17 รอยยิ้มที่หายไป
วาสนามองตามหลังรถที่แล่นออกไป วันนี้ลูกสาวของเธอไม่ร่าเริงเหมือนก่อน แม้จะยิ้มแต่แววตาก็ดูไม่สดใส ไม่รู้เป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึกหรือว่ามีปัญหาอะไรกันแน่ คิดว่าเย็นนี้จะถามให้รู้เรื่องแต่ทว่าญารินดาก็รีบกลับไปเสียก่อน
มื้อเย็นวันนี้ที่โต๊ะอาหารเลยมีแค่เพียงพรกับวาสนานั่งทานข้าวกันเพียงสองคน
“กอหญ้าไม่อยู่เหงาเหมือนกันนะคะน้าวาส”
“ค่ะคุณพร น้าคิดว่าากอหญ้าจะอยู่ต่ออีกหลายวันเลยไม่ได้เตรียมอะไรให้ไปกินที่หอเลย”
“นั่นสิ พรก็ไม่รู้ว่าจะกลับวันนี้ แต่เห็นว่าต้องไปเตรียมงานรับน้อง”
“ค่ะ กอหญ้าก็บอกน้าอย่างนั้นเหมือนกัน”
เพียงพรเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับญารินดา เพราะเธอไม่เคยรีบร้อนอย่างนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปวีรดาหรือเปล่า แต่เรื่องนี้ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจนัก ถ้าพูดออกไปก็กลัวว่าวาสนาจะไม่สบายใจ เพราะเท่าที่สังเกตวาสนายังไม่รู้ว่าน้องชายของเธอแอบมีใจให้กับญารินดา
“กอหญ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ต้นหลิวไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา
“ไม่เป็นไรหรอกต้นหลิว พอดีเมื่อคืนเรานอนดึก”
“ใช่สิ ไปงานแต่งงานมาสนุกไหม”
“ก็สนุกดี ได้เจอเพื่อนน้าพรหลายคน”
“กอหญ้าก็ไปงานเมื่อคืนมาเหรอครับ”
“พี่โมกหมายถึงงานของลูกชายเสี่ยใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ เมื่อคืนพี่ก็ไปงานมาเหมือนกัน แต่ไม่เจอกอหญ้า”
“พี่โมกไม่เจอกอหญ้าหรือเจอแล้วจำไม่ได้” ต้นหลิวถามพี่ชายเพราะนานแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน
“นั่นสิ พี่ชักไม่แน่ใจแล้ว ไม่เจอกอหญ้านานโตเป็นสาวแล้ว แถมยังสวยอีกต่างห่าง”
“พี่โมกก็ชมเกินไปกอหญ้าก็เหมือนเดิม”
“เหมือนเดิมที่ไหน สวยขึ้นตั้งเยอะใช่ไหมต้นหลิว” ต้นโมกหันมาถามน้องสาว
“ใช่ ๆ สวยด้วยโสดด้วยนะพี่โมก สนใจจีบเพื่อนต้นหลิวไหม”
“น่าสนใจเหมือนกันนะ กอหญ้าว่าไง ให้พี่จีบได้ไหม”
“พี่โมกไปขอจีบแบบนั้นกอหญ้าก็อายกันพอดี ของแบบนี้มันต้องค่อยๆ จีบ”
“อ้าวก็พี่คนตรง”
“กอหญ้าล่ะว่าไง”
ญารินดาไม่รู้จะตอบคำถามของสองพี่น้องยังไง เธอเลยได้แต่ยิ้ม ถ้าปฏิเสธก็กลัวเขาจะเสียหน้าเพราะอย่างน้อยวันนี้ก็ต่องอาศัยรถเขา แต่จะให้ยอมรับก็เป็นไปได้ยาก เธอเองก็พึ่งจะอกหักมายังไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“ต้นหลิวอย่ากดดันกอหญ้าอย่างั้นสิ” ต้นโมกเตือนน้องสาวในขณะที่ตัวเองก็คอยมองกระจกหลังอยู่บ่อย ๆ เวลาที่ผ่านไปหลายปีทำให้ญารินดาที่เขาเคยรู้จักนั้นโตเป็นสาวสวยไปเสียแล้ว ตอนนี้เขาเองไม่มีใครถ้าจะสานสัมพันธ์กับเพื่อนน้องสาวคนนี้ก็คงไม่ผิด
