บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

บ้านสวนริมคลองแถบเมืองนนท์คือที่อาศัยของผู้หญิงที่เขตต้องการพบ ทันทีที่รู้ว่าที่อยู่ของเจ้าหล่อนอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่รอช้า สั่งให้คนรถพาไปที่นั่นโดยเร็วเพราะต้องการเห็นหน้าของผู้หญิงที่ทำให้บิดาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

เขตสำรวจรอบบ้านแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า เจ้าหล่อนอาจจะใช้ความสาวหลอกเอาเงินคุณขรรค์ชัยมาจริงอย่างที่ใครๆ พูด หรือว่าบิดาอาจจะหลงเสน่ห์เด็กรุ่นลูกเข้าให้แล้วถึงได้ประเคนเงินทองให้กันขนาดนี้

เพียงแต่ที่เขตสงสัยและไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือ บิดาไม่รู้จริงๆ หรือว่าผู้หญิงที่ชื่นชมหนักหนามีลูกมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว

"แม่ผึ้งขา" เสียงร้องเรียกทำให้เขตต้องหันไปมอง

ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นถึงหัวเข่าเดินยิ้มมาแต่ไกล เจ้าของเกาะลากระพริบตาให้แน่ใจอีกครั้งว่า คนที่กำลังเดินมาคนนี้แหล่ะ คือแม่ผึ้งหรือหนูผึ้งของบิดาคนเดียวกันแน่

เขตนึกเสียดายไม่น้อยที่เจ้าหล่อนมีเด็กน้อยน่าตาน่าชังร้องเรียกคำว่าแม่ ถ้าพูดกันไปตามความจริงแล้ว แม่ผึ้งหรือหนูผึ้งของคุณขรรค์ชัยก็น่าตาน่ารักไม่น้อย ดูจากไกลๆ ก็ยังมองเห็นความสวยสดใสที่น่าชวนมอง เพียงแต่มีลูกมีสามีแล้วต่อให้น่ารักแค่ไหนก็ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่ง

เขตซุ่มดูอยู่ห่างๆ โดยไม่แสดงตัวจับจ้องทุกอิริยาบถของแม่ผึ้งไว้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเพลินเมื่อรอยยิ้มบนใบหน้าหวานชวนให้เขามองอย่างไม่อาจละสายตา ยามเจ้าหล่อนดูแลเด็กน้อย มอบรอยยิ้มแสนหวานและอ่อนโยนให้ ราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ประทานของขวัญชิ้นงามให้แก่ผู้ร้องขอ น่าดู เพลินตาและสบายใจเหลือเกิน

"แม่ผึ้งขา พ่อภุชงค์มาค่ะ" เสียงเด็กน้อยร้องเรียกและชี้มือไปหาบุคคลที่เดินใกล้จะถึงสองแม่ลูก

เขตขบกรามแน่นสายตาวาววับเป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเด็กน้อยโผเข้ากอดชายที่เรียกว่าพ่อด้วยรอยยิ้ม นั่นไม่เท่ากับรอยยิ้มจากใบหน้าหวานของแม่ผึ้งที่มองสองพ่อลูกโผเข้ากอดกันด้วยสายตาแห่งความสุข เสียงหัวเราะที่บาดหัวใจเจ้าของเกาะลาจนแทบทนอยู่เฉยไม่ได้

ยิ่งเห็นภาพทั้งสามหัวเราะและยิ้มให้แก่กันอย่างมีความสุขด้วยแล้ว เขตยิ่งรู้สึกสงสารแกมหมั่นไส้คุณขรรค์ชัยเหลือเกิน

พ่อนะพ่อ จะมีแม่ใหม่ให้เขาทั้งที หาดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องเอาผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่ใช้ความสาวมาหลอกล่อคนแก่ด้วยนะ

"พูดบ้าอะไรของแก เจ้าเขต" เสียงบิดาตะโกนลั่นโต๊ะอาหาร สีหน้าคุณขรรค์ชัยแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"หนูผึ้งยังโสดไม่มีครอบครัว แกเอาที่ไหนมาพูดว่ามีสามีมีลูกแล้ว แล้วแกเห็นด้วยตาตัวเองหรือใครมาพูดให้ฟังอีก" ประมุขของบ้านพีระชัยปรายตามองไปทางแม่นมวาดที่ยืนก้มหน้าอยู่ถัดไป

"เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน และผมขอร้องให้พ่อเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ซะ" บุตรชายประกาศก้อง

