บทที่ 16 เตรียมของไปขายที่ตลาด
เหลืออีกเพียงหนึ่งวันบ้านเซี่ยก็จะนำอาหารไปขายที่ตลาดแล้ว วันนี้จึงต้องเตรียมของที่จะนำไปขาย อย่างข้าวไข่ตุ๋นผักเซี่ยซูเหยาก็จะใช้ท่อนไม้ไผ่ที่ถูกตัดและทำความสะอาดด้านในเรียบร้อยแล้วเป็นภาชนะ
อะไรที่ประหยัดได้เซี่ยซูเหยาก็ต้องประหยัดให้ถึงที่สุด เนื่องจากไข่ที่มีในบ้านเหลือไม่มาก เซี่ยซูเหยียนจึงไปซื้อมาเพิ่ม ถึงจะบอกว่าประหยัดแต่ก็ใช้เงินไปไม่น้อยเลย
เซี่ยซูเหยาบอกวิธีตัดท่อนไม้ไผ่เพื่อจะนำมาเป็นถ้วยข้าวไข่ตุ๋นผัก วันนี้คงต้องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมและลุกมานึ่งไข่ตุ๋นตั้งแต่ยามโฉ่ว35 เพราะกว่าจะแต่งตัวและไปถึงก็ปลายยามอิ๋น36 แล้ว
ซึ่งวันแรกของการขายเซี่ยซูเหยาจะทำเพียงห้าสิบถ้วยเท่านั้น นางไม่รู้ว่ามันจะขายได้ไหม หากเอาไปน้อยแล้วหมดเร็วมันก็น่าเสียดาย ทว่าหากเอาไปมากแล้วไม่หมดก็น่าเสียดายกว่ามาก ห้าสิบถ้วยจึงคิดว่ามเหมาะสมแล้ว
เซี่ยห้าวไห่ออกไปเช่าแผงตลาดตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมาบ้าน เพราะเขาต้องไปเช่าเกวียนเทียมวัวมาจากพ่อค้าเพื่อนำของไปขาย
ท่อนไม้ไผ่ที่ตัดออกมาจะใช้เป็นถ้วยมีมากนับร้อยอัน ระหว่างพี่สาวกำลังทำงานบ้าน พี่ชายขัดไม้ไผ่ เซี่ยซูเหยาจึงเป็นคนล้างด้านใน ต่อให้มันจะไม่โดนดิน ทว่าเซี่ยซูเหยาไม่อยากกังวล
ช่วงบ่ายทุกคนตกลงกันว่าจะแกะกุ้งเพื่อสับละเอียดไว้ใส่ในข้าวไข่ตุ๋น และผักที่บ้านมีเพียงไม่กี่อย่าง เซี่ยซูเหยียนจึงไปซื้อเพิ่ม
นางคิดว่าช่วงแรกลูกค้าไม่น่าจะเยอะ เซี่ยซูเหยาจึงไม่เอาของไปทำใหม่ในตลาด นางจะนึ่งตั้งแต่ที่บ้านไปเลย อีกอย่างแบบนี้ก็สะดวกมากกว่า
เซี่ยซูเจี๋ยจุดเตาไฟทำอาหารมื้อกลางวันที่ยังไม่มีใครรับประทาน เพราะรอเซี่ยห้าวไห่กลับมาก่อนซึ่งทุกคนก็ตกลงกันแล้ว
“กุ้งผัดไข่เพิ่มเกี่ยมฉ่าย37 นำเกี่ยมฉ่ายไปล้างก่อนนะเจ้าคะ! ล้างเสร็จต้มน้ำทิ้งก่อนหนึ่งน้ำ ค่อยเพิ่มเกี่ยมฉ่าย” เซี่ยซูเหยาเดินเข้าห้องครัวมาบอกพี่สาว
บ้านเซี่ยนำเกี่ยมฉ่ายกับซึงไฉ่38 ที่ดองเอาไว้เมื่อสองเดือนก่อนออกมาทำอาหาร เซี่ยซูเหยาไม่ค่อยชอบกลิ่นของมัน นางเลยไม่ยอมเข้าครัวมาช่วยพี่สาวทำอาหารมื้อกลางวัน ทว่ามันจำเป็นต้องใช้ นางเลยบอกวิธีพี่สาวให้ทำตาม
“ได้”
เซี่ยซูเจี๋ยพยักหน้ารับรู้ นางรู้ดีว่าน้องสาวไม่ค่อยชอบ พอเซี่ยซูเหยาบอกแบบนี้หมายความว่านางต้องรับประทานแน่ๆ
อาหารพวกนี้เซี่ยซูเหยารับประทานได้ ทว่านางไม่ค่อยชอบกลิ่นของมัน ต้องนำไปต้มหรือปรุงสุกอีกรอบนางถึงจะยอมรับประทาน และเซี่ยซูเจี๋ยก็จัดการกลิ่นมันได้
“ทำไข่เจียวกุ้งด้วยได้ไหม”
เซี่ยซูเหยียนยกตะกร้าท่อนไม้ไผ่ที่ตากแห้งเข้ามาเก็บในห้องครัว พอได้ยินเซี่ยซูเหยาสั่งพี่สาว เขาก็อยากได้ไข่เจียวกุ้งเพิ่ม มันอร่อยมาก
“ได้!”
เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวยิ้มๆ น้องชายของนางนานๆ ที ถึงจะบอกให้ทำอาหารตามที่เขาชอบ อีกทั้งท่านพ่อก็ยังไม่กลับ เซี่ยซูเจี๋ยเลยสามารถทำเพิ่มได้
อันที่จริงทั้งสามคนก็รับประทานข้าวไข่ตุ๋นผักไปแล้วระหว่างวัน เพราะถ้าไม่เพิ่มพลังงานงานก็จะไม่เดิน ซึ่งทั้งสามคนก็รอที่จะรับประทานอาหารพร้อมบิดา
เซี่ยซูเหยาอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหลับอยู่ข้างพี่สาว นางจะนำมันออกไปข้างนอก นางไม่อยู่ในห้องครัวด้วย กลัวมันจะก่อกวนพี่สาว
“ข้าไปช่วยอาเหยาก่อน!”
เซี่ยซูเจี๋ยหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี หลังน้องชายวิ่งตามหลังน้องสาวที่อุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยไป ส่วนนางก็หันกลับมาทำอาหารต่อ คาดว่าไม่ถึงสองเค่อบิดาของพวกนางคงกลับมาถึง
กลางยามเว่ย39 เซี่ยห้าวไห่ที่ออกไปเช่าเกวียนวัวกับเช่าแผงในตลาดก็กลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เซี่ยซูเหยาวางของในมือ แล้วเดินไปหาบิดาเพื่อสอบถาม
“ท่านพ่อ”
“อาเหยา”
เซี่ยซูเหยายื่นชามกระเบื้องที่ตักน้ำต้มสุกให้เซี่ยห้าวไห่ มองเกวียนวัวที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ตั้งแต่ที่นางมาอยู่ที่นี่ เซี่ยซูเหยาเพิ่งเคยเห็นเกวียนวัว!
ถ้าจำไม่ผิดที่นี่น่าจะมีรถม้า ซึ่งเซี่ยซูเหยาก็อยากลองไปเห็นกับตา สิ่งที่นางเรียนมามีบางสิ่งที่ตรง บางสิ่งก็คลาดเคลื่อนไปบ้าง ทว่าบางสิ่งก็ไม่เป็นความจริง!
“เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาถามเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งพักอยู่
“พ่อเช่าเกวียนวัวมาสามวัน วันละหนึ่งร้อยอีแปะ รวมเป็นสามร้อยอีแปะ ค่าเช่าแผงตลาดสามวัน วันละห้าสิบอีแปะ!” เซี่ยห้าวไห่ตอบลูกสาว ทั้งหมดวันนี้ที่เขาจ่ายไปสี่ร้อยห้าสิบอีแปะ!
ราคาเกวียนวัวหากเช่าวันต่อวันและนำเกวียนวัวมาใช้ยามขายของ คืนเกวียนวัวหลังกลับจากตลาด ค่าใช้จ่ายต่อวันจะตกเพียงวันละสิบถึงยี่สิบอีแปะ ทว่าเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยห้าวไห่เช่ามาสามวัน เพราะจะได้ไม่ต้องไปเอาเกวียนวัวมาตั้งแต่เช้า และที่ราคาแพงเซี่ยซูเหยาก็ไม่ข้องใจ เพราะถือว่าเป็นค่ามัดจำก็ได้ ทว่า
“ค่าเช่าแผงตลาดห้าสิบอีแปะ!”
