18 ถ้ามันเจ็บก็ต้องปล่อย
สองวันแล้วที่ญารินดากลับมาอยู่ที่หอพัก เธอยังรอการติดต่อจากน้าชายแต่เขาก็เงียบ หรือเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขายังไงเพราะความรู้สึกของเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว
ยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งรู้สึกไร้ค่า ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมีความสุขมาก เธอพยายามแสดงออกอยู่หลายครั้งว่ารู้สึกยังไง แต่มันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของภีมภพเลย สถานะที่เขาวางไว้ให้เธอก็คือหลานสาว คงเป็นเธอคนเดียวที่คิดว่าความสัมพันธ์มันจะไปได้ไกลกว่านั้น
คนที่คิดถึงไม่เคยโทรหาแต่อีกคนที่พึ่งได้เจอกันทั้งโทรหาและทักทายมาทางไลน์วันละหลายรอบ
พี่ชายของต้นหลิวเป็นคนที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 เพราะต้นหลิวมักพูดถึงพี่ชายที่อยู่ชั้น ม.4 ให้ฟังอยู่เสมอ จนวันหนึ่งทั้งสองก็ได้เจอกัน จากนั้นก็พูดคุย ทักทายกันมาเรื่อย จนกระทั่งเขาไปเรียนที่ต่างประเทศเธอกับเขาก็เลยห่างๆ กันไป
พอได้เจอกันอีกครั้งเขาก็เรียนจบและเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนแรกคิดว่าเขาพูดเล่นๆ ว่าจะจีบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะต้นโมกบอกกับเธอตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบหากับเธอ ญารินดาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่บอกชายหนุ่มว่าระหว่างนี้เธอกับเขายังสามารถพูดคุย ติดต่อกันได้แต่เธอยังไม่อยากระบุสถานะเพราะอยากเรียนให้จบก่อน
ต้นโมกก็เข้าใจเพราะตัวเองก็มีน้องสาว เขาจะรอวันที่เธอเรียนจบ จากนั้นความสัมพันธ์คงพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ญารินดารู้ดีว่าตัวเองยังไม่ลืมภีมภพและไม่อยากให้พี่ต้นโมกเข้ามาแทนที่ใคร ทุกคนควรมีที่ของตัวเอง หญิงสาวได้แต่หวังว่าระหว่างนี้ในใจของเธอจะมีที่ว่างสำหรับพี่ชายของเพื่อน แม้ว่าตอนนี้ภายในใจยังไม่มีที่วางพอสำหรับใคร
ภีมภพเริ่มแปลกใจว่าทำไมสองวันนี้ญารินดาถึงไม่เอาข้าวมาส่งเขากับคนงาน ชายหนุ่มเองยุ่งจนไม่มีเวลาทานข้าวกับคนที่บ้าน เขาออกจากบ้านตั้งแต่เช้าไปหาทานอาหารเช้ากับลูกน้อง กว่าจะกลับทุกคนก็เข้านอนกันหมดแล้ว ไม่ได้เจอกับญารินดาหลายวันก็เริ่มคิดถึง แต่จะเคาะประตูปลุกเธอมาคุยก็น่าเกลียด วันนี้จึงตั้งใจกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านพร้อมกับทุกคนอย่างแต่ก่อน เพราะจะได้เจอกับเธอให้หายคิดถึง
“น้าวาสครับ กอหญ้าไปไหนครับ”
เพราะเห็นแต่วาสนาทำกับข้าวอยู่คนเดียวในครัวก็ถามหาคนคุ้นเคย
“อ้าว กอหญ้าไม่ได้บอกคุณภพเหรอคะ”
“บอกอะไรครับน้าวาส”
“กอหญ้ากลับไปตั้งหลายวันแล้วนะคะ นึกว่าบอกคุณภพแล้ว”
