บทที่ 5
มาเพื่อขัดขวาง
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้าน บารมีสั่งให้เฌติยาขึ้นไปพักผ่อน และเขาก็ให้ป้ารังสีทำอาหารบำรุงร่างกายขนานต่าง ๆ ไปให้หญิงสาวถึงในห้องนอน
รังสีถ่ายรูปสิ่งที่บารมีสั่งให้นางทำส่งไปให้จินเหอดู ก่อนที่จะยกไปให้เฌติยาที่ห้อง
(ดูเอาเองค่ะ อาหารบำรุงคุณแม่ทั้งนั้น)
(ไก่ตุ๋นยาจีน ถั่วแดงต้มน้ำตาล)
(เชอร์รีสด เบอร์รีสด พวกนี้ ป้าต้องวิ่งไปหาซื้อจากข้างนอกมานะคะ กว่าจะหาเจอ)
(สุดสัปดาห์นี้เจอกันครับ ผมอยากเห็นหน้าของพี่สะใภ้ใจจะขาด)
(มาดูเองเถอะค่ะ)
(ครับ)
หลายวันต่อมา เวลา18.30 น.
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาในเขตรั้วบ้าน ก่อนจะจอดที่ในระเบียงหน้าทางขึ้นของประตูใหญ่ ป้ารังสีวิ่งออกมารับหน้า เพราะนางได้รับข้อความการมาถึงของจินเหอแล้ว
“สวัสดีค่ะ”
“หวัดดีครับป้า”
“มีอะไรมาบ้างคะเนี่ย เดี๋ยวป้าช่วย”
คนขับรถแท็กซี่กระวีกระวาดลงมาจากรถเพื่อช่วยยกกระเป๋า ป้ารังสีเองก็ยังตกใจที่เห็นกระเป๋ามากมายของจินเหอ เหมือนว่าเขาจะมาปักหลักอยู่ที่นี่
“ทั้งหมดนี่เลยหรือคะ”
“ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ป้าจะให้เด็กยกขึ้นไปไว้ที่ห้องให้คุณจินนะคะ”
“ครับ”
แท็กซี่คันนั้นแล่นออกไปจากบ้าน
จินเหอรีบเข้าไปประชิดตัว
“แล้วพี่บาสกับเมียของเขาอยู่ที่ไหนครับ” เขาเข้าเรื่องทันที จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ก็เพราะเรื่องของผู้หญิงคนนั้น
“เข้านอนกันหมดแล้วค่ะ คือ น้องหยิกก็ไม่ได้ออกมาจากห้องนอนเลยค่ะ เห็นว่า หมอให้พักผ่อนเยอะ ๆ”
“งั้นก็แสดงว่า เขาไปทำอะไรแบบนั้นมาแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ คุณจิน”
จินเหอหันมามองหน้าป้ารังสี แววตาจริงจัง
“ผู้หญิงคนนี้ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง ๆ เธอหวังอะไรจากที่นี่ คงจะเป็นเพราะสมบัติมากมาย”
“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยค่ะ ป้าว่า คุณจินไปพักที่ห้องก่อนดีกว่า มาเหนื่อย ๆ”
“แต่ผมอยากจะเจอกับพี่บาสก่อนนี่ครับ”
“คุณบาสกินยา แล้วก็นอนไปแล้วค่ะ คงไม่ตื่นขึ้นมาแล้วในคืนนี้”
“อย่างนั้นหรือครับ”
“ค่ะ”
ป้ารังสีกวักมือเรียกคนใช้สาว ๆ ที่อยู่แถวนั้น ให้รีบเข้ามายกกระเป๋าของปานนทีขึ้นไปไว้ที่ห้องที่นางได้เตรียมเอาไว้
“ป้าจัดห้องที่ชั้นบนนะคะ ห้องของคุณจะอยู่ระหว่างห้องของคุณบาส และก็น้องหยิกค่ะ”
“ครับ” เขาบิดขี้เกียจ
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่นะคะ แต่สองคนนั้นเขาตื่นเช้าค่ะ อาหารเช้าจะจัดที่ห้องนั่งเล่นบนชั้นสอง คุณบาสสั่งให้จัดที่นั่น ตั้งแต่น้องหยิกมาอยู่ที่นี่ค่ะ”
“ทำไม ป้าเรียกเธอว่าน้องหยิก”
“อ๋อ... ก็เรียกติดปากมาตั้งนานแล้วค่ะ แต่คนใช้ในบ้านคุณบาสให้เรียกเธอว่า คุณหยิก”
“ครับ” เท้าเดินตาม แต่ทว่าสายตาของปานนทีสำรวจไปทั่ว เขาทำตัวเป็นนักสืบ
‘อยากจะเห็นจริง ๆ หน้าตาของหล่อนเป็นอย่างไรกัน’
หลังจากที่เขาอาบน้ำอยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ปานนทีเข้าไปในห้องนอนของพี่ชาย บารมีนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เมื่อเขาเข้าไปใกล้ สิ่งที่ปานนทีได้เห็น พี่บาสของเขานั้นซูบผอมลงไปมาก แทบจะเรียกได้ว่าหนังหุ้มกระดูก
