บท
ตั้งค่า

บทที่ 15 เซี่ยซูเหยาโมโห

กลิ่นอาหารของบ้านเซี่ยหอมไปถึงบ้านที่อยู่ห่างกันหลายจั้ง มีบางคนถึงขั้นเดินออกมาดูว่าเป็นกลิ่นอาหารจากบ้านหลังไหน พอตามกลิ่นมาถึงเห็นว่ามาจากบ้านเซี่ยก็แยกย้ายกันไป

ข่าวลือที่ว่าบ้านเซี่ยเลี้ยงลูกสุนัขถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ใครๆ ก็รู้ว่าบ้านเซี่ยไม่มีเงิน ทว่าพวกเขากลับเอาภาระมาเลี้ยง

เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าให้ท่านยายไห่ซือที่เดินมาถามตอนที่นางกำลังนั่งซักเสื้อผ้า นางมี่ซือเป็นลูกสะใภ้ของท่านยายไห่ซือที่มาตามน้องชายคนรองเมื่อวานนี้ นางจึงไม่แปลกใจที่จะมีคนมาถาม ลำพังแต่ละบ้านก็อยู่อย่างอดๆ อยากๆ ทว่าบ้านเซี่ยกลับเลี้ยงลูกสุนัข ต้องแบ่งอาหารให้มันอีก ไม่เป็นภาระแล้วจะให้เป็นอะไร

“พี่สาว”

เซี่ยซูเหยาที่เดินตามพี่สาวมานั่งลงข้างๆ กัน วันนี้นางขอเซี่ยซูเจี๋ยมาซักผ้าเองเพราะพี่สาวปวดท้อง มันจึงเป็นข้ออ้างที่เซี่ยซูเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้

“อาเหยานั่งเฉยๆ นะ! รอรับผ้าก็พอ” เซี่ยซูเจี๋ยหันไปบอกน้องสาว

“เจ้าค่ะ”

ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยก็คือเซี่ยซูเจี๋ย นางไม่ต้องการให้น้องสาวของนางออกแรงแม้แต่น้อย เซี่ยซูเจี๋ยหาที่นั่งให้น้องสาวก่อนจะลงมือซักผ้า

“อาเจี๋ย ทำไมเจ้าไม่ให้น้องสาวของเจ้าซักผ้าเอง”

“อาเหยาป่วยเจ้าค่ะท่านป้า” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้มๆ หน้าที่งานบ้านยกให้นางคนเดียวก็พอแล้ว

“ไม่ได้สิ! เป็นสตรีต้องทำงานบ้านงานเรือน จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้นะ! บ้านไหนจะอยากมีสะใภ้แบบนี้”

สตรีวัยกลางคนกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังหันไปหยิกแขนลูกสะใภ้ตัวเองที่ออกแรงซักผ้าเบา สะใภ้คนนี้มีบ้านเดิมที่ยากจนกว่าบ้านของนาง นางมู่ซือจึงไม่กลัว

“โอ้ย!”

“แรงกว่านี้! ซักเบาๆ มันจะออกหรือยังไง!” สะใภ้ของนางไม่ได้เรื่องเลยสักนิด นี่จึงเป็นสาเหตุที่นางมู่ซือต้องบังคับลูกสะใภ้ให้ซักผ้าในบ้านให้หมด จะได้ไปทำงานอื่น

“ท่านป้าไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าสอนน้องสาวได้” เซี่ยซูเจี๋ยไม่ว่าเปล่านางหันกลับมาบอกน้องสาวว่าต้องซักยังไง

ชาวบ้านในหมู่บ้านรู้ว่าเซี่ยซูเหยาป่วย งานของสตรีอาจจะทำในบ้าน ทว่าวันนี้พอเซี่ยซูเจี๋ยพาน้องสาวมา เซี่ยซูเหยากลับทำเพียงนั่งนิ่งๆ

“อาเหยาซักได้เจ้าค่ะ”

เซี่ยซูเหยาซักผ้าเป็นเพราะนางซักผ้าบ่อย อีกทั้งในตอนที่ยังเป็นเนเน่ นางต้องซักมือทั้งของนาง อาป๊า หม่าม้า ส่วนของเฮียนรากับตี๋เล็กหากไม่ส่งไปซักก็ซักเครื่องในบ้าน หม่าม้าบอกว่ามันเปลืองไฟเลยไม่ให้ซัก และบางทีเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของทั้งสองก็เป็นนางที่ซักเอง

