บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5

"ยักยอกทรัพย์ โกงเงินบริษัทงั้นเหรอ" ใบหน้าหวานตระหนกตกใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตของมธุรสฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย

"ฉันไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าวหา" หญิงสาวตอบโต้เขากลับในทันที

"ไปพูดกับตำรวจไม่ใช่กับฉัน พรุ่งนี้เช้าหรือไม่ก็เย็นนี้คงมีตำรวจพร้อมกับทนายของบริษัทไปพบเธอที่บ้าน ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน"

"เดี๋ยวค่ะ คุณเขต ได้โปรด ฟังฉันอธิบายก่อน" มธุรสจะไม่มีวันออกจากห้องนี้ไปเด็ดขาด ถ้าหากว่าไม่สามารถทำให้เขตเปลี่ยนใจได้

"เวลาของเธอหมดแล้วมธุรส ครบห้านาทีที่เราตกลงกันไว้ ฉันมีงานอื่นต้องทำ"

"ฉันขอร้องนะคะ ได้โปรด ฟังฉันอธิบายสักนิด" น้ำเสียยงสาวน้อยอ้อนวอนอย่างเห็นได้ชัด

"ฉันต่อเวลาให้อีกสองนาที ถ้านานกว่านั้นเธอต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนให้คุ้มกับที่ฉันเสียเวลาฟังเธอพูด" เขตเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"ฉันยินดีจะถูกไล่ออกตามคำสั่งของคุณ และเรื่องที่คุณลุงเอาเงินบริษัทมาช่วยฉัน ฉันจะหามาคืนให้เร็วที่สุด ขอแค่คุณอย่าเอาเรื่องหรือดำเนินคดีตามกฏหมายกับฉันเลยนะคะ"

"เธอมีปัญญาหาเงินมาคืนฉันเหรอ มธุรส ก็ไหนบอกว่าเดือดร้อนมากจำเป็นต้องให้พ่อฉันหาเงินมาให้ภายในวันนั้น พ่อฉันถึงต้องเอาเงินบริษัทไปให้เธอก่อน และกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดยักยอกทรัพย์ไปกับเธอด้วย"

"อะไรนะคะ คุณลุงกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยงั้นหรือ" มธุรสตกใจมากขึ้นไปอีก

"ใช่"

"คุณลุงไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นะคะ ท่านเมตตาสงสารฉันเท่านั้นเอง ได้โปรดเถอะค่ะคุณเขต ขอให้เรื่องมันจบแค่นี้ ฉันสัญญาจะหาเงินมาคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์"

มธุรสไม่อยากให้คุณขรรค์ชัยต้องมาเดือดร้อนด้วยเพราะเรื่องของตนเองอีก และหวังในใจว่าเขตจะยอมฟังคำขอร้องของตนบ้าง เงินห้าล้านจะหาจากที่ไหนมาคืนให้ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่ที่ต้องพยายามทำให้ได้ก็คือไม่ทำให้เรื่องนี้บานปลายไปถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือครอบครัวมาหลายครั้งหลายครา

"เรื่องนี้คงต้องไปพูดกันในศาล ฉันมอบหมายให้ทีมกฏหมายจัดการเรื่องนี้แล้ว"

"แต่คุณลุงเป็นพ่อของคุณ และท่านก็เป็นที่ปรึกษาบริษัท คุณทำกับท่านแบบนั้นไม่ได้นะ"

"ใช่ แต่กฏก็ต้องเป็นกฏ และที่พ่อต้องกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีนี้ก็เพราะเธอ มธุรส"

"คุณสั่งให้ทุกอย่างจบแค่นี้ได้ไหมคะ ฉันขอร้อง" หญิงสาววิงวอนขอ ใบหน้าหวานเศร้างมองลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย

"เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ เงินบริษัทหายไปห้าล้านสูญกำไรไปเกือบสิบล้าน จะไม่ให้มีการสอบสวนหาสาเหตุคงไม่ได้" เขตเอ่ยเสียงเรียบ

"ถ้างั้นฉันขอเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้เองได้ไหมคะ อย่าให้คุณลุงต้องเดือดร้อนเพราะฉันเลย"

"เธอจะรับผิดชอบอย่างไร" ชายหนุ่มถาม

"ฉันจะหาเงินทุกบาททุกสตางค์มาคืนเองค่ะ"

"มีหลักประกันอะไรว่าเธอทำได้แน่อย่างที่พูด" ในหัวสมองของเขตมีแผนการบางอย่างเกิดขึ้น เขารู้วิธีที่จะจัดการให้ผู้หญิงคนนี้พ้นจากชีวิตบิดาบังเกิดเกล้าแล้ว

"ฉันขอใช้ตัวเองเป็นหลักประกันค่ะ" มธุรสกล้าเอาตัวเองรับรองเพราะไม่เคยคิดจะโกงใคร และตั้งใจที่จะแสดงให้ชายหนุ่มเห็นความจริงใจของตน

"ค่าตัวเธอแพงไปหน่อยไหม มธุรส" คนถามขบกรามแน่น แววตาวาววับเป็นประกายคล้ายกับกำลังโมโห

ผู้หญิงหน้าเงิน ผู้หญิงเห็นแก่ได้ กล้าได้กล้าเสียเช่นนี้กระมังถึงทำให้คุณขรรค์ชัยหลงหัวปักหัวปำทุ่มทั้งเงินทั้งของให้ไปเท่าไร ยิ่งคิดเขตก็ยิ่งโมโหและเกลียดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อเจ้าหล่อนกล้าเสนอตัวเองแทนเงินก้อนโตนั้น เขาก็ยินดีที่จะรับหลักประกันที่มีชีวิตเช่นมธุรส

"เธอมีข้อเสนออะไรก็ว่ามา"

เขตเปิดทางให้อีกฝ่ายพูดก่อน ตอนนี้ในหัวสมองของเขามีแผนการณ์บางอย่างที่จะจัดการทำให้ผู้หญิงหน้าเงินคนนี้ ให้พ้นจากชีวิตของบิดาบังเกิดเกล้าแล้ว

"ฉันขอผ่อนชำระเป็นรายเดือน คุณจะคิดดอกเบี้ยเท่าไรก็ว่ามา ฉันจะหามาคืนให้คุณทุกบาททุกสตางค์ค่ะ"

เงินต้นห้าล้านและดอกเบี้ยที่เขตจะเรียกเก็บคงไม่ใช่น้อย แต่มธุรสก็ตั้งใจแล้วว่าจะมากจะน้อยแค่ไหนก็ต้องหาเงินมาคืนให้ครบให้จงได้ เพราะอย่างไรเสียเธอก็ตั้งใจแล้วว่าจะหาเงินห้าล้านมาคืนคุณขรรค์ชัยอยู่แล้ว

"ฉันไม่นิยมของผ่อน และคงไม่รอดอกเบี้ยหัวแตกพวกนี้ด้วย" ท่านประธานหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินเข้ามาหาลูกหนี้สาวเพื่อพิจารณาหลักทรัพย์ที่มีชีวิตใกล้ๆ

"แล้วคุณจะเอาอย่างไรคะ ถ้าคุณไม่ให้ฉันผ่อนคืน ฉันคง..." คงไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้คืนเป็นก้อนแน่ มธุรสหนักใจขึ้นมาอีกครั้ง

"เมื่อกี้เธอบอกว่าเอาตัวเองเป็นหลักประกันใช่ไหม ถ้างั้นฉันจะให้เธอไปอยู่ที่เกาะลา ห้ามกลับมาที่นี่หรือติดต่อใครอีกเป็นเวลาหนึ่งปี"

"หนึ่งปี"

ถ้าต้องไปทำงานที่เกาะลาซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนนานถึงหนึ่งปีเต็ม สิ่งที่เธอเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องการไปอยู่ที่นี่ แต่เป็นเรื่องของคนในครอบครัวที่อยู่ในการดูแลต่างหาก แม่และหลานจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีมธุรสคอยดูแล

"คุณเขตคะ ฉันขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม หรือว่าจะให้ฉันทำงานที่นี่ต่อแล้วหักเงินเดือนไปก็ได้ แต่ว่าถ้าไปเกาะลาฉันคงไม่สะดวก"

"เธอเคยเห็นคนจำนองบ้านไหม เวลาจำนองบ้านโฉนดก็ต้องไปอยู่กับคนที่รับจำนอง เธอก็เหมือนกันถ้าเอาตัวเองเป็นหลักประกัน เธอก็ต้องกลายเป็นสมบัติของฉัน ซึ่งถ้าฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"

"ฉันทำตามที่คุณต้องการไม่ได้ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ค่ะ" หญิงสาวไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีว่า ความจำกัดของตนมีอะไรบ้าง เพราะบอกไปเขตก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี

"ก็ตามใจ เชิญกลับบ้านไปรอตำรวจและทีมกฏหมายแล้วกัน" ท่านประธานหนุ่มยิ้มเล็กน้อยแล้วหันหลังทำท่าจะเดินออกไปนอกห้อง

"เดี๋ยวค่ะ คุณเขต" มธุรสรีบมาขวางไว้

"หลีกไปซะ ฉันมีงานอื่นอีกมากต้องทำ เธอกำลังทำให้บริษัทขาดทุนอีกแล้วนะ" ชายหนุ่มแกล้งขู่

"ฉันไปเกาะลาก็ได้ แต่ว่าขอพาคนในครอบครัวไปด้วยได้ไหมคะ" ในเมื่อไม่มีทางเลือก มธุรสก็คงต้องแม่และหลานไปอยู่ใกล้ๆ ดีกว่าจะปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่กันลำพังในบ้านสวน

"เวลาที่เลือกหลักทรัพย์ เจ้าหนี้มักจะเลือกสิ่งที่มีราคามากที่สุดและขาดทุนน้อยที่สุด ถ้ามีคนอื่นไปเพิ่มฉันก็ยิ่งขาดทุนเพราะไหนจะค่าข้าว ค่าน้ำค่าไฟและจิปาถะอีก"

"แต่ฉันทิ้งครอบครัวไปไม่ได้ คุณเข้าใจฉันหน่อยได้ไหมคะ" หญิงสาวขอร้อง

"นั่นคือเรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับฉัน" ชายหนุ่มพูดเสียงห้วน

ได้ยินคำว่าครอบครัว ได้เห็นน้ำเสียงและท่าทีอาลัยอาวรณ์ด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เขตอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก ภาพของพ่อแม่ลูกที่ยังอยู่ในความทรงจำนับจากวันนั้น ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่คิดไว้มาก พ่อนะพ่อ ไม่น่าเอางูพิษมาอยู่ใกล้ตัวเลย

"คุณเขตคะ ขอร้องล่ะ ถ้าจะให้ไปเกาะลาจริงๆ ฉันขอพาครอบครัวไปด้วยได้ไหม ถ้าไม่มีฉันนานถึงหนึ่งปีพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร ได้ไหมคะ"

"เธอกลับบ้านไปซะ แล้วรอให้ตำรวจและทีมกฎหมายไปเจรจาก็แล้วกัน" เขตไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเดินหน้าบึ้งออกไปจากห้องทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel