บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

“โอย...ช่วยด้วย”

เสียงร้องโอดโอยของคนเจ็บที่นอนเลือดท่วมอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเล็กๆ ประจำอำเภอ เรียกให้คุณหมอนีรธารา องอาจสกุลไกร ต้องรีบเข้าไปดูอาการ

“มีเรื่องกันอีกแล้วหรือ” เธอหันไปถามนางพยาบาลที่รอฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ และเป็นคนเดียวกับที่รับคนเจ็บเข้ามาในห้องฉุกเฉิน

โรงพยาบาลเล็กๆ เทียบเท่ากับสาธารณสุขในแถบชานเมืองกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในตัวอำเภอวังวิเศษของจังหวัดตรัง โรงพยาบาลเล็กๆ มีหมออยู่แค่สองคน คือหมอพิรัชต์ เตชะภิญโญ และหมอนีรธารา องอาจสกุลไกร คุณหมอทั้งสองต้องสลับเวรกันเพราะในอำเภอวังวิเศษที่แม้จะไม่มีจำนวนประชากรหนาแน่นมาก แต่วังวิเศษมีกลุ่มคนที่ตั้งตัวเป็นนักเลงหัวไม้ทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็กจะเป็นนักเลงข้างถนนชอบสร้างปัญหาไปวันๆ แต่กลุ่มใหญ่จะตั้งตนเป็นมาเฟียบ้านป่า ไม่ชอบหาเรื่องใครแต่ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย

อย่างคนที่หมอนีรธาราต้องให้การรักษาอยู่นี้ก็เป็นคนของมาเฟียบ้านป่า ที่มีหัวหน้าแก๊งค์คือนายหัวพยัคฆ์ ศักดิ์วรวงศ์ คนที่เขาล่ำลือกันทั้งอำเภอวังวิเศษและลามไปถึงหูของคนในอำเภอห้วยยอดด้วยว่าพิษสงร้ายกาจสมชื่อ หากใครหาเรื่องล่ะก็ เสือหนุ่มจะกางกงเล็บตะปบแล้วกัดทึ้งโดยไม่ให้เหลือซาก

“ค่ะ” นางพยาบาลตอบ และตั้งใจอมพะนำเรื่องที่รู้มากกว่านี้ต่อไป แต่คุณหมอสาวหรือที่ใครๆ ก็เรียกว่า ‘หมอนีน’ อยากรู้รายละเอียดส่วนนั้น เพราะเชื่อในความคิดของตัวเองไม่น่าจะพลาด

“กับใคร”

“เอ่อ...กับ...นายหัวสิงขรค่ะหมอนีน”

“ทำไมสองคนนี่ยังไม่เลิกฟัดกันอีก เจอหน้ากันเมื่อไหร่เป็นต้องมีเลือดตกยางออกตลอด” หมอนีนบ่นพึมพำ ทั้งที่ยังคงก้มหน้าทำแผลจากคมกระสุนที่เจาะฝังเข้าไปในเนื้อกายสีคล้ำ “ถึงที่นี่จะเป็นบ้านป่า แต่ก็มีกฎหมายคุ้มครองเหมือนที่อื่นๆ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงชอบตั้งศาลเตี้ยกันนัก”

คีมโลหะคีบลูกตะกั่วออกมา เจ้าของร่างที่ชุ่มเลือดก็ร้องลั่น

“อ๊ากกก” หลังจากนั้นคนเจ็บก็สลบเหมือด

“เฮ้อ” หมอนีนทอดถอนใจ ลงมือเย็บแผลแบบสดๆ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบหรือฉีดยาชา เพราะเธอเคยลั่นวาจาเอาไว้แล้ว หากตีรันฟันแทงจนเลือดตกได้ก็แสดงว่ายอมเจ็บ ฉะนั้นเธอจะสงวนปริมาณยาชาเอาไว้สำหรับคนที่ไม่อยากเจ็บ เพราะหากใช้ฟุ่มเฟือยยาชาก็จะหมดเร็ว แล้วถ้ามีความจำเป็นต้องใช้มันขึ้นมากับคนที่สมควรใช้แล้วไม่มีให้ใช้คงยุ่ง

“แล้วรู้ไหม ฝ่ายนายหัวสิงขรเป็นยังไงบ้าง” เธอถามหลังจากล้างมือแล้วส่งตัวคนเจ็บขึ้นไปนอนพักบนชั้นสองของอาคารที่มีความสูงเพียง 2 ชั้น

“ได้ยินว่าฝ่ายนายหัวสิงขรเจ็บตัวแต่ไม่เท่าไหร่ คนของนายหัวสิงขรยิงใส่คนของนายหัวพยัคฆ์ได้รับบาดเจ็บจึงต้องนำส่งโรงพยาบาลค่ะ”

“หึ เดี๋ยวก็ต้องมีการล้างแค้นกันอีกสินะ ทำไมนะ คุณพ...นายหัวสิงขรถึงไม่เลิกยุ่งกับนายหัวพยัคฆ์เสียที ฉันไม่เข้าใจเลยเทียน เจอหน้ากันไม่ได้ต้องฟัดกัน เกิดพลั้งพลาดไปถูกชาวบ้านเข้าจะทำยังไง”

“หมอนีนก็ไปถามนายหัวสิงขรสิคะ เผื่อบางทีจะได้คำตอบที่ต้องการ” นางพยาบาลเทียนแขเปรยขึ้น คุณหมอสาววัย 24 ปี ถึงกับส่ายหน้า ถามไปก็ไม่เคยได้ในคำตอบที่ต้องการฟังหรอก

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันยุ่งเรื่องของเขานะเทียน”

ทันใดนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็กรูกันขึ้นมาบนอาคาร บุรุษพยาบาลที่มีอยู่แค่ 3 คน ก็ร้องห้ามเพราะบนอาคารชั้น 2 จะเป็นห้องพักสำหรับผู้ป่วย หากญาติจะเข้าเยี่ยมได้ก็จำกัดจำนวนคนและเยี่ยมได้เป็นเวลา แต่คนกลุ่มนี้หาได้ฟังคำทัดทานเหล่านั้นไม่ เดือดร้อนถึงหมอนีรธาราที่ต้องเข้ามาช่วยห้าม

“อะไรกันนี่พวกคุณ...คนของนายหัวพยัคฆ์นี่นา” นีรธาราจำหลายคนในกลุ่มนี้ได้เพราะเคยผ่านการรักษาจากเธอมาแล้ว

หลายครั้งที่เธอเคยถามตัวเองว่าทำไมไม่ย้ายไปที่อำเภออื่น วังวิเศษเคยเป็นอำเภอที่เงียบสงบตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็ก แต่พอเธออายุ 18 ปี ที่นี่ก็ลุกเป็นไฟ และหากคิดถึงสาเหตุหลักแท้จริงแล้วเพราะวังวิเศษเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และอำเภอสิเกา ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ติดทะเลอันดามัน มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามาให้เธอรักษา ซึ่งปริมาณหมอเพียงคนเดียวย่อมไม่เพียงพอต่อการรักษาอยู่แล้ว ตอนนั้นเธอคิดแค่ว่าอยากอุทิศกายใจเพื่อคนที่นี่

ทว่า...หลังจากเธอเรียนจบแล้วมาเป็นแพทย์อาสาอยู่ที่นี่ เธอกลับเจอวังวิเศษที่ลุกเป็นไฟ

“ใช่ พวกเราต้องการขึ้นไปหาไอ้เรือง มันเป็นยังไงบ้างหมอ ตายมั้ย”

“ไม่ แต่ถ้าช้าก็อาจตาย” นีรธาราตอบ ดูเหมือนคนพวกนี้จะรู้สึกเกรงอกเกรงใจเธอบ้าง คงเป็นเพราะเธอคือหมอที่หลายคนยกมือไหว้ประดุจเทวดานางฟ้า

“งั้นขอขึ้นไปดูหน่อยได้ไหม”

“ตอนนี้เรืองกำลังพักผ่อน เขาไม่มีสติจะลืมตามองพวกเธอหรอกนะ ฉันว่ารอให้ถึงพรุ่งนี้ดีกว่า” คุณหมอสาวทัดทานอย่างละมุนละม่อม

“แต่เราต้องขึ้นไปดูให้เห็นกับตาว่าไอ้เรืองยังไม่ตาย” อีกคนในกลุ่มแย้งขึ้น

“คงเป็นคำสั่งของนายหัวสินะ ถ้าใช่ กลับไปบอกนายของพวกเธอได้เลย เรืองไม่ตายแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ให้มาพรุ่งนี้ใหม่ ถึงยังไงวันนี้ฉันก็ปล่อยให้ใครขึ้นไปเยี่ยมไม่ได้”

“แต่นายหัวสั่งมา” อีกคนหนึ่งช่วยแย้ง

“ถ้าอยากให้เรืองติดเชื้อก็ขึ้นไป แต่ถ้าไม่อยากให้เรืองตาย ก็กลับไป” เจ้าของร่างบางระหงเริ่มเสียงแข็ง นีรธาราไม่คิดเกรงกลัวคนพวกนี้หรอก เธอมีหน้าที่ที่ต้องรักษาชีวิตของคนเจ็บ ไม่ได้มีหน้าที่ฟังคำบัญชาของใคร

“พูดอย่างนี้แสดงว่าหมอไม่ได้ฆ่าเชื้อให้มันเหรอ ถ้าฆ่าเชื้อแล้วทำไมต้องกลัวติดเชื้อ ในเมื่อพวกเราไม่คิดจะจับต้องตัวไอ้เรืองเลย แค่อยากขึ้นไปดูมันเฉยๆ” คนนี้ชื่อทิต เธอจำได้เพราะเขาเคยถูกแทงแล้วมาให้เธอรักษา และคนๆ นี้ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเรือง เขาคงอยากจะรู้ให้แน่ว่าคนเจ็บปลอดภัยจะได้เลิกเป็นห่วง แต่เธอก็ยอมให้พวกเขาซึ่งมีเนื้อตัวเปื้อนเปรอะยังกับไปฟัดกับหมากลุ่มหนึ่งมาหยกๆ

“เรื่องนั้นฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย แต่ถ้าพวกเธอยังขืนดื้อดึงจะขึ้นไปให้ได้ พวกเธอคิดผิด หากเกิดอะไรขึ้นกับเรืองฉันจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี”

ทุกคนเมื่อได้ยินเสียงหวานแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้ก็พลอยหันหน้าปรึกษากันอย่างไม่แน่ใจ ความเป็นความตายของไอ้เรืองอยู่ในมือหมอนีน และหากใครไม่เชื่อ ไอ้เรืองอาจจะตายเร็วขึ้นก็ได้

“ก็ได้ ไปโว้ย พวกเรากลับ”

ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นจากไปจนได้ นีรธาราถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ คนพวกนั้นเป็นแค่ลูกกระจ๊อกก็อาจจะเกรงใจหมอที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตอย่างเธอ แต่หากจะเป็นหัวหน้ามาเฟียบ้านป่า นายหัวพยัคฆ์ ศักดิ์วรวงศ์ แล้วล่ะก็...เขาไม่ยอมให้มีใครเข้ามาขัดขวางความต้องการของตัวเองได้ โดยเฉพาะเธอ

“นายหัวครับ นายหัว” ไอ้ทิตวิ่งกระหืดกระหอบคาบข่าวจากโรงพยาบาลมาบอกเจ้านายของตน

ชายหนุ่มร่างสูงตระหง่านบึกบึนในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสีซีดสวมหมวกคาวบอยอยู่บนหัวและสวมรองเท้าบู๊ธหนังแท้กำลังเช็ดถูปืนพกอาวุธคู่กายและปืนไรเฟิ่ลคู่ชีพเป็นต้องทิ้งของทุกอย่างลงบนโต๊ะ ปากเข้มที่คาบบุหรี่กำลังพ่นควันปุ๋ยขยับให้มวนบุหรี่กระเด้งขึ้น มือข้างหนึ่งเลิกปีกหมวกขึ้นเพื่อมองคนของตัวเอง

“ไงวะไอ้ทิต กูให้ไปทำอะไร ได้เรื่องมั้ยวะ” เจ้าของใบหน้าคมเข้มรกเรื้อไปด้วยหนวดเคราขึ้นจนเกือบครึ้ม ดวงตาคมกริบราวมีดโกนหรี่ลงกว่าเดิม

“ได้เรื่องว่าไอ้เรืองไม่ตาย หมอนีนช่วยรักษาได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ฟื้นครับนายหัว”