“ไม่ได้” เซี่ยซูเจี๋ยส่ายหน้าปฏิเสธ

“ถ้าแต่งออกไปแล้วน้องสาวของเจ้าจะถูกบ้านสามีรังเกียจนะ!” สตรีวัยกลางคนที่นั่งไม่ห่างจากนางมี่ซือเอ่ยบอกด้วยความหวังดี

ข้างๆ นางมีเด็กน้อยที่น่าจะอายุไม่ต่างจากเซี่ยซูเหยานั่งเบะปากอยู่ นางไม่ต้องการทำงานบ้านของสตรี ไม่อยากต้องมานั่งเจ็บตัวเพราะซักผ้าเองไม่ได้

“ขอบคุณท่านป้าที่ชี้แนะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวยิ้มๆ ทว่านางก็ไม่ได้ให้น้องสาวช่วยอยู่ดี

สำหรับนางแล้วน้องสาวของนางยังเด็กอยู่ ถึงแม้ชาวบ้านจะให้ลูกหลานที่เป็นสตรีทำงานบ้านตั้งแต่แปดหนาวแล้วก็ตาม หรือแม้แต่ตัวนางเองก็เริ่มทำตั้งแต่จำความได้

เซี่ยซูเหยาหันมองรอบๆ ระหว่างที่นั่งรอพี่สาวซักผ้า ถ้าเซี่ยซูเจี๋ยซักผ้าเสร็จนางถึงจะล้างผ้าช่วย ไม่เช่นนั้นเซี่ยซูเจี๋ยก็ไม่ให้ทำ

ชาวบ้านบางคนมาคนเดียว ทว่าบางคนก็เกาะกลุ่มกันมา ส่วนมากจะเป็นสตรีวัยกลางคนที่ไม่ได้ไปลงแปลงนาหรือรับจ้าง บางคนก็มานั่งเงียบๆ รอสหายมาซักผ้า หรือเด็กเล็กที่ผู้เป็นแม่นำมาด้วย เด็กวัยแปดหนาวส่วนมากก็เริ่มทำงานบ้านกันแล้ว

อย่างเซี่ยซูเจี๋ยที่มาคนเดียวทุกวัน ทว่าวันนี้ต่างออกไปตรงที่นางมาด้วย และเซี่ยซูเจี๋ยก็บอกว่าวันนี้สหายของนางคงไม่ได้มา ถ้าเจอกันจะแนะนำให้รู้จัก

ยังดีที่พี่สาวของนางยังมีสหายไว้คุยบ้าง ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตามพี่สาวมาทุกวัน ที่บ้านมีเซี่ยซูเหยียนเฝ้า นางถึงกล้าตามพี่สาวมา

“ไปตามอาเหยียนมาเถอะ” เซี่ยซูเจี๋ยหันมาบอกน้องสาวอย่างรู้ทัน

เซี่ยซูเหยาชะงักค้าง นางกำลังจะเอื้อมมือมาหยิบผ้าเพื่อบิดให้หมาด ทว่าพี่สาวของนางกลับเอ่ยพลางยิ้มอ่อน

“เจ้าค่ะ”

เซี่ยซูเหยียนปิดบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นพี่สาวกับน้องสาวไปนานแล้ว วันนี้ผ้าที่ต้องนำไปซักมีหลายชิ้น เขาจึงต้องไปยกตะกร้าเพราะพี่สาวปวดท้อง ทว่าเซี่ยซูเหยียนต้องรอให้เซี่ยซูเหยามาเรียกก่อน แต่พอเห็นว่าไปนานแล้วและอาเหยาก็ไม่ได้มาเรียก กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างทางเดินไปที่แม่น้ำสำหรับเหล่าสตรีที่มาซักผ้า เซี่ยซูเหยียนก็เดินผ่านกลุ่มเด็กชายที่วิ่งเล่นกันอยู่ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเด็กที่โตที่สุดในหมู่บ้าน มีตั้งแต่ห้าหนาวไปจนถึงสิบหกหนาว บางครั้งเซี่ยซูเหยียนก็อยากเข้าไปเล่นด้วย ทว่าเขาต้องหาเงินเข้าบ้านเยอะๆ จึงไม่ได้สนใจ

“ซูเหยียน!”