“อะไรนะครับน้าวาส กลับไปได้ยังไงยังไม่ถึงกำหนดเลยไม่ใช่เหรอครับ แล้วกลับยังไง ใครไปส่ง” เขาถามอย่างร้อนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวกลับไปที่หอโดยที่เขาไม่ได้ไปส่งแถมกว่าจะรู้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว
“เห็นว่าต้องรีบกลับไปเตรียมงาน ไปกับต้นหลิวเพื่อนของเขานั่นแหละ”
“ช่วงนี้ผมยุ่งเลยไม่ได้คุยกันเลย”
ภีมภพรีบกลับเข้าห้องแล้วโทรศัพท์ไปหาหญิงสาวทันที
“กอหญ้า ทำไมรีบกลับไม่บอกน้าเลย”
“กอหญ้าเห็นว่าน้ายุ่งๆ” เธอดีใจที่เขาโทรหา
“ยุ่งแค่ไหนน้าก็มีเวลาให้เราเสมอ แล้วหนีกลับโดยไม่บอกมันน่าตีไหม”
“กอหญ้าไม่ใช่เด็กแล้ว น้าภพจะตีกอหญ้าไม่ได้”
“น้ารู้ว่าไม่ใช่เด็ก แต่น้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ กอหญ้าดูแลตัวเองได้แล้ว”
“ทำไม่พูดเหมือนน้อยใจอย่างนั้น มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ กอหญ้าแค่เหนื่อย ช่วงนี้เตรียมงาน”
“มีอะไรให้น้าช่วยไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วจะอยู่ยาวจนเปิดเทอมเลยเหรอ เหลืออีกตั้งหลายวัน เตรียมงานทำไมหลายวันจัง”
“คิดว่าจะอยู่ถึงเปิดเทอมเลย ไม่อยากไปกลับบ่อยๆ”
“น้าไปหาได้ไหม”
“น้าจะมาทำไม”
“ไม่รู้แค่อยากไปหา”
“อย่าเลย กอหญ้ารู้ว่างานยุ่งแค่ไหน”
“แล้วจะกลับบ้านอีกครั้งตอนไหน น้าจะไปรับ”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ น้าภพไม่ต้องมารับก็ได้ เดี๋ยวกอหญ้ากลับพร้อมต้นหลิว”
“พอกับแม่ของต้นหลิวท่านอายุเยอะแล้ว ให้น้าไปรับก็ได้ทั้งสองคนเลย”
“ค่ะ ถ้ากอหญ้าจะกลับตอนไหนจะบอกน้าภพนะคะ” แม้จะดีใจที่เขาโทรมาหาแต่เวลาคุยกันเธอก็ไม่สนิทใจเหมือนเดิม เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ภีมภพมีคนข้างกายแล้ว เธอก็ควรเว้นระยะห่าง และหวังว่าในวันหนึ่งเธอจะมองเขาเป็นน้าชายได้อย่างที่ควรจะเป็น
ภีมภพวางสายจากญารินดา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เพราะสัมผัสได้ถึงความเหินห่างจากเธอ
พอรู้ว่าเธอไปอยู่ที่หอภีมภพก็โทรศัพท์ไปหาเธอทุกวัน ผิดกับเมื่อก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายโทรมาหาและเล่าเรื่องราวที่ได้เจอ ภีมภพรู้ว่ามันแปลกไป แต่ตอนนี้งานของเขาก็มากเสียจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปหา ได้แค่เพียงโทรไปเท่านั้น
หนึ่งเดือนแล้วที่ญารินดาไม่กลับบ้าน ด้วยเหตุผลคือเธออยู่ปี 4 แล้วทั้งเรียนทั้งฝึกงานจึงไม่มีเวลา แต่สำหรับภีมภพแล้วคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
ภีมภพทนไม่ได้ที่เธอห่างเหินไปแบบนี้ ชายหนุ่มสั่งงานลูกน้องแล้วขับรถเข้ากรุงเทพโดยมาได้บอกคนที่บ้าน
เขามาดักรอเธอที่หอพักจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงา พอโทรศัพท์ไปหาเธอก็ปิดเครื่อง
