บทที่ 3
ทำข้อตกลง
ชายหนุ่มไปไล่เช็กประวัติว่าที่สามีของหลันฮวามาแล้ว รูปหล่อพ่อรวย และรวยกว่าเขาเป็นหลายเท่า กรามของเขาขบกันแน่น และมือที่วางอยู่ข้างลำตัวถูกยกขึ้นมาและกำหมัดแน่น
(“เอ่อ... อ่า... เธออาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคิดก็ได้ค่ะ”)
“หึ-หึ” จินเหอหัวเราะเสียงเย็น
“ผมอยากจะเห็นหน้าแม่คนสวยของป้ารังสีเสียจริง ๆ นะครับ มีรูปถ่ายของเธอไหม”
(“ใครจะกล้าไปขอถ่ายรูปกับเธอล่ะคะ”)
“ผมเกลียดจริง ๆ ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด และใช้หน้าตาของตัวเองมาแลกกับเงิน แล้วยิ่งรายนี้ หล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัว”
(“อุ้ย! คุณพูดแรงจังเลยค่ะ”)
“ป้ารังสีเชื่อผม ผู้หญิงคนนี้กับป้าของหล่อนคงไม่ใช่คนดี และที่เข้ามาหาพี่บาสถึงในบ้าน พร้อมกับข้อเสนอที่แสนประหลาดเนี่ย มันก็ทำให้ผมเชื่อได้แล้วว่า หล่อนเป็นพวกขายศักดิ์ศรี เหมือนพวกผู้หญิงขายตัว” ใบหน้าของชายหนุ่มขึงขังขึ้นมาจนเห็นได้ชัด นัยน์ตาร้ายกาจ
ป้ารังสีถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก อึ้งไปคำร้าย ๆ ที่หลุดออกมาจากปากของจินเหอ
“ป้าครับ”
(“ค่ะ”)
“ในตอนนี้ ให้ป้าจับตาดูเธอไปก่อน” เขานิ่งไปอึดใจ
“ผมจะเดินทางไปหาพี่บาสให้เร็วที่สุด แล้วผมจะคาดคั้นให้ได้ว่าพี่ป่วยเป็นอะไร และผมนี่แหละจะทำให้แม่คนสวยของป้ากระเด็นกระดอนออกไปจากชีวิตของพี่บาสให้ได้”
(“อ่า... จะดีหรือคะ”)
“ดีแน่นอนสิครับ ผมกำลังมันมือ และกำลังว่าง อยากหาอะไรทำอยู่พอดี”
“ป้ายังไม่ต้องบอกพี่บาสนะครับ ผมจะไปเซอร์ไพรส์”
“ค่ะ” ป้ารังสีได้แต่พยักหน้า
จิตใจที่กำลังอ่อนแอ เพราะแผลอกหักยังไม่หาย จินเหอต้องหลบไปเลียแผลใจที่เมืองไทย โดยต้องหายาดี ๆ แก้ไขให้ตัวเองหายเจ็บ และยิ่งคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นยอมมาเป็นแม่อุ้มบุญให้หลานของเขาโดยหวังแค่เงินทอง หรือไม่แน่หล่อนคนนั้นอาจจะหวังสมบัติทั้งหมดของพี่ชายของเขาก็ได้ คิดแค่นี้ จินเหอก็เดือดดาลเสียแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วัน จินเหอก็บินจากปักกิ่งมาสุวรรณภูมิ บ้านเกิดเมืองนอนของคุณแม่
คุณบารมีนั่งมองหน้าป้าบัวจันทร์ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาซีดจางแทบไม่มีสีเลือด ซึ่งแตกต่างจากที่ป้าบัวจันทร์เคยเห็น
“คุณบาสเป็นอะไรคะ ทำไมถึงได้ดูโทรมลงไปเยอะเลย ขอโทษนะคะที่ป้าถามแบบนี้” ดวงตามีแต่แววเป็นห่วง
บารมีนั้นดีต่อป้าบัวจันทร์มาก นางมาเอ่ยปากหยิบยืมเงินทองเท่าไร เขาไม่เคยปฏิเสธ มีแต่จะให้มากกว่าที่หยิบยืมมาเสียอีก
“ป้าเป็นห่วงจริง ๆ นะคะ”
“คือผม...” พูดพลางหยุดกลืนน้ำลายของตัวเองไปด้วย แวบนั้นป้าบัวจันทร์ก็เห็นถึงความหนักใจในใบหน้าของเขาอยู่มาก
“ผมป่วยครับ เป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย”
ป้าบัวจันทร์เมื่อได้ยินคำตอบ ถึงกับอ้าปากค้าง ทำไมบารมีถึงได้โชคร้ายอย่างนี้
“หาหมอ แล้วปรึกษาหรือยังคะ” ถามด้วยความเป็นห่วง
เขายิ้มให้ป้าบัวจันทร์อย่างอ่อนล้า
“ครับ” รอยยิ้มจืดจางเผยออกมาให้ป้าบัวจันทร์เห็นอีก
“โธ่เอ๊ย!” จะให้ป้าพูดอะไรออกไปได้มากกว่านี้
“แล้วที่ผมโทร.ไปหาป้า และบอกให้ป้าพาหยิกมาด้วย เพราะว่าผมมีเรื่องที่จะขอร้อง”
“เรื่องอะไรคะ” มองสบตาไปด้วยความสงสารบารมีสุดหัวใจ แม้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แค่รู้ว่าเขาป่วย ป้าก็พลอยมีจิตใจที่หดหู่
“ผมอยากมีลูก” ปากซีดสั่นนั้นเอ่ยออกมา
“มีลูก”
“ครับ สมบัติพัสถานของผมมากมาย แต่ผมไม่มีทายาท ผมจึงอยากมีลูก แคก ๆ” บารมีไอออกมา การที่เขาป่วย ทำให้คิดมาก และก็นอนไม่หลับ พลอยทำให้ร่างกายอ่อนแอลงไป
“แล้วยังไงต่อล่ะคะ”
“ผมอยากจะขอร้องให้หยิกมาเป็นแม่อุ้มบุญให้กับลูกของผม”
ป้าบัวจันทร์ถึงกับทำตาโต
“หยิกนี่หรือคะ แต่ว่า...” ป้ากลับอ้ำอึ้งเสียเอง
“ผมหน้าไม่อาย ไม่น่าจะเอ่ยปากอย่างเห็นแก่ตัวอย่างนี้ เพราะว่าหยิกยังสาวยังสวย และยังไม่เคยแต่งงาน แต่ผมไม่ได้รู้จักใครที่ไหนเป็นพิเศษ อีกอย่างผมเห็นหยิกมาตั้งแต่เด็ก ๆ และผมก็คุ้นเคยกับหยิกและก็ป้าด้วย ผมจึงกล้าที่จะพูดออกไปแบบนี้”
“แต่ว่า...”
“ผมรู้ดีครับว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ อยู่ที่หยิกคนเดียว ผมจึงให้ป้าชวนหยิกมาด้วย”
ทั้งสองเอ่ยไปถึงเฌติยา ซึ่งตอนนี้นั่งรอทั้งสองคนอยู่ด้านนอกห้องทำงานของบารมี
“คือว่า”
“ป้าขัดข้องหรือครับ”
“เอ่อ... ป้าไม่ได้ขัดข้องอะไรทั้งนั้น เพราะคนที่ต้องตัดสินใจก็คือหยิก แต่ว่า... หยิกจะเสียโอกาสในหลายเรื่อง”
“ผมจะให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ และผมจะให้เงินทั้งป้าและก็หยิกเป็นจำนวนเท่าที่ป้าจะพอใจ”
“เรื่องนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จำนวนเงินนะคะ”
“ผมไม่ได้ดูถูกป้ากับหยิกนะครับ โปรดเข้าใจผมด้วย แคก...”
เขาไอออกมาแรง ๆ อีกหลายครั้ง
“โธ่” สบถพร้อมกับมองเขาอย่างสงสารจับใจ
“ผมจะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป้าติดอยู่ และจะให้เงินก้อนใหญ่ตามจำนวนที่ป้ากับหยิกต้องการ”
“ป้าว่าคุณบาสถามกับหยิกเองดีกว่าค่ะ” นางรีบลุกขึ้นไปตามหลานสาวที่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ตามสภาพและฐานะของตัวเอง ที่หาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป
เฌติยาเข้ามาและมานั่งต่อหน้าเขา ข้าง ๆ ป้าบัวจันทร์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าปียกมือไหว้เขาอย่างแช่มช้อย ทุนการศึกษาที่บารมีอุปถัมภ์และเกื้อหนุนเธอมาตลอดจนจบปริญญาตรี เขายังจัดหางานดี ๆ ให้เธอทำ อยู่ในบริษัทของคู่ค้ากับเขา เงินเดือนก็ดี และงานก็สบาย ๆ อยู่ใกล้บ้านอีก ทำให้เฌติยาสำนึกในบุญคุณของเขาอยู่เสมอ
“คือว่า คุณบาสมีเรื่องจะให้หยิกช่วยน่ะ” ป้าเอ่ยเสียงเบา และมองหน้าหลานสาวด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ เพราะเรื่องที่บารมีขอร้องนั้น มันเท่ากับการเอาชีวิตของเฌติยามาหยุดอยู่ที่นี่
“คุณบาสมีเรื่องอะไรจะขอร้องหยิกหรือคะ หยิกเต็มใจค่ะ”
ดวงหน้าและแววตาสดใส เฌติยาคิดถึงความกรุณาปรานีของเขามาตลอด หากว่าบารมีต้องการอะไร เธอยินดีและเต็มใจเป็นที่สุด
“อ่า... ฟังจากปากของคุณบาสเถอะ” ป้าตัดบทเสียดื้อ ๆ
เฌติยาหันไปจ้องหน้าของบารมี เธอก็เห็นเหมือนดั่งที่ป้าเห็น คุณบารมีร่างกายทรุดโทรมไปมากจริง ๆ ไม่เหลือเค้าของความหล่อ ซูบผอมเหมือนไม้เสียบผี