ชายหนุ่มสะท้อนในหัวใจ บารมีคงเดียวดายและเหงาหงอยเอามากๆ ปานนทีสงสารพี่ชายจับหัวใจ เขาค่อย ๆ นั่งลงบนเตียงใกล้กับพี่บาส พร้อมกับส่งมือไปแตะและลูบเบา ๆ ที่แขนของพี่บาส
“ทำไมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ครับ ผมขอโทษที่ผ่าน ๆ มาผมไม่ได้สนใจและไยดีจะถามไถ่หรือพูดคุยกับพี่มากนัก แต่ผมก็อยากให้พี่รู้ว่า ผมรักพี่นะครับ” มือที่วางแปะลงไปที่หลังมือเหี่ยว ๆ ของพี่ชายเริ่มสั่นเทา
“ถ้าแม่มาเห็นสภาพของพี่ตอนนี้ แม่คงจะหัวใจสลายแน่นอน”
บารมีค่อย ๆ ขยับตัว และปรือตาขึ้น เขาเห็นใบหน้าของน้องชายราง ๆ ปานนทีได้ชื่อว่า หน้าตาละม้ายคล้ายแม่มากที่สุด
“แม่หรือครับ แม่กลับมาหาผมหรือครับ” พูดเหมือนละเมอ กะพริบตาปริบ ๆ เผยรอยยิ้มที่เคยแห้งแล้งออกมาแบบไม่รู้ตัว
“ไม่ใช่ครับพี่ ผมจิน”
“จิน” เรียกชื่อน้องชาย ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นเต็มตา
“อ้าว... จินจริง ๆ ด้วย จินมาถึงตั้งแต่เมื่อไร” พี่ชายบีบจับมือของน้องชายแน่น
ปานนทีน้ำตาไหลที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของพี่ชายอีกครั้งหนึ่ง
“พี่ใจร้ายมากเลยนะครับ”
“ใจร้ายอะไร” บารมีพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ปานนทีจึงเข้าไปประคอง
“พี่ป่วยแต่พี่ไม่บอกใคร”
“จิน พี่ไม่ได้เป็นอะไร” ลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ใบหน้าที่ซีดเซียว เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สดใส
“ลมอะไรหอบเอานายมาถึงที่นี่นะ”
“ลมคิดถึงครับ” ปานนทีสวมกอดพี่ชาย
ตั้งแต่เขาอกหัก ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า ตัวเขาเองอ่อนไหวเสียจริง ๆ
“แม่เป็นห่วงพี่มาก แม่ก็เลยส่งผมให้มาดูแลพี่ครับ”
“จริงหรือ” บารมียิ้มกว้าง นาน ๆ จะได้ยินอะไรที่ชื่นหัวใจแบบนี้
“พี่มีผม มีแม่ และก็มีลี่”
“พี่รู้” พี่ชายกอดตอบ
“พี่เป็นอะไรครับ พี่ป่วยเป็นอะไร”
ดวงตาที่วับวาบของพี่ชายกลายเป็นสีหม่น ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน
“พี่ไม่ได้ป่วย”
“ผมไม่เชื่อ” ปานนทีส่ายหน้า
“เอ๊ะ! นี่นายจะเอาอะไรกับพี่หึ พี่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่ได้เป็นสิ ไม่เชื่อพี่หรือไง”
ปานนทีบีบมือของพี่ชายหนักแน่น
“เชื่อครับ” ที่ปานนทีตอบไปแบบนั้น บางทีต้องปล่อยให้ถึงเวลาที่เหมาะสมจริง ๆ บารมีคงจะบอกเอง
“นี่คนในบ้านพี่เป็นไส้ศึกตั้งแต่เมื่อไร ถึงได้ปล่อยให้นายเข้าบ้าน ดูทรงว่าจะอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว กินข้าวเย็นหรือยัง”
“เรียบร้อยหมดแล้วครับ”
“พี่มีนัดกับหมออีกเมื่อไร เวลาที่ไปหาหมอ ผมจะไปด้วย”
“เอ... จินเนี่ย ก็พูดไม่รู้เรื่องเหมือนกันนะ”
“ผมเนี่ยนะครับ พูดไม่รู้เรื่อง” พูดจบ เขาก็ล้มตัวลงไปนอนเหยียดยาวบนเตียงข้าง ๆ พี่ชาย
“นายจะทำอะไรนะจิน”
“ผมก็จะนอนกับพี่ไงครับ เหนื่อย ๆ พักนี้” พ่นลมหายใจแรง ปากบอกกับทุกคนว่าทำใจได้ แต่ในส่วนลึกมันก็ยังเศร้าตรม
“มีเรื่องอะไรจะเล่าให้พี่ฟังหรือเปล่าล่ะ” พี่ชายล้มตัวลงไปนอนบนหมอนอีกใบ
“มากมายครับ แต่วันนี้ผมง่วงมาก” ยกมือปิดปากหาวหวอดๆ
“ทำเหมือนไม่ได้หลับได้นอนมานานนะ”
ปานนทีหันหน้ามาหาพี่ชาย ก่อนจะกอดแขนของบารมี
“ผมอกหักครับ”
“หื้อ! หน้าตาดี ๆ อย่างนายนี่อะนะ อกหัก”