เซี่ยซูเหยียนหันไปมองเมื่อมีคนเรียก เป็นเจ้าไห่หม่าหรง ปีนี้อายุสิบห้าแก่กว่าเขาสามปี ทว่าไม่เคยทำงานในแปลงนาหรือไปรับจ้างเลย เพราะเขาเป็นหลานชายคนโตของบ้านไห่ และนางไห่ซือก็รักหลานชายคนนี้มาก

“ขอรับ”

เซี่ยซูเหยียนอายุน้อยกว่าเขาจึงไม่แข็งข้อ อีกทั้งกลุ่มของไห่หม่าหรงก็เดินมาล้อมเขาแล้ว เซี่ยซูเหยียนส่ายหน้าทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

“มาเป็นวัวให้ข้าขี่เดี๋ยวนี้นะ!”

ไห่หม่าหรงเป็นเด็กที่โตแค่ตัวและอายุ สมองของเขายังเหมือนเด็กน้อยแปดหนาว เป็นเด็กที่อยากได้ต้องได้ ยิ่งนางไห่ซือสนับสนุน ไห่หม่าหรงก็ยิ่งได้ใจ รังแกเด็กที่ไม่ยอม หากเด็กคนนั้นอยู่ในกลุ่มก็จะถูกไล่ออกหากไม่ฟังเขา

“ข้าต้องไปช่วยพี่สาวแบกตะกร้าผ้า” เซี่ยซูเหยียนปฏิเสธ

“ก็ให้รอสิ!”

“ใช่ๆ ลูกพี่ข้าอยากขี่วัว!”

เด็กชายผิวดำคล้ำที่ผอมแห้งพยักหน้ารัว หากเจ้าเซี่ยซูเหยียนมาเป็นวัวให้ลูกพี่ของมันขี่ มันก็จะไม่ต้องทนเป็นวัวของลูกพี่อีกต่อไปแล้ว!

“อะ…”

เซี่ยซูเหยียนที่ยังไม่ทันได้กล่าวปฏิเสธก็ถูกเด็กๆ ในกลุ่มของไห่หม่าหรงกดลงพื้น เพื่อให้ลูกพี่ของพวกมันขี่หลังเซี่ยซูเหยียน เซี่ยซูเหยียนพยายามขัดขืน ทว่าต่อให้มีแรงมากแค่ไหนก็สู้กลุ่มคนไม่ได้

ตุ้บ!

“โอ้ยยยยย!”

ไห่หม่าหรงร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด มันกำลังจะเหยียบหลังเซี่ยซูเหยียนที่ถูกกดลงพื้น ก่อนจะมีหินถูกโยนเข้ามา

เซี่ยซูเหยาโมโห! นางกำลังเดินกลับบ้านเพื่อไปเรียกพี่ชายอย่างอารมณ์ดี ทว่าพอเดินผ่านจุดหนึ่งนางก็เห็นเด็กถูกล้อม คราแรกก็จะไม่สนใจเพราะกลุ่มเด็กมีจำนวนมาก ทว่าพอเพ่งมองแล้วนางกลับเห็นเซี่ยซูเหยียนนอนอยู่กับพื้น!

พี่น้องบ้านเซี่ยหากมีคนมาทำตัวเองจะไม่มีใครสนใจ ทว่าอย่ามาทำพี่น้องของพวกนาง! เซี่ยซูเจี๋ยปกป้องน้องชาย น้องสาว เซี่ยซูเหยียนปกป้องพี่สาว น้องสาว เซี่ยซูเหยาก็เช่นเดียวกัน นางจะปกป้องพี่สาวและพี่ชาย!

“เลือด! เลือด!”

เด็กชายผอมแห้งชี้เลือดบนหัวของไห่หม่าหรงอย่างหวาดกลัว ก่อนเสียงโหวกเหวกโวยวายจะดังตามมา เซี่ยซูเหยียนรีบใช้โอกาสนี้วิ่งไปหาน้องสาวพลางดึงแขนให้รีบหนี

ยังดีที่กลุ่มเด็กของไห่หม่าหรงหวาดกลัวเลือดพวกมันจึงไม่ได้สังเกตและมองว่าใครเป็นคนปาหิน เซี่ยซูเหยารีบวิ่งตามพี่ชายไป

เซี่ยซูเจี๋ยมองน้องชายกับน้องสาวที่รีบเดินมาก่อนจะขมวดคิ้ว ทั้งสองวิ่งหนีอะไรมาถึงได้เหนื่อยหอบกันมากขนาดนี้ พลางเอ่ยถาม

“เกิดอะไรขึ้นหรือ!”

เซี่ยซูเหยาป่วยบ้านเซี่ยจึงรู้ว่าไม่ควรให้เซี่ยซูเหยาออกแรง ทว่าเซี่ยซูเหยียนกลับพาน้องสาววิ่งมาหานางอย่างเร่งรีบ

“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มีก็ไม่มี กลับกันเถอะ”

เซี่ยซูเหยาทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าเซี่ยซูเจี๋ยเพื่อไม่ต้องการให้นางกังวล เซี่ยซูเหยียนก็เหมือนเข้าใจเพราะเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้

ไข่ห้าฟองถูกตีละเอียดพร้อมเครื่องปรุงอย่างเกลือที่มีในบ้าน เซี่ยซูเหยาใส่ผักลงไป ไม่มีเนื้อสัตว์สักชิ้นเดียว

นางเทข้าวที่พักจนเย็นในจานลงถ้วย ใส่ไข่ที่ถูกตีละเอียด เซี่ยซูเหยาตีส่วนผสมให้เข้ากันก่อนจะนำลงไปนึ่งในหม้อ

นี่คือเมนูที่เซี่ยซูเหยาเพิ่งคิดค้นมา มันไม่ต้องใส่เครื่องปรุงเยอะ และชาวบ้านมีกำลังซื้อมากพอ หากทอดไข่เจียวกุ้งขายต้องใช้น้ำมัน เซี่ยซูเหยากังวลว่าน้ำมันจะมีไม่พอ

“หอมมาก” เซี่ยซูเจี๋ยที่นำผักไปล้างกล่าวออกมา

“อาเหยาเพิ่งยกลงเตาเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยากล่าวยิ้มๆ หากนางยกลงหม้อนานแล้วจะไม่ว่าเลย ทว่าเพิ่งยกลงหม้อกลิ่นหอมของอาหารจึงยังไม่มี

“ท่านพ่อกล่าวว่าวันที่สี่เดือนเจ็ด ตลาดในตำบลเปิด สามารถนำไปขายได้ ทว่าต้องรีบไปเร็วหน่อยเพราะคนกลับเร็วมาก” เซี่ยซูเจี๋ยยกชามผักขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมเอ่ยบอก

วันนี้วันที่หนึ่งเดือนเจ็ดหมายความว่าเหลืออีกเพียงสามวันเท่านั้นที่นางต้องเตรียมตัว เพราะรอตลาดใหม่เปิด ทำให้ตลาดเก่าเปิดๆ ปิดๆ ตามอารมณ์ของผู้ดูแล

นอกจากคนในตำบลแล้วยังมีคนนอกหมู่บ้านและตำบลอื่นที่เข้ามาซื้อของไปทำกินในบ้าน ไม่ใช่ว่าทุกตำบลจะมีตลาด ที่ตำบลของนางก็เพิ่งมีตลาดใหม่เพราะเห็นว่าจะให้ชาวบ้านที่อื่นมาซื้อของที่นี่

“พรุ่งนี้ต้องให้ท่านพ่อไปจับกุ้งมาเพิ่มแล้ว” เซี่ยซูเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ที่บ้านมีกุ้งอยู่หลายร้อยตัวทว่ากุ้งพวกนี้เป็นกุ้งที่จับมาทดลองทำอาหารเท่านั้น บางตัวก็ตายเพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดี เซี่ยซูเหยาต้องการกุ้งที่สดเพื่อนำมาทำอาหารขาย

“ต้องซื้อข้าวเพิ่มหรือไม่”

“ซื้อเจ้าค่ะ!”

ตลาดในตำบลของนางเป็นตลาดใหญ่ มีคนมาซื้อของจำนวนมากตามคำบอกเล่าของพี่สาว เซี่ยซูเหยาจะลองทำอาหารไปขายเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือข้าวไข่ตุ๋นผัก34 ทว่าหากมีแค่ผักคนจะมาซื้อทำไม นางจึงทำข้าวไข่ตุ๋นกุ้งไปด้วย

วันนี้ทดลองทำและจดบันทึกสูตรเอาไว้ กล่าวถึงการจดบันทึกมันทำให้เซี่ยซูเหยาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ นางไม่มีกระดาษหรือหมึก และไม่มีเงินไปซื้ออีกด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel