บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 อยากจะบ้า

ตอนที่ 4

อยากจะบ้า

“คิตเด็ดใบโหระพาให้แม่หน่อยซิลูก”

ชาครียาเป็นต้องผวาทุกครั้งเมื่อมารดาเรียกชื่อเล่นที่ตั้งให้ตั้งแต่เกิด

“แม่ จะให้หนูต้องบอกแม่อีกกี่ครั้งว่าอย่าเรียกคิตเฉยๆ มันเหมือนชื่อผู้ชาย” ในขณะที่เธอก้มเด็ดใบโหระพาก็เงยหน้าขึ้นแย้งแม่เสียงเซ็งๆ

“เหมือนแล้วเป็นไง ช่างประไรในเมื่อแกน่ะเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย”

“ตอนนี้ใครๆ ก็คิดว่าหนูเป็นกระเทยกันไปหมดแล้ว เพราะชื่อที่แม่ตั้งให้นี่แหละ ตอนเกิดก็ตั้งออกมาได้ชาคริต ทั้งๆ ที่หนูก็ไม่มีไอ้จู๋ซะหน่อย พอหนูเปลี่ยนชื่อเป็นชาครียา อุตส่าห์ตั้งให้ไม่เกินไปจากชื่อเดิมเท่าไหร่ แม่ก็ยังจะเรียกหนูว่าคิตเหมือนเดิมอีก เฮ้อ...”

“แกจะบ่นอะไรนักหนาวะ ตอนแกเกิดชาคริต แย้มนาม กำลังดังเปรี้ยงปร้าง แม่นี้ไม่เคยพลาดดูสักเรื่อง แกน่าจะภูมิใจนะที่ชื่อคล้ายดาราดัง”

ชาครียาเซ็งจิต แม่น่ะเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ต่อให้เธอเถียงยังไงก็เถียงไม่ขึ้นสักที อยากจะบ้า!!

“แม่รู้รึเปล่าว่าชื่อคิตเนี่ยกำลังทำเหตุให้หนู”

“อะไรอีกวะนังคิต”

“มีคนคิดว่าหนูเป็นกระเทยแปลงเพศ ทั้งที่หนูก็ออกจะสวยขนาดนี้ ติดแค่หน้าเหมือนพ่อมากไปหน่อย พอเอาหน้าบวกกับชื่อเล่น คนเขาก็เลยเชื่อว่าหนูเป็นกระเทยจริงๆ”

นางยุพิณมองหน้าอกหน้าใจของลูกแล้วส่ายหน้า

“ไม่ใช่แค่หน้ากับชื่อเท่านั้นล่ะมั้ง น่าจะเป็นนมแกด้วยนั่นแหละ คนอะไร้อกไข่ดาวซะขนาดนั้น ทำไมแกไม่ได้เชื้อแม่ให้มากกว่านี้หน่อยวะ ดูสินมแม่น่ะใหญ๊ใหญ่ขนาดนี้” คนเป็นแม่พูดแซวทีเล่นทีจริง เธอก็พูดอำลูกไปงั้น ที่จริงพอถอดเสื้อออกหน้าอกของชาครียาก็ไม่แบนเท่าไข่ดาวหรอก

“แม่ก็...” หญิงสาวกระเง้ากระงอดขยุ้มต้นโหระพาแล้วถอนออกมาทั้งต้นอย่างโมโห “เอาไปเลยทั้งต้น หนูถอนทั้งต้นให้แม่ข้อหาที่แม่ว่าหนูหน้าอกไข่ดาว ชิ แทนที่จะให้กำลังใจลูก ดันมาซ้ำเติมกันอีก งอนแล้ว!!”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เออๆ เดี๋ยวแม่จะช่วยแกเก็บตังค์ไว้ไปอัพไซส์จะได้ไม่มีใครว่าเป็นกระเทยอีก ฮ่ะ ฮ่ะ” นางยุพิณยังหัวเราะไม่เลิก ทำให้ชาครียางอนจัดสะบัดหน้าเดินหนีเข้าห้องนอน

“แม่หัวเราะเยาะหนูได้ในตอนนี้ แล้วอาจจะต้องเสียใจทีหลังก็ได้นะแม่นะ” เธอบอกพึมพำอยู่คนเดียวบนเตียงเล็กๆ

วันนี้เป็นวันหยุดเธอไม่ต้องไปทำงาน เพื่อนๆ เอ่ยชวนให้ไปเที่ยวกันแต่เธอก็ปฏิเสธเพราะอยากนอนอยู่บ้านมากกว่า เงินทองก็ยิ่งมีน้อยๆ หามาได้ก็เอาไปจับจ่ายใช้สอยภายในบ้าน มีเงินเก็บไว้ใช้ส่วนตัวบ้างนิดหน่อยไม่เอื้ออำนวยให้ออกไปเที่ยวเล่นได้บ่อยตามต้องการ เวลาว่างส่วนใหญ่ชาครียาจึงอยู่บ้านนอนดูหนังเสมอ

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆ เพราะเธอไม่อาจข่มตาให้นอนหลับได้ทั้งที่ชอบนอนกลางวัน รสจูบจากเกย์หน้าหล่อมันหลอกหลอนเพียงแค่เธอหลับตา อย่าว่าแต่หลับตาเลย ขนาดลืมตามองกระจกเห็นเงาตัวเองยังแว่บๆ เห็นผู้ชายคนนั้นยืนกอดอยู่ข้างหลัง

‘เฮ้อ...ต่อไปนี้เราคงไม่ต้องมาเจอกันอีกแล้วใช่มั้ย’

บนหน้าผาของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งอันเลื่องชื่อทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีเต็นท์ลายทหารหลังหนึ่งกางอยู่ท่ามกลางสายลมและแสงแดดเบื้องหน้าของเต็นท์พบกับร่างสูงของใครบางคน นาวาโทนักรบนั่งชันเข่าจิบกาแฟท้าลมที่พัดโหมแม้จะไม่ใช่หน้าหนาว แต่บนยอดเขาสูงแห่งนี้ก็คงความเย็นไว้ให้ต้องผิวกายอยู่ตลอดทั้งปี

“ไอ้รบ แดดมันร้อนจะตายชัก มึงจะออกมานั่งตากมันอยู่ทำไมวะ” วีรบุรุษเป็นเพื่อนคนสนิทที่อุทิศกายพลีชีพเพื่อชาติ ต่างกันที่อยู่คนละหน่วย วีรบุรุษหรือพันตรีวีรบุรุษ สินธุภาค หนึ่งในผู้กล้าทหารบก แต่เป็น ‘ไอ้วี’ ของนาวาโทนักรบนาวิกโยธินหนุ่มสุดเท่ห์

“แล้วการอยู่ในเต็นท์ทั้งที่สว่างจ้าร้อนจัดแบบนี้ มึงคิดว่ามันดีกว่าหรือไงไอ้วี”

“ก็กูยังไม่อยากเป็นปลาสลิดตากแห้งนี่หว่า กูน่ะตากแดดจนตัวดำเป็นเหนี่ยง หน้าเป็นเปาบุ้นจิ้นไปหมดแล้ว ไม่เหมือนมึงนี่หว่าเป็นถึงผู้บังคับกองพันล่องลอยอยู่กลางทะเล โต้แดดโต้ลมและโต้คลื่น”

“ไอ้เวร!! เดี๋ยวกูก็ถีบตกผา ทหารไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของแผ่นดิน ทั้งบนบก บนน้ำ บนฟ้า ก็มีความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งนั้น หรือมึงจะย้ายมาอยู่กับกูก็ได้นะ”

“โอ๊ย...ไม่เอาหรอก กูชอบอยู่กลางป่ากลางดง ไม่ชอบอยู่กลางทะเลว่ะกลัวไอ้หลาม ว่าแต่มึงชวนกูมาตากแดดซะสูงขนาดนี้ทำไมวะ ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมึงเที่ยวป่าเที่ยวเขานี่หว่า ถ้าได้พักเมื่อไหร่เป็นได้ต้องนอน นอนอย่างเดียวนะมึง”

“กูก็อยากรู้ว่าความแตกต่างระหว่างทะเลกับป่าเขามันคืออะไร แล้วอย่างไหนน่าจะมีความสุขกว่ากัน”

“แล้วรู้รึยังวะ กูเห็นมึงนั่งมองภูเขาเขียวๆ อยู่นานแล้วนะโว้ย”

นั่นสิ แล้วเขารู้รึยังว่าที่ไหนน่าอยู่กว่า ถ้าธรรมชาติเปรียบเหมือนผู้หญิงเขาจะเลือกอย่างไหน

“ถ้าเป็นไปได้กูเลือกภูเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวๆ สบายตาดี สีฟ้ากูเห็นมานานแล้วเริ่มจะเบื่อ อยากเห็นสีเขียวบ้าง เอาเป็นว่ากูจะนอนบนนี้อีกสัก 2 คืนเป็นไง”

วีรบุรุษแทบหงายหลังกับคำตอบ เขาอยากโอดครวญร่ำร้องขอลงไปนอนแช่น้ำเย็นๆ ในรีสอร์ตหรู แต่พอเห็นสีหน้าของเพื่อนคล้ายจะมีเรื่องทุกข์ใจแต่ไม่ยอมบอกกล่าว เขาก็จำต้องปิดปากแล้วหดตัวเข้าไปอยู่ในเต็นท์ที่แสนจะอบอ้าว ก่อนส่งเสียงดังบอกเพื่อนที่ยังนั่งนิ่งให้แดดเผาปะทะลมพัดหวีดหวิว

“มึงจะนั่งตากแดดเป็นปลาเค็มต่อไปก็เชิญเถอะ กูขอเข้ามาอยู่ในเต็นท์แล้วหลับตาคิดว่าอยู่ในตู้อบก็แล้วกัน”

นักรบเบ้ปากพลางคิดว่าอีกไม่นาน ‘ไอ้วี’ มันจะทนไม่ไหวต้องออกมานั่งตากแดดรับลมอยู่เคียงข้างเขาเป็นแน่

“ไอ้...รบ...กู...ร้อนโว้ยยย”

นั่นไงล่ะ ไอ้วีมันทนไม่ได้เข้าแล้ว

“แล้วใครใช้ให้มึงเข้าไปนอนในเต็นท์ล่ะวะ”

“เอางี้” วีรบุรุษคลานออกมาจากเต็นท์เหงื่อชุ่มตัว “กูจะไปหลบใต้เงาไม้ ปล่อยให้มึงนั่งตากแดดอยู่ตามลำพังแล้วกัน”

“วี สมมุติว่ามึงเกิดหลงเสน่ห์กระเทยขึ้นมาจะทำไงวะ”

“ไม่มีทาง!! กูรักชอบผู้หญิงแท้ๆ ไม่มีวันชอบผู้หญิงเทียมเด็ดขาด นี่มึงอย่าบอกนะว่า...” วีรบุรุษเริ่มจะจับทางเพื่อนได้บ้างแล้ว เขาฉุกใจคิดว่าสาเหตุที่ทำให้นักรบต้องปีนเขาขึ้นมานั่งตากลมตากแดดคงเกิดจากเรื่องที่ถาม

“กูไม่แน่ใจว่าเธอคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เธอเหมือนกระเทยมากกว่าจะเป็นหญิงแท้”

“ทำไม เธอเสียงใหญ่?”

“ไม่ใช่ เธอเสียงหวานมาก”

“เธอตัวใหญ่?”

“ไม่ใช่ เธอตัวบางอ้อนแอ้น”

“เธอไม่มีหน้าอก?”

“ตรงกันข้ามว่ะ เธอซ่อนรูปมาก”

“ถ้างั้น เธอมีไอ้จู๋เหมือนมึงรึไงวะ”

“เท่าที่เห็น ไม่มีนะ”

“เท่าที่เห็นนี่ แสดงว่ามึงจับเธอแก้ผ้ามาแล้ว วู้...กูไม่อยากจะคิดว่ามึงจะเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอบ้าง เช้งกระเด๊ะเลยสิ แล้วไง นั่นก็ไม่มี นี่ก็ไม่มี แล้วทำไมมึงคิดว่าเธอเป็นกระเทย”

วีรบุรุษกำลังคิดว่าเพื่อนรักผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า หรือออกเรือไปลาดตระเวนแล้วปะทะกับกองกำลังติดอาวุธที่ไหนสักแห่ง ถึงขั้นเลือดตกยางออกสมองกลับหรือไร ถึงไม่รู้ว่าผู้หญิงแท้ต่างจากผู้หญิงเทียมตรงไหน

“ทีแรกกูเห็นเอง ก็เธอซ่อนรูปจนหน้าอกแทบจะไม่มีเวลาใส่เสื้อผ้า ตัวเธอก็สูงเพรียวสะโอดสะองเหมือนนางแบบ แล้วเธอก็กล้าแสดงนั่นนี่โชว์คนดูโดยไม่มีการเขินอายเลยสักนิด แบบว่าผู้ชายทำได้เธอก็ทำได้”

“มึงก็เลยคิดว่าเธอเป็นกระเทยแปลงเพศสินะ”

นักรบพยักหน้า แล้วนึกถึงวันแรกที่ได้เจอชาครียา เขาคิดจริงจังว่าเธอเป็นกระเทยและอาจแปลงเพศมาแล้วด้วย เครื่องหน้าทุกชิ้นของเธอก็มีส่วนที่คล้ายผู้ชายอยู่บ้างอย่างเช่นจมูกโด่งแหลม คิ้วเข้มๆ แบบที่ผู้ชายเขามีกัน ปากเธอก็ออกจะอิ่มย้อยขนาดนั้น แต่โดยรวมแล้วทุกอย่างก็เข้ากันได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะและงดงามไม่ต่างจากผู้หญิงแท้

“กูคิดจะพิสูจน์ แล้วในที่สุดเธอก็ยอมรับว่าเป็นกระเทยแปลงเพศ”

ไม่ว่าชาครียาจะพูดจริงหรือไม่ นักรบก็เก็บมาคิดมาใส่ใจจนต้องพาตัวเองขึ้นมานั่งอยู่บนหน้าผาแห่งนี้

“ถ้าเธอบอก ก็แสดงว่าใช่ แล้วมึงจะคิดมากทำไม หรือว่า...มึงชอบเธอเข้าแล้ว”

“เออว่ะ” นักรบยอมรับออกมาง่ายๆ โดยไม่ต้องคิดให้เนิ่นนาน แต่ความรู้สึกชอบกระเทยแปลงเพศมันยากที่จะยอมรับเสียจริง

“ตายโหง!!”

“กูยังไม่ตาย แล้วกูก็กำลังคิดไม่ตกอยู่นี่ไง” นักรบบอกแล้วพอเห็นหน้าอิหลักอิเหลื่อของเพื่อนก็รีบบอก “กูรู้ว่าการที่กูชอบกระเทยมันเป็นเรื่องผิดปกติ แต่กูไม่ผิดปกติ กูไม่ใช่เก้งกวาง แต่มึงเข้าใจมั้ยว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ กูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมกูต้องเกิดความรู้สึกแบบนี้กับเธอ แต่พอกูจูบเธอแล้วมัน...ไอ้วี มันเป็นความรู้สึกของผู้ชายทั้งแท่งที่ได้จูบผู้หญิงแท้ๆ”

วีรบุรุษปาดเหงื่อบนหน้าผากออก มองท่าทีเป็นกังวลของเพื่อนอย่างเห็นใจ แล้วกวาดตามองหุ่นวีๆ ล่ำๆ ความหล่อเหลาไม่มีที่ตินั้นอย่างเสียดาย นักรบจะพยายามแก้ตัวอย่างไร เขาก็คิดว่าเพื่อนเปลี่ยนรสนิยมไปแล้วจริงๆ

“ไอ้วี มึงอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นนะเว้ย กูไม่ชอบ”

“ไอ้รบ มึงยอมรับซะเถอะว่ามึงเป็นชาวสีม่วง”

“ผัวะ” นักรบต่อยหน้าเพื่อนเบาะๆ ไป 1 ที “ไอ้วีถ้ามึงพูดแบบนี้อีกครั้ง มึงกับกูขาดกัน”

“อูย...กูพูดเรื่องจริง เรื่องแบบนี้มีออกถมเถ ดาราที่เป็นกระเทยสวยๆ นั่นก็มีแฟน ไหนจะกระเทยอีกนับแสนนับล้านที่มีแฟน แล้วมันผิดปกติตรงไหน แค่มึงยอมรับว่ามึงไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้วก็สิ้นเรื่อง”

นักรบถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อเพื่อนรักที่มีรูปร่างใกล้เคียงกัน

“กูชอบผู้หญิงเว้ย!! เพียงแต่...กู...” เขาสงบสติอารมณ์แล้วคลายมือจากคอเสื้อของเพื่อน “กูคงอยากลองของแปลก” ที่ให้ความรู้สึกดีมากเท่านั้น เขาต่อในใจ

“ไอ้รบ กูแนะนำอะไรให้อย่าง ถ้ามึงยังยืนยันว่าชอบผู้หญิงแท้เหมือนเดิมล่ะก็ มึงไปหาคำตอบมาว่ากระเทยคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือกระเทยแปลงเพศ หวังว่ามึงจะได้คำตอบที่ตรงกับใจมึงจริงๆ แล้วกัน”

นักรบปรายตาฉุนเฉียวมองเพื่อนที่ลูบแก้มป้อยๆ คำแนะนำของวีรบุรุษมีเหตุมีผลอยู่ในตัว และเขาก็คงต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข

ชาครียามองตัวเองในกระจกแล้วเห็นผู้หญิงร่างโปร่งระหงคนหนึ่ง เธอมีผมยาวถึงกลางหลังสีเข้ม มองไปมองมาก็เกิดนึกอยากจะเปลี่ยนสีผมของตัวเองบางทีหน้าเข้มๆ ของเธอจะได้อ่อนโยนลงบ้าง นอกจากสีผมแล้วก็มองเลยมายังคิ้ว เธอไม่ชอบกันคิ้วให้เรียวโก่งมาแต่ไหนแต่ไรแม้จะมีคนทักอยู่บ่อยๆ บ้างก็ว่าคิ้วนี้เป็นคิ้วของคนเจ้าเสน่ห์หัวคิ้วชนกันบอกให้รู้ว่าเป็นคนเจ้าชู้ไม่เบา

ไม่เลย เธอไม่ใช่คนเจ้าชู้...

หลังจากพิจารณาตัวเองอยู่หน้ากระจกได้พักใหญ่ก็ตัดสินใจออกไปร้านเสริมสวย พรุ่งนี้มีงานใหญ่ให้เธอได้เป็นไกด์นำเที่ยวของกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปใหญ่อีกครั้ง กะจะเปลี่ยนลุคส์ใหม่เผื่อใครบางคนจะร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย

“สวัสดีค่ะ วันนี้จะทำอะไรดีคะ”

ช่างเสริมสวยหน้าขาวเข้ามาถามทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป

“ทำสีผมค่ะ เอ่อ...อยากได้สีผมแล้วก็...ทรงผมที่ทำให้หน้าหวานขึ้นค่ะ อ้อ...กันคิ้วให้ด้วยนะคะ”

ถึงแม้ชาครียาจะไม่ค่อยเข้าร้านเสริมสวย แต่เธอก็รู้ว่าคงจะดีกว่าหากช่างจะเลือกสีและทรงผมให้เอง ในเมื่อเธอไม่สันทัดในด้านนี้จะให้บอกไปก็อาจจะแย่ยิ่งกว่านี้

“ได้เลยค่ะ หน้าคุณน้องก็สวยอยู่แล้ว แค่ซอยสไลด์ให้ผมเป็นทรงแต่ความยาวเท่าเดิม แล้วทำผมสีชาเท่านั้นก็ดูดีแล้วนะคะ ส่วนคิ้วเดี๋ยวพี่จะทำให้โก่งเป็นคันศรแทงใจเลยดีมั้ยคะ”

“ค่ะ ทำยังไงก็ได้ให้กลายเป็นคนละคนเลยค่ะ”

แล้วชาครียาก็ถูกจูงเข้าไปหลังร้านซึ่งจัดไว้เป็นที่สำหรับสระผม พรุ่งนี้เธอจะเป็นคิตตี้คนใหม่ที่ดีกว่า สวยกว่าและเด่นกว่าคิตตี้คนเดิมเอาให้คนที่เห็นต้องมองตาค้างไปเลย

เสี่ยยุทธนาเงยหน้าขึ้นจากรายงานผลการดำเนินงานของบริษัท เมื่อประตูห้องทำงานถูกเปิดด้วยฝีมือของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ร่างสูงเดินตัวตรงอย่างคนที่ถูกฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายให้พร้อมรับทุกสภาวะด้วยความอดทนยิ่ง คนเป็นพ่อถึงกับยิ้มอย่างยินดีที่ได้เห็นลูกในห้องทำงานวันนี้

“ว่าไงไอ้เสือ วันนี้ลมอะไรหอบแกมาที่นี่ได้”

“ผมเพิ่งจะกลับมา ไปบ้านแล้วแม่บอกว่าพ่ออยู่ที่นี่ก็เลยมาหาพ่อน่ะครับ”

“หืม...แกมีเรื่องอะไรกับพ่อหรือเปล่าตารบ”

“เปล่าครับ แค่อยากจะมาช่วยพ่อทำงานบ้าง พ่อกำลังยุ่งหรือเปล่าครับ มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยบ้าง”

อันที่จริงนักรบต้องการจะมาตามหาความจริงอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาแน่ใจว่าบิดาจะต้องรู้ แต่จะให้ถามตรงๆ ก็กระไรอยู่ คงต้องหาทางเลียบๆ เคียงๆ ถามทีละน้อย

“เออตารบ แกมาก็ดีแล้ว พรุ่งนี้พ่อขาดคนขับอยากให้แกไปช่วยขับรถแทนให้หน่อย”

“อีกแล้วหรือครับ” ภายนอกก็แสดงว่าไม่พอใจ แต่ภายในใจนั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง

“เอาน่า ทีจริงพ่อยังไม่อนุมัติใบลาหรอก แต่คนลาเขามีธุระจำเป็นจริงๆ แล้วพ่อจะใจร้ายไม่ยอมให้ลาก็กระไรอยู่นะ ถ้าแกยังไม่มีโปรแกรมก็ช่วยพ่ออีกสักครั้งเถอะนะ”

“เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ผมว่าเราคงต้องหาคนสำรองไว้บ้าง ถ้าผมไม่อยู่พ่อจะใช้ใครล่ะครับ” นักรบออกความเห็นอันเป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธ

“คนสำรองก็มีแต่ไม่พอจำนวนรถ พ่อก็ไม่ได้อยู่เฉย เปิดรับสมัครคนขับรถตลอดเวลา บางคนมาทำไม่กี่วันก็ออก หาคนทำงานทนน่ะยาก บางคนก็ขับรถสะวี้ดสะว้าดน่าหวาดเสียวจนถูกคอมเพลนอยู่บ่อยๆ พ่อก็ต้องตักเตือน ตัดเงินเดือนจนถึงพักงานก็แล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นก็เลยต้องให้ออก”

“แล้วถ้าผมไม่อยู่ล่ะครับ พ่อจะทำยังไง”

“พ่อยังพอมีทางแก้ไข ว่าแต่แกเถอะ นี่จะออกทะเลอีกเมื่อไหร่”

“อาทิตย์หน้าแล้วครับ”

“โอ้...ทำไมได้พักน้อยจัง หรือว่ามีเรื่องสำคัญอะไร”

“ความลับของทางราชการน่ะครับพ่อ ผมบอกไม่ได้จริงๆ แล้วเรื่องทัวร์ของพ่อที่จะให้ผมไปพรุ่งนี้ ผมคงปฏิเสธไม่ได้สินะครับ”

“ถ้าแกอยากพักก็ตามสบาย” เสี่ยยุทธนาบอกอย่างเห็นใจบุตรชายที่ควรจะใช้วันสบายๆ ในยามพักศึกให้เพียงพอ ทว่านักรบกลับส่ายหน้า

“งานนี้กรุ๊ปทัวร์ไปที่ไหนกันเหรอครับ” เขาถามกลับ

“ชุมพร”

“แล้วไปกันกี่คันรถครับ”

“7 คันรถ น้อยกว่าครั้งก่อนที่แกไปนิดหน่อย แต่ถ้าแกไปแกก็จะได้เดินทางร่วมกับไกด์คนเดิม พ่อคิดว่าครั้งก่อนแกน่าจะทำความรู้จักกับไกด์คนนี้บ้างแล้ว”

หัวใจของนักรบเต้นแรงขึ้น เขากำลังคาดหวังว่าพ่อจะพูดถึงเธอคนนั้น

“ใครเหรอครับพ่อ”

“หนูคิตตี้ชาครียาไง” เสี่ยยุทธนาเปิดแฟ้มสีดำที่วางอยู่ทางขวามือไปหน้าที่ต้องการแล้วผลักแฟ้มนั้นให้ลูกชายดู “นี่ไงหนูคิตตี้ เป็นไกด์สาวคนเดียวที่คณะทัวร์พูดถึงมากที่สุด เรียกว่ารถคันไหนมีหนูคิตตี้เป็นไกด์ คณะทัวร์ที่มากับรถคันนั้นเป็นต้องสนุกจนรถคันอื่นอิจฉา”

ในแฟ้มหน้านั้นมีประวัติพร้อมรูปถ่ายหน้าตรงของชาครียา นักรบไม่พลาดกวาดตาไปทุกตัวหนังสือ เขาอ่านทุกตัวอย่างเน้นย้ำโดยเฉพาะคำนำหน้าชื่อที่เขียนชัดเจนว่า ‘นางสาว’ ชาครียา เอกบวรเลิศ อายุ 23 ปี บอกวันเดือนปีเกิดพร้อม

“นางสาว?”

“ก็นางสาวน่ะสิ แกจะให้ผู้หญิงเค้าใช้นายรึไง” บิดาบอกยิ้มๆ

“ผมนึกว่าเป็นสาวประเภทสองน่ะสิครับพ่อ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ กระเทยบ้านแกสวยขนาดนั้นรึ”

นักรบเกือบจะค้อนให้พ่อ เพราะเสียงหัวเราะทำให้เขาขาดความมั่นใจไปมากโข ตอนที่ดูแฟ้มเขาเตรียมใจไว้แล้วว่าคงเห็นคำว่า ‘นาย’ นำหน้าชื่อเธอ และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าถึงแม้เธอจะเป็นนายเขาก็จะไม่เปลี่ยนใจไปจากเธอ

มันเป็นความคิดที่งี่เง่าที่สุด

มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

มันเป็นเรื่องจริงที่อยู่ในใจ

มันเป็นความต้องการที่จะครอบครอง โดยไม่คำนึงถึงเพศแท้ๆ ของเธอแล้ว...

“ผม...บ้าที่สุด มันเป็นเรื่องบ้าและงี่เง่าที่สุดในชีวิตที่คิดจะทำ ผมไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแท้”

“พ่อไม่เข้าใจว่าแกบ่นอะไรหรอกนะ แต่อยากบอกว่าแกมีตาก็หามีแววไม่ มองยังไงเห็นผู้หญิงเป็นกระเทย หรือแกจะอยู่กับผู้ชายมากเกินไปหน่อย ว่างๆ ก่อนจะออกเรือแกก็ไปปลดปล่อยซะบ้างนะไอ้ลูกชาย จะได้ไม่ลืมว่าผู้หญิงมันต่างจากผู้ชายยังไงบ้าง ฮ่ะ ฮ่ะ” บิดาพูดเหมือนจะเยาะเย้ยแล้วยังเดินมาตบไหล่แรงๆ นักรบกร่นด่าตัวเองอยู่ตรมลำพังว่าตนโง่บรมมากแค่ไหน เขาคิดว่าเธอเป็นกระเทยได้ยังไง

...ไอ้ตาถั่วเอ๊ย...

“แล้วนี่ตกลงแกจะขับรถให้พ่อได้หรือเปล่า”

“ได้ครับได้ ผมจะขับรถให้เอง”

โชเฟอร์จำเป็นแต่เต็มใจตั้งใจออกมายืนโชว์ตัวเช็ดกระจกหน้ารถบัสที่ตนเป็นคนขับ ถ้ามองเผินๆ ก็คงเห็นว่าเขาตั้งใจเช็ดกระจกเพียงอย่างเดียว แต่หากเพ่งมองให้นานๆ จะเห็นว่าสายตาคมกริบไม่ได้หยุดนิ่งที่กระจกแต่ใช้กระจกส่องมองหาคนที่ต้องเจอในวันนี้

เธอยังไม่มา? หรือเกิดอะไรผิดพลาดแล้วเธอมาไม่ได้

คำถามเกิดขึ้นในใจอยู่หลายครั้ง แต่ทุกคำถามเขาบอกตัวเองว่ารอหน่อย รอนิด เดี๋ยวเธอก็มา มันเป็นคำปลอบใจที่นายทหารกล้าไม่เคยคิดถึงแม้จะอยู่ในหน้าที่อันสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เขาก็ไม่เคยให้กำลังใจตัวเองแบบนี้มาก่อน นาวาโทนักรบจะมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดเพราะหากพลาดนั่นก็หมายถึงชีวิต นี่เป็นครั้งแรกและจะเป็นครั้งเดียวที่ทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง

น่าขำสิ้นดี เขาเห็นเธอเป็นกระเทยไปได้ยังไง ทั้งที่เห็นเธอเต็มสองตาตั้งแต่หัวจรดเท้ามาแล้ว หนำซ้ำยังเอาความกังวลไปเล่าให้เพื่อนซี้อย่างวีรบุรุษฟัง เอาไปปรึกษาไอ้จรัญกับแฟนสาวประเภทสองของมันอีก

...น่าอายชะมัด...

“สวัสดีค่ะ คุณมาขับรถอีกแล้ว”

ไกด์สาวคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนหรือเพราะไม่เคยสนใจเธอก็เลยไม่รู้จัก เดินเข้ามาทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นักรบละสายตาที่เห็นเธออยู่ในกระจกหันมาหาตัวเป็นๆ ของเธอแล้วส่งยิ้มกลับไปให้

“สวัสดีครับ พอดีคนขับรถคนเก่าเขาลา ผมก็เลยต้องมาขับให้”

“ครั้งก่อนยังไม่ได้ทำความรู้จักคุณเลย ฉันชื่อแจนค่ะ”

นักรบหลุบตามองป้ายชื่อของเธอที่แขวนติดตัวไว้

“ผม...นักรบครับ” เขาแนะนำตัวเอง

“ชื่อเท่ห์จัง เป็นนักรบแต่ทำไมมาเป็นโชเฟอร์ขับรถบัสได้นะ” สาวแจนทิ้งสายตาให้โชเฟอร์หนุ่มสุดหล่อ เธอพอใจเขาตั้งแต่แรกเห็นเมื่อครั้งที่แล้ว ผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งเต็มไปด้วยพละกำลัง ชายหนุ่มแสนสมาร์ทเท่ห์ระเบิดระเบ้อแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ

“มันเป็นงานอดิเรกครับ ว่าแต่คุณแจนอยู่รถคันไหนหรือครับ”

“แจนอยู่บัส 2 ค่ะ แต่ว่าจะเปลี่ยนมาอยู่บัส 4 แทนแล้ว”

“อ้าว...ทำไมล่ะครับ”

“แหม...โชเฟอร์บัส 2 ไม่หล่อลากดินแบบพี่นี่คะ” เธอขยับเข้ามาใกล้ แถมยังโน้มตัวลงอวดเนินอกขาวผ่าวออกมาจากคอเสื้อลึกๆ ไม่ติดกระดุมนั่น ยั่วให้ชายหนุ่มต้องมองตามสัญชาตญาณของความเป็นชายแท้ๆ

“คณะลูกทัวร์ที่อยู่บัส 4 คงไม่เห็นด้วยถ้าคิตตี้จะย้ายรถ”

“ช่างเขาประไงล่ะคะ เดี๋ยวแจนไปพูดกับคิตตี้เอง คิตตี้น่ะพูดง่ายอยู่แล้วค่ะ”

ชายหนุ่มขออย่าให้เป็นเช่นนั้น เขาเพียงแต่ยิ้มให้เธอเมื่อเธอเดินจากไป นักรบเลิกเช็ดกระจกรถและรอฟังคำตอบจากหญิงสาวที่เขารอเจอเธออยู่นานจนแม้ขณะนี้เธอก็ยังไม่มา

กระทั่ง...

“แฮ่กๆ” ชาครียาวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดตรงประตูรถบัส 4 บนหลังของเธอมีเป้ใส่เสื้อผ้าใบพอประมาณ ท่าทางเร่งรีบมาตลอดจนหอบหายใจเมื่อถึงจุดหมายเรียกให้ร่างสูงต้องเดินข้ามฝั่งมองเธออย่างดีใจ

“มาสายแบบนี้จะเป็นไกด์ที่ดีได้ยังไง”

ชาครียากัดปากเงยหน้าขึ้นมองคนที่ปรามาสเธอยังไม่หยุดหอบแฮ่กๆ

“วันนี้รถมันติดเป็นบ้า ฉันก็รีบมาให้เร็วที่สุดแล้วนะ”

“วินัยน่ะรู้จักไหม คุณปล่อยให้ลูกทัวร์มารออยู่ตั้งนาน ทำให้ผู้ช่วยต้องเช็กชื่อแทน แบบนี้น่าถูกตัดเงินเดือนนัก”

“นี่คุณ...เรื่องอะไรมาว่าฉันฉอดๆ คนที่จะตัดเงินเดือนฉันได้มีคนเดียวเท่านั้นคือเสี่ยยุทธนา” ว่าแล้วเธอก็เอาสัมภาระไปเก็บแล้วดึงใบเช็กชื่อไปจากผู้ช่วย ก่อนจะเป็นคนเช็กชื่อเองใหม่อีกรอบท่ามกลางความดีใจของนักรบ

ไกด์แจนเดินไปหาชาครียาและขอเปลี่ยนรถกับเธอ นักรบได้ยินก็แอบลุ้นจนตัวโก่งให้ชาครียาปฏิเสธไปซะ ทีแรกเธอเหมือนจะยอมเปลี่ยนทำให้เขาใจแป้วไปมากพอดู แต่แล้วเขาก็เห็นเธอส่ายหน้า

“ขอโทษนะแจน ฉันมีนัดกับลูกทัวร์ของบัส 4 แล้ว มีหลายคนที่ฉันรู้จักอยู่ในรถคันนี้ ฉันคงเปลี่ยนรถกับเธอไม่ได้หรอก”

“แน่ใจเหรอว่าที่ไม่เปลี่ยนเพราะเรื่องนี้” ไกด์แจนมองการเปลี่ยนแปลงของชาครียา “เธอทำสวยก็เพื่อจะได้เดินทางในครั้งนี้ จะบอกว่าเพราะลูกทัวร์เหรอ”

“เธอหมายความว่ายังไง” ชาครียาเดินนำไปหลังรถ เธอไม่อยากให้บทสนทนาที่เริ่มมีรสชาติเผ็ดร้อนดังเข้าหูลูกทัวร์ เพราะมันจะเสียภาพพจน์ที่ดีของไกด์นำเที่ยว

“ก็หมายความว่า เธอรู้ว่าวันนี้จะมีโชเฟอร์จำเป็นถึงได้ทำสวยออกมาเสียเช้งกระเด๊ะ แล้วที่ไม่อยากเปลี่ยนรถกับฉันก็เพราะเขาคนนั้นล่ะสิ”

“ถ้าใช่แล้วไง”

“น่าเกลียด เห็นผู้ชายหล่อหน่อยเป็นไม่ได้ กะจะเก็บไว้กินคนเดียวสิยะ”

ชาครียาเชิดหน้า ผู้หญิงอย่างไกด์แจนถ้ายอมให้ก็คงถูกเหยียบหัว และเธอก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นถึงแม้ไกด์แจนจะพูดแทงใจดำไปนิดก็เถอะ

“เหมือนเธอล่ะมั้ง ที่คิดจะย้ายรถก็เพราะเขา อย่าเสียเวลาเลยแจน ฉันคิดว่าถึงเขาอยู่รถคันนี้แต่ถ้าเขาชอบเธอ เขาคงไปหาเธอเองแหละ ส่วนฉันยังไงก็ได้เพราะงานสำคัญกว่าเรื่องอื่นเสมอ”

“เชอะ ให้มันจริงอย่างที่พูดเถอะ”

“แล้วแต่เธอจะคิด แต่ฉันไม่ย้ายรถแน่ๆ” พูดจบชาครียาก็กลับขึ้นรถ เห็นทีการเดินทางครั้งนี้เธอคงต้องเหนื่อยมากกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าอยากแย่งผู้ชายกับเพื่อนหรอกนะ แต่เพื่อนอย่างแจนคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

เมื่อขบวนรถบัสทั้ง 8 คัน เคลื่อนที่ตามๆ กันโดยมีรถตำรวจเป็นผู้นำจนถึงปลายทาง นักรบก็ได้ยินเสียงหวานที่ดังตลอดเวลา ครั้งนี้ชาครียาไม่ลงมาทักทายเขา เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับงานและลูกทัวร์ เชิญชวนให้ร่วมสนุกด้วยการร้องรำทำแพลงและแจกรางวัลเป็นสมุดบันทึก แต่เธอหนีเขาไม่พ้นแน่คอยดูล่ะกัน

ชาครียาพยายามไม่พาตัวเองเข้าไปใกล้อันตรายจากผู้ชายที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์อย่างนักรบ เธอลอบมองเขาในยามที่คิดว่าเขาจะไม่เหลียวมองแต่ผิดคาดเพราะเขาตวัดตาคมปราบประสานสายตากับเธอทุกครั้งร่ำไป กลับเป็นหญิงสาวเองที่ต้องเป็นฝ่ายหลบวูบพร้อมด้วยความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก สายตาของเขามันแก่กล้าเต็มไปด้วยความหมายที่เธอไม่รู้แต่ทุกครั้งที่เห็นมันทำให้แก้มเธอต้องร้อนผ่าวลามไปทั้งเนื้อตัว

“คิตตี้ คืนนี้หลังจากส่งลูกทัวร์ขึ้นห้อง พี่รบกวนให้เธอไปช่วยเฮียหมงเตรียมกิจกรรมในวันพรุ่งนี้หน่อยนะ” สาวิตรีเป็นผู้ช่วยของหม่งหลีหรือเฮียหมงซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดชุมพร เฮียหมงถือเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของจังหวัด มีคนนับหน้าถือตาและให้การสนับสนุนเลือกตั้งในครั้งนี้ รวมถึงเป็นคนจัดนำเที่ยวครั้งนี้ด้วย

“เอ่อ...หน้าที่นี้ไม่ได้เป็นหน้าที่ของไกด์นี่คะ” เธอตอบไปอย่างสุภาพ

“แค่ขอแรงนิดหน่อยน่ะ พี่ไปขอแรงคนอื่นแต่ไม่มีใครว่างเลยสักคนก็เลยมาขอแรงจากเธอ ที่จริงหน้าที่นี้มันเป็นหน้าที่ของพี่ แต่พี่รู้สึกไม่สบายมึนหัวอย่างบอกไม่ถูก ถ้าสบายดีพี่คงไม่ต้องมาขอแรงเธอแบบนี้หรอก”

ชาครียาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เลิกงานคืนนี้เธอก็อยากพักผ่อนเหมือนคนอื่นแต่สาวิตรีก็มาขอให้ช่วย ซึ่งเหตุผลนั้นมันยากที่จะปฏิเสธ

“ก็ได้ค่ะ” สุดท้ายเธอก็ต้องตอบรับไปไม่เต็มเสียง

แต่ไม่ว่าเสียงหวานๆ ที่ตอบกลับจะเกิดจากความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ทำให้มุมปากของสาวิตรีกระตุกยิ้มสมใจ ผู้ช่วยของเฮียหมงพยักหน้าแล้วเดินจากไป ชาครียาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นทีคืนนี้เธอคงนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงอีกแล้วสินะ

“ทำไมไม่ปฏิเสธ” เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวเกือบสะดุ้งรีบหันขวับไปมอง นักรบมายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“เรื่องของฉัน” เธอตอบยียวน

“แต่เธอยังมีหน้าที่อีกมากที่ต้องทำในตอนเช้า ถ้าเธอนอนไม่พออาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่”

“ไม่ต้องมาเตือนฉันหรอกน่ะ ฉันรู้ตัวดีว่าฉันกำลังทำอะไร” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีก้าวขาไปทางกลุ่มเพื่อนที่ยืนรอลูกทัวร์ออกมาจากห้องจัดเลี้ยง

อาหารมื้อเย็นผ่านพ้นไปด้วยดีแม้จะมีความโกลาหลอยู่ไม่น้อยเพราะทุกอย่างจัดไว้แบบบุฟเฟ่ต์ คนร้อยพ่อร้อยแม่ต่างจิตต่างใจมีมารยาทบ้างไม่มีบ้างทำให้อาหารหกเลอะเทอะ บ้างก็ทำจานแตกแก้วแตก ภาระหนักจึงตกเป็นของพนักงานทำความสะอาดของโรงแรม