“พี่ไปทำธุระก่อนนะต้นหลิว กอหญ้า ถ้าเสร็จเร็วเย็นนี้จะมารับไปกินข้าว” ต้นโมกจอดรถส่งน้องสาวทั้งสองคนที่หน้าหอพัก
“จริงนะคะที่โมก”
“จริงสิ แต่ถ้าทำธุระยังไม่เสร็จพี่ก็ไม่มานะ แล้วจะโทรนัดอีกที จริงสิพี่ยังไม่มีเบอร์ของกอหญ้าเลยพี่ขอเบอร์โทรกับไลน์หน่อยได้ไหม เผื่อติดต่อต้นหลิวไม่ได้”
“ได้ค่ะพี่โมก” ทั้งสองคนก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันก่อนที่ต้นโมกจะขับรถออกไป
“ขับรถดีๆ นะพี่โมก” ต้นหลิวบอกพี่ชาย
“ขึ้นห้องกันเถอะกอหหญ้า ไม่ได้มานานสงสัยต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่เลย”
“นั้นสิ เราว่านะฝุ่นเขรอะแน่” ญารินดาหัวเราะแล้วเดินตามกันขึ้นไปยังห้องพัก
หญิงสาวทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมจนสะอาด พอดูนาฬิกาอีกทีก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม ญารินดารีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดนั้นปิดตอน 2 ทุ่ม
พอออกจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคุยกันที่หน้าห้อง เดาว่าคงเป็นสองพี่น้องห้องตรงข้าม ไม่รู้ว่าพี่ต้นโมกที่เธอรู้จักนั้นจะมารีบไปทานข้าวอย่างที่บอกหรือเปล่า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“กอหญ้า” เสียงเรียกของเพื่อนทำให้เธอเดินไปเปิดประตูทันที
“ว่าไงต้นหลิว”
“พี่โมกมารับไปกินข้าว”
“เหรอ รอแป๊บนะ ขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”
“อือไม่ต้องรีบ พี่โมกยังเข้าห้องน้ำอยู่เลย” ต้นหลิวพูดแล้วเดินตามเพื่อนมานั่งรอในห้อง
“เหนื่อยไหมต้นหลิว”
“เหนื่อยสิ ไม่คิดว่าเวลาไม่นานฝุ่นจะเยอะอย่างนี้”
“คืนนี้คงหลับเป็นตายแน่ ๆ” ญารินดากับต้นหลิวพากันหัวเราะ
“พี่เข้าไปได้ไหม” เสียงตะโกนดังขึ้นที่หน้าประตูซึ่งเปิดอ้าอยู่
“ได้ค่ะ พี่โมก” เจ้าของห้องเป็นคนอนุญาต
“ห้องกอหญ้าน่าอยู่กว่าห้องต้นหลิวเยอะเลยนะ”
“อย่ามาตลกเลยพี่โมก สองห้องนี้เหมือนกันทุกอย่าง”
“อ่าวเหรอ” ต้นโมกหัวเราะขำตัวเอง
“ไปกันเถะพี่ ต้นหลิวหิวแล้ว”
การได้อยู่กับเพื่อนทำให้ญารินดาลืมเรื่องของภีมภพไปได้บ้าง แต่พอได้อยู่กับตัวเองก็คิดถึงเขาขึ้นมาทันที
หญิงสาวมองตัวเองในกระจก หันซ้ายหันขวา หน้าตาเธอก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ทำไม่ภีมภพถึงได้มองข้ามและกลับไปคบกับแฟนเก่า
ความรู้สึกที่ทนเก็บไว้มาหลายปียังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยก็เป็นอันต้องถูกฝังให้ลึกที่สุดของก้นบึ้งหัวใจ
