ตอนที่ 4
"อะไรนะคะ พักงาน" มธุรสอุทานด้วยความตกใจเมื่อหัวหน้าแผนกบัญชีเรียกเธอมาพบ และแจ้งข่าวร้ายที่สุดในชีวิตให้รู้
ร่างสมส่วนในชุดยูนิฟอร์มของบริษัททรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซีดเผือดดวงตาคู่สวยมีน้ำใสคลอเต็มสองเบ้า จนทำให้ผู้ที่รับหน้าที่แจ้งข่าวถึงกับต้องแอบถอนหายใจด้วยความสงสาร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือสาวน้อยได้อย่างไร
“ท่านประธานมีคำสั่งให้น้องผึ้งเก็บของภายในครึ่งชั่วโมง แล้วก็ เอ่อ...” หัวหน้าแผนกบัญชีซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของมธุรสอ้ำอึ้งเล็กน้อย
“นอกจากไล่ผึ้งออกแล้ว ยังมีอะไรที่แย่กว่านี้อีกเหรอคะ” มธุรสถามเสียงเครือ
เธออยากจะร้องไห้ให้กับความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองตอนนี้เสียเหลือเกิน จู่ๆ ก็ถูกหัวหน้างานเรียกมาพบและแจ้งข่าวร้ายให้ทราบ เธอถูกพักงานไม่มีกำหนดหรือความหมายตรงๆ ก็คือไล่ออกนั่นเอง สาเหตุที่ถูกให้ออกจากงานไม่มี เป็นไปตามความต้องการของท่านประธานที่นึกอยากจะไล่ใครออกก็ทำ
“เรื่องเงินก้อนนั้น” หัวหน้าแผนกลดเสียงให้เบาลงอีก แล้วพูดต่อว่า
“ท่านประธานมอบหมายให้ทีมกฏหมายของบริษํท เตรียมดำเนินการเพื่อแจ้งข้อหาน้องผึ้งค่ะ”
“อะไรนะคะ” คราวนี้มธุรสแทบจะหัวใจวายเสียเดี๋ยวนี้
“อย่าเอ็ดไปค่ะ คุณวิทูรย์เพิ่งกระซิบบอกพี่ให้มาบอกน้องผึ้งให้รู้ตัวก่อน แต่ว่าน้องผึ้งไม่ต้องกลัวนะคะ คุณวิทูรย์กำลังคุยกับคุณขรรค์ชัยว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี”
“เขาอยู่ไหนคะ” มธุรสอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เธอต้องการพบเขตเดี๋ยวนี้
“ใครคะ” หัวหน้าแผนกคนเดิมย้อนถาม
“คุณเขตอยู่ที่ไหนคะ ผึ้งต้องการพบเขา”
“น้องผึ้งจะพบคุณเขตทำไม”
มธุรสขึ้นลิฟต์มาชั้นบนสุดของอาคารพีเคกรุ๊ป ตามที่หัวหน้าแผนกบัญชีบอก เธอนั่งรออย่างใจเย็นเพื่อให้เลขาหน้าห้องไปแจ้งให้ท่านประธานรู้ว่ามาขอพบ เมื่อเลขากลับออกมาและบอกให้รู้ว่าสามารถเข้าพบได้ หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นและตั้งสติให้มั่นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทันที
“มีธุระอะไร” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยถาม โดยที่ไม่เงยหน้าจากกองเอกสาร เขตรู้จากเลขาหน้าห้องว่ามธุรสมาขอพบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าหล่อนขึ้นมาหาถึงที่นี่ด้วยเรื่องอะไร
“ดิฉัน เอ่อ คือ...” มธุรสไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไร
ความจริงแล้วคงไม่มีพนักงานคนไหนที่ถูกไล่ออกขึ้นมาถามเจ้าของบริษัทหรอกว่า ตนถูกให้ออกจากงานด้วยเรื่องอะไร ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์เช่นเธอคงจะรีบเก็บข้าวของและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
แต่มธุรสไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เรื่องไล่ออกเธอไม่ติดใจต่อสิ่งที่ถูกกระทำ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ต้องไปหางานใหม่ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ และทำให้เดือนนี้การดูแลแม่และหลานคงไม่เต็มที่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเจ้าของบริษัทไม่คิดว่าจะจ้างตนต่อ และพนักงานตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามาให้อย่างเธอคงไม่มีปากเสียงใดๆ ไปต่อรอง
ทว่าเรื่องที่เขตสั่งให้ทีมกฎหมายเตรียมดำเนินคดีจัดการกับตนเรื่องเงินห้าล้าน ที่คุณขรรค์ชัยเมตตาช่วยเหลือครอบครัวเมื่อครั้งก่อน นี่ต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้มธุรสใจกล้าพอที่จะขึ้นมาเจรจากับเขาถึงที่นี่
เพราะเจ้านายของเธอเล่าว่า คุณขรรค์ชัยและเขตมีปัญหากันเพราะเงินห้าล้านที่นำมาช่วยเธอ มธุรสได้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เป็นต้นเหตุให้พ่อลูกมีปัญหากันเพราะตนเอง นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจมาพบเขาในเวลานี้
“ดิฉันมีเรื่องจะมาขอคุยกับคุณค่ะ” มธุรสตัดสินใจเอ่ย
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้ามาขอคุยกับฉัน รู้ไหมว่าเวลาแต่ละวินาทีที่เสียไปเพราะคุยเรื่องไร้สาระกับคนที่ไม่มีสาระ มันขาดทุนแค่ไหน” ท่านประธานหนุ่มเงยหน้าขึ้น ประสานสายตากับพนักงานสาวที่ยืนหน้าชาเพราะคำพูดเมื่อครู่
“ขอโทษค่ะ แต่ดิฉันรับรองว่าจะทำให้คุณเขตเสียเวลาไม่นานแน่”
แหม ช่างพูดช่างเจรจาเหลือเกิน เขตนึกขำในใจ เพราะพูดจาดีชวนให้คนฟังรู้สึกสงสารเช่นนี้อยู่บ่อยๆ หรือไม่ บิดาเขาถึงได้ใจอ่อนเมตตาเสียจนไม่สนใจอะไรเลย
“มีอะไรก็ว่า ผมให้เวลาคุณห้านาที ถ้าเกินจากนี้ผมคิดค่าเสียเวลาเป็นวินาทีต่อวินาที แล้วคุณก็ต้องจ่ายมันให้คุ้มกับเวลาที่ผมเสียด้วย” เขตแกล้งทำทียกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู ประหนึ่งว่าเริ่มจับเวลาที่จะคุยกับเธอแล้ว
มธุรสสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตนเอง แล้วเริ่มต้นพูดในสิ่งที่คิดมาตั้งแต่ต้น ด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจโดยมีสายตาของท่านประธานหนุ่มจับจ้องอย่างไม่วางตา
"ก่อนอื่น ฉันขอทราบเหตุผลที่คุณให้ฉันพ้นสภาพการเป็นพนักงานที่นี่ค่ะ" นี่คือเรื่องสำคัญเรื่องแรกที่ทำให้มธุรสขึ้นมาที่นี่
เธอคิดทบทวนดูแล้วว่าต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลแน่ ถึงได้มีคำสั่งที่สั่นสะเทือนหัวใจเช่นนี้ออกมา การถูกไล่ออกในสภาวะที่ต้องมีเงินเดือนต่อลมหายใจของคนในบ้านถึงสามชีวิต ให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้เป็นเรื่องสำคัญ
หากมธุรสทำความผิดรุนแรงถึงขึ้นที่ต้องได้รับโทษเช่นนั้น ก็พร้อมยินดีที่จะได้รับโทษร้ายแรงนี้ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะการกระทำความผิด แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่นที่เจ้าตัวเองก็สุดจะเดาว่ามีสาเหตุมาจากอะไรนั้น งานนี้คงต้องขอทำความเข้าใจกันหน่อย อย่างน้อยก็ให้ได้รู้ว่าไปทำอะไรให้ใครคนไหนไม่พอใจ จนต้องถูกสั่งให้ออกจากงานกระทันหันเช่นนี้
"ฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถามของเธอ และอยากบอกให้รู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่า ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ถ้าอยากจะทำอะไรมันก็ขึ้นอยู่กับตัวฉัน ไม่ใช่คนอื่น" เขตหรี่ตาลงเล็กน้อย แอบสังเกตสีหน้าของมธุรสในเวลานี้ว่ามีท่าทีอย่างไร
"ฉันทราบค่ะ ว่าคุณคือท่านประธานแต่อย่างน้อยคนที่ถูกไล่ออกก็ควรได้รู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าความผิดของตัวเองคืออะไร"
"อยากรู้นักใช่ไหม ได้ เอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะ" ท่านประธานหนุ่มย้อนถาม
"ทุกเรื่องที่เป็นความผิดของฉัน จนคุณต้องมีคำสั่งให้ไล่ออกรวมถึง..." มธุรสเว้นวรรคเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า
"รวมถึงเรื่องที่คุณเตรียมให้คนฟ้องฉัน เรื่องเงินก้อนนั้น"
เขตอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อรู้เจตนาของอีกฝ่ายที่ดั้นด้นขึ้นมาหาถึงที่นี่ เขาอยากรู้นักว่ามธุรสจะเล่นละครบีบน้ำตาแบบไหนกัน
"ฉันขอทราบค่ะว่าตัวเองทำอะไรผิด ถึงต้องถูกไล่ออก" หญิงสาวถามอย่างตรงไปตรงมา
"ที่ผมต้องให้คุณออกจากการเป็นพนักงานของที่นี่ ก็เพราะว่าคุณทำให้บริษัทขาดทุน"
"ขาดทุน" มธุรสทวนคำอย่าประหลาดใจ
มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอทำงานอยู่ในแผนกบัญชีของบริษัทมีหน้าที่ดูแลงานเพียงไม่กี่อย่างซึ่งไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมาย และงานทุกชิ้นมีหัวหน้างานคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็ต้องรู้และแก้ไขทัน แต่เท่าที่ถามหัวหน้างานเมื่อครู่ไม่มีความผิดพลาดที่เกี่ยวกับงานเลยสักนิด
"ใช่ ขาดทุน เธอทำให้บริษัทขาดทุนไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท" เขตย้ำชัดอีกคราและเอ่ยต่อไปว่า
"สาเหตุที่บริษัทขาดทุนมากขนาดนั้นก็เพราะว่า เงินที่โอนเข้าบัญชีเธอเมื่อเดือนก่อนเป็นเงินรายได้ส่วนหนึ่งของบริษัท และถ้าเงินก้อนนั้นยังอยู่ฉันสามารถเอามันไปต่อยอดทำประโยชน์เพิ่มผลกำไรได้ไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่"
"แต่ว่าเงินก้อนนั้นคุณลุงเป็นคนให้ฉันยืม" หญิงสาวแย้งขึ้นมาเบาๆ
มธุรสยอมรับว่าเมื่อเดือนก่อนเกิดปัญหาใหญ่ภายในบ้าน ซึ่งต้องใช้เงินก้อนจำนวนมากมาแก้ปัญหา โชคดีที่ได้คุณขรรค์ชัยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกอย่างจึงผ่านมาได้จนทุกวันนี้ และหญิงสาวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเงินมหาศาลที่ผู้มีพระคุณช่วยเหลือมา เธอตัดสินใจหางานประจำทำและก็ได้คุณขรรค์ชัยอีก ที่ช่วยเป็นธุระพามาฝากฝังให้ทำงานในแผนกบัญชีของบริษัท
มธุรสตั้งใจแล้วว่าเงินเดือนในแต่ละเดือนที่ได้จากการทำงานนี้ จะเก็บคืนชดใช้ให้กับคุณขรรค์ชัยอย่างแน่นอน และแบ่งเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัวได้อย่างไม่ลำบากนัก แต่ความฝันทุกอย่างต้องชะงักเมื่อมีคำสั่งให้ออกจากงานกระทันหันเช่นนี้
"ใช่ พ่อให้เธอ แต่มันเป็นเงินของบริษัท" เขตเอ่ยต่อไปว่า
"และเธอเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ยังไม่ทันผ่านโปรด้วยซ้ำ ก็ทำให้บริษัทขาดทุนมากมายขนาดนี้แล้ว ฉันจึงต้องรีบจัดการทุกอย่างก่อนที่มันจะเสียหายมากไปกว่านี้"
"ฉันไม่ได้คิดจะโกงหรือไม่คืนเงินคุณลุงนะคะ"
"แล้วตอนนี้เธอมีเงินห้าล้านมาคืนบริษัทไหม" ชายหนุ่มย้อนถาม
มธุรสนิ่งก้มหน้าเล็กน้อย เธอจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาคืนในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างไรกัน
"นอกจากเรื่องที่ทำให้บริษัทขาดทุนแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันต้องไล่ออกก็เพราะตอนนี้เธอตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์โกงเงินของบริษัท"