หลังจากทานอาหารกันเสร็จสิ้นก็มีกิจกรรมสันทนาการให้ความบันเทิงช่วยย่อยอาหารกันพักใหญ่ๆ บรรดาไกด์ก็ทำหน้าที่สุดท้ายของวันนั่นคือการส่งลูกทัวร์ขึ้นห้องพัก

ชาครียาถอนหายใจหลังจากหน้าที่หลักของวันผ่านพ้นไปด้วยดี เธอเห็นกลุ่มเพื่อนแยกย้ายกันขึ้นห้องพักก็ฉงนว่าทำไมทุกคนถึงว่าง ก็ไหนสาวิตรีบอกว่าไม่มีใครว่างไง อยากจะถามเพื่อนแต่คงจะทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนใจเดินไปยังห้องอาหารที่สาวิตรีบอก

เมื่อเปิดประตูเข้าไปชาครียาไม่เห็นใครอีกนอกจากเฮียหมง ผู้ชายอายุไม่ต่ำกว่า 45 ยืนพุงพลุ้ยรอเธออยู่ หน้าบานๆ แต่อวบอูมจนไม่มีคางและเพราะความอ้วนทำให้ดวงตาเรียวเล็กนั้นแทบปิดสนิท เธอแอบถามตัวเองอย่างขำขันว่าเขามองเห็นถนนหนทางหรือใครๆ บ้างหรือเปล่าหนอ

“มาเลี้ยวเหรออาคิตตี้คนสวย”

“เฮียเหม็น เอ้ย! เฮียหมงจะให้คิตตี้ช่วยอะไรหรือคะ”

“หยุดยืนเสียไกล จะคุยกันถนัดล่ายยังไง เขยิบเข้ามาหาอั๊วะอีกนิดซิ”

ชาครียาทำตามด้วยการพาตัวเองเข้าไปใกล้เฮียหมงอีกนิด แต่ยังรักษาระยะห่างไว้พอสมควร ท่าทางของผู้ชายเชื้อสายจีนตรงหน้าทำให้เธอหวั่นใจ รอยยิ้มกว้างอวดฟันเหลืองอ๋อยซี่ห่างๆ เล่นเอาถึงกับขนลุกขนพองได้พอดู

“เฮียเหม่งจะให้คิตตี้ทำอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ คิตตี้เหนื่อยทำเสร็จไวๆ จะได้ไปพักบ้าง”

“ก็นี่ไง อั๊วะจะให้ลื้อช่วยเตรียมงานวันพรุ่งนี้ อั๊วะมีแพลนงานอยู่แล้วแต่ยังไม่ล่ายจัดทำ ลื้อเขยิบเข้ามาอีกนิดสิจะล่ายเห็นชัดๆ” เฮียหมงบอกแล้วชูกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอดู ชาครียาเห็นดังนั้นก็หลวมตัวเชื่อน้ำคำ เพียงแค่เธอเข้าไปไม่กี่ก้าวอ้อมแขนของเฮียหมงก็รวบรัดเอวบางเอาไว้ทันที

“เฮีย!! ปล่อยค่ะ อย่าทำคิตตี้แบบนี้นะคะ” เธอพยายามผลักร่างหนาอวบอ้วนออก แต่เรี่ยวแรงของคนอ้วนนั้นมีมากกว่าเธอนัก ยิ่งเธอดิ้นเขาก็รัดเธอแน่นขึ้นเหมือนงูรัดเหยื่อ

“ทำไมเล่าอาคิตตี้ ลื้อน่ะสวยมากนะ อั๊วะเห็นลื้อมาหลายครั้งจนวันนี้ทำให้อั๊วะตัดสินใจจะเผด็จศึกลื้อ แต่ไม่ต้องกลัวนะคนสวย ลื้อต้องการอะไรอั๊วะจะให้ทุกอย่าง เงิน ทอง เพชร พลอย อยากล่ายอะไรบอกอั๊วะ แค่อั๊วะกระหลิกนิ้วทุกอย่างก็เป็นของลื้อเลี้ยว”

“ไม่ คิตตี้ไม่ต้องเป็นเมียน้อยหรือเมียเก็บของใครทั้งนั้น เฮียเหม่งอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ปล่อยคิตตี้ไปเถอะ” ชาครียาอ้อนวอนเสียงสั่น เธอจะต้องใช้ไม้อ่อนเพราะไม่งั้นบริษัทของเสี่ยยุทธนาจะเสียชื่อเสียง แต่เธอจะทนขยะแขยงผู้ชายตัวเตี้ยพุงพลุ้ยคนนี้ได้นานแค่ไหนกัน นอกจากหน้าตาน่าเกลียดแล้วเขายังมีกลิ่นปากที่เหม็นมากกว่าส้วมเสียอีก เธอจะขาดใจตายเพราะกลิ่นปากของเขามั้ยนี่

“ใครบอกว่าอั๊วะจะให้ลื้อเป็นเมียน้อย อั๊วะจะให้ลื้อเป็นเมียหลวงเลยนา อย่าปฏิเสธอั๊วะเลยคนสวย”

“ไม่!! ปล่อยนะ ช่วยด้วย!” ในเมื่อขอร้องเสียงเบาแล้วไม่ยอม เธอก็จำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือ

“ชู่ว์” เฮียหมงเอามือหนาๆ นิ้วป้อมๆ ปิดปากชาครียา ทำให้เธอบิดตัวหนีออกมาได้ แต่เฮียหมงมีหรือจะยอมถึงจะอ้วนกลมก็เร็วทันกระชากผมเธอได้

“โอ๊ย!!!”

“อั๊วะบอกเลี้ยวว่าลื้อควรจะยอมอั๊วะลีๆ จะล่ายไม่เจ็บตัวแบบนี้ไง คิดว่าจะหนีอั๊วะพ้นเหรอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel