ตอนที่4 ตกลง
“ขออนุญาตค่ะ” ฉันพูดขึ้นหลังจากยกถาดเครื่องดื่มมาให้เจ้านายตัวเองที่มุมส่วนตัวบนชั้นสองของคลับ
ฉันเดินเข้าไปที่โต๊ะ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งและยกเครื่องดื่มออกจากถาดไปวางไว้ที่โต๊ะกลางตรงหน้า และมันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาบริการเจ้าของคลับนี้หลังจากเข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่สอง ทั้งที่ปกติโต๊ะเจ้าของคลับมักจะเป็นผู้จัดการหรือไม่ก็พี่ๆ พนักงานไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ขึ้นมา
แต่สาเหตุหนึ่งที่ฉันคิดได้ ก็คงจะมาจากเขา...
“นั่งก่อนสิ” หลังจากฉันวางทุกอย่างลงบนโต๊ะจนเสร็จ อยู่ๆ เฮียธามเข้าของคลับก็เอ่ยทักขึ้น ทำให้ฉันที่กำลังลุกจะเดินออกจากตรงนี้จำต้องหยุดชะงัก แล้วเงยไปมองหน้าเฮียอย่างไม่เข้าใจ
“แต่...”
“นั่งเถอะ” เฮียธามพูดขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้ฉันมองไปยังโซฟาที่ว่างอยู่อีกด้านแล้วเดินไปนั่ง เพราะโซฟาที่นี่จะเป็นทรงตัวยูแล้วมีโต๊ะเตี้ยตรงกลาง
ตอนนี้เฮียธามนั่งอยู่ส่วนกลางของโซฟา ส่วนด้านขวามือของเฮีย ก็เป็นผู้ชายคนนั้นที่เป็นเพื่อนของเฮียนั่นเอง ฉันเลยเลือกจะนั่งด้านซ้าย
“เฮียมีอะไรเหรอคะ” ฉันถามเฮียขึ้นตรงๆ แต่ก็พอทำใจไว้แล้วนั่นแหละ
“ฉันไม่มีหรอก แต่เพื่อนฉันมี...” เฮียตอบกลับมา ก่อนจะหันไปหาเพื่อนของเขา
“กูขึ้นไปดูบัญชีก่อน เดี๋ยวลงมา” แล้วเฮียก็ลุกเดินผ่านหน้าเพื่อนเขาออกไป ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับเพื่อนของเขา ที่อยู่ในโต๊ะ
“วันนั้นฉันยังพูดกับเธอไม่จบ” แล้วผู้ชายคนนั้นก็เริ่มเรื่องทันที
“.....” ฉันเงยหน้าไปมองเขาโดยไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“ถ้าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิตเธอ...”
“ทั้งเรื่องรักษาย่าเธอพร้อมพยาบาลดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ค่าเทอมของเธอ รวมทั้งค่าอยู่กิน” แล้วเขาก็พูดขึ้น
แต่ฉันไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเขาถึงได้รู้เรื่องของฉัน เพราะว่าเฮียรู้เรื่องของฉันไง เขาก็คงรู้มาจากเฮียนั่นแหละ
ฉันลืมบอกไปว่าฉันเข้ามาทำงานที่นี่ได้ยังไง ก็ตั้งแต่ฉันรู้ว่าย่าฉันป่วย ฉันก็หางานเพิ่มทันที โดยที่ฉันมีรุ่นพี่ทำงานที่นี่มาก่อน เขาฝากฝังให้ฉันทั้งที่ช่วงนี้ทางคลับไม่ได้ขาดพนักงาน แต่พี่แก้วน่าจะบอกเรื่องของฉันให้เฮียรู้นั่นแหละ เฮียก็เลยรับไว้
“ทำไมคุณถึงอยากได้ฉันคะ” ฉันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ ฉันยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก มากแบบไม่สามารถหาได้ง่ายๆ แล้วเขาก็คงจะรวยมากๆ ระดับเศรษฐีเลย ซึ่งมันไม่ยากเลยกับการที่เขาจะหาผู้หญิงสักคนหรือหลายๆ คน แถมยังสวยอย่างที่ฉันเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาถึงเลือกฉัน ทั้งที่ครั้งแรก ฉันก็พูดจาไม่ดีกับเขาไปแล้ว
ใช่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดกับฉันเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาพูดกับฉันมาก่อนแล้ว พูดตั้งแต่ฉันมาทำงานได้เพียงอาทิตย์เดียว ตอนนั้นอยู่ๆ พี่ดลผู้จัดการร้านก็มาบอกฉัน ว่าเลิกงานอย่าพึ่งกลับบ้านให้ขึ้นไปหาเฮียก่อน แล้วพอฉันขึ้นมา ก็เจอผู้ชายคนนี้ที่อยู่ๆ ก็มาพูดกับฉันตรงๆ สั้นๆ ว่า ให้ฉันเป็นผู้หญิงของเขา
แล้วคนสติดีๆ ที่ไหนอยู่ๆ จะมาพูดแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าว่าเคยเห็นกันมาบ้างก็ว่าไปอย่าง แต่ฉันไม่เคยเจอเขาไง แล้วการที่เขามาพูดแบบนี้กับฉัน ก็ไม่ต่างจากการดูถูกฉันเลยสักนิด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้หัวโบราณ ไม่ได้เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไรกับการพูดจาแบบนี้ของเขาหรือว่าใครก็ตาม ตอนนั้นฉันก็เลยพูดจาไม่ดีกับเขาออกไปอย่างไม่พอใจ
แต่ใครจะคิด ว่าอยู่ๆ เขาจะเรียกฉันมาพูดเรื่องนี้อีกรอบ และยังเรียกมาในตอนที่ฉันกำลังหาทางออกกับปัญหาของย่าไม่ได้ด้วย มันจะผิดไหม ถ้าฉันจะรับข้อเสนอของเขา แม้ว่าตัวเองไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ตาม แต่พอได้ยินคำที่เขาพูดว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาของย่าทั้งหมด แล้วยังจ้างคนดูแลย่าให้ฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นอีก ฉันยอมรับอย่างไม่อาย ว่าฉันอยากยอมรับมัน
“รู้แค่ว่าฉันเลือกเธอก็พอ” เขาตอบออกมาสั้นๆ แค่นั้น และมันทำให้ฉันอดจะมองเขานิ่งๆ ไม่ได้ แต่ฉันกลับไม่เห็นอะไรในสายตาของเขา นอกจากความนิ่งเรียบเหมือนคนไม่มีความรู้สึก
“นานไหมคะ” ฉันถามเขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคำตอบของฉันมันก็ชัดแล้ว ว่าฉันตกลง
ใครจะว่าฉันใจง่าย ใครจะว่าฉันขายตัวแลกเงินก็แล้วแต่ สำหรับฉัน ฉันมีศักดิ์ศรี ฉันรักศักดิ์ศรีของฉัน และของย่าที่เลี้ยงดูฉันมา
แต่แล้วยังไง คำว่าศักดิ์ศรีมันรักษาชีวิตย่าของฉันได้เหรอ คำว่าศักดิ์ศรีมันสามารถยื้อชีวิตย่าของฉันได้เหรอ ชีวิตคนเรา ถ้าเลือกชีวิตของตัวเองได้ทุกอย่าง คงไม่มีเรื่องให้ต้องทุกข์ทรมานไร้ทางออกแบบนี้ได้หรอก
คนที่ไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับฉัน ไม่เจอปัญหาอย่างฉัน ก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินการกระทำของฉัน หรือถ้าอยากมองฉันแบบไหน ก็เชิญ เพราะสุดท้ายแล้ว คนพวกนั้นก็ไม่ได้หยิบยื่นโอกาสรักษาให้ย่าฉัน
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้” หมายความว่าเขาเบื่อฉันเมื่อไหร่ก็ปล่อยฉันเมื่อนั้นสินะ
“แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง” การจะพาตัวเองเข้าไปเป็นเด็กเลี้ยงของเขา มันมีอะไรที่ฉันต้องรู้บ้าง
“หึ! ไม่ยากหรอก”
....................
แค่เราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถึงมันจะไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่บางสถานการณ์ มันก็บังคับให้เราต้องทำ
ขอกำลังใจให้หนูกานพลูด้วยน๊า
