บทที่ 17 กิจการค้าขายของบ้านเซี่ย
เซี่ยซูเหยารู้สึกตัวขึ้นกลางยามโฉ่วเพราะได้กลิ่นหอมของไข่ที่ถูกตุ๋น นางรีบลุกจากเตียงเตา ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จถึงออกมานอกห้อง ทุกคนคงลุกขึ้นมาตั้งแต่ต้นยามโฉ่วแล้ว
“พี่สาว”
เซี่ยซูเหยาเอ่ยเรียกพี่สาวที่ผสมไข่ตุ๋นอยู่ด้วยความง่วง เพราะที่บ้านไม่ได้มีชามใหญ่และกลัวว่าจะผสมเครื่องปรุงไม่ทั่วถึง เซี่ยซูเจี๋ยเสนอที่จะปรุงไข่ตุ๋นชามต่อชาม ปรุงเสร็จเทใส่ท่อนไม้ไผ่ที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะนำไปนึ่งในหม้อ
ยังดีที่ได้ทดลองปล่อยข้าวไข่ตุ๋นทิ้งไว้หนึ่งชั่วยาม ปรากฏว่ามันยังร้อนอยู่ ขอเพียงไม่โดนอากาศเย็นมากและต่อให้ข้าวไข่ตุ๋นเย็น รสชาติที่ทำก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ทว่าหากรับประทานยามร้อนๆ จะอร่อยมากกว่า
เซี่ยซูเหยาตั้งราคาไว้ที่ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปลดเหลือเพียงถ้วยละยี่สิบอีแปะเท่านั้น ราคาจริงๆ ที่นางต้องการขายคือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่านางจะได้รับกำไรที่น้อยลงหรือบางทีอาจขาดทุนไปด้วย
ข้าวไข่ตุ๋นผักสามสิบห้าถ้วย ถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ซื้อสิบถ้วยขึ้นไปก็เหลือถ้วยละยี่สิบอีแปะ ทว่าข้าวไข่ตุ๋นกุ้งต้องเพิ่มราคาอีกห้าอีแปะต่อถ้วย มันเป็นเนื้อสัตว์จึงมีราคาที่แพงมากกว่า วันนี้นางทำเพียงสิบห้าถ้วย หากขายในราคาที่ซื้อแยกหมด นางก็จะได้เงินทั้งหมดหนึ่งตำลึงเงินสามร้อยยี่สิบห้าอีแปะ
ซึ่งมันก็ยังไม่คืนทุนที่จ่ายออกไป ทว่าหากขายหมดนางก็สามารถทำเพิ่มได้อีกในวันถัดไป เซี่ยซูเหยามีวิธีการขายที่ไม่เหมือนคนอื่น
นอกจากข้าวไข่ตุ๋นผัก ข้าวไข่ตุ๋นกุ้งจำนวนห้าสิบถ้วยแล้ว เซี่ยซูเหยาก็ทำไปเพิ่มอีกอย่างละห้าถ้วย ถือว่าเป็นอาหารเช้าของบ้านเซี่ย
และยังมีผักป่าอีกเล็กน้อยที่เซี่ยซูเหยียนเข้าไปเก็บมา เห็นเซี่ยซูเจี๋ยบอกว่ามันขายได้ราวๆ ห้าอีแปะ นางจึงนำไปขายด้วย ต่อให้แค่อีแปะเดียวมันก็คือเงิน
เซี่ยซูเหยานับจำนวนของที่จะนำไปขาย พอครบก็ให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนยกขึ้นเกวียนวัวไป ส่วนเซี่ยซูเจี๋ยเตรียมอาหารเช้าเพราะกลัวว่าจะหิวกัน เซี่ยซูเหยาก็รีบไปเปลี่ยนชุด เช็ดเหงื่อที่ไหลโซมเพราะร้อน
“อาเหยา”
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยาตะโกนบอกพี่สาวที่ร้องเรียก
