บทที่ 3
ขาย...แลกเงิน
“ค่ะ เจ๊” เจ๊เดินอ้อมไปนั่งที่โต๊ะ
“แล้วค่าตัวของหนูล่ะจ๊ะ”
หยาดฝนกล้าถาม เพราะทำงานมันต้องได้เงิน ไหน ๆ ก็ใจกล้ามาหากินแบบนี้ ต้องเอาตัวเข้าแลก มันต้องมีทั้งเสีย และก็ต้องมีได้
“ออฟไปกับแขก แขกต้องจ่ายร้านชั่วคราวห้าร้อย ถ้าค้างคืนก็ต้องพันห้า ส่วนค่าตัวตกลงกับแขกเอาเอง” เจ๊ใหญ่หันมาหรี่ตามอง
วาว่ากระตุกแขนของหยาดฝน เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เตี๊ยม เห็นสีหน้าของเจ๊ใหญ่ไม่ค่อยพอใจแล้ว วาว่าก็รีบดึงหยาดฝนออกมาจากห้อง
“ค่าจ้างก็คือดริงก์ ดริงก์ละหกสิบ แต่จะได้เยอะก็ตอนที่แขกออฟไป ยังไงถ้าฝนอยากได้เงินเยอะ ๆ ก็ต้องเชียร์ให้แขกพาออกไปข้างนอก ร้านจะเก็บจากแขกสามพัน ร้านได้พันห้า ฝนได้พันห้า แต่ถ้าออกไปจากแขก จะอ้อนเอาเท่าไหร่ก็ว่ากันไป ถ้าฝรั่งทางยุโรปก็เรียกเป็นเงินดอลลาร์”
“แล้วเราต้องเรียกกี่บาทละพี่”
“เอ็งคิดง่าย ๆ ก็หารสามสิบไปสิ”
“หารสามสิบ”
“ใช่”
“ถ้าแกจะเอาสักหมื่น ก็หารไปได้เท่าไหร่”
“สามร้อยกว่า ๆ”
“อื้อ” คำตอบที่ออกมาจากปากของวาว่านั้นแสนง่าย แต่คนมันไม่เคยแบบหยาดฝน เธอได้แต่อึ้งและมึนงง มันไม่รู้จะเริ่มตรงไหน และไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
วาว่าพาเธอชมร้าน และยังพาเดินไปถึงห้องบนชั้นสองและชั้นสาม ที่กลายเป็นม่านรูดดี ๆ นี่เอง
หยาดฝนรู้สึกขยะแขยง แต่ก็ต้องเก็บอาการทั้งหมด เธอชำเลืองมองหน้าของวาว่าเป็นระยะ ใครกันที่จะเต็มใจทำงานแบบนี้ เธอคิดว่าไม่มีหรอก นอกจากคำว่าเงินที่ทำให้สาว ๆ ทุกคนมารวมกันอยู่ตรงนี้
หยาดฝนต้องทำใจ และคิดถึงแต่ใบหน้าและรอยยิ้มของน้องสาวสุดที่รัก “พี่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ”
หลุยส์มองโทรศัพท์ในมือ บล็อกที่เพื่อนของเขาเขียน มีเรื่องหนึ่งที่เป็นที่โจษจันที่กล่าวขานอยู่จนถึงตอนนี้ ก็คือเรื่องที่พี่ชายของอีริกเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย
มีร้านอาหารร้านหนึ่งที่เปิดใจกลางเมืองหลวง ด้านหน้าเป็นร้านอาหารไทยรสอร่อย แต่ด้านในมีการขายบริการอย่างว่า และที่สำคัญหน้าสาวในร้านที่ทำงานแบบนี้ มันสวยจนจับจิตจับใจ และที่พี่ชายของอีริกคอนเฟิร์ม ก็คือสาว ๆ ทุกนางนั้นแซ่บเว่อร์
หลุยส์ก้ม ๆ เงย ๆ มองหน้าจอกับป้ายชื่อหน้าร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้า เขาออกอาการหัวเราะ ยิ้มเก้อเขิน ถามตัวเองอยู่นั่นแหละว่า จะเอาจริงหรือ จะเข้าไปใช้บริการที่นี่จริง ๆ หรือ
เสียงของอีริกดังก้องเข้ามา
“ฉันว่านายไม่กล้าหรอกหลุยส์ ครั้งที่แล้ว นายไปปาร์ตี้กับพวกเรา แต่ตอนที่นายกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับโซเฟีย นายกลับวิ่งหน้าตื่น แล้วหนีกลับบ้านไป” อีริกทำสีหน้าหยัน ๆ
“ฉันบอกแกตั้งหลายครั้งแล้วนะอีริกว่าวันนั้นฉันไม่ได้พกถุง”
“ฉันไม่เชื่อ มาปาร์ตี้แล้วไม่พกถุงมา แสดงว่าแกนะบ่อมีจี๊”
“อะไรของแก บ่อมีจี๊” ศัพท์สแลงภาษาวัยรุ่นฝรั่งเศสชอบว่ากัน ว่าไม่กล้าเล่นจ้ำจี้กับสาว ๆ
“และยายโซเฟียจะขึ้นฉันอยู่แล้ว”
“แล้วทำไม แกไม่วิ่งมาขอถุงกับฉันเล่า”
“ฮ่า... ของแกกับของฉันมันไซซ์ต่างกัน”
“อ้วก! แกว่าของแกใหญ่กว่าว่างั้น”
“ฮ่า...” หลุยส์ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ แม้ว่าอีริกจะพูดยกตนข่มเขาอีกหลายเรื่อง และก็แขวะเรื่องนี้ไม่เลิก
“ถ้าแกถึงเมืองไทย ฉันขออย่างเดียว”
“อะไรวะ”
“ช่วยถ่ายรูปแกเซลฟีที่หน้าร้าน และสาว ๆ ที่ห้อมล้อมเหมือนกับพี่ชายฉันถ่ายมาสักรูป”
“โอเค ไม่น่ามีปัญหา”
“ก็ลองแกไม่ทำดูสิ ฉันจะเขียนลงบล็อกว่าแกน่ะ มันคือไอ้...”
“หยุด ฉันรับคำท้า แล้วฉันจะทำให้ได้”
“โอเค ดีล (Deal)”
หลุยส์หยิบมือถือแล้วชูขึ้นจนสุดแขน แล้วถ่ายรูปตัวเองกับป้ายหน้าร้าน พลางพ่นลมหายใจแรง ๆ
‘ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดาอย่างที่คนเห็น เบื้องหน้าอาจเป็นร้านอาหารธรรมดาทั่วไป แต่ข้างในมีอะไรที่มากกว่านั้น’
เขาก็เขินคนที่เดินไปเดินมาเหมือนกัน และไม่ทันที่หลุยส์จะได้ตั้งตัว มีมือน้อย ๆ ของสาวร่างอวบผิวคล้ำจับยึดประสานมือกับหลุยส์เอาไว้แน่น
“ไฮ สวัสดีค่ะ เชิญข้างในดีกว่านะคะ” พนักงานสาวสวยรีบเดินออกมาต้อนรับ พร้อมกับเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ
หนุ่มหล่อลูกครึ่งหน้าตาสะดุดผู้คนขนาดนี้ เดินมาคนเดียว จะปล่อยให้หลุดรอดไปได้อย่างไร แล้วยังจะมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หน้าร้านอีก
สาวคนนั้นรีบเรียกเพื่อนสาวสวยให้ออกมาต้อนรับ สาวน้อยสาวใหญ่พากันกรี๊ดกร๊าดกระตู้วู้ แล้วแย่งกันพูด
“ยูมาคนเดียวหรือคะ”
“ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาทานอาหารแน่นอน”
“สนใจน้อง ๆ คนไหนไหมคะ” ยิ้มหวาน ก่อนจะจับหมับไปที่เป้ากางเกงของหลุยส์
“อุ้ย ใหญ่แก”
สาว ๆ ก็พากันเฮ
“มาค่ะ มาถ่ายรูปด้วยกัน” พวกนางไม่มีความอายหลงเหลืออยู่แล้ว ต้องการทำทุกอย่างให้คนที่เป็นลูกค้าประทับใจเท่านั้น
“ชีส” ส่งเสียง และพากันยิ้มให้กับกล้อง
หลุยส์เองก็กดชัตเตอร์รัว ๆ ตอนนี้เขาได้รูปที่จะส่งไปให้กับอีริกแล้ว
แต่แล้วหลุยส์ก็ต้องหยุดมองไปยังกลุ่มหญิงสาวห้าหกคนที่ยืนมองมาทางเขาอยู่อีกฝั่ง แต่ก็ร้านเดียวกันนี่ละ ทุกคนดูสวยและงดงามตามที่ต่างประเคนตกแต่ง
แต่ที่สะดุดตาเขามากที่สุด คือสาวน้อยที่แต่งหน้าแต่งตัวเกินวัยคนนั้น หล่อนเดินชนเขาเมื่อวานที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ร้องไห้น้ำตานอง แล้วรีบหนีไป
‘เธอคนนั้น’ เขาจำเธอได้ มือของหลุยส์ถูกยกแล้วชี้ไปยังหยาดฝน
“คนนั้นหรือคะ อ้อ... ได้สิ ได้เลย ได้ค่ะ เชิญคุณทางด้านนี้เลยค่ะ” ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่ว่าลูกค้าจะเลือกคนไหน ก็ต้องยอม เพราะเพื่อพยุงให้ทุกคนมีกินมีใช้
พนักงานสาวสวยพาเขาเดินออกไปทางหลังร้าน ตรงขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของร้าน ซึ่งจัดเอาไว้แบบห้องวีไอพีอยู่หลายห้อง
“อีกสักครู่จะพาน้องคนนั้นมาส่งนะคะ” พูดจบก็ยื่นเมนูอาหารให้ด้วย
“อยากกิน อยากดื่มอะไร ก็สั่งได้เลยนะคะ” พนักงานสาวคนนั้นรีบหมุนตัวออกไป
มีพนักงานเสิร์ฟที่เป็นเด็กผู้ชายตุ้งติ้งแต่งตัวเป็นบริกรเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษที่พร้อมจดรายละเอียดทุกอย่าง
หลุยส์ก้มหน้าก้มตาเลือกอาหาร แล้วเขาก็เลือกเป็นของกินเล่น เสียงเพลงที่บรรเลงดังขึ้นดันเป็นเพลงโยกหัวเป็นเพลงที่หลุยส์ชอบเสียด้วย เขาจึงเรียกบริกร เพื่อสั่งเบียร์เย็น ๆ
บริกรหนุ่มรับออร์เดอร์ แล้วรีบออกไป บนจอโทรทัศน์ที่ติดอยู่ข้างฝา มีการเต้นโชว์คาดเดาว่าจะเป็นพนักงานในร้าน พวกหล่อนใส่เสื้อผ้าน้อย ชิ้นกำลังรูดลำตัวแนบไปกับท่อนเสาที่ทำมาจากอะลูมิเนียม
เบียร์เย็น ๆ และของว่างถูกนำมาเสิร์ฟ พนักงานเสิร์ฟเดินออกไป หลุยส์มองตามคอแทบเคล็ด ใจเต้นแบบจังหวะแปลกเมื่อคิดว่าจะได้เจอเธอคนเมื่อคืน
‘ทำไมเธอทำงานแบบนี้ แล้วเธอทำเพื่ออะไร’