เขตคิดมาทั้งคืนแล้วว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ทีแรกเขาคิดว่าจะไม่สนใจและกลับเกาะลาไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองเสีย แต่พอมาคิดทบทวนอีกทีบิดาสุดที่รักเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่าที่จะได้ เงินทองแค่นั้นชายหนุ่มไม่สนใจแต่ที่ทำให้ต้องตัดสินใจยื่นคำขาดเช่นนี้ ก็เพราะห่วงความรู้สึกของคุณขรรค์ชัยนั่นเอง

เขาไม่รู้จักคำว่าความรักหรอก และไม่รู้ด้วยว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร และไม่กล้าคิดด้วยว่าบิดากำลังมีความรักใหม่กับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า แต่จะอะไรก็ช่าง ในฐานะลูกก็ควรจะปกป้องดูแลผู้ให้กำเนิดไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่คิดจะหลอกลวงเอาผลประโยชน์ไปเป็นของตน

ทางเดียวที่จะตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้ทุกอย่างบานปลาย หรือเกิดเรื่องร้ายกับคุณขรรค์ชัยในอนาคต ก็คือการขอร้องและเปิดโปงโฉมหน้าของผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้

บิดาอาจไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีลูกมีสามีซุกซ่อนอยู่ อาจใช้มารยาหลอกล่อเอาใจด้วยวิธีใดก็ช่าง แต่วันนี้เขตรู้และเห็นเต็มสองตาแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีความจริงใจให้กับผู้ให้กำเนิดแม้แต่น้อย

"ไอ้เขต นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจะคบใครคุยกับใครต้องผ่านการอนุญาตจากแกตั้งแต่เมื่อไร" คุณขรรค์ชัยเสียงดังขึ้น

"พ่อจะคุยจะคบใครผมไม่ว่า แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ผมขอ และถ้าพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องผมก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด" บุตรชายเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังอย่างเห็นได้ชัด

เขตพยายามลบภาพนั้นออกจากหัวสมอง ภาพพ่อแม่ลูกที่ยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข เสียงและรอยยิ้มนั้นมันบาดลึกลงไปในใจเขา

ไม่ซิ มันคือกลลวงที่หลอกล่อบิดาเขาต่างหาก แล้วทำไม ทำไมชายหนุ่มถึงได้รู้สึกไม่พอใจ เสียใจ และอยากให้เจ้าหล่อนมีรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะให้กับตนเพียงคนเดียวเท่านั้น

นั่นไง...หรือว่าเขาจะถูกเสน่ห์คุณไสยของเจ้าหล่อนเข้าให้แล้ว เหมือนกับที่คุณขรรค์ชัยกำลังเป็นเช่นนี้

"แกอย่ามายุ่งเรื่องนี้ และไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่งเรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่ออกให้ไปหางานใหม่ หรือแม้แต่แกก็ห้ามยุ่ง ไอ้เจ้าเขต" คุณขรรค์ชัยประกาศก้อง

"คงไม่ได้ครับพ่อ เพราะวันนี้ทนายของบริษัทคงเอาหมายศาลไปให้ผู้หญิงคนนั้นแล้ว"

"แกว่าอะไรนะ หมายศาลอะไร" ชายวัยกลางคนนิ่วหน้าเล็กน้อย ไม่เข้าใจที่บุตรชายพูด

"หมายศาลที่ผมสั่งฟ้องผู้หญิงที่ชื่อมธุรส ฤทธิ์อักษรข้อหายักยอกเงินของบริษัทไปเป็นของตนเอง โดยมีคุณขรรค์ชัยที่ปรึกษาบริษัทเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยน่ะซิครับ"

"ไอ้เขต นี่แกทำบ้าอะไรของแก" คราวนี้คุณขรรค์ชัยโกรธจนหน้าแดง แต่เขตก็ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น ยังคงพูดต่อไปว่า

"เงินห้าล้านที่โอนเข้าบัญชีนางสาวมธุรสคนนี้ ถูกตัดจากบัญชีค่าเช่าที่ดินแถวลาดพร้าวซึ่งตอนนี้ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทำสัญญาเช่ากับเราอยู่ และที่ดินผืนนี้เป็นชื่อของแม่ซึ่งปัจจุบันผมเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์หรือก็คือเจ้าของนั่นเอง"

"แล้วไงต่อ" ชายวันกลางคนไม่เข้าใจสิ่งที่เขตกำลังบอก

"ก็ไม่แล้วไงครับ ผมให้ทนายจัดการยื่นเรื่องไปว่า ผมไม่ได้รับเงินค่าเช่าเต็มจำนวน เมื่อมีการสอบสวนก็พบว่าพ่อตัวเองถือวิสาสะเอาเงินส่วนหนึ่งไปให้อีหนู เอ๊ย ไม่ใช่ ให้ผู้หญิงคนนี้ และผมต้องการเงินก้อนนี้คืนโดยเร็วที่สุด ถ้าพูดกันดีๆ ไม่ได้ก็เจอกันในศาล"

"ก็ฉันคืนเงินก้อนนั้นให้แกแล้ว ทำไมแกถึงมีปัญหาขึ้นมาอีก"

"ถึงพ่อจะคืนผมมาแล้วก็จริง แต่อย่าลืมซิครับว่าเราคือเคพีกรุ๊ป ทุกอย่างที่เป็นรายรับรายจ่ายต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ พอดีผมจะเอาเงินค่าเช่าไปต่อยอดทำรีสอร์ตที่เกาะให้เสร็จๆ แต่พอเบิกเงินฝ่ายบัญชีก็บอกว่าเงินไม่พอ พอถามไปถึงรู้ว่าพ่อสั่งให้โอนเงินให้ผู้หญิงคนนี้ไปห้าล้านก่อนหน้าแล้ว"

"แกจะเอาเท่าไรว่ามา"

คุณขรรค์ชัยโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรู้ตัวแล้วว่าตนเองพลาดไป แต่เพราะไม่อยากให้เรื่องลุกลามใหญ่โตและมีปัญหาไปถึงมธุรส ชายวัยกลางคนจึงเตรียมเซ็นเช็คอีกใบให้เขตเพื่อให้เรื่องจะได้จบเสียที

"แหม เดี๋ยวนี้พ่อเซ็นต์เช็คง่ายเหมือนใช้กระดาษทิชชู่เลยนะครับ" บุตรชายประชดเล็กน้อย

"ผมไม่เอาเงินพ่อแต่ผมจะเอาเงินของผมคืน และต้องได้ครบทุกบาททุกสตางค์ด้วย"

"หนูผึ้งจะไปหามาให้แกได้อย่างไร เงินตั้งมากมายขนาดนั้น"

คุณขรรค์ชัยรู้ดีว่าสภาพครอบครัวของหญิงสาวเป็นอย่างไร เงินห้าล้านที่เขาเลินเล่อให้ฝ่ายบัญชีโอนให้เมื่อหลายเดือนก่อน ก็เพราะมธุรสขอความช่วยเหลือด่วนในยามที่ตนไม่ได้อยู่ประเทศไทย จึงจำเป็นต้องผ่านระบบบัญชีของบริษัทและไม่คิดว่าจะทำให้เขตเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง

"แสดงว่าพ่อก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนผม แล้วทำไมยังกล้าให้อีกซ้ำยังไม่มีหลักทรัพย์อะไรสักอย่างมาประกัน ดอกเบี้ยก็ไม่จ่าย แบบนี้ผมมีแต่เสียกับเสียนะครับ"

ยิ่งรู้แบบนี้เขตยิ่งชังน้ำหน้าผู้หญิงคนนั้นนัก เจ้าหล่อนใช้วาจาเช่นไรมาหลอกเอาเงินไปโดยง่าย แถมไม่มีปัญญาเอามาใช้คืนได้อีก ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจนัก

"เอาเป็นว่าฉันจะใช้คืนให้แกก่อน แถมดอกเบี้ยให้อีกห้าแสนพอใจไหม" ชายวัยกลางคนทำท่าจะจรดปากกาลงบนเช็ค แต่เขตเอ่ยขึ้นมาว่า

"ผมขอยันยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และใครทำผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องไปพูดกันที่ศาล"

"ไอ้เขต ฉันเป็นพ่อแกนะ ใจคอแกจะลดราวาศอกให้ฉันเลยใช่ไหม"

"แล้วพ่อเอาเงินผมไปให้คนอื่นทำไม พ่อรู้ไหมถ้าเงินก้อนนี้ยังอยู่ ผมเอาไปต่อทุนทำกำไรได้อีกกี่เท่า" ชายหนุ่มอ้างเรื่องธุรกิจ ในหัวสมองคิดหาวิธีที่จะจัดการให้มธุรสไปให้พ้นจากครอบครัวอย่างไรดี

"ฉันก็จะให้เงินคืนแกแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก" คุณขรรค์ชัยประนีประนอมกับบุตรชาย

"ผมไม่ได้อยากได้อะไร แค่ต้องการความถูกต้องเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น แถมยังเข้ามาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องตามกฏระเบียบอีก ยังไม่ทันได้ทำประโยชน์หรือผลกำไรอะไรเลยสักนิด แต่พ่อเล่นให้เงินเธอไปเป็นหลักล้านแล้ว แบบนี้คงเอาไว้ไม่ได้แล้ว"

"เจ้าเขต เงินที่ฉันให้หนูผึ้งไปเป็นเงินของบริษัทก็จริงแต่ว่าที่ฉันต้องทำแบบนั้น ก็เพราะวันนั้นฉันไม่สะดวกจึงต้องขอให้ฝ่ายบัญชีบริษัทจัดการให้ ตั้งใจว่าจะเอาเงินคืนกลับไปให้อยู่แล้วแกก็มาโวยวายเสียก่อน เอ้านี้ เงินแก" บิดายื่นเช็คที่มีมูลค่าพร้อมดอกเบี้ยเสร็จสรรพ แต่เขตกลับยืนเฉยไม่ยอมรับแล้วพูดต่อว่า

"ผมไม่รับรู้ครับว่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้คืออะไร แต่ผมสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นพ้นสภาพการเป็นพนักงานบริษัทแล้ว และอีกไม่นานทนายคงจัดการเรื่องแจ้งความและฟ้องดำเนินคดี" เขตเอ่ยต่อไปอีกว่า

"มันจะมากเกินไปแล้วนะ เจ้าเขต ฉันบอกว่าจะใช้เงินให้แกก็ไม่เอา แกตั้งแง่จะเล่นงานหนูผึ้งท่าเดียว รู้บ้างไหมว่าผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารแค่ไหน" คุณขรรค์ชัยเอ่ยถาม

รู้นิสัยลูกชายดีว่าเขตไม่ใช่คนใจร้ายหรือเห็นแก่เงิน แต่ทำไมการกระทำของเขาในเวลานี้เหมือนกับจะบีบให้มธุรสไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามข้อเสนอที่ชายหนุ่มกำลังจะพูดต่อจากนี้

"ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าอิหนูของพ่อมาบีบน้ำตาเรียกความสงสารว่าอย่างไรบ้าง แต่ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของบริษัท ผมก็มีหน้าที่ต้องดูแลผลประโยชน์ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง"

"หนูผึ้งไม่ใช่อิหนูของฉัน แกพูดเสียใหม่เจ้าเขต และฉันขอสั่งห้ามไม่ให้แกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก" คุณขรรค์ชัยเสียงแข็งขึ้นมาทันที

"ผมไม่ยุ่งแน่ครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องของบริษัทผมปล่อยไว้ไม่ได้"

"เจ้าเขต" บิดาอ่อนใจกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรเขตถึงจะเข้าใจเรื่องนี้

"บ้านหนูผึ้งมีแม่ที่สุขภาพไม่ค่อยดี พี่สาวก็เพิ่งเสียไปทิ้งหลานยังเล็กไว้ให้คนหนึ่ง ถ้าแกให้หนูผึ้งพักงานแล้วเด็กกับคนแก่ที่บ้านจะกินอะไร จะมีชีวิตอยู่อย่างไรเคยคิดบ้างไหม"

เขตฟังแล้วคิดตาม เด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่สาวที่เสียไปงั้นหรือ ไม่จริงหรอกมั้ง มันคงไม่เหมือนในละครน้ำเน่าที่นางเอกแสนดีรับผิดชอบดูแลลูกของพี่สาวประดุจเลือดในอกหรอก

ภาพที่เขาฟังใจจำชัดเจนในสมองคือครอบครัวพ่อแม่ลูกที่มีความสุขต่างหาก ท่าทางว่าบิดาคงจะถูกหลอกเสียจนไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรโกหกกระมัง

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ผมต้องการเงินของผมคืนเท่านั้น"

เขตทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไปปล่อยให้คุณขรรค์ชัยหนักใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ลูกชายของท่านไม่เคยพูดยากเช่นนี้มาก่อน และดูเหมือนว่าเขตกำลังหาทางเล่นงานมธุรสในทุกด้านด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel