลงเพศกำลังพันธนาการอารมณ์ของเขาให้อยู่หมัด ปลายจมูกโด่งก็เลยซุกไซ้คลอเคลียไม่ยอมห่างหาย หญิงสาวเริ่มเคลิบเคลิ้มเพราะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสนั้น ตากลมส่ายมองหาสิ่งผิดปกติเห็นเพียงความมืดและเงาคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง บนฟ้ามีเพียงหมู่ดาวเช่นเดียวกับบนหาดทรายที่มีเพียงเธอกับเขา
หญิงสาวทอดถอนใจแล้วหรี่ตาลงมองศีรษะดำๆ ของคนที่แนบชิด มาบัดนี้แม้จะยังมีคำถามอยู่ในใจมากมายแต่เธอเลือกจะหุบปากเงียบเก็บงำความอยากรู้นั้นไว้เพียงลำพัง หลายอย่างที่เธออยากจะรู้เกี่ยวกับเขา เป็นใคร ทำงานอะไรและอยู่ที่ไหน คงต้องหาโอกาสเหมาะๆ นั่งซักถามความเป็นเขาให้รู้กระจ่างกันไปเลย
สายลมพัดเอื่อยหอบเกลียวคลื่นถาโถมเข้าฝั่ง คนสองคนกำลังแลกจูบกันอย่างดูดดื่มแม้ฝ่ายหญิงจะตอบโต้ไปอย่างเงอะงะ แต่ประสบการณ์ที่เขามอบให้จะสอนให้รู้ว่าควรทำอย่างไร อ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่มโอบรอบร่างระหงที่บัดนี้ย้ายขึ้นมานั่งบนตัก มือหนาประคองท้ายทอยกดใบหน้าหวานให้นิ่งอยู่กับที่ เขาจูบเธออย่างตั้งใจและมอบความวาบหวามให้จนร่างบางสั่นสะท้าน
“อา...เธอหวานมากขนาดนี้ พี่หลงคิดว่าเป็นกระเทยไปได้ยังไงนะ”
“แต่พี่รบก็หลงกระเทยคนนี้เข้าจนได้ ไม่งั้นคงไม่แอบเข้าไปหาถึงในห้องน้ำ”
“รู้มั้ยว่าเธอทำพี่ว้าวุ่นใจมากแค่ไหน”
“ไม่รู้ค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะทำให้เป็นแบบนั้นได้”
เธอยังจำได้ไม่ลืมว่าตบหน้าเขาไปกี่ครั้งในตอนแรกๆ ที่เจอกัน เขาปากเสียมากล่าวหาว่าเธอเป็นกระเทย ส่วนเธอก็ไม่ยอมให้เขาดูถูกได้ สงครามย่อมๆ ก็เกิดขึ้น
“คลื่นๆ” เสียงฟ้าคำรามและดวงดาวก็เลือนหาย ทำให้อารมณ์หวานๆ ต้องสะดุด ชาครียาเงยหน้ามองฟ้าเห็นสายฟ้าแลบลงมาเป็นทางยาว เพราะกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าเธอจึงจิกปลายเล็บลงบนหลังมือที่วางอยู่บนหน้าขา
“คิตตี้ว่าเรากลับรีสอร์ตเถอะค่ะ ดูท่าฝนตกแน่คืนนี้”
นักรบเห็นด้วยแต่ยังไม่คลายอ้อมแขน เขากดจูบเหนือริมฝีปากอิ่มเหมือนตัดใจไม่ได้ เคลื่อนไหวเนิบนาบและเคล้าคลึงหนักหน่วง เปิดอ้าด้วยปลายลิ้นลัดเลาะเข้าไปปลุกระดมความวาบหวิวให้ทวีขึ้น แล้วทำท่าจะเกินเลยไปมากกว่านี้ถ้าไม่มีเสียง “เปรี้ยง” ทั่วบริเวณนั้นสว่างวาบเหมือนมีคนเปิดไฟ เส้นสีขาวหงิกงอฟาดลง ณ ที่แห่งหนึ่ง ชาครียาเห็นเข้าก็ผวาเฮือกกอดคอนักรบแน่นเนื้อตัวสั่น
“กลับเถอะ คิตตี้กลัว”
นักรบยอมปล่อยแล้วจูงมือคนกลัวเดินลิ่วไปยังบังกะโลที่พัก แต่ดูเหมือนฟ้าฝนจะใจร้อนขนาดที่ไม่ยอมให้ทั้งคู่พ้นชายคาเสียก่อน ฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสื้อผ้าหน้าผมเปียกปอนกันหมดทั้งสองคน
“เปรี้ยง!!” เสียงฟ้ายังดังลั่นเขย่าขวัญคนกลัวจนใจกระเจิง ร่างบางกระเด้งเข้าหาคนตัวโตโดยอัตโนมัติ นักรบเปิดประตูแล้วดึงหญิงสาวเข้าไปโดยเร็ว เนื้อตัวของเธอสั่นจนน่าสงสาร
“ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีอะไรต้องกลัว” เขาปลอบ แต่ชาครียาก็ยังไม่หยุดสั่น ชายหนุ่มจึงเรียกร้องความสนใจด้วยการเชยคางมนขึ้น แล้วปิดปากอิ่มเต็มด้วยเรียวปากร้อน
“อื้ม...”
ชาครียาครวญในครั้งแรก แล้วเสียงครวญก็เงียบหายเมื่อเธอเผยอเรียวปากรับปลายลิ้นสากที่พุ่งเข้าหาอย่างกระหาย ปลายลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวพันธนาการลิ้นนุ่มอย่างจาบจ้วง เร่าร้อนและดูดดื่ม อาการหวาดกลัวเสียงฟ้าผ่าค่อยๆ จางลงไป แปรเปลี่ยนเป็นอาการสั่นเพราะฤทธิ์เสน่หา
เสื้อเชิ้ตชุดฟอร์มพนักงานเปียกชุ่มถูกถอดออกอย่างเนิบนาบ ปลายนิ้วเรียวยาวแตะไปบนกระดุมทุกเม็ดเหมือนร่ายมนตร์สวาทจนเม็ดกระดุมกระเด้งหลุดออกจากรัง จากเม็ดบนลงไปถึงเม็ดสุดท้าย แล้วแบะสาปเสื้อออกค่อยๆ ลากผ่านต้นแขนกลมกลึงช้าๆ เหมือนจังหวะลมหายใจที่พลันจะเนิบช้าลงเรื่อยๆ หากแต่ผิวเนื้อเนียนเรียบยังถูกปิดบังด้วยเสื้อกล้ามตัวใน ทำเอาชายหนุ่มหน้านิ่วขึ้นมาทันใด
“จะใส่ทำไมตั้งหลายชั้นล่ะหืม...คนดี”
ชาครียาไม่มีคำตอบ เธอมัวแต่สาละวนกับการตามจ้องมองมือหนาและปลายนิ้วเรียวหยุบหยับเหมือนหนวดปลาหมึกตัวโต ย้ายจากตรงโน้นก็พุ่งตรงมาทางนี้จนเธอมองแทบจะไม่ทันอยู่แล้ว จะไม่มองก็ไม่ได้เพราะอยากรู้อยากเห็นว่าเขาจะทำอะไรต่อ
นักรบยกมุมปากขึ้นแล้วกดปากแนบลำคอระหง ผิวกายเนียนละเอียดเย็นเยียบจากสายฟ้าและลมพัดโหม ดูเหมือนจะเกิดพายุขึ้นในคืนนี้ แต่ชายหนุ่มแน่ใจว่าพายุอื่นใดก็คงไม่หนาหนักเท่าพายุเสน่หาที่ตั้งใจจะมอบให้หญิงสาว มือใหญ่สอดเข้าไปใต้ชายเสื้อกล้ามแล้วเลิกชายเสื้อบางๆ ขึ้นสูงไปกองเหนือทรวงอกอวบ ลูบไล้หน้าท้องแบนเรียบแล้วเลื่อนขึ้นเคล้นคลึงทรวงสล้างหนักมือ
“นุ่ม...หยุ่น และใหญ่พอดีมือทีเดียวที่รัก”
เสื้อกล้ามตัวบางถูกดึงไปพ้นศีรษะ เสื้อยกทรงสีดำลายลูกไม้กลางเก่ากลางใหม่ถูกถอดเป็นอันดับต่อไป ชายหนุ่มหายใจรดเนินอกอวบ แลบลิ้นเลียผิวเนื้อเนียนสวย อ้างับแล้วดึงรั้งอย่างหยอกเย้า ปลายทรวงสีทับทิมสวยสดโดดเด่นอยู่ตรงหน้า จนอดใจไม่ไหวต้องกดปลายจมูกคลอเคลีย ก่อนจะอ้างับแล้วดูดกลืนเข้าปากจนเกิดเสียง “จ๊วบ”
หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้าเรียวสวยที่มีคนเคยคิดว่าเป็นสาวประเภทสองเชิดขึ้นเอนเอียงไปทางด้านหลัง แอ่นอัดทรวงอกสวยให้ใบหน้าคมคายซุกไซ้ ทั้งปาก ทั้งจมูกดูจะชื่นชอบยามที่อยู่แนบชิดกับเนื้อนุ่มหยุ่น มือใหญ่วางทาบแล้วออกแรงบีบเคล้น ป่ายปัดปลายนิ้วหัวแม่มือผ่านยอดถันสีสวยจนแข็งชัน
“นั่นแหละ สวยมาก”
นักรบดูดกลืนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือเคลื่อนไปลูบไล้แผ่นหลังเนียนขาว แม้ทุกสิ่งรอบตัวจะมืดมิดเพราะพายุโหมกระหน่ำด้านนอก เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับและทุกสิ่งสรรพต้องตกอยู่ในความมืด รวมทั้งเขาและเธอ
ชาครียาแขม่วหน้าท้องเมื่อมือหนาลูบไปตามขอบกางเกงตัวฟิต กางเกงยีนส์ยืดที่คาดว่าจะเล็กและคับไปทุกสัดส่วน แต่ดูพอเหมาะพอดีกับสัดส่วนสาวสวยอย่างเธอ กระดุมเม็ดเดียวเหนือซิปถูกแกะออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้อีกทีเมื่อนวลเนื้อในผ้าลูกไม้บางเบาสีเดียวกับเสื้อชั้นในปะทะสายลมแผ่ว เย็นวาบไปถึงซอกขา เมื่อนั้นมือหนาก็เกี่ยวขอบกางเกงลากผ่านเรียวขาสวยจนหลุดไปจากร่าง
“เซ็กซี่มากที่สุด เท่าที่เคยเห็นมา”
เธอควรจะภูมิใจกับคำชมนี้หรือเปล่านะ
“คิดอะไรอยู่หืม...”
“ปละ...เปล่าค่ะ”
“อย่าคิดถึงคนอื่น อยู่กับพี่ต้องคิดถึงแต่พี่...คนเดียว”
แล้วจูบหนักหน่วงก็ทาบบนกลีบปากอิ่ม ดูดกลืนเสียงครางแผ่วพร่าลงคอ อ้อมแขนกำยำรัดร่างบางจนปลายเท้าลอยพ้นพื้น มือใหญ่ขยำขยี้สะโพกหนั่นแน่น เบียดกายแกร่งเข้าใส่ร่างเล็กจนไม่มีช่องว่างแม้ลมจะพัดผ่าน ปลายนิ้วเรียวยาวออกจะกร้านเพราะกรำงานหนัก ลากไปตามขอบซับในตัวบางก่อนจะสอดหายเข้าไปลูบคลึงเนินนางอวบอูบ
ชาครียาสั่นเป็นเจ้าเข้าแข่งกับสายลมภายนอกที่กำลังพัดหวีดหวิว ท้องฟ้ายังคำรามก้องฟาดเสียงสีขาวสว่างจ้าเป็นระยะๆ แต่บัดนี้หญิงสาวหาได้รู้สึกหวั่นกลัวเหมือนเช่นเคย เพราะหัวใจเธอกำลังอบอุ่นจนเกือบร้อน
“แยกขาออกอีกนิดคนเก่ง”
หญิงสาวทำตามที่ขอโดยอัตโนมัติ ท่อนขาสลวยแยกออกให้เรียวนิ้วซอกซอนเข้าหาซอกหลืบ และล้วงลึกกลางซอกขาแทรกหาติ่งเล็กๆ ที่กำลังตูมเต่ง เขาออกแรงกดบี้ขยี้สลับกับลูบคลึงเบาๆ ไม่ช้าไม่นานติ่งเนื้อสีสดก็ฉ่ำชื้นเพราะน้ำค้างที่ล้นเอ่อ
เนินนางช่างอวบใหญ่เหมาะมือทีเดียว ดอกไม้งามที่ซ่อนเร้นก็ชุ่มฉ่ำเป็นมันวาวเกาะพราวปลายนิ้ว ซับในตัวกระจ้อยถูกกระชากออกจากสะโพกสวยแล้วเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี ต้นขาอวบอ้ากว้างเปิดทางให้มือใหญ่ซุกไซ้ เรียวนิ้วซอกซอนทะลวงเข้าหาความคับนุ่ม คับแน่นจนรัดนิ้วรั้งยาวไปถึงหัวใจแกร่ง
เมื่อลมหายใจสะดุดหลายหนติดต่อกันเกินไป นักรบก็พาลจะทนไม่ไหวละมือออกจากดอกไม้สาว เปลื้องผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายออกจนเกลี้ยงเกลา ไม่เหลือติดตัวเลยสักชิ้น อวดความกำยำล่ำสันอย่างบุรุษเพศผู้หยิ่งทระนง โดยเฉพาะองคาพยพที่กำลังตั้งชันโดดเด่นอยู่ตรงหน้า
ดวงตาคู่สวยมองนิ่งเหมือนไม่เคยเห็น สายตาที่แฝงเร้นความปรารถนาเอาไว้ไม่มิด สร้างความภาคภูมิใจให้ชายหนุ่มจนต้องแอ่นอกยืดตัวขึ้นช้าๆ ขายาวๆ เต็มไปด้วยมัดกล้ามเดินเข้ามาหาจนหยุดยืนในระยะประชิด กลิ่นบุรุษเพศเต็มตัวนั่นอีกที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกต้องมนตร์เสน่หา เธอถอนใจเฮือกใหญ่หลังจากยืนตัวเกร็งอยู่นาน อากัปกิริยาอันน่าเอ็นดูเสียจนชายหนุ่มหัวเราะในลำคอแผ่วๆ
“หึ หึ กลัวเหรอยาหยี”
ผู้หญิงสาวกี่คนที่เคยเห็นสัดส่วนอลังการของเขาก็ต้องตาโตเบิกกว้างแบบนี้ทั้งนั้น ขนาดอันน่าเกรงขามแต่ไม่มีสักคนที่หวาดกลัวจนไม่อยากเข้าใกล้ ทุกคนแค่เห็นก็แทบวิ่งเข้าใส่ มองเจ้านี่ตาเป็นมันกันทุกคน
ทว่า...ชาครียาช่างแตกต่าง เขาเห็นได้ชัดถึงความกลัวและความไม่แน่ใจ จนอดจะปลอบใจอย่างอ่อนโยนเสียไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกคนสวย มันไม่เคยทำร้ายใคร เธอจะต้องรับมันได้ในที่สุด”
นักรบช้อนร่างงามขึ้นไปวางบนเตียงขนาด 5 ฟุต แล้วทอดตัวลงทาบทับ มือหนาลูบผมสลวยเหมือนจะจดจำให้ลึกถึงหัวใจ แล้วกดใบหน้าลงบดขยี้กลีบปากอิ่ม กลีบปากที่แสนยั่วยวนให้เขาอยากขยี้แรงๆ จนหนำใจ ลิ้นสากยังคงตวัดหยอกล้อลิ้นนิ่มประหนึ่งขนมหวานที่ไม่อยากเลิกทาน
กายชายเบียดบดความแข็งแกร่งบนร่างนุ่ม ทั้งคลอเคลียและปลุกเร้าด้วยสัมผัสจากการเบียดบดที่ลึกซึ้งถึงทุกอณูบนเรือนร่าง แกร่งกร้าวและนุ่มนวล ต้นขาแกร่งแทรกเข้าไปกลางหว่างขาแล้วขยับแยกออกเปิดทางให้สอดตัวเข้าหากลีบดอกไม้แสนงาม
“อุ๊ย!!” ชาครียาอุทานเสียงหลง เพราะความร้อนผ่าวที่กำลังเคลื่อนเข้าหา ผลักดันนวลเนื้อให้ปริแยก แม้จะเนิบช้าแต่เต็มไปด้วยความต้องการ
นักรบสอดมือเข้าไปลูบไล้เรียกร้องให้อารมณ์รักของเธอเพิ่มทวีมากขึ้น เขาไม่ต้องการจะทำให้เธอเข็ดขยาดหรือหวาดผวาตั้งแต่ครั้งแรก และอยากสร้างบทเรียกที่อ่อนโยนให้เธอจำฝังใจ
ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงต่ำจนระดับใบหน้าอยู่พอดีกับดอกไม้แสนงาม ปลายลิ้นปาดละเลงไปทั่วกลีบกายที่ฉ่ำแฉะ ร่างสาวไหวเยือกสะท้านจนตัวโยน
“อื้ม...พอ...พอแล้ว”
เธอจำได้ว่าปฏิเสธ แต่ทำไมมือไม้ถึงอ่อนระโหยโรยแรงจนทิ้งไว้ข้างตัวนิ่งๆ มันทรมานจนอยากกรีดร้องออกมาดังๆ
“อ๊าย!!!” แล้วในที่สุด เสียงหวานก็หวีดร้องเมื่อจู่ๆ บางสิ่งบางอย่างในหัวแตกโพละ เหลือเพียงสีขาวสว่างปลอดโปร่งโล่งหัวเบาสบาย
นักรบเลื่อนตัวขึ้นนั่งบนส้นเท้า จดจ่อความเป็นตัวตนอันผงาดกร้าวเข้าหากลีบกายนุ่มละมุน เขาถูไถปลายเนียนๆ อย่างยั่วยุความกำหนัด เพียงแค่ความร้อนแตะกับติ่งเนื้อตูมเต่ง หญิงสาวก็ผวาจิกปลายเล็บลงบนบ่ากว้างแล้วดึงทึ้งอย่างทุรนทุราย
ชายหนุ่มใช้จังหวะนั้นกดตัวเข้าไปในซอกหลืบครั้งเดียวจนสุดตัวตนที่มี ได้ยินเสียงครวญหวีดร้องดังแข่งกับเสียงฟ้าเสียงฝน เขาจูบปลอบโยนบนเรียวปากอิ่มเริ่มดูดดึงเนื้อนุ่มก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้าหาอีกครั้ง พร้อมกับขยับสะโพกสะบัดส่ายเป็นท่วงท่าตามจังหวะจะโคน
“อื้ม...” แม้สายฝนจะยังไม่หยุดตก แม้เสียงฟ้ายังคำรามดังเปรี้ยงปร้าง ภายในรีสอร์ตทรงกระท่อมไม้หลังเล็กสองหนุ่มสาวตระกองกอดกันแนบแน่น หลังจากธาราแห่งอารมณ์ถูกทอดทิ้งอยู่เหนือหน้าท้องแบนราบ