ปลายยามอิ๋นท้องฟ้ายังมืดอยู่ ทุกคนในบ้านอาศัยแสงสว่างจากท้องฟ้า กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ล่าช้าไปมาก ยิ่งต้องไปที่ตำบลอีก คาดว่าไปถึงคงกลางยามเหม่า40 และฟ้าคงสว่างแล้ว
และใช่ กว่าจะทำอาหารที่นำมาขายในตำบลเสร็จก็ใช้เวลาถึงสองชั่วยามกว่าๆ และล็อกบ้านไว้ พอมาถึงตลาดท้องฟ้าก็เริ่มสางแล้ว
เซี่ยห้าวไห่ลากเกวียนที่ลูกสาวทั้งสองนั่งอยู่ไปยังแผงตลาดที่เช่าเอาไว้ มันเป็นเพียงแผงเล็กๆ ที่วางของได้ไม่มาก ทว่าเซี่ยห้าวไห่ไม่มีทางเลือก เขามาจองช้าและไม่เคยมาจอง
“ถึงแล้ว”
เซี่ยซูเหยาปีนลงจากเกวียนวัวเมื่อบิดาเอ่ยบอก จริงๆ นางก็ได้ยินเสียงผู้คนสนทนา ทว่าหากเซี่ยห้าวไห่ไม่เรียก นางก็ไม่ควรออกจากเกวียนวัว ตามมาด้วยเซี่ยซูเจี๋ยที่ถูกเซี่ยซูเหยียนประคองลงมา เขาลงจากเกวียนวัวตั้งแต่เข้าตำบลมาแล้ว
มองดูรอบๆ ตลาดมันเป็นตลาดที่จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก เพราะแต่ก่อนตลาดนี้มีพ่อค้า แม่ค้ามากนับร้อย
ทว่ากว่าจะสร้างตลาดใหม่เสร็จพ่อค้า แม่ค้าก็ไปขายที่อื่นกันหมดแล้ว
“ตรงนี้หรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาชี้ไปยังแผงที่เก่าอย่างหดหู่ นางไม่รู้ว่ามันจะแย่แบบนี้ ถ้ารู้คงบอกให้เซี่ยห้าวไห่ทำขึ้นใหม่แล้ว
“ใช่แล้ว”
เซี่ยซูเหยาไม่มีเวลาถามต่อ นางช่วยทั้งสามคนยกของลงจากเกวียนวัวเพราะมีลูกค้าเดินผ่านหน้าร้านแล้ว อีกทั้งเซี่ยห้าวไห่ต้องเอาเกวียนวัวออกไปผูกและพักใต้ต้นไม้
“กลิ่นอันใด”
ชายชราเดินถือไม้เท้าผ่านหน้าร้านขายอาหารของบ้านเซี่ยที่ช่วยกันยกของลง พอได้กลิ่นหอม ชายชราก็เดินย้อนกลับมาทันที กลิ่นนี้เหมือนจะเป็นไข่ ทว่ากลิ่นมันน่ารับประทานมาก
“ข้าวไข่ตุ๋นผักกับข้าวไข่ตุ๋นกุ้งเจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยากล่าวอย่างตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกของนางที่ออกมาขายของแบบนี้ นางจึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้!
“ไข่ตุ๋น?”
ชายชราทวนคำซ้ำอย่างฉงน ที่จวนภรรยาของเขาทำให้รับประทานหลายครั้ง ทว่าไข่ก็คือไข่ นอกจากหน้าตาแล้ว รสชาติและกลิ่นของมันก็ธรรมดา
“เจ้าค่ะ! ท่านปู่อยากลองชิมหรือไม่เจ้าคะ อาเหยาให้ชิมฟรีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้ม ๆ พร้อมทั้งหยิบถ้วยที่นำมาให้ชิมฟรีไปวางบนแผงไม้ที่ปูผ้าไป เป็นผ้าในบ้านที่มันสะอาดและเซี่ยซูเหยานำมาด้วย
นี่คือวิธีการขายที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากอาหารของนางมีราคาที่แพงกว่าร้านอื่น ๆ เซี่ยซูเหยาจึงต้องหาวิธีทำให้ลูกค้ามาซื้อ นั่นก็คือการให้ลูกค้าชิมก่อน
“ได้!”
ชายชราตอบรับคำ ใช้ช้อนที่นังหนูยื่นให้ตักข้าวไข่ตุ๋นผักที่นังหนูบอกเข้าปาก คำแรกที่ลองชิมทำให้ชายชราเบิกตาโพลง นอกจากกลิ่นที่ส่งกลิ่นหอม หน้าตาที่น่ารับประทาน รสชาติก็ยังยอดเยี่ยม!
“รสชาติเยี่ยมมาก!” ชายชราอุทาน
“ท่านปู่รับสักถ้วยไหมเจ้าคะ ข้าวไข่ตุ๋นผักถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ ส่วนข้าวไข่ตุ๋นกุ้งถ้วยละสามสิบอีแปะ” เซี่ยซูเหยารีบบอกราคาเพื่อให้ชายชราตัดสินใจ
“ถูกมาก!”
สำหรับบ้านที่ฐานะปานกลางอย่างชายชรา ราคานี้ไม่ถือว่าแพงเลย อีกทั้งรสชาติก็ยังอร่อย นาน ๆ ทีจะได้รับประทานของอร่อย ใครจะพลาดได้!
“เจ้าค่ะ”
“ข้าเอาอย่างละห้าถ้วย!” หลาน ๆ ของเขาควรที่จะได้ลองชิมดู ชายชรายื่นตะกร้าให้เซี่ยซูเหยาหยิบของใส่
“ได้เจ้าค่ะ!”
เซี่ยซูเหยายิ้มกว้าง นางรีบหยิบข้าวไข่ตุ๋นทั้งสองอย่างใส่ตะกร้าอย่างระมัดระวัง ของยังร้อนอยู่ อีกทั้งเซี่ยห้าวไห่ เซี่ยซูเจี๋ย และเซี่ยซูเหยียนยังไม่ว่าง นางจึงต้องลงมือเอง
“ข้าวไข่ตุ๋นผักถ้วยละยี่สิบห้าอีแปะ ห้าถ้วยหนึ่งร้อยยี่สิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ ข้าวไข่ตุ๋นกุ้งถ้วยละสามสิบอีแปะ ห้าถ้วยหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ รวมทั้งสองอย่างสองร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ! ทว่าท่านปู่ซื้อสิบถ้วย อาเหยาลดให้เหลือเพียงสองร้อยห้าสิบอีแปะ!” เซี่ยซูเหยาคำนวณราคาอย่างรวดเร็ว ซื้อเกินสิบถ้วยจะได้อีกราคาก็จริง ทว่าพอรวมทั้งสองอย่างแล้วจะลดราคาได้ไม่มาก
“นังหนูคำนวณได้เร็วมาก!” ชายชราตะลึง หลานชายคนโตของเขาปีนี้สิบสี่หนาวแล้วทว่ายังคำนวณจำนวนเงินและเลขไม่ได้
“โอกาสหน้าแวะมาอีกนะเจ้าคะ!”
เซี่ยซูเหยากล่าวบอกชายชราพลางยื่นตะกร้าคืนและรับเงินมา ที่ข้าวไข่ตุ๋นผักและกุ้งหอมขนาดนี้ เป็นเพราะมันหอมไม้ไผ่ที่ใช้เป็นภาชนะด้วย
“อาเหยาเก่งมาก” เซี่ยห้าวไห่เอ่ยชมลูกสาว
ตอนแรกเขาจะเดินไปขายแทนลูกสาวแล้วเพราะเขารู้ราคาและคำนวณเลขได้บ้าง เขาล่าสัตว์มาขายบ่อยมันไม่แปลกเลย ทว่าลูกสาวของเขาไม่ได้เรียนหนังสือ
เซี่ยซูเหยาหันไปยิ้มให้เซี่ยห้าวไห่ก่อนจะตรวจความเรียบร้อยของอาหารที่นำมาขาย พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี นางก็เริ่มแผนการขายอาหารทันที
“ข้าวไข่ตุ๋นหอมๆ อร่อยๆ ทางนี้เจ้าค่ะ! ราคาไม่แพง เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ยิ่งทานอร่อย!”
นางตะโกนเรียกลูกค้าอย่างไม่กลัวว่าจะเจ็บคอ นางให้พี่สาวต้มน้ำมาให้แล้ว ถ้ารู้สึกว่าเจ็บคอค่อยจิบน้ำอุ่น
ปลายยามเหม่าเหล่าสะใภ้ บ่าวรับใช้ สาวรับใช้ที่ออกมาซื้อของเดินกันเต็มตลาด เซี่ยซูเหยาอดตะลึงไม่ได้ นางได้ยินเซี่ยห้าวไห่เล่าว่าไม่ค่อยมีพ่อค้า แม่ค้า ทว่าไม่คิดว่าลูกค้าจะเยอะถึงเพียงนี้
“น้องสาวจ๊ะขายอันใดหรือ”
เซี่ยซูเหยาหันไปมองเห็นสตรีที่เรียกนาง นางถือตะกร้าที่มีของเต็มตะกร้า คงเป็นลูกสะใภ้ของบ้านไหนสักบ้าน
“ข้าวไข่ตุ๋นผักกับข้าวไข่ตุ๋นกุ้งเจ้าค่ะ! อาเหยาให้ชิมฟรี” เซี่ยซูเหยายกถ้วยชิมฟรีออกมาวางหน้าหญิงสาว ถ้วยนี้เป็นถ้วยชิมฟรีถ้วยที่สามแล้ว ทว่าเซี่ยซูเหยาไม่หวงของ บางคนชิมแล้วเดินหนีนางก็ไม่ได้ว่า บางคนชิมแล้วซื้อติดมือกลับไปด้วยก็มี
ตั้งแต่มาถึงตลาดจนถึงเวลานี้บ้านเซี่ยขายข้าวไข่ตุ๋นผักไปได้สิบถ้วย ข้าวไข่ตุ๋นกุ้งสิบห้าถ้วย และแน่นอนว่าข้าวไข่ตุ๋นกุ้งที่ทำมาขายหมดแล้ว เหลือเพียงข้าวไข่ตุ๋นผัก
“อร่อยมาก!”
“พี่สาวซื้อกลับไปด้วยสิเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้มๆ นี่เป็นคนที่หกแล้วที่บอกว่าข้าวไข่ตุ๋นของพวกนางอร่อย
“แน่นอน! พี่สาวเอาห้าถ้วยเลย!” หญิงสาวสั่งของโดยที่ไม่ถามแม้แต่ราคา
เซี่ยซูเหยาตะลึง สตรีตรงหน้านางอาจไม่ใช่คนสวยนัก ทว่านางน่าจะแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังสามารถซื้อของโดยไม่ถามราคาอีก
“ได้เจ้าค่ะ! ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบห้าอีแปะ”
หน้าที่หยิบของใส่ตะกร้าเป็นของเซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยียน หน้าที่ขายจะเป็นของเซี่ยซูเหยา ส่วนเซี่ยห้าวไห่ไปนอนเฝ้าเกวียนวัว คนเข้าออกตลาดเยอะมาก หากไม่เฝ้าเอาไว้มันจะหายไปได้
เซี่ยซูเหยาทั้งตะโกนเรียกลูกค้า ทั้งเอ่ยแนะนำของที่นำมาขายจนเสียงหมด ยังดีที่นางเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว น้ำอุ่นถูกยกขึ้นจิบทุกๆ หนึ่งเค่อ
ยิ่งช่วงท้ายๆ อาหารใกล้หมดและแสงตะวันเริ่มแรงขึ้น ของเหลือเพียงไม่กี่ถ้วย เซี่ยซูเหยายิ่งกดดันตัวเอง ที่คุยกับพี่สาวเอาไว้ว่าอีกครึ่งชั่วยามก็จะพากันกลับแล้ว ทว่าของยังเหลืออยู่
‘ร้านขายข้าวไข่ตุ๋นอยู่ไหน!’
‘ร้านไข่ตุ๋นอยู่ไหน’
‘ข้ามาก่อนนะ!’
‘ข้ามาก่อน”
เซี่ยซูเหยาหันไปมองอย่างกังวล เป็นเสียงสตรีที่ด่าทอกันมาตั้งแต่ไกล และนางแน่ใจว่าต้องเป็นร้านของนางแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่เรียกร้านข้าวไข่ตุ๋น
“ข้าเอาข้าวไข่ตุ๋นทั้งหมด!”
“ข้าเอาทั้งหมด!”
สตรีสองนางใส่ชุดสีส้ม สีมพูเข้มฉูดฉาดเดินมาขวางหน้าร้าน พลางแย่งกันซื้อข้าวไข่ตุ๋นผักที่เหลืออยู่ เซี่ยซูเหยามองซ้ายขวาอย่างลังเล มีพ่อค้า แม่ค้าเริ่มมามุงแล้ว
‘อนุของท่านนายอำเภออีกแล้ว!’
‘คราวที่แล้วหายไปหลายเดือน คราวนี้กลับมาอีก’
‘ท่านนายทำเภอปล่อยอนุออกมาแล้วรึ!”
จากเสียงที่ซุบซิบกันเซี่ยซูเหยาจับใจความได้ว่าทั้งสองคนเป็นอนุของท่านนายอำเภอ ทว่าอนุแล้วอย่างไร
ผู้ใดมาก่อนผู้นั้นก็ต้องได้ก่อน ทว่าเซี่ยซูเหยาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา นางต้องเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดให้ลูกค้า และตัวนางเอง
“ข้ามาก่อน ข้าต้องได้ก่อน! อีกอย่างข้าเป็นอนุก่อนเจ้า เจ้าต้องให้ข้าก่อน” สตรีในชุดสีส้มกล่าวออกมาอย่างถือดี
“ฝันไปเถอะ! ข้ามาก่อน” สตรีในชุดสีชมพูเข้มตอบกลับอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน
เซี่ยซูเจี๋ยสะกิดน้องสาว ทั้งสองเป็นอนุของท่านนายอำเภอที่มีอำนาจมากกว่าคนธรรมดาอย่างพวกนาง หากอนุทั้งสองไม่พอใจและฟ้องท่านนายอำเภอ พวกนางสามพี่น้องแย่แน่ๆ
“พี่สาว พี่สาวทั้งสองเจ้าคะ อาเหยาเหลือข้าวไข่ตุ๋นผักเพียงหกถ้วย สามารถแบ่งได้ท่านละสามถ้วย” นี่คือวิธียุติธรรมที่สุดแล้ว
“ได้อย่างไร! ข้ามาก่อน” สตรีในชุดสีส้มท้าวเอวมองอย่างหงุดหงิด
“ถ้าอย่างนั้นอาเหยาไม่ขายเจ้าค่ะ!”
“ได้ๆ คนละสามถ้วยนะ!” ทว่าสตรีในชุดสีชมพูเข้มกลับกล่าวตกลง นางเป็นคนที่มาทีหลังทว่าเอ่ยสั่งก่อน
“อี้เฟิง!”
“อนุหนึ่ง! ถ้าท่านไม่ยอม ท่านจะไม่ได้ข้าวไข่ตุ๋นกลับไปเลยนะ!” นางกล่าวยิ้มๆ เพราะยามนี้ยังไงข้าวไข่ตุ๋นสามถ้วยก็เป็นของนางแล้ว
“ก็ได้!”
