
บทย่อ
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! คนทำไม่ยอมไปขู่ มาขู่คนช่วย ฉันหมดความอดทนกับคุณแล้วนะ” กีรณาส่งเสียงดัง ดวงตาคมจ้องหน้าคมเข้มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ยังไงก็ต้องทน ถ้าฉันลากตัวคนที่ทำร้ายน้องฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะไปไหนได้” “ฉันขายชีวิตให้คุณแล้วนี่ จะฆ่าเมื่อไหร่ก็เชิญ ฉันจะได้หมดเวรหมดกรรมกับคุณซะที” เธอสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง “ชีวิตเธอมีค่าแค่สามสิบล้านเท่านั้นเองเหรอ” เขาพูดเหมือนจะเยาะ กีรณาหันกลับไปหา สายตาของเธอเวลานี้สะกดให้ร่างสูงสง่านิ่งอยู่กับที่ราวกับต้องมนต์…
1.นักเต้น
***ทักทายคร้า ***
ภายในผับชื่อดังของจังหวัดภูเก็ต เสียงเพลงในจังหวะร็อกร้อนแรงสุดมันดังกระหึ่ม นักท่องราตรีทั้งชาวไทยและต่างชาติพากันโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะอย่างสุดมัน
เอกราช ไรเกอร์ ลูกครึ่งชาวไทย-สิงคโปร์วัยยี่สิบเจ็ดซึ่งเป็นน้องชายของนายหัว รีชมอน ไรเกอร์ ผู้ทรงอิทธิพลในภาคใต้เดินเข้ามาในผับพร้อมกับการ์ดอารักขาอีกสี่คน คนที่รู้จักยกมือทักทาย แต่เอกราชไม่สนใจเดินไปที่โต๊ะวีไอพีที่จัดไว้ ผู้จัดการผับเดินกุมมือมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณราช ทางผับเรายินดีต้อนรับครับ”
“วันนี้แขกเยอะกว่าทุกวันนะคุณบุญชัย” เอกราชบอกพลางมองนักท่องราตรีด้านล่าง สาวสวยรูปร่างอวบอิ่มสองนางเดินส่ายสะโพกมาต้อนรับแล้วนั่งขนาบข้าง เอกราชยกมือโอบบ่าขาวลูบไล้ไปมา สาวสวยก็เบียดกายเข้าหาอย่างเอาใจ
“เพราะนายหัวรีชกับคุณเอกราชสนับสนุน ผับของเราคนเลยเยอะทุกคืนครับ” บุญชัยบอกอย่างนอบน้อม
เสียงเฮและเสียงเชียร์ดังลั่นหน้าเวที ดึงความสนใจของเอกราชหันไปมอง
“วันนี้มีโชว์พิเศษหรือไง”
“ครับ วันนี้เพื่อนผมที่พัทยาส่งโชว์มาโชว์ที่นี่”
บุญชัยตอบเสร็จ เอกราชก็จ้องมองแสงสปอร์ตไลต์ดวงใหญ่ เสียงเพลงสุดมันถูกหรี่เบาลง
อีกมุมหนึ่งของผับ มานพ โสวิภาค ลูกชายอดีตสส.เมืองภูเก็ตพร้อมพวกอีกสี่คนหันไปมองกลุ่มของเอกราชด้วยแววตาแข็งกร้าว มานพมองเอกราชอย่างไม่พอใจ หลายปีที่ตระกูลไรเกอร์ย้ายสาขามาทำเหมืองพลอยและฟาร์มมุกที่เมืองไทย อิทธิพลและบารมีของบิดาก็ถูกอิทธิพลของไรเกอร์กลบจนมิด มานพจึงหาโอกาสล้มช้างอย่างไรเกอร์ตลอดเวลา แต่เมื่อเทียบกับตระกูลมาเฟียทำให้กระดูกห่างชั้นกันมาก มานพจึงไม่กล้าเล่นซึ่งๆ หน้าแต่ทำตัวเป็นหมาลอบกัด
“แม่งเอ๊ย ทำเบ่ง ถ้าไม่มีบารมีพี่ชาย มันจะมีปัญญาเบ่งได้ขนาดนี้หรือเปล่าวะ” มานพสบถขณะมองเอกราชด้วยแววตาเหยียดหยัน แล้วกระดกเหล้าเข้าปากเพื่อดับความคั่งแค้นในใจ
ด้านหน้าเวทียังคงเปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อให้แขกได้พักหายใจ แต่ด้านหลังเวทีคณะโชว์กำลังวุ่นอยู่กับการจัดขบวน
“นังจิ้มลิ้มเสร็จหรือยังยะ แสดงวันนี้นะไม่ใช่ชาติหน้า” เสียงแว้ดแหลมของเจ๊ลิลลี่สาวประเภทสองเรียกนางระบำคนสุดท้ายที่ยืนเช็กความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจก
“เสร็จแล้วค่ะเจ๊ เร่งจริง นานๆ จะโชว์นอกสถานที่ซะที ขอเลิศไว้ก่อนค่าเจ๊ เผื่อจะมีเสี่ยกระเป๋าหนักเอาไปเลี้ยง” เด็กสาวนามจิ้มลิ้มบอกขณะเดินซอยเท้ามาหน้าขบวน
“แล้วผัวที่บ้านเอาไปทิ้งไว้ไหนยะหล่อน ยืนให้เรียบร้อย” เจ๊ลิลลี่เอ็ดและเช็กความเรียบร้อยก่อนปล่อยโชว์ออกไป คิ้วโก่งสวยยกขึ้นเมื่อจำนวนสมาชิกขาดไปหนึ่ง
“นังซูซี่ เหลือใคร…” ลิลลี่ตะโกนถามผู้ช่วยแข่งกับเสียงเพลง สาวงามนามซูซี่เดินส่ายสะโพกมาพร้อมกับร่างโปร่งระหงของสมาชิกคนสุดท้าย
“เหลือนางโชว์ตัวเอกของเราไงเจ๊” ซูซี่จีบปากจีบคอบอก พลางดุนหลังร่างระหงไปข้างหน้า
ลิลลี่มองกีรณาในชุดนางโชว์สีแดงสดด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่ในใจชื่นชมในความสวยของคนที่เลี้ยงมา แม้ไม่ใช่ลูกแต่เธอก็รักและห่วงราวกับลูกในไส้ และกีรณาก็รักและเทิดทูนลิลลี่ดุจแม่เช่นเดียวกัน
“เจ๊ลิลลี่ กี้สวยจนตะลึงเลยเหรอ” กีรณาถามพลางหมุนตัวให้ลิลลี่ดู ขนนกสีแดงเข้ากับชุดเอนไหวไปตามแรงเคลื่อนตัว ริมฝีปากได้รูปแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้มไม่หุบ
“สวยตายล่ะแกนังกี้ มานี่เลย เป็นคุณนายสายตลอดนะแก” ลิลลี่หนีบเนื้อต้นแขนกลมกลึงเบาๆ พอเป็นพิธี ร่างกลมกลึงถลาไปตามแรงฉุด ปากก็แกล้งร้องเสียงดัง
“โอ๊ย…โอ๊ยเจ๊จะฆ่ากี้หรือไง”
“ถ้าฆ่าแกได้ฉันฆ่าให้ตายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้แกไปโชว์ให้พวกผู้ชายมองตาเป็นมันหรอก” เจ๊ลิลลี่บอกด้วยเสียงกังวล เพราะทุกครั้งที่กีรณาขึ้นโชว์ นางกับซูซี่ก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้ความสวยสดไปเตะตาเจ้าพ่อหรือมาเฟียคนไหน เพราะเธอไม่อยากให้กีรณาต้องกลายเป็นนางบำเรอของใคร
“ท่องไว้เจ๊ เงิน…เงิน…เงิน แค่เห็นไม่สึกเหมือนมือจับหรอก” กีรณากอดเอวบางของลิลลี่อย่างเอาใจ ด้วยเธอรับรู้ความห่วงใยนั้นดี
ลิลลี่ดันศีรษะทุยออกห่าง
“เออ แล้วอย่าให้ใครจับฟรีนะยะหล่อน ไปได้แล้ว”
ลิลลี่บอกเพื่อกลบเกลื่อนความหม่นเศร้าในใจ เจ้าหน้าที่ประสานงานโผล่หน้ามาดูความพร้อม
“เจ๊ลิลลี่คะ พร้อมนะ”
“พร้อมค่ะคุณน้อง” ลิลลี่บอกพลางตบมือสามครั้ง ซูซี่ช่วยตรวจความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย เมื่อทุกอย่างพร้อม ดีเจบนเวทีก็ประกาศเรียกความสนใจ
“สวัสดีครับเหยี่ยวราตรีทุกท่าน วันนี้ผับของเรามีโชว์สุดอลังการมาจากสถานบันเทิงชื่อดังแห่งเมืองพัทยา มาโชว์ให้ดูกัน ไปพบกับความสวยงามสุดอลังการได้เลยคร้าบ...”
ดีเจลากเสียงยาวในตอนท้าย แล้วเสียงดนตรีจังหวะเร้าใจก็กระหึ่มขึ้น แขกต่างโห่ร้องและเป่าปากเสียงดังอย่างถูกใจ เพราะนางโชว์แต่ละคนหุ่นนาฬิกาทราย กางแขนส่ายสะโพกทอร์นาโดออกมาเรียกน้ำย่อย หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พากันจ้องตาเป็นมัน ไม่นานเสียงเฮก็ดังลั่นขึ้นอีกครั้งเมื่อกีรณาลิปซิงค์เพลงเลดี้กาก้าเดินกรีดกรายออกมา
“ฮิ้ว…สุดยอดไปเลย” เสียงแขกตะโกนบอกและโยกย้ายส่ายสะโพกตาม
***
