5.หนี
***ทักทายคร้า ***
เมื่อมอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่วิ่งมาจอดหน้าประตูบ้าน ชายชุดดำที่นั่งซ้อนท้ายลงจากรถเดินไปหยุดหน้าประตู ชุดดำที่ชายลึกลับสวมใส่แถมมีหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า กีรณาและสองเจ๊ลุกขึ้นยืนและจ้องคนมาใหม่ แล้วชายลึกลับก็สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตหยิบบางอย่างออกมาโยนเข้ามาในบ้าน
ตุบ…
“ว้าย!” เมื่อเห็นลูกระเบิดปิงปองกลิ้งลงมาหยุดที่ปลายเท้า สามสาวต่างวัยกอดกันกลมดิกแล้วมองประตูไม้หน้าบ้าน ชายลึกลับใช้นิ้วชี้กรีดที่ลำคอตัวเองก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วพากันขับออกไป ทิ้งให้สามสาวยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
“สองเจ๊อย่าขยับนะจ๊ะ เดี๋ยวกี้เอามันไปทิ้งหน้าบ้านเอง”
“แกจะบ้าเหรอ เจ๊เอาไปเอง ลิลลี่พานังกี้ขยับออกไปก่อนเร็ว ฉันจัดการเอง” ซูซี่มองลูกระเบิดที่ปลายเท้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ระเบิดไม่ได้ปลดสลักนี่เจ๊” กีรณาก้มลงไปช้าๆ และพิจารณาระเบิดอย่างละเอียด ก่อนจะถอนหายใจออกมาดังๆ
“โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ระเบิดปลอม ไอ้นักเลงกระจอก” เธอหยิบมาโยนเล่นจนลิลลี่ต้องหนีบเนื้อต้นแขนกลมกลึง
“ปากหาเรื่องจริงๆ แกนี่”
“พวกไหนกัน เราไม่เคยไปแสดงข้ามเขตใครนี่นา ใช่ไหมลิลลี่” ซูซี่ถามด้วยท่าทีตกใจ
“กิ๊กเก่าสองเจ๊หรือเปล่าจ๊ะ” กีรณาพูดติดตลกให้สองเจ๊ผ่อนคลาย
“กิ๊กที่ไหนยะ ฉันสองคนแก่จะเข้าโลงอยู่แล้ว” ลิลลี่ตอบพลางหวั่นๆ ในใจ นี่ยังโชคดีที่พวกมันขู่ ถ้าของจริงคนตายกันไปแล้ว ขณะที่ทุกคนกำลังหวั่นวิตกอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กีรณาหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ ปลายนิ้วเรียวกดรับทันที
“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายไปตามสาย
“เมื่อกี้กูแค่เตือนว่าอย่าแส่ไปเป็นพยานเรื่องนายเอกราช ถ้าไม่เชื่อระเบิดปลอมจะกลายเป็นระเบิดจริงทันที”
กีรณายืนตัวแข็งทื่อใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
“แกเป็นใคร ต้องการอะไร” เมื่อได้สติก็ถามออกไป ลิลลี่และซูซี่เห็นสีหน้าคนที่เลี้ยงมาก็ใจไม่ดี
“แกไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่าอย่าไปยุ่งเรื่องนายเอกราชเด็ดขาด ไม่งั้นชะตาแกกับนังกะเทยแก่สองคนนั้นตายแน่”
คำขู่เล็ดลอดออกจากลำโพงทำเอาสองเจ๊สะดุ้งมือทาบบนอก “ว้าย ลิลลี่ พวกที่ยิงนายเอกราชแน่ๆ เลยแก” ซูซี่จับมือลิลลี่บีบแรงๆ
“ถึงฉันไม่บอกคนของไรเกอร์ก็ไม่ยอมให้นายเอกราชเจ็บฟรีหรอกนะ ทางที่ดีพวกแกมอบตัวดีกว่าโทษหนักจะได้เป็นเบา” กีรณาเกลี้ยกล่อม หากคำตอบกลับเป็นเสียงหัวเราะในลำคอตอบกลับมา
“หึๆ คนที่มีส่วนฆ่านายเอกราชคือเธอต่างหาก คนรักของเธอหึงหวงจนลงมือยิงนายเอกราชปางตาย” พูดจบมันก็หัวเราะอย่างสะใจ แต่กีรณาตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง
“ไอ้สารเลว ทำชั่วแล้วโยนมาให้คนอื่น มาเฟียอย่างไรเกอร์ไม่หูเบาแบบนั้นแน่ แกเตรียมตัวตายได้เลย” เธอตวาดเสียงสั่นและกดโทรศัพท์ทิ้ง
“ไอ้เลวเอ๊ย…”
“มีอะไรกี้” ลิลลี่ถามอย่างร้อนใจ กีรณามองประตูหน้าบ้านแล้วจับมือสองเจ๊เข้าไปในบ้าน
“พวกที่มันยิงนายเอกราชโทรมาขู่ ไม่ให้กี้ไปเป็นพยาน แถมมันยังกุเรื่องว่ากี้มีแฟนแล้วเกิดหึงหวงจนยิงนายเอกราชนะสิเจ๊”
“อกอีกะเทยจะแตก ไอ้เวรตะไล” ซูซี่ยกมือทาบอกและสบถออกไปอย่างโมโห
“งั้นแกก็ไม่ต้องไปโชว์ อยู่บ้านนี่แหละ” ลิลลี่สั่งอย่างโมโหคนขู่ กีรณาจับมือลิลลี่บีบแรงๆ ถ้าเธอไม่แสดงลูกค้าต้องไม่พอใจแน่
“ไม่ได้นะเจ๊ เรารับงานเขาแล้วมีกี้อยู่ในนั้นด้วย ถ้าแขกไม่พอใจเขาอาจจะไม่จ้างเราได้นะจ๊ะ ที่นี่ถิ่นเราไม่มีใครกล้าไปทำอะไรกี้ในคลับหรอก”
“นั่นสิลิลลี่ ให้กี้มันไปด้วยน่ะดีแล้ว มันอยู่บ้านคนเดียวเราก็ต้องห่วงมันอีกนั่นแหละ” ซูซี่สนับสนุน ลิลลี่ถอนหายใจ
“เฮ้อ เมื่อไหร่พวกมาเฟียจะหมดจากโลกซะทีนะ ชาวบ้านจะได้ทำมาหากินอย่างสงบซะที”
“ไม่แน่นะจ๊ะ สองเจ๊อาจจะมีลูกเขยเป็นมาเฟียก็ได้ใครจะรู้” กีรณาพูดติดตลก ลิลลี่ดีดนิ้วลงบนหน้าผากนูนของหญิงสาวด้วยความหมั่นไส้
“เขาจะเจาะไข่แดงฟรีสิไม่ว่า ใครเขาจะมาจริงจังกับนางโชว์อย่างเรายะ ไปช่วยกันทำกับข้าวได้แล้ว จะได้มีแรงฟัดกับมาเฟีย”
กีรณาปล่อยคิกออกมาแล้วกอดเอวซูซี่เดินเข้าไปในครัวเล็กๆ โดยมีสายตาของลิลลี่มองตามด้วยความกังวลใจ เธอทำงานกลางคืนมาหลายสิบปี ทำไมจะไม่รู้ว่าไรเกอร์ขึ้นชื่อเรื่องความโหดจนใครไม่กล้ามีเรื่องด้วย คนของเราดันไปอยู่ในเหตุการณ์อีกต่างหาก แบบนี้จะรอดจากดงเสือหรือเปล่าก็ไม่รู้…
ลิลลี่คิดอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องพระเพื่อขอให้บารมีพระรัตนตรัยคุ้มครองกีรณา
***
