ตอนที่ 2
"ทำไมต้องให้ทำบัญชีด้วยครับ แผนกอื่นไม่สนเลยหรือไง" ชายหนุ่มตั้งคำถามกลับไปด้วยความสงสัย
แม้ในใจจะกังขาแต่เขตก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายใดๆ กลับไป เขาต้องการล้วงทุกคำตอบที่อยู่ในใจจากปากบิดาให้มากที่สุด ก่อนจะค่อยคิดว่าควรทำอย่างไรกับผู้หญิงที่ชื่อน้ำผึ้งคนนี้ดี
"จบบัญชีมาก็ต้องให้ทำบัญชีซิ" บิดาหยุดยืนที่หน้าห้องแล้วหันมาพูดต่อว่า
"แกพอมีตำแหน่งว่างให้ไหม แต่ถ้าที่เกาะไม่เอานะ ฉันไม่อยากให้หนูผึ้งไปลำบาก"
หนูผึ้งอีกแล้ว เอะอะอะไรก็หนูผึ้ง เขตชักเริ่มสงสัยแล้วว่าคำพูดของแม่วาดเป็นเรื่องจริงมากกว่าเรื่องเข้าใจผิดไปเอง สีหน้าของบิดาดูมีความสุขยามเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้
"ที่เกาะไม่ดียังไงครับ เดี๋ยวนี้เจริญแล้วไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างที่เกาะกำลังต้องการคนช่วยเรื่องบัญชีพอดี ที่บริษัททุกอย่างก็ลงตัวหมดแล้ว ถ้าเอาคนอื่นเข้าไปผมว่าจะไม่มีอะไรให้ทำมากกว่า"
"งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้พ่อฝากเพื่อนคนอื่นก็ได้" คุณขรรค์ชัยเข้าใจบุตรชาย และไม่ก้าวก่ายการบริหารงานนับจากเมื่อวางมือ
"ใครครับที่พ่อจะฝากงานให้" เขตแกล้งถาม
"คนรู้จักกัน เป็นเพื่อนคนแก่ให้หายเหงาได้"
"ช่วยแก้เหงาแบบไหนครับ เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว หรือว่าเพื่อนนอน"
"ดูพูดเข้า เป็นเพื่อนแกเข้าใจไหม เป็นเพื่อนคนแก่ชวนคุยโน่นนี้ พาให้รู้จักโลกที่มันก้าวไกลกว่าแต่ก่อนน่ะ" คุณขรรค์ชัยรู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้คำพูดคำจาของบุตรชายจะรุนแรงกว่าทุกวัน
"ผมเข้าใจครับ พ่อไปพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเจอกัน" เขตยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวลาบิดาที่หน้าห้องนอน
"แกจะกลับเกาะลาเมื่อไร เจ้าเขต" คุณขรรค์ชัยเอ่ยถาม พร้อมทั้งสังเกตสีหน้าและแววตาของบุตรชายที่เหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา
"พรุ่งนี้ครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมจะกลับพรุ่งนี้"
"แกมีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงได้กลับบ้าน คุยกับพ่อได้นะ" บิดาเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"ผมสบายดีครับ แค่คิดถึงและห่วงพ่อก็เลยขับรถมาดู พ่อไปพักผ่อนเถอะครับ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะพ่อ" เขตส่งรอยยิ้มให้บิดาอีกครั้ง แล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องนอนของตนทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการงานด่วนเฉพาะกิจด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"พรุ่งนี้ฉันต้องการบัญชีการใช้จ่ายเงินของคุณพ่อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อ้อ อยากรู้ว่ายอดห้าล้านที่เซ็นเช็คให้ใครชื่ออะไร และถ้ามียอดเงินที่เกินกว่าหนึ่งล้านบาทให้ลิสต์ออกมาให้ฉันทุกรายการ พรุ่งนี้ก่อนหกโมงเช้าฉันต้องได้"
คุณขรรค์ชัยเงยหน้าขึ้นจากการอ่านหนังสือพิมพ์บนโต๊ะอาหาร เมื่อได้ยินคำถามที่ออกจากปากลูกชายสุดที่รัก ซึ่งตั้งคำถามราวกับว่าเขากำลังเป็นนักโทษร้ายแรงที่ต้องให้ปากคำต่อหน้าศาล
"มันธุระอะไรของแก เจ้าเขต ถึงได้มาตรวจสอบการใช้เงินของฉัน" น้ำเสียงชายวัยกลางคนดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
ร้อยวันพันปีลูกชายตัวดีไม่เคยมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ และเขาเองก็ไม่เคยใช้เงินในเรื่องไม่จำเป็นหรือใช้จ่ายใดเกินกว่าฐานะ แต่จู่ๆ เช้านี้เขตกลับตั้งคำถามถึงเงินห้าล้านบาท ที่ชายวัยกลางคนเพิ่งจะสั่งให้ฝ่ายบัญชีจัดการเงินก้อนนี้ ไปต่อชีวิตและลมหายใจของผู้ทุกข์ยากที่มาขอความช่วยเหลือ
"เงินตั้งห้าล้านนะครับพ่อ ผม ในฐานะผู้บริหารก็ควรต้องรู้ว่าเงินที่จะจ่ายโบนัสพนักงานปีนี้ไปไหน" เขตพูดตรงไปตรงมา
ความจริงเขตไม่อยากใช้คำพูดที่รุนแรงกับบิดาหนัก แต่เพราะต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีของผู้หญิงที่ชื่อมธุรส และยังจะเรื่องสร้อยเพชรมูลค่าหลักล้านที่นมวาดพูดถึงอีก และหลายพฤติกรรมที่ทำให้ชายหนุ่มครุ่นคิดมาตลอดคืนว่า คุณขรรค์ชัยกำลังพบรักในบั้นปลายชีวิต หรือกำลังถูกสาวรุ่นลูกหลอกกันแน่
เขตใช้เวลาแค่คืนเดียวสืบหาประวัติของผู้หญิงที่ชื่อมธุรสคนนี้ และสั่งให้ฝ่ายบัญชีส่งบัญชีการใช้จ่ายเงินของบิดามาให้ดู เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าภายในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้ มีการสั่งจ่ายเงินให้กับผู้หญิงที่ชื่อมธุรสเกินกว่าห้าล้านบาทแล้ว จึงทำให้เขาไม่อาจนิ่งนอนใจต่อไปอีกได้ และต้องรีบจัดการก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
"ถ้าแกไม่สบายใจ เดี๋ยวฉันเอาเงินในบัญชีมาคืนให้ก็ได้" คุณขรรค์ชัยจบเรื่องนี้ด้วยการเดินไปหยิบสมุดเช็คและทำท่าจะเขียนยอดเงินลงไปจริงๆ
"ผมไม่ได้อยากได้เงินของพ่อ แต่อยากรู้ว่าเพราะอะไร พ่อถึงได้ใจป้ำให้เงินผู้หญิงคนนั้นไปฟรีๆ เป็นหลักล้าน" บุตรชายตั้งคำถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"แกเอาเงินของแกคืนไป แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก" ชายวัยกลางคนลงชื่อในสมุดเช็คแล้วฉีกส่งให้บุตรชายทันที
"ผมไม่รับเงินพ่อหรอกครับ ผมต้องการแค่คำตอบเท่านั้น" เขตยืนยันคำเดิมอีกครา
"ไม่มีคำตอบ นี่มันเรื่องส่วนตัวพ่ออยากจะทำอะไรต้องรายงานแกทุกเรื่องหรือไง แล้วเรื่องนี้ใครเป็นคนบอกให้แกรู้" ไม่ต้องพูดคุณขรรค์ชัยก็เดาออกว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นนมวาดแน่ๆ
"พ่อครับ ถ้าพ่อจะแต่งงานมีแม่ใหม่ให้ผม ผมโอเคนะ แล้วจะช่วยพ่อจัดการทุกอย่างด้วย แต่แบบนี้ผมบอกเลยว่ารับไม่ได้"
เขาโตแล้วและเข้าใจโลกพอที่จะเปิดใจรับเรื่องเหล่านี้ได้ มารดาของเขตลาจากโลกนี้ไปนานนับสิบปี บิดาทุ่มเทชีวิตเพื่อก่อตั้งเคพีกรุ๊ปจนเป็นปึกแผ่นมั่นคงจนทุกวันนี้ หากบั้นปลายชีวิตคุณขรรค์ชัยคิดอยากจะมีใครสักคนเพื่อเป็นเพื่อนคู่คิด หรือดูแลกันไปจนวันตายชายหนุ่มก็ไม่ห้าม เพียงแต่...
"ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่าผมอีก พ่อแน่ใจได้ไงครับว่าเธอไม่ได้มาหลอก"
"หนูผึ้งไม่ใช่คนแบบนั้น" ชายวัยกลางคนรู้ดีว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงนิสัยเช่นไร
"แล้วเป็นคนแบบไหนถึงได้กล้าขอเงินหลักล้านไป โดยไม่มีอะไรมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือสัญญากู้ยืมสักฉบับก็ไม่มี อย่าบอกนะว่าพ่อให้ด้วยความเสน่หา"
"ไอ้เขต จะมากไปแล้วนะ จะพูดจะจาอะไรให้เกียรติหนูผึ้งหน่อย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากช่วยเหลือด้วยใจจริง"
"โอ้โห พ่อพระจริงๆ พ่อผม ผมชักอยากเห็นหน้าหนูผึ้งของพ่อแล้วซิ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรถึงได้ทำให้พ่อผมเมตตาได้ขนาดนี้" ดวงตาคู่คมวาววับขึ้นเป็นประกาย เขตเริ่มไม่พอใจที่เห็นบิดาออกหน้าปกป้องผู้หญิงคนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"แกอย่ายุ่งกับหนูผึ้ง แล้วก็กลับไปทำงานได้แล้ว อ้อ วันหลังถ้าแม่วาดโทรศัพท์ไปพูดอะไรอีก แกก็ไม่ต้องสนใจเพราะแม่นมของแกไม่ได้รู้ความจริงทุกเรื่องหรอก"
คุณขรรค์ชัยกล่าวเพียงแค่นั้นแล้ววางเช็คมูลค่าสิบล้านไว้ตรงหน้าของเขต ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องโดยที่เขตได้แต่มองตามและไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้น ทว่าเมื่อลับหลังบิดา ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการต่อทันที
"ฉันต้องการรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วมาเกี่ยวพันกับคุณพ่อตั้งแต่เมื่อไร อ้อ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากเจอผู้หญิงคนนี้สักครั้ง วันนี้" แววตาของเจ้าของเกาะลาเป็นประกายเจิดจ้า เขตหยิบเช็คมูลค่าสิบล้านที่บิดาเขียนให้เมื่อครู่นี้มาไว้ในมือ มองมันอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากบ้านไปทันที