นี่คือสิ่งที่เซี่ยซูเหยาตกใจ ค่าเช่าแผงตลาดของชาวบ้านควรมีราคาถูก สองอีแปะถึงห้าอีแปะสำหรับบางคนก็ถือว่ามากแล้ว ทว่าค่าเช่าแผงตลาดที่เซี่ยห้าวไห่บอกกลับมากกว่าหลายเท่าตัว
“ใช่!”
การขายอาหารของลูกสาวถึงจะประหยัดอย่างไรตอนนี้ก็หมดไปแล้วมากกว่าหนึ่งตำลึงเงิน หากขายอาหารไม่ได้เซี่ยห้าวไห่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ เขาทำได้เพียงภาวนาให้อาหารขายได้
“แพงมากเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยตอบเสียงเบาหวิว
เซี่ยซูเหยาขมวดคิ้ว ค่าขายไข่ไก่ป่านางได้เงินหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าอีแปะ ทว่านางต้องการขายอาหารคนในบ้านจึงสนับสนุนนาง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เป็นเงินของบ้าน หากการค้าขายไม่ดี ก็เท่ากับว่านางใช้เงินของบ้านทิ้งขว้าง
“ช่างเถิด หากสามวันนี้เราขายอาหารได้ พ่อก็จะไปเช่าให้อีก” เซี่ยห้าวไห่ส่ายหน้ายิ้มๆ เพื่อลูกสาวของเขาแล้ว ไม่ว่าอะไรเขาก็สามารถทำให้ได้
“จริงสิ! อาเหยา พี่สาว แล้วก็พี่ชายรอท่านพ่อกลับมากินข้าวด้วยเจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยายิ้มกว้างบอกเซี่ยห้าวไห่
ก่อนที่เซี่ยห้าวไห่จะตอบ เซี่ยซูเหยารีบวิ่งไปหลังบ้านเพื่อดูว่าอาหารเสร็จหรือยัง ระหว่างวิ่งไปก็เจอเข้ากับเซี่ยซูเจี๋ยที่ยกอาหารออกมา รวมถึงเซี่ยซูเหยียนที่มาช่วยยกของ
“เสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”
เซี่ยซูเหยาวิ่งมาหยุดตรงหน้าของพี่สาวพลางถาม พี่สาวของนางเพิ่งหุงข้าวไป
“ใช่” เซี่ยซูเจี๋ยพยักหน้า
“อาเหยาจะไปช่วยยกของ” เซี่ยซูเหยากล่าวตอบพี่สาวที่ถือถาดอาหาร
“ได้”
อาหารมื้อกลางวันที่รับประทานยามบ่ายทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก ทว่าเพราะทำน้อยจึงหมดเร็ว อีกทั้งทุกคนก็รีบกลับมาเตรียมของ ช่วงเย็นเซี่ยซูเหยียนจึงเสนอเมนูให้นำไปขาย
“กุ้งผัดไข่เพิ่มเกี่ยมฉ่ายอร่อยมากขอรับ! อาเหยาพี่ว่าเราทำไปขายดีกว่า” เซี่ยซูเหยียนกล่าวยิ้มๆ
เซี่ยซูเจี๋ยเห็นด้วยกับน้องชาย อาหารจานนี้อร่อยมาก ทว่าเซี่ยซูเหยาปฏิเสธ เมนูนี้มีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำเยอะเกินไป หากทำในเวลาเร่งรีบมันจะเสียเวลามากเกินไป
“อาเหยาคิดว่ามันจะช้าเจ้าค่ะ”
ก่อนที่จะทำข้าวไข่ตุ๋นผักกับข้าวไข่ตุ๋นกุ้ง เซี่ยซูเหยาก็คิดค้นเมนูอาหารหลายอย่าง ทว่าขั้นตอนการทำและวัตถุดิบมีจำกัด นางคำนวณเวลาทำอาหารออกมาแล้ว ข้าวไข่ตุ๋นจึงเป็นอาหารที่เหมาะที่สุดแล้ว
“อ่า นั่นสิ” เซี่ยซูเหยียนพยักหน้าอย่างนึกเสียดาย มันใช้เวลานานจริงๆ ต้องต้มเกี่ยมฉ่าย แกะกุ้ง ไหนจะผัดเกี่ยมฉ่ายให้เข้ากับกุ้งและไข่อีก
เซี่ยซูเหยาคีบกุ้งผัดเกลือส่งให้พี่ชาย อาหารมื้อเย็นมีกุ้งผัดเกลือ น้ำแกงปลา และแกงส้มกุ้งที่เป็นอาหารรสแปลก ทว่ารสชาติของมันอร่อยมาก!
“อาเหยาไม่ต้องๆ” เซี่ยซูเหยียนบอกน้องสาว
“พรุ่งนี้เราคงต้องตื่นยามโฉ่ว มานึ่งไข่ตุ๋น”
เซี่ยห้าวไห่ที่นั่งเงียบฟังลูกชายกับลูกสาวกล่าวขึ้นมาท่ามกลางสองพี่น้อง ส่วนเซี่ยซูเจี๋ยไม่ได้พูด นางจึงลงมือรับประทานอาหารอย่างอร่อยเงียบๆ
“เจ้าค่ะ”
พรุ่งนี้เป็นวันแรกของการค้าขายของบ้านเซี่ย เซี่ยซูเหยาไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาด นางจึงไม่ปฏิเสธเวลาที่เซี่ยห้าวไห่กล่าว ทว่า
“อาเหยาค่อยตื่นปลายยามอิ๋น” เซี่ยห้าวไห่หันมาบอกลูกสาว
“ท่านพ่อ”
เซี่ยซูเหยาหน้างอ นางหายป่วยแล้วจริงๆ นะ ทำไมทุกคนถึงยังเป็นห่วงนางอีก ทุกวันนี้นางแทบจะไม่ได้ขยับตัวแล้ว
“ใช่ๆ” เซี่ยซูเจี๋ยเห็นด้วย
“เฮ้อ”
เซี่ยซูเหยาไม่ได้ตอบ ทว่าพรุ่งนี้เมื่อถึงเวลานางก็จะออกมาช่วยทุกคนอยู่ดี อีกทั้งนางเป็นคนวางแผนการขาย หากนางไม่ตื่นมาจัดการ พรุ่งนี้นางคงลืม
อาหารมื้อเย็นจบลงด้วยการพูดคุยเพื่อค้าขายวันแรก เซี่ยห้าวไห่ไม่เคยมีประสบการณ์ ทว่าเขากลับเชื่อฟังลูกสาวที่แทบไม่เคยออกจากบ้าน การค้าขายจะไปด้วยดีได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพรุ่งนี้แล้ว
เซี่ยซูเหยาเหลือบมองเจ้าเสี่ยวเฮยที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ นับวันขนลูกหมาป่าตัวสีขาวก็เริ่มเปลี่ยนไป นางไม่แน่ใจว่ามันจะมีสีดำเหมือนแม่หมาป่ากับพี่น้องของมันหรือเปล่า
ทว่าเจ้าเสี่ยวเฮยที่นางรู้จักมาตั้งแต่แรกคือลูกหมาป่าขนสีขาว ยามนี้พอสีเปลี่ยนแปลงนางก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับลูกหมาป่า ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ต่างก็เลือกสิ่งที่ธรรมชาติสร้างให้ไม่ได้
“อาเหยา”
เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวยิ้มๆ มองน้องสาวที่กำลังจะอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยเข้าไปนอนด้วย ที่ผ่านมาไม่ใช่เซี่ยซูเจี๋ยไม่รู้ นางรู้ทุกอย่างทว่าในเมื่อน้องสาวจะเอาเข้าไปนอนด้วยนางก็ทำเป็นไม่เห็น
“พี่สาว” เซี่ยซูเจี๋ยยิ้มแห้งรีบปล่อยเจ้าเสี่ยวเฮย
“ฮ่า ฮ่า”
เซี่ยซูเหยียนที่เห็นเหตุการณ์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ น้องสาวคนเล็กของเขากลัวพี่สาวคนโตอย่างเซี่ยซูเจี๋ยมาก
“พี่ชาย!”
เซี่ยซูเหยาหน้างอเมื่อถูกพี่ชายหัวเราะให้ นางเดินปึงปังออกจากบ้านเพื่อไปล้างมือ ทว่าเจ้าเสี่ยวเฮยมันก็เดินตามมา นางจึงต้องอุ้มมันอย่างอดไม่ได้
“เฮ้อ”
เซี่ยห้าวไห่ที่เห็นเหตุการณ์อมยิ้ม พี่สาว น้องชาย น้องสาว รักใคร่กลมเกลียวก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับครอบครัว ทว่ามันคงจะดีกว่านี้หากอยู่กันครบพร้อมหน้า