ไอ้ทิต หรืออาทิตย์ ผู้ที่มีชื่อไพเราะและน่าจะเป็นคนรูปงามมีอำนาจประดุจดวงอาทิตย์ แต่ความจริงแล้วไอ้ทิตกลับเป็นผู้ชายร่างเพรียวเตี้ยกว่านายหัวพยัคฆ์ถึง 20 ซ.ม. และมีผิวสีเข้ม ใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาแต่สันกรามใหญ่อย่างคนที่มีเชื้ออีสาน ริมฝีปากดำหนาเพราะสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 13 จนตอนนี้อายุ 30 ปี มันตอบคำถามของผู้เป็นนายได้เกือบชัดเจน

“มึงไปเจอมันหลับอยู่เรอะ” แต่คนที่รูปลักษณ์ทุกอย่างตรงกันข้ามกับไอ้ทิตชักความสงสัยออกมาทั้งน้ำเสียงและแววตา

“เปล่าครับนายหัว เราไม่ได้ขึ้นไปดูไอ้ทิต แต่หมอนีนบอกอย่างนั้นครับนายหัว” ถึงแม้ไอ้ทิตจะหน้าเหมือนคนอีสาน ไม่คมเข้มเหมือนคนใต้ แต่ไอ้ทิตก็พูดใต้สำเนียงชัดเจน

“กูสั่งมึงว่าไงไอ้ทิต ไปตามไอ้พวกนั้นมาหากูให้หมดทุกคนเดี๋ยวนี้”

ไอ้ทิตหน้าเผือด ลองนายหัวเอ่ยปากแบบนี้แสดงว่ากำลังไม่ถูกใจ

“เอ่อ...นายหัวครับ พวกผมจะขึ้นไปดูไอ้เรืองให้เห็นกับตา แต่หมอนีนไม่ให้ขึ้น บอกว่าขึ้นไปจะทำให้ไอ้เรืองติดเชื้อ ละ...และไอ้เรืองอาจตาย ถ้าเป็นแบบนั้นหมอนีนจะไม่รับผิดชอบครับนายหัว”

“แล้วใครเป็นเจ้านายพวกมึงห๊า!!! กู...หรือ...นังคุณหมอคนสวยนั่น” เสียงห้วนเริ่มแผดกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ทิตหัวหด เวรล่ะ งานนี้ไม่ถูกชกหน้าคว่ำก็ถูกถีบหน้าหงาย คุณหมอนะคุณหมอ ไอ้ทิตว่าแล้วไง!

“นะ...นายหัวสิครับ แต่...ผะ...ผมเป็นห่วงไอ้เรือง มะ...หมอนีนบอกให้...ปะ...ไปเยี่ยมพรุ่งนี้จะดีกว่าครับนะ...นะ...นายหัว” ไอ้ทิตละล่ำละลักบอก

“หน็อย...” นายหัวพยัคฆ์หันกลับไปคว้าปืนไรเฟิ่ลที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วส่องไปที่ไอ้ทิต “มึงไม่รู้รึไง นังหมอนั่นมันเป็นใคร มึงไปเชื่อคำแล้วไม่คิดห่วงไอ้เรืองบ้างเรอะ”

“ห๊า...อยะ...อย่าเล็งมาทางนี้สิครับนายหัว ผมไม่ใช่กระต่ายนะครับ ผะ...ผม...คิดว่าหมอนีนต้องมีจรรยาบรรณ ไม่งั้น...พะ...พวกเราคงตายไปไม่รู้กี่คนแล้วล่ะครับนายหัว” เสียงของไอ้ทิตระรัวเร็ว เนื้อตัวสั่นพั่บๆ ภาวนาขออย่าให้ปืนไรเฟิ่ลมีลูกกระสุน แต่ทว่าคำภาวนาคงไม่เป็นผล เพราะนายหัวพยัคฆ์เตรียมอาวุธให้พร้อมใช้ป้องกันตัวจากคู่อริฝ่ายตรงข้ามและสัตว์ป่าในยามเข้าป่า

เวลา 12 ปี ที่ผ่านมา เปลี่ยนนักศึกษาให้เป็นเจ้าของสวนยางพารา รีสอร์ตทั้งบนภูเขาและริมทะเล ทั้งหมดนี้พยัคฆ์ได้เงินลงทุนจากลุงเจ็ทส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นลุงที่เขารักดั่งพ่อบังเกิดเกล้า ลุงเจ็ทหรือไกรนาถ เจ็ทเตอร์ ริชแมน คือญาติที่เหลือเพียงคนเดียวของมารดา แต่เพราะลุงเจ็ทมีแม่เป็นคนอิตาลีและมีพ่อเป็นคนไทย ลุงเจ็ทจึงมีรูปร่างหน้าตาออกไปทางยุโรป มีคนสงสัยว่าลุงเจ็ทอาจจะเป็นพ่อของพยัคฆ์ เพราะพยัคฆ์ก็มีโครงหน้าแบบฝรั่งมังค่า รูปร่างก็สูงตระหง่านกว่าคนไทยไซส์มาตรฐาน

พยัคฆ์เองก็อยากให้ลุงเจ็ทเป็นพ่อแท้ๆ ของเขา แต่ไม่มีวันเป็นไปได้ แถมพ่อแท้ๆ ของเขาก็เลวจนไม่เหมาะจะเป็นพ่อคนด้วยซ้ำ

“ถ้ามึงเชื่อนัก มึงก็ไปอยู่ข้างโน้นซะเลยสิวะไอ้ทิต!!”

ไอ้ทิตขาอ่อนลงไปนั่งคุกเข่าพังพาบลงกับพื้นดิน คนงานคนอื่นที่ทยอยมาดูไม่มีใครกล้าห้าม มีไอ้สินเท่านั้นที่วิ่งเข้ามาละล่ำละลักบอกเจ้านายจอมทมิฬของตน

“นายหัว! พวกผมต้องเชื่อหมอ เพราะชีวิตไอ้เรืองอยู่ในมือหมอ ถ้าไปขัดใจหมอ หมออาจจะ...ปล่อยให้ไอ้เรืองตายนะครับ”

“ถ้าเป็นหมออื่น กูจะเชื่อ แต่นี่หมอนีน ให้ตายยังไงกูก็ไม่เชื่อ” พยัคฆ์แผดเสียงคำรามก้องประดุจเสือร้าย บุหรี่ที่คาบอยู่หมดมวนเขาก็บ้วนทิ้งไม่สนใจจะขยี้ดับ ปืนไรเฟิ่ลกระบอกยาวยังเล็งตรงมาที่ไอ้ทิต ความกลัวทำให้ไอ้ทิตน้ำตารื้น

“แต่วังวิเศษก็มีแต่หมอนีนกับหมอพิรัชต์เท่านั้นนะครับ โธ่...นายหัวครับ ถ้าหมอนีนคิดจะฆ่าใครสักคน คงลงมือไปนานแล้วล่ะครับ”

ก็จริงของไอ้สิน แต่นังหมอคนสวยนั่นยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี ก่อนหน้านี้คนของเขาก็ส่งไปให้หมอรักษา เจอหมอพิรัชต์บ้าง เจอหมอนีนบ้างแล้วแต่โอกาส หลายคนหมอนีนก็รักษาดีกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ยังไม่มีใครสักคนที่ต้องไปนอนแหมบไร้สติอยู่แบบนั้น บางทีหมอนีนอาจจะใช้โอกาสนี้แก้แค้เขาก็เป็นได้

“ไปเอาตัวไอ้เรืองกลับมา!”

สิ้นเสียงสั่งกร้าวไอ้ทิต ไอ้สิน และทุกคนก็แยกย้ายกันไปชนิดหางจุกตูด พยัคฆ์ขบกรามแน่นกรอด หมอนีรธาราต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ ลูกเสือลูกตะเข้แบบนั้นไม่มีทางคิดดีกว่าคนเป็นพ่อ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องถูกสั่งสอนให้จงเกลียดจงชังและคิดแค้นวางแผนจะเล่นงานเขาแน่นอน

คิดแล้วร่างสูงก็เก็บปืนไรเฟิ่ลและคว้าปืนพกลูกซองอีกกระบอกเหน็บเข้าที่ซอกเอว ก่อนจะก้าวเร็วรี่กระโดดขึ้นรถจิ๊บของไอ้ทิตไปด้วย

“นายหัวจะไปไหนครับ”

“กูก็จะไปกับพวกมึงไง กูรู้ว่าพวกมึงไม่มีทางเอาไอ้เรืองกลับมาได้แน่ แค่นังหมอปากหวานหน้าสวยทำมารยาใส่นิดเดียว พวกมึงก็หลงหัวปักหัวปำแล้ว แต่กูจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ ออกรถ!”

คุณหมอนีรธาราปาดเหงื่อหลังจากฉีดยาฆ่าเชื้อและลดไข้ให้เรืองเสร็จแล้ว ร่างกายของเรืองอ่อนแอ ถ้าจะให้เดาคงเพราะเรืองดื่มเหล้าจนแทบไม่ได้พักผ่อนเลย พอลุกขึ้นได้ก็ต้องทำงานในสวนยางและยังต้องมีเรื่องกับคนของนายหัวสิงขรจนถูกยิงที่ช่องท้อง ดีที่ลูกตะกั่วไม่ทะลุผ่านอวัยวะสำคัญ ไม่งั้นล่ะก็...

ตอนนี้เรืองมีไข้สูงจำเป็นต้องให้พยาบาลมาเฝ้าดูอาการตลอด แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาเลิกงานนางพยาบาลที่ไม่ได้อยู่เวรก็อยากกลับบ้านไปพักผ่อนทั้งนั้น ส่วนนางพยาบาลที่อยู่เวรก็มีแค่ 2 คน และตอนนี้ก็ต้องช่วยหมอพิรัชต์เข้าเวรช่วงดึก ซึ่งค่ำนี้ดูเหมือนจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งประสบอุบัติเหตุเรือสปีทโบ๊ทล่มจากการบรรทุกเกินน้ำหนัก โรงพยาบาลในอำเภอสิเกาแบ่งคนเจ็บส่วนหนึ่งมารักษาที่นี่ หมอพิรัชต์จึงเกณฑ์นางพยาบาลเพิ่มอีก 3 คน ให้ไปช่วย หมอนีรธาราก็อยากช่วยแต่อาการของเรืองก็น่าเป็นห่วง จึงจำต้องปลีกตัวมาช่วยเรืองก่อน

พอเสร็จจากเรืองหมอนีนก็ตั้งใจจะลงไปช่วยหมอพิรัชต์แลกเปลี่ยนกับนางพยาบาลคนหนึ่งให้มาเฝ้าดูอาการของเรืองแทน แต่พอลงมาถึงปริมาณคนเจ็บจากอุบัติเหตุเรือสปีดโบ๊ทก็ลดลงไปมาก เนื่องจากคนเจ็บที่กลับบ้านได้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่มีคนเจ็บคนหนึ่งซึ่งขาถูกใบพัดเรือฟันต้องทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และในขณะนี้หมอพิรัชต์ก็กำลังผ่าตัดช่วยชีวิตนักท่องเที่ยวรายนั้นอยู่

“ดีนะคะ ที่ยังมียาชายาสลบเหลืออยู่พอให้คนเจ็บรายนี้ได้ใช้ ไม่อย่างนั้น...เฮ้อ”

นางพยาบาลคนหนึ่งหันมาบอกหมอนีน ซึ่งหมอคนสวยก็พยักหน้ารับอย่างพอใจในการตัดสินใจของตนก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นภายภาคหน้า หากยาไม่พอต่อความต้องการจำต้องให้คนเจ็บนอนรอยาที่ต้องติดต่อขอมาจากโรงพยาบาลใหญ่ๆ ซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควร เรื่องยาเป็นเรื่องสำคัญที่หมอนีนพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด

“เห็นทีต้องเร่งเรื่องยาชายาสลบหน่อยแล้ว แจ้งไปตั้งนานแล้วทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้” หมอนีนเปรยขึ้น

“จริงด้วยค่ะ ทำไมถึงชักช้าแบบนี้นะคะ หรือจะเห็นว่าโรงพยาบาลของเราเป็นแค่โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่ค่อยมีผู้ป่วยคะ แต่แหม...ถึงนานทีจะมีทีก็มีมาราวกับนัดกันไว้เลยนะคะหมอนีน ถ้าจะให้ดีคุณหมอเร่งเรื่องยาที่ใกล้จะหมดด้วยดีกว่านะคะ ถ้าชักช้านักก็ให้นายหัวสิงขรขู่ซะเลย ทีนี้คงจะรีบมาส่งให้เร็วด่วนจี๋เลยล่ะค่ะ”

หมอนีนพยักหน้าอีกครั้ง บางทีเธออาจจะต้องทำตามคำแนะนำของนางพยาบาลในเรื่องนี้เสียแล้ว บารมีของนายหัวสิงขรคงพอช่วยเรื่องนี้ได้

“ในเมื่อทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว เธอก็กลับไปเถอะ ถึงอยู่ไปก็ไม่ได้โอทีเพิ่มขึ้น เดี๋ยวฉันช่วยทางนี้เองจ้ะ”

นางพยาบาลคนนี้มีลูกเล็กที่รอการกลับมาของแม่อยู่ที่บ้าน หมอนีรธาราจึงไล่ให้กลับไปหาลูก เพราะหากจะอยู่ต่อก็จะไม่ได้เงินค่าจ้างเพิ่มขึ้นถ้าไม่ใช่เวรดึก หลายอย่างในอำเภอนี้และละแวกใกล้เคียงควรจะต้องปรับปรุงเสียทีเพื่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ขาดแต่คนที่จะช่วยเดินเรื่องต่างๆ เท่านั้น

“ขอบคุณค่ะหมอนีน จะได้กลับไปหาข้าวให้ไอ้ตุ่นกิน ป่านนี้คงหิวแล้ว ไปก่อนนะคะหมอนีน”

นีรธาราเข้าไปดูหมอพิรัชต์ในห้องผ่าตัดเล็กๆ บาดแผลที่ขาฉกรรจ์มาก ถ้าเธอไม่ใช่หมอแต่เป็นชาวบ้านธรรมดาคงยืนดูแบบนี้ไม่ได้ เสียงฝีเท้าของคนหลายคนเดินเข้ามาในโรงพยาบาลเรียกให้หมอสาวต้องออกไปดู แต่แล้วร่างบางต้องหยุดชะงักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลและวางตัวเป็นมาเฟียบ้านป่าอย่างนายหัวพยัคฆ์

“ไอ้เรืองอยู่ไหน ผมจะมารับมันกลับ”

ร่างบางในชุดกระโปรงลายดอกสีหวานยาวแค่เข่าอวดเรียวขาขาวเนียนยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม การเผชิญหน้ากับนายหัวพยัคฆ์ไม่ใช่เรื่องที่น่าพิสมัยสำหรับเธอ หากเลี่ยงได้เธอก็อยากจะเลี่ยงแต่ที่นี่คือสถานที่ที่เธอควรจะอยู่มากที่สุด และเขาก็ไม่ควรจะเข้ามาข้องแวะกับเธอในสถานที่แห่งนี้

“หูหนวกหรือไงหมอ ผมถามว่าไอ้เรืองอยู่ไหน!” พยัคฆ์ส่งเสียงกร้าว

“พวกเธอไม่ได้บอกเขาเหรอว่าเรืองต้องอยู่ในความดูแลของหมอที่นี่น่ะ” นีรธาราถามไอ้ทิตที่ยืนถัดจากเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งข่มร่างเพรียวของไอ้ทิตจนเกือบมิด

“มันไม่เกี่ยวว่าไอ้ทิตจะบอกหรือไม่บอก มันเกี่ยวที่ไอ้เรืองอยู่ไหน มันจะนอนที่นี่ไม่ได้” ประโยคดื้อดึงนี้ดังออกมาจากเรียวปากภายใต้ไรหนวดที่ขึ้นจนครึ้ม

“ถ้างั้นก็แสดงว่านายหัวพยัคฆ์คงไม่มีหูจะรับฟังคำใครสินะคะ หรือฟังแต่ไม่เข้าใจ ถ้างั้นทิตพูดภาษาไทยให้เจ้านายเธอฟังหรือเปล่าล่ะ”

“หมอนีน!!!”

ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเดียวก็มาหยุดจนชิดข่มร่างบอบบางให้เล็กลงอีกเท่า ลมหายใจอุ่นร้อนกรุ่นกลิ่นบุหรี่ลอยมาปะทะใบหน้าทำให้หมอสาวต้องเบี่ยงตัวหนีหมายจะเดินหนีเขาซะ แต่มือหนาหยาบกร้านที่ตะปบต้นแขนเล็กบางและรั้งเอาไว้ก็ไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน

“อย่าเดินหนีผม ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

นีรธาราเชิดหน้าขึ้น ที่นี่คือโรงพยาบาลและเขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก

“ฉันจะพูดภาษาไทยให้คุณฟังชัดๆ นะคะนายหัว เรืองต้องอยู่ในความดูแลของหมอ ยังกลับบ้านไม่ได้ แต่ถ้าคุณอยากให้เรืองตายก็เอาไป” เธอตอบพร้อมทั้งสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม

“ไอ้เรืองมันต้องตายแน่ถ้ามันยังอยู่ที่นี่”

คุณหมอสาวต้องชะงักขาที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อหันมามองเขาตรงๆ อย่างพินิจ สีหน้าและแววตาของนายหัวพยัคฆ์พร้อมจะตั้งข้อกล่าวหาให้เธอเต็มที่ เขาเกลียดเธอ เธอรู้ดี ต่อให้เธอเป็นนางฟ้ามีเวทมนตร์เสกให้เรืองหายเป็นปกติ เขาก็ไม่มีวันมองเธอในแง่ดีได้

เจ้าของร่างบอบบางต้องเงยหน้าเพื่อสบตากับคนสูงถึง 190 ซ.ม. ในขณะที่เธอสูงเพียง 165 ซ.ม. ยิ่งเข้าใกล้ร่างหนาก็ยิ่งข่มเธอให้เล็กลีบลงแต่ไม่ใช่หัวใจ เธอกล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยกลัวเขา เพียงแต่ไม่อยากข้องแวะ ไม่อยากเข้าใกล้ หากจะต้องรักษาคนของเขาก็ภาวนาขออย่าให้ต้องเผชิญหน้ากับเขาเป็นพอ

“คุณคิดว่าฉันจะทำอะไรเรืองหรือคะนายหัว”

“เขาว่าคนเป็นหมอ มอบชีวิตใหม่ให้ได้ และปลิดชีวิตได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“คุณคิดว่าฉันจะไร้จรรยาบรรณขนาดนั้นเชียวเหรอคะ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันไม่รอให้ถึงวันนี้หรอกค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรือง จะเป็นทิตหรือคนอื่นก่อนหน้าก็ได้ ถ้าคิดจะทำ”

“ก็ฆ่าช้าๆ ไง คนใจร้ายอย่างคุณไม่ฆ่าใครตายเร็วๆ หรอกหมอนีน คุณมันพวกองอาจสกุลไกร พวกผู้ร้ายในคราบนักบุญ”

“จะคิดอย่างไรก็ช่างคุณเถอะ อยากพาเรืองกลับก็เอาไปเลย หลังจากนี้ฉันจะไม่รับผิดชอบชีวิตของเรืองอีก”

นีรธาราเดินหนีอย่างเหนื่อยใจและโกรธขึ้ง เขาจะจงเกลียดจงชังอะไรนักหนา ทำไมนายหัวสิงขรและนายหัวพยัคฆ์ถึงไม่ยอมคุยกันดีๆ ไม่คุยกันแล้วก็พาลพาโลใส่คนอื่น คนใจแคบ!

นายหัวพยัคฆ์พยักหน้าให้คนของตนขึ้นไปพาตัวเรืองลงมา แต่แล้ว...

“นายหัวครับ นายหัว!” เสียงของไอ้ทิตฟังดูร้อนรนจนพยัคฆ์ต้องสาวเท้าเร็วรี่ขึ้นไปดู

“มีอะไรวะ”

“ไอ้เรืองตัวร้อนจี๋เลยครับ”

เท่านั้นพยัคฆ์ก็จับตัวเรืองแล้วชักมือกลับแทบทันที สภาพของเรืองในตอนนี้ไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ ตัวเรืองร้อนจัด ใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้นเต็ม ริมฝีปากเรืองซีดขาว พอมองบาดแผลที่กลางหน้าท้องเห็นผ้าปิดแผลมีเลือดซึมออกมามาก ร่างสูงก็สบถหยาบคายแล้วรีบลงไปกระชากร่างเล็กจนปลิวปะทะอกกว้างถึงในห้องตรวจ

“ว้าย!!” นีรธาราอุทานเสียงหลง

“นี่น่ะเหรอที่เธอบอกจะไม่ทำ เธอตั้งใจทำให้ไอ้เรืองเป็นแบบนี้ใช่ไหมหมอนีน!!” เสียงของเขาไม่เบาเลย มือที่กำท่อนแขนบอบบางก็เขย่าจนเธอหัวสั่น พยายามจะบิดแขนออกจากการเกาะกุมเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ยิ่งบิดก็ยิ่งเจ็บ

“ก็ฉันบอกแล้วว่าเรืองจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงคะนายหัวพยัคฆ์” เธอฉุนเฉียวให้บ้าง

“ฉันอยากจะรู้ว่าเธอทำอะไรไอ้เรืองฮึหมอ มานี่สิ” ว่าแล้วร่างบางก็ถูกกระชากลากถูขึ้นไปดูสภาพของไอ้เรือง นีรธาราเห็นแล้วก็นึกสงสารเรือง เธอจะช่วยชีวิตเขาให้ได้ ถ้าไม่มีใครมาขัดขวาง

“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยัง ว่าทำไมไอ้เรืองถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ฮะ”

นีรธาราถูกผลักจนสะโพกกระแทกกับเตียงของเรือง เธอนิ่วหน้าอย่างเจ็บแปลบ ก่อนจะหันไปคลำตัวคนเจ็บ

“ไข้ขึ้นอีกแล้วหรือนี่” เธอพึมพำแล้วจะเดินผ่านร่างสูงตระหง่านของคนที่ตั้งท่าจะคุกคามตลอดเวลา มือใหญ่เอื้อมมาจับข้อมือแล้วดึงเหวี่ยงกลับมาที่เดิม

“คิดจะหนีเหรอ” เขากล่าวหา

“จะบ้าเหรอคุณ ฉันเป็นหมอ ทำไมต้องหนีด้วย ฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวเรือง ปล่อย!” คุณหมอสาวพยายามสะบัดมือให้หลุดทั้งยังใช้มืออีกข้างช่วย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอ “คุณนี่ถ้าจะบ้าเข้าขั้นนะ นอกจากจะชอบมีเรื่องมีราวแล้วยังชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าอีก ทำแบบนี้ไปนุ่งกระโปรงซะเลยสิ โอ๊ย!!!” ร่างบอบบางปะทะอกกว้างเต็มแรงจนจุก ร่างเขาทั้งใหญ่ทั้งหนาและแข็งแกร่งราวภูผา ความนุ่มนิ่มที่ต้องปะทะเต็มแรงก็ราวจะบอบช้ำไปทั้งตัว

“ปากดีนักนะหมอ น่าจะเอาแฟ้บมาล้างปากโสโครกนี่ให้สะอาดนักเชียว”

“คุณน่ะสิโสโครก จิตใจคุณสกปรกโสมมและวิปริตมากรู้ตัวไว้ด้วย คุณกำลังจะฆ่าเรืองตาย”

“ใครกันแน่ที่ทำให้ไอ้เรืองมันมีสภาพเป็นแบบนี้ เธอนั่นแหละนังคุณหมอหน้าสวย แต่ใจต่ำช้า คนของฉันเคยบอกว่าเธอไม่ยอมฉีดยาชาหรือวางยาสลบให้เวลาที่ต้องรักษา เธอเป็นหมอภาษาอะไร ทำร้ายคนเจ็บได้ลงคอ แล้วนี่อะไร ไอ้เรืองมีสภาพเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะบาดแผลมันอักเสบเรอะ เธอคงไม่ได้ใส่ยาให้มันสินะ คงอยากให้มันตายจะได้สาแก่ใจพวกองอาจสกุลไกรล่ะสิ ห๊า...”

“ที่จริงแล้วพวกคุณมันก็สมควรตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป โลกหนักๆ ใบนี้จะเบาขึ้นอีกเยอะ โอ๊ย!!”

พยัคฆ์บิดข้อมือหมอนีนให้เธอเจ็บ เขาเกลียดเธอ เกลียดทุกคนที่เป็นองอาจสกุลไกร เกลียดยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น

“คนที่สมควรตายคือพวกองอาจสกุลไกรต่างหากเล่า!”

“ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวน้ำตาซึม แขนของเธอเจ็บจากแรงเหนี่ยวรั้งชนิดไม่บันยะบันยังนั่น อีตาบ้านี่น่าจะถูกส่งไปรักษาโรคทางจิต แต่ก่อนไปควรจะเอาอะไรมาครอบปากเน่าๆ นี่เอาไว้ จะได้ไม่เผลอไปกัดใครเขาเข้า

ร่างนุ่มนิ่มที่เบียดแนบชิดลำตัวปลุกความรู้สึกบางอย่างได้ในขณะที่สมองของเขากำลังฉุนเฉียว ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่ควรจะเกิดผิดที่ผิดเวลาแบบนี้ ไม่ควรจะเกิดจากแม่สาวใจร้ายไม่ต่างอะไรจากพ่อของเธอคนนี้ คนที่เขาควรเกลียดให้ลึกสุดใจ นึกแล้วก็อยากบีบคอเล็กๆ เอามาจิ้มน้ำพริกกินเหลือเกิน ลมหายใจของเธอถ้าไม่หอมราวกับน้ำหอมราคาแพง รับรองได้ว่าเขาจะหักคอเธอจิ้มน้ำพริก ไม่ให้หายใจได้อีกต่อไป

ความเกลียดชังที่ไพล่ส่งไปถึงอีกคนที่อยู่ในห้วยยอดดูจะเพิ่มขึ้นทุกวินาที ยิ่งได้มาเห็นสภาพของเรืองแบบนี้ ความโกรธเกลียดก็ยิ่งทวีคูณจนนับจำนวนไม่ได้

ตาคมกริบหลุบมองดวงหน้ารูปหัวใจหวานแหลม เห็นริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อยชุ่มฉ่ำเผยอนิดๆ พอให้สายตามองทะลุเข้าไปเห็นไรฟันขาว แล้วก็ละสายตาลงมองลำคอระหงขาวผ่อง นึกอยากจะกัดแล้วดูดเลือดให้เธอดาวดิ้นเสียตรงหน้า แต่ทว่าแรงกดบริเวณข้อมือที่ดันร่างบางให้แอ่นเข้าหามากขึ้นโดยอัตโนมัติ กับสัมผัสนุ่มของทรวงอกอิ่มจนกะขนาดโนมเนื้อสองก้อนที่เบียดบี้ไปกับอกกว้างได้ถนัด พยัคฆ์ก็ระบายลมหายใจร้อนๆ ออกมาเต็มแรง

“อา...อา...” เสียงแผ่วๆ ดึงขัดขึ้นดึงความสนใจของทุกคนไปที่เตียงคนเจ็บ

“นายหัวครับ ไอ้เรือง...”

สิ้นเสียงของไอ้ทิต ร่างบางที่กำลังถูกภัยคุกคามในทุกด้านก็ถูกปล่อย จรรยาบรรณในความเป็นหมอทำให้เธอต้องรีบไปเอากะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนูก่อนจะกลับมาใหม่

“จะทำอะไร!” พยัคฆ์ไม่ไว้ใจนีรธารา

“เอามาสาดไล่หมาแถวนี้ล่ะมั้ง” นีรธาราก็ไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแต่ก็ยอมเบี่ยงตัวหลบร่างเล็กให้เข้าไปชิดเตียงคนเจ็บ คุณหมอสาวบรรจงเช็ดตัวให้เรืองพร้อมทั้งเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้ใหม่ ป้อนยาลดไข้และยาแก้อักเสบหลังจากที่ดูเวลาจนแน่ใจแล้ว

“ยาอะไร” คนตัวโตถาม

“ยาพิษ!” คุณหมอคนสวยตอบโดยไม่มองหน้า ร่างสูงขยับตัวนิดเดียวข้อศอกแหลมเล็กของคนตัวเล็กก็ถูกกระชากเต็มแรง

“ตอบใหม่ ถ้าไม่ดี เราได้เห็นดีกันแน่หมอ”

“คนเป็นไข้ตัวร้อนเขาต้องกินยาอะไรล่ะ สมองไม่ได้มีประโยชน์แค่เติมกระโหลกให้เต็มเท่านั้นนะ”

“ถ้าพูดอีกครั้งเดียว อย่าหาว่าไม่เตือน” พยัคฆ์ขู่ แต่มีหรือนีรธาราจะกลัว เธอไหวไหล่ก่อนจะดึงตัวออกห่างคนบ้า แล้วสำรวจคนเจ็บอีกหน ท่าทีของเธอทำให้พยัคฆ์ต้องสำรวจไปทั่วเนื้อตัวไอ้เรืองบ้าง

“เรืองต้องการการดูแลที่ดีจนกว่าจะฟื้นขึ้นมา ถ้าคุณพาเขากลับตอนนี้ ฉันว่าเขาไม่รอดแน่”

“แค่ถูกยิง ไม่ได้ถูกจุดสำคัญด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงคิดว่าจะไม่รอด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอขาดจรรยาบรรณความเป็นหมอ”

“เฮ้อ...ในหัวของคุณคิดได้แค่นี้น่ะเหรอ ฉันจะอธิบายให้ฟังก็ได้นะ พวกคุณมีเรื่องกันแทบทุกวัน และทุกครั้งก็ต้องมีคนเจ็บ ดีที่ยังไม่มีใครตาย แล้วการรักษาก็ต้องใช้ยา ทั้งยาชา ยาสลบ ในกรณีที่ต้องผ่าตัด ซึ่งโรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลเล็กๆ ในตัวอำเภอ หากยาหมดจะต้องสั่งและรอจนกว่าเภสัชจะมาส่ง หรือหากจะทำเรื่องเบิกจากโรงพยาบาลใหญ่ก็ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลา ฉันจำเป็นจะต้องใช้ยาสลบอย่างประหยัด ใช้เท่าที่เห็นว่าจำเป็น”

“หมายความว่าถ้าเป็นคนของฉันเจ็บ เธอจะพยายามลดปริมาณยาเพื่อเก็บไว้รักษาคนอื่นงั้นสิ”

“ฉันไม่ได้ลดปริมาณยารักษาโรคทุกชนิด ฉันก็ให้ยาตามปริมาณที่พอเหมาะจนแน่ใจว่าจะต้องหาย แต่ในกรณีของพวกคุณ ฉันยอมรับว่าต้องเก็บยาชายาสลบเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ดูอย่างวันนี้สิ ถ้านักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุต้องผ่าตัดด่วนเพื่อรักษาชีวิตจะไม่มียาให้ใช้ เพราะฉันเอามาใช้กับคนของคุณหมด บาดแผลก็ต่างกันมาก คุณคิดว่าฉันทำผิดตรงไหน”

“มอร์ฟีนล่ะ”

“มอร์ฟีนไม่ได้ทำให้ชานะคุณ มันมีฤทธิ์ทำให้หายปวด และมันไม่จำเป็นต้องใช้กับเรือง อาการของเรืองตอนนี้เกิดจากการอักเสบ เราก็ต้องรักษาการอักเสบสิคุณ”

“คุณจะทำยังไงก็ได้ แต่ต้องทำให้เรืองหาย” พยัคฆ์ไม่ไว้ใจอาการของเรือง พอๆ กับไม่ไว้ใจหมอนีน หากแต่เขาก็พาเรืองกลับบ้านในสภาพนี้ไม่ได้ ไม่มีใครช่วยเรืองได้นอกจากหมอ

“ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นหมอมีจรรยาบรรณ ฉันจะรักษาเรืองให้หาย” นีรธารารับปาก ก่อนจะโบกมือไล่คนของเขาลงไปให้หมด “กลับกันไปได้แล้ว ทุกคนมีเชื้อโรคทั้งนั้นจะทำให้เรืองติดเชื้อได้ ทีนี้ล่ะคงยากแก่การรักษา”

“พวกมึงกลับไปก่อน กูจะอยู่เฝ้าไอ้เรืองเอง”

ประโยคนี้ของพยัคฆ์เรียกให้หญิงสาวต้องชะงักมือแล้วหันมองอย่างไม่พอใจ ที่เธอไล่ไม่ได้หมายความแค่ลูกน้องตัวกระจ้อยร่อยที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยความสกปรกเพราะเหตุมีเรื่องกันกลางตลาด แต่ยังหมายถึงตัวลูกพี่จอมเบ่ง ขี้โวยวาย ปากร้ายและใจทมิฬด้วย ฮึ...เนื้อตัวเขาก็ไม่ได้สะอาดไปกว่าลูกน้องเท่าไหร่หรอกน่า

“คุณก็ด้วย ฉันไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวายทั้งนั้น”

“ไม่! ฉันไม่กลับ”

“ก็ตามใจ แต่ถ้าเกิดอะไรกับเรืองขึ้นมา ฉันจะไม่รับผิดชอบ”

นีรธารายกกะละมังใส่ผ้าเดินหนี พยัคฆ์ลังเลเป็นห่วงไอ้เรืองก็ห่วง กลัวจะเป็นสาเหตุทำให้ไอ้เรืองติดเชื้ออย่างที่คุณหมอขู่ก็กลัว และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาคงจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่ เรืองเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์มานาน เกิดอะไรขึ้นเรืองจะออกรับแทนเขาเสมอ แม้เขาจะไม่เคยต้องการก็ตามที เรืองอ้างว่าถ้าเขาเป็นอะไรไป นายแม่จะเป็นยังไง จริงสิ แม่ของเขาคงจะรู้เรื่องแล้ว ป่านนี้คงกำลังร้อนใจอยากเจอหน้าเขาเต็มแก่ หากไม่กลับบ้านคืนนี้ แม่ก็คงไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเป็นห่วงลูกหัวดื้ออย่างเขา

“หมอ พรุ่งนี้...ถ้าไม่เห็นไอ้เรืองลืมตาขึ้นมาล่ะก็ หมอต้องรับผิดชอบ ไปเว้ย กลับ”

นายหัวจอมทมิฬพาพรรคพวกกลับไปแล้ว นีรธาราค่อยหายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย เธอผ่อนลมหายใจแรงๆ ก่อนจะเฝ้าดูอาการของเรืองต่อไปอย่างใกล้ชิด ต่อให้พยัคฆ์ไม่ออกคำสั่งเถื่อนๆ นั่น เธอก็ต้องทำแบบนี้ ชีวิตของคนมีค่าเท่าเทียมกันทุกคน และเธอก็ไม่เลือกที่รักมักที่ชังด้วย

“ตู๊ดๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือดังอยู่ในกระเป๋าเสื้อ นีรธารากดรับทันทีที่เห็นเบอร์โทร.

“ยังไม่เลิกงานอีกเหรอนีน ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับล่ะลูก” เสียงทุ้มนุ่มของคนเป็นพ่อ ทำให้เธอระบายยิ้มออกมาบางๆ

“นีนมีเคสพิเศษค่ะ คืนนี้อาจจะไม่ได้กลับนะคะคุณพ่อ ไม่ต้องห่วงนีนนะคะ คนไข้รายนี้อยู่ในขั้นวิกฤติค่ะ” เธออธิบาย

“ใครรึ อย่าบอกนะว่าเป็นคนของไอ้เสือ”

“ค่ะ”

“ปล่อยๆ ให้มันตายๆ ไปสิ จะไปรักษาพวกมันทำไมให้เปลืองหยูกยาฮะ คนเลวพวกนั้นสมควรตาย”

“คุณพ่อขา...นีนเป็นหมอนะคะ มีหน้าที่รักษาคน นีนปล่อยให้เขาตายไม่ได้หรอกค่ะ” เธอบอกเสียงอ่อน คิดจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“คนเลวๆ พรรค์นั้น อยู่ไปก็หนักโลก สมน้ำหน้ามัน อยากหาเรื่องดีนัก”

“ฝีมือคนของคุณพ่อใช่มั้ยคะ คุณพ่อคะ นีนไม่ได้อยากยุ่งสักเท่าไหร่หรอกนะคะ แต่นีนไม่อยากเห็นใครบาดเจ็บเลือดท่วมตัวเพราะเหตุทะเลาะวิวาทกันอีก ทำไมคุณพ่อกับนายหัวพยัคฆ์ไม่คุยกันดีๆ ล่ะคะ นีนคิดว่า...”

“หยุดเลยยัยนีน อย่าพูดอย่างนี้ให้พ่อได้ยินอีก ลูกไม่รู้เหรอว่าพ่อเกลียดมันมากแค่ไหน พวกมันไม่สมควรจะเหยียบบนผืนดินเดียวกับเรา”

“คุณพ่อคะ นีน...”

“ถ้าขืนยังไม่หยุดพูด พ่อจะส่งคนไปรับนีนกลับบ้าน แล้วปล่อยให้มันนอนพะงาบรอความตายอยู่ตามลำพัง”

นีรธาราถอนใจ เป็นอย่างนี้ไปเสียทุกครั้งที่เธอพยายามเกลี้ยกล่อมบิดาเรื่องนี้ พ่อเธอไม่ยอมฟังคำใครทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะพยายามพูดให้ท่านคล้อยตามสักแค่ไหน ท่านก็ยังคงยึดมั่นในความคิดของตัวเองตลอด เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มันมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ในสายตาของพวกเขาคงไม่เคยมองข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่เธอมองเห็นและคิดว่าแน่ใจพอสมควรทีเดียวล่ะ

“แค่นี้นะคะคุณพ่อ หนูรักคุณพ่อคุณแม่ค่ะ” เธอบอกบิดาก่อนจะวางสายอย่างเหนื่อยใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel