บทที่ 4
อุ้มบุญ
“ผมอยากให้หยิกมาเป็นแม่อุ้มบุญให้กับผม เพราะผมคิดว่า ผมจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นานแล้ว”
“หา! คุณบาสเป็นอะไรคะ” เธอทั้งรักและบูชาเขาแบบผู้มีพระคุณ แค่รู้ว่าเขาไม่สบาย เฌติยาก็ใจหาย
“มะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย หมอจะนัดผ่าตัดในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ แล้วหลังจากนั้นจะให้ทำเคมีบำบัด แต่...” เขานิ่งไป
“มะเร็งมันอยู่ในระยะลุกลามแล้ว” นัยน์ตาหมดสิ้นกำลังใจ บารมีรู้ว่าหมอต้องหาวิธีรักษา แต่เขาเป็นเจ้าของร่าง ความเจ็บปวดที่เขาเป็น และสภาพที่ในตอนนี้ ทำให้เขามองว่าหมอแค่ปลอบใจ
“ทำไมเป็นแบบนี้ค่ะ คุณบาสไม่รู้ถึงอาการมาก่อนหรือยังไงคะ” น้ำเสียงสั่น ถามไปก็น้ำตาไหลไป ใจเสียอย่างชัดเจน หันไปมองหน้าป้าบัวจันทร์ก็มีอาการเหมือนกันกับเธอ
“ก็รักษามาเรื่อย ๆ เพียงแต่ไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง” ตอบออกมาอย่างสิ้นหวังจริง ๆ
“โธ่เอ๊ย ทำไมนะ เรื่องร้าย ๆ จะต้องมาเกิดกับคนดี ๆ” ป้าอดที่จะพูดออกมาแบบนี้ไม่ได้
“คุณบาสจะให้หยิกทำอะไรนะคะ” แววตามุ่งมั่น น้ำเสียงมั่นใจ มองเข้าไปในดวงตาของคุณบารมี
“อุ้มท้องลูกของผม โดยการผสมเทียม”
“ค่ะ หยิกเต็มใจที่จะอุ้มท้องให้กับลูกของคุณบาสค่ะ”
“หยิก” บารมีตกใจไม่น้อย
“ยายหยิก” ป้าบัวจันทร์ยิ่งตกใจใหญ่ ทั้งคู่แทบจะเรียกชื่อเธอออกมาพร้อม ๆ กัน
“คิดดี ๆ นะ” ป้าบัวจันทร์เตือน
“ใช่ เก็บเอาไปคิดก่อนก็ได้นะหยิก ผมไม่ได้บังคับ หรือว่า... รีบเร่งเอาคำตอบตอนนี้”
“ไม่ค่ะ หยิกจะไม่เปลี่ยนใจ ตอนที่หยิกเล็ก หยิกลำบาก หยิกอยากเรียนหนังสือ หยิกก็ได้โอกาสมาจากคุณบาสมาโดยตลอด ตั้งแต่ประถมตอนปลาย จนจบปริญญาตรี โดยที่หยิกไม่เคยได้ทำอะไรตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของคุณบารมีเลย หยิกขอทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจค่ะ”
“ยายหยิก” ป้าหันมาจับมือหลานเอาไว้แน่น
“ป้าคะ เวลาที่เราขาดเหลือ ไม่มีจะกิน ก็ได้คุณบาสท่านช่วยเหลือ เราสองป้าหลานถึงได้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ หยิกไม่เคยลืมพระคุณ ป้าคะ นี่เป็นโอกาสเดียวของหยิกค่ะ ที่จะได้ทำอะไรตอบแทนคุณบาสบ้าง”
ทั้งป้าและหลานหันไปมองหน้าของบารมี ตอนนี้เขานั่งร้องไห้
“ขอบใจนะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่า และสั่นเครือ
“ผมจะให้เงินเป็นค่าตอบแทน และผมสัญญาด้วยหัวใจ สมบัติของผมทุกอย่างจะมอบให้กับเด็กคนนี้ที่เกิดจากหยิก และถ้าผมจากไป ผมขอฝากให้ทั้งสองคนรักและดูแลลูกของผมด้วย”
“ฮือ” ป้าบัวจันทร์ปล่อยโฮ คำพูดของบารมีเหมือนสั่งเสีย
“และอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะครับ ผมไม่อยากจะให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ ทุกคนจะเข้าใจว่า หยิกเป็นภรรยาของผม และท้องลูกของผม จะมีเพียงคุณหมอ ป้าจันทร์ หยิก และก็ผมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
“จะเอาแบบนั้นจริง ๆ หรือ ชีวิตทั้งชีวิตของแกนะหยิก” ป้าบัวจันทร์ถามขึ้นมาลอย ๆ
“ป้าจ๋า หยิกตัดสินใจแล้วค่ะ” เธอนั่งลงไปกับพื้น และก้มลงไปกราบที่แทบเท้าของป้า และหันไปกราบที่แทบเท้าของบารมี
“ป้าเป็นเหมือนแม่ แต่คุณบาสเป็นเหมือนพ่อค่ะ แม้จะไม่มีใครเป็นผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของหยิกก็ตาม และหยิกสัญญานะคะ หยิกจะรักและดูแลลูกของคุณบาสด้วยชีวิตของหยิก”
ฝ่ามือที่ซีดแบบไร้สีเลือดตบลงไปที่ศีรษะของเฌติยาเบา ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม แต่น้ำตานองหน้า เธอตอบตกลงทั้งที่เธอยังไม่รู้ว่า ทำแล้วจะได้อะไรจากเขา บารมีได้แต่คิดว่า เขาเลือกคนไม่ผิด เฌติยาเหมาะสมมากที่จะมาเป็นแม่ของลูกของเขา
การที่เขามีชีวิตครอบครัวที่พ่อแม่ไปคนละทาง ทำให้บารมีไม่ยอมรักใครและแต่งงาน แต่ทว่า สุดท้ายที่รู้ว่าตัวเองป่วย และใกล้หมดลมหายใจ เขากลับคิดเรื่องของทายาท
หลังจากวันนั้น เฌติยาก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของบารมี และได้ไปตรวจร่างกาย พร้อมกับมีการนัดหมาย การฉีดเชื้อ หรือการผสมเทียม (Intra Uterine Insemination หรือ IUI) คือการเอาเชื้ออสุจิของบารมี ที่เขาได้ฝากเอาไว้ที่นี่นานแล้ว ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกของเฌติยาในวันที่ไข่ตก
โดยแพทย์จะใช้ฮอร์โมนจากภายนอกช่วยฉีดเข้าไปหรืออาจมีการอัลตราซาวนด์ด้วย แล้วลองดูว่าการทำลักษณะนี้แล้วได้ผลหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ผล จะมีการทำเด็กหลอดแก้ว
การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ ‘IVF’ เป็นวิธีการปฏิสนธิภายนอกร่างกายในหลอดทดลอง จากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่ได้มาเพาะเลี้ยงต่อจนอายุสามถึงห้าวัน จึงนำกลับเข้าสู่ร่างกายของเฌติยา เพื่อให้เกิดการฝังตัว และตั้งครรภ์ต่อไป
ทั้งบารมีและเฌติยาต่างก็ลุ้นว่า เธอจะตั้งท้องลูกของเขาหรือไม่
ป้าบัวจันทร์ได้แต่ช่วยภาวนาให้ทุกอย่างสำเร็จ ให้เด็กมาเกิดกับหลานสาวตั้งแต่การฉีดเชื้อเข้าไป
ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ห้องตรวจแพทย์หญิงเย็นฤดี
“จากผลการตรวจสุขภาพ ร่างกายของคุณผู้หญิงพร้อมมาก ไข่ก็ตกพอดี สามารถฉีดเชื้อเข้าไปในร่างกายได้ในวันนี้เลย”
“จริงหรือครับ” บารมีสีหน้าตื่นเต้นและดีใจมาก เขาหันมายิ้มให้กับเฌติยา
“ใช่ค่ะ ว่าแต่ว่า คุณทั้งสองคนพร้อมแน่นะคะ”
“ค่ะ” เฌติยาตอบแบบฉะฉานมั่นใจ และก็ลอบพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ส่วนหนึ่งก็แอบกลัวอยู่ แต่ในเมื่อเธอได้ตัดสินใจที่จะอุ้มบุญลูกของเขาแล้ว เวลาจะช้าหรือเร็ว มันไม่สำคัญอีกต่อไป
บารมีรีบจับมือของเฌติยาแล้วบีบแน่น เธอหันหน้าไปยิ้มหวานส่งกำลังใจให้กับเขา พร้อมกับบีบมือตอบ
“ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญไปเตรียมตัวนะคะ” คุณหมอยื่นแฟ้มให้กับพยาบาลที่รออยู่
“หยิก” บารมีเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณบาส ทุกอย่างจะสำเร็จค่ะ”
“ขอบใจนะ”
“เชิญว่าที่คุณพ่อไปรอด้านนอกนะคะ”
“ครับผม” ใบหน้าที่ซีดจาง เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส และมีกำลังใจมากขึ้น
เฌติยาตามพยาบาลเข้าไปยังห้องด้านในเพื่อเริ่มกระบวนการต่างๆ
ก่อนจะจบสิ้นในหนึ่งชั่วโมงต่อมา
“เป็นอย่างไงบ้าง” บารมีรีบถามเธอทันทีที่เห็นหน้า
“ก็ไม่มีอะไรคะคุณบาส ทุกอย่างเรียบร้อยดี และคุณหมอก็ให้คู่มือกับหยิกมาด้วย บอกแค่ว่า ให้รีบกลับบ้านไปพักผ่อน และสั่งให้หยิกนอนเยอะ ๆ ให้อยู่บนเตียงนอนเท่านั้นค่ะ สักอาทิตย์หนึ่ง”
“อย่างนั้นหรือ งั้นเราก็รีบกลับบ้านกันดีกว่า”
“ค่ะ” เธอตอบ และรีบเข้าไปประคองบารมี
หากใครมาเห็นแบบนี้ ก็คงคิดว่า ภรรยารักและเอาใจสามีมาก แต่แท้จริงแล้ว บารมีแทบจะไม่มีแรงเดิน
