ตอนที่ 4 การกระทำที่ไม่เข้าใจ
ใต้หล้า อาทิตย์พาณิช ชายวัย 26 ปี เพิ่งลาออกจากการเป็นทหารในกองทัพจากต่างประเทศ และตอนนี้อยู่ช่วงระหว่างรอรับคำสั่งงานต่อไป
เขากำลังนั่งดูการขนอาวุธเก็บเข้าคลัง สลับกับอีกจอที่อยู่ในพื้นที่ใกล้แต่ความทันสมัยต่างกันลิบลับ
จอหนึ่ง คนขนเหมือนสักแต่ทำให้เสร็จ
ส่วนอีกจอกำลังจัดเรียงราวกับทำชั้นโชว์ของสะสม
อาวุธสงครามจำนวนไม่น้อย วางติดแผงเป็นบล็อกใส่ตามรูปร่างของมัน และอีกจำนวนเรียงใส่กล่องเหล็ก กล่อง ๆ หนึ่งมีจำนวนมากกว่าที่จะนับได้ด้วยสายตา ทุกอย่างถอดรอประกอบ และคนงานกำลังบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้เจ้านายเห็นผ่านแอปได้
โดยใกล้ ๆ กันนั้นเป็นลานจอดที่มีรถเทรลเลอร์คันที่ขับมาถูกเปิดประตูทิ้งไว้ ก้านนิ้วยาวไล่กดเข้ารหัสเพื่อตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในตู้คอนเทนเนอร์นั้นว่าลูกน้องจัดการย้ายของครบถ้วนหรือไม่ ขณะที่กำลังมองตู้เหล็กที่ว่างเปล่า และกล่องชั้นที่สร้างซ่อนในตู้ถูกเปิดออกครบทุกช่อง เขาเผลอหัวเราะออกมา
ถ้าฟ้ารินรู้ว่าในตู้มีกล้อง คงไม่กระโจนเข้าไปซ่อนตัวในนั้นแน่ ๆ
เสียงอาบน้ำยาวนานของหญิงสาว ชายหนุ่มมองไปยังเตียงกว้าง น่าจะนอนด้วยกันได้อยู่นะ นอนพื้นก็ปวดหลังไป แต่เธอจะโอเคหรือเปล่า
และเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก
สองคนยืนมองกันไปมา ฟ้ารินที่เขิน ๆ เอาผ้าเช็ดตัวถือปิดตัวเองไว้
“อ่า…” เขาครางในลำคอ เพราะจู่ ๆ เสียงก็หายไปเสียเฉย ๆ
“แหะ ๆ มันดูโป๊ไปเนอะ” เธอพูดด้วยใบหน้าสะอาดสะอ้านหมดจด แต่แก้มสีชมพูอาจเพราะเพิ่งอาบน้ำอุ่นมาก็เป็นไปได้
ไม่น่าไปแกล้งบอกให้เธอใส่บ๊อกเซอร์กับเสื้อเขาเลย ตอนนี้เสื้อยืดลายพรางธรรมดา กลายเป็นเดรสสุดยั่ว โชคดีที่เธอสวมชั้นใน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำเขาจินตนาการเปิดเปิง
“ไม่เป็นไร อดทนหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้แหละ คงได้อะไรที่เหมาะกับเธอบ้าง” ใต้หล้าปลอบใจเธอ ทั้งที่คนลำบากคือเขาเอง
“โอเคค่ะ อย่าคิดมากนะคะ หนูรู้ว่าตัวเองเป็นคนสวยที่มีความน่าดึงดูดมากอยู่ แต่ขอให้พี่คิดเสียว่า นี่คือเด็กมัธยมวิ่งไปมาในห้อง จะได้ไม่เกิดอารมณ์นะคะ”
“หึ! เธอห้ามออกไปข้างนอกนะ รอฉันก่อน”
ปัง!
ประตูห้องน้ำปิดลง คนโตรู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อครู่นี้เขาแทบหายใจไม่ออก
ใต้หล้าระบายความอึดอัดหายใจไม่ออกด้วยการถอดกางเกงจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน เอาตัวไปยืนใต้ฝักบัวรับน้ำเย็น เพื่อปัดเป่าไล่หัวคิดชั่วร้ายออกไป
----
ที่ชานบ้าน มีโต๊ะไม้ขนาดเหมาะสมกับความเป็นอาทิตย์พาณิชที่มีครอบครัวใหญ่ คนงานจัดเรียงอาหารมาเต็ม ชนิดที่นายน้อยไม่ต้องกังวลว่าเป็นเมนูที่กินได้หรือไม่
“ทานเยอะ ๆ เลยนะ” ป้าคนหนึ่งเดินขึ้นเรือนหลังใหญ่มาดูว่านายน้อยที่เธอไม่เจอนานแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ป้ากินมั้ย กินด้วยกัน” เขาถาม
“ไม่หรอก แก่แล้ว ไม่กินข้าวเย็น”
“ป้าครับ นี่ฟ้าริน ฟ้ารินไหว้ป้าอรด้วย ป้าดูแลที่นี่” เขาแนะนำให้เธอรู้จักคนเก่าคนแก่ หญิงชราวัยจะเจ็ดสิบแต่ร่างกายแข็งแรง มองดูหญิงสาวอย่างพิจารณา
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อฟ้ารินนะคะ จะมาขออาศัยสักระยะนะคะ” เธอรีบพูด แต่ตอนนี้สายตามองป้าบ้าง มองอาหารบ้าง เพราะกลิ่นหอมและเวลาสายโด่งจนรู้สึกท้องไส้เริ่มร้องโครกครากแล้ว
“ไม่เจอนานเลยนะ โตขึ้นเยอะเลย” ป้าอรพูด
“เอ๊ะ!” ฟ้ารินงง
“ฮ่า ๆ ป้า เพิ่งเจอเองนะ” ใต้หล้าหัวเราะ เขารีบยกแก้วน้ำมาดื่ม แต่สายตาแอบมองดูฟ้ารินว่ามีท่าทีอย่างไร
“โตเป็นสาวสวย ส่วนเราเองก็แข็งแรงขนาดนี้ พอใจแล้วสิใต้หล้า” ป้าอรพูดแล้วหันไปจับแขนนายน้อย มือเหี่ยวของคนแก่ พยายามบีบต้นแขนแข็งแรง รู้ว่าใต้หล้าชอบสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเหมือนชายชาติทหารมาแต่ไหนแต่ไร และสุดท้ายก็ไปเป็นทหารจริง ๆ ถือเป็นนายน้อยที่เธอภาคภูมิใจ
ฟ้ารินเห็นเขาพูดคุยกับคนแก่แล้วดูทำท่าสบาย ๆ เธอก็รู้สึกสบายใจไปด้วย
“ป้า ช่วงอยู่นี่ ฝากดูฟ้ารินด้วยนะครับ”
“......” ป้าหันมายิ้มให้หญิงสาว ความอุ่นใจเพิ่มขึ้นอีกเปลาะ ฟ้ารินซาบซึ้งน้ำใจอีกฝ่ายจนไม่รู้จะพูดว่าอะไร
“กินเถอะ ๆ ดูท่าจะหิวแล้ว”
ป้าพูดแล้วลุกไป เหลือสองหนุ่มสาวที่นั่งกินข้าวโดยมีเงาต้นไม้ใหญ่ทำให้ร่มรื่น ปลอดภัยจากแสงอาทิตย์ยามสิบโมงตรง
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณ ถ้าเธอเป็นคนดี ฉันก็อยากช่วยอยู่แล้ว” เขาตอบเหมือนไม่ใส่อะไร แต่กลับเลื่อนกับข้าวมากมายมาไว้ตรงหน้า
“กินเยอะ ๆ ถ้าเธอชอบหนีออกจากบ้าน ต้องกินให้มากเท่าที่จะต้องเดินทาง” ใต้หล้าทำเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่เขาคิดว่าเธอค่อนข้างจะดูอ่อนแอไปหน่อย หากเป็นคนใจกล้าบ้าบิ่น ก็ควรทำตัวให้พร้อมรองรับสถานการณ์ด้วย
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ แต่ก็พยายามกินทุกอย่างที่เขาเลื่อนมาให้
“เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ พี่เป็นลูกบ้านอาทิตย์พาณิช” เธอพูด ขณะที่ตักอาหารกิน
“เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เธอหิว และง่วงนอน”
“ก็จริงค่ะ แต่ว่าทุกคนดูใจดีหมดเลย แต่...เอ่อ...หนูเจอคนที่เขาถือปืนด้วยนะคะ”
“ก็ปกติ อยู่ชายแดนก็แบบนี้”
“อยากยิงปืนเป็นบ้าง”
“ฉันสอนให้ได้”
“จริงเหรอ!?!?”
“ใช่ แต่ต้องจ่ายค่าจ้างนะ”
“อ่า...หวังว่าจะไม่ใช่อะไรที่มันฟังดูติดเรตนะคะ” เธอดักคอเขาไว้ก่อน
“ไม่หรอก ฉันบอกแล้ว ฉันไม่ทำเด็ก”
“พูดแล้วนะ” เธอย้ำอีกที แต่สายตาคนสวยน่าดึงดูด เธอยกคิ้วให้เขาด้วย ชายหนุ่มได้แต่แอบหันไปยิ้มทางอื่น เธอช่างหว่านเสน่ห์จริง ๆ
“เราอาจต้องนอนเตียงเดียวกัน เพื่อตัดปัญหาการปวดหลังออกไป” เขาพูดขึ้น
“............” ไข่เจียวค้างอยู่ในช้อน ระหว่างการเดินทางกลับจากจานกลางมาที่จานข้าวของเธอ เมล็ดข้าวสวยเม็ดหนึ่งร่วงจากช้อนลงบนโต๊ะ และดวงตากลมแป๋วนั้นทำท่าตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับอารมณ์ให้นิ่งขึ้น
“มันจะคืบคลานมั้ยคะ” เธอถามเขา
“ฉันเป็นคนนอนไม่ดิ้น” ใต้หล้าตอบ เขาทำหน้านิ่งเสียจนเธอละอายที่จะพูดต่อไป ดูเหมือนเขาจะไม่คิดอะไรจริง ๆ มีแต่เธอที่เผลอคิดลงต่ำตลอด แต่จะห้ามเธอก็ไม่ได้นะ ในเมื่อหญิงชาย วัยใกล้เคียงกัน มาอยู่ด้วยกัน แถมเธอก็เซ็กซี่มากนะ
ชั่วโมงต่อมา บนเตียงกว้างนี้ มีฟ้ารินนอนตัวกลมให้ความรู้สึกนุ่มฟูสุขสบายอยู่คนเดียวภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่ รับอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และภายในห้องไม่มีเสียงอื่นใดเล็ดลอดเข้ามาได้เลย
ในห้วงความฝันที่เหมือนได้เหยียบเท้าลงบนปุยเมฆ เธอฝันว่าตัวเองเดินอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนถนนเส้นเล็กที่คุ้นตา และแผ่นหลังกว้างที่มองเห็นไกล ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งก็หยุดนิ่งลง ฝีเท้าเล็กในรองเท้าหนังสีดำแบบที่นักเรียนใช้ เร่งวิ่งไปให้ทัน พอเขาหันหน้ามาหา...มือใหญ่ก็ง้างบีบคอจนเธอหายใจไม่ออก
“แฮ่ก ๆ ๆ”
ฟ้ารินรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังวิ่งอยู่จริง ๆ แล้วพอโดนบีบคอ ปอดมันทำงานหนัก ความเหนื่อยในฝันที่ดิ้นสู้ไม่ไหว ส่งออกมาหาชีวิตที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้เหงื่อกาฬแตกหมด สายตามองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดผนังห้อง บอกเวลาสี่โมงเย็น
ร่างบางวิตกกังวล เมื่อฝันเหมือนเรื่องจริงไปหน่อย
หรือนี่ คือลางบอกเหตุ
เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ทันทีที่เห็นหญิงสาวนอนหลับสบาย เจ้าของบ้านรีบพาตัวเองออกจากห้องเล็กนี้ไปสู่พื้นที่กว้างใหญ่บริเวณไหล่เขาไม่ไกลกัน การงานมากมายที่รออยู่ถูกเร่งทำด้วยความกระตือรือร้น จิตใจชายหนุ่มนั้นแอบคิดวางแผนหากิจกรรมอื่น ๆ มาทำ เพราะไหน ๆ ก็ได้เจอผู้หญิงคนนี้แล้ว จะปล่อยผ่านเลยไปก็คงไม่ใช่นิสัย
----
เธอหลับไปนาน พอสะดุ้งตื่นขึ้นมา ด้วยความกังวลถึงฝันร้ายเมื่อครู่ จึงรีบลุกแล้วมองหาเสื้อผ้าตัวเองในจุดที่ถอดไว้ทีแรก แต่ตอนนี้ไม่มีตะกร้าใบนั้นแล้ว
ช่างมันแล้วกัน
ไปก่อนดีกว่า
มันก็แปลก ๆ จริง ๆ แหละ
คนเราจะใจดีขนาดนั้นได้ไง
มันต้องมีอะไรสิ
ความฝันมันเหมือนจริงเสียจนไม่อยากละเลยทำเป็นไม่กลัว ทำเป็นใจกล้าเหมือนก่อนหน้านี้ ความรู้สึกเสมือนจริงแม้ยามหลับ ทำให้จิตใจตระหนักได้ว่า เธอกลัวมากแค่ไหนกับการสู้คนอื่นไม่ได้
ฟ้ารินเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง จิตใจงุ่นง่าน คิดว่าจะออกไปอย่างไรดี หนี หรือ ต้องทำอย่างไร
บานประตูเปิดกว้าง ใต้หล้าก้าวขาเข้าห้องมาในสภาพเนื้อตัวมีดินโคลนเลอะตามมือและขา หมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าชายหนุ่มไว้ ทำให้ไม่รู้ว่าอยู่อารมณ์ไหน
“ตื่นแล้วใช่มั้ย ตามฉันมา”
“ค่ะ” ใบหน้ากังวลตอบรับไวกว่าความคิด ถุงพลาสติกสีเขียวใสถูกโยนใส่คนยืนกลางห้อง
“กางเกง” เขาพูด แล้วเดินกลับออกไปข้างนอก
ฟ้ารินรีบหยิบออกมาดู เนื้อผ้านิ่มใส่สบาย ลวดลายไม่ต้องไปคิดว่าจะทันสมัยเก๋ไก๋หรือไม่ มันดีกว่าที่เธอจะใส่บ๊อกเซอร์ผู้ชายเดินตามเขาไปข้างนอกอยู่แล้ว
แต่จะพาเธอไปไหนกันนะ ตอนนี้เพราะความฝันนั่น ทำเธอเกิดกลัวเขามากขึ้นแล้ว
เมื่อสายตามองสำรวจบริเวณชานบ้าน รวมถึงโต๊ะทานข้าว ไม่เห็นใต้หล้าที่ไหน ได้ยินแต่เสียงมอเตอร์ไซค์ เธอจึงเดินไปริมระเบียงแล้วชะโงกหน้ามองดู
“ให้ลงไปข้างล่างเหรอคะ” เธอตะโกนถาม
“ใช่ ลงมา เร็ว ๆ”
เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ในป่าเขา แสงอาทิตย์เหลือน้อยลงจนสาดส่องไม่ทั่วถึง มอเตอร์ไซค์วิบากขับตะลุยพาระหกระเหินจนคนซ้อนต้องขอกอดเอวคนขับไว้แน่น
“ไปไหนเหรอ” เธอตะโกนถาม
“เดี๋ยวเธอจะชอบ” เขาพูด
ความชื้นแฉะของดินบางแห่ง ทำเอาทั้งของเหลวของแข็งสีน้ำตาลเข้มหมุนสะบัดละเลงเต็มแผ่นหลังคนซ้อน แน่นอนว่าผมที่เพิ่งสระตอนนี้ เหมือนได้รับการหมักโคลน
เสียงแง้น ๆ ยามเขาพยายามบิดแฮนด์แรง ๆ เพื่อเร่งตัวเครื่องให้ปีนขึ้นบนทางลาดชัน
“กรี๊ดดดด!!!” ฟ้ารินหลับหูหลับตากรี๊ดไป กอดเขาไป เกรงจะไหลลงจากเบาะหลัง
แง้นนนนนน!!!
เลี้ยววนครั้งแล้วครั้งเล่า ปีนไต่เขาขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ ทั้งขับหลบกิ่งไม้ใบหญ้า ขับลุยดินโคลน จนเริ่มเข้าสู่พื้นที่ลำธารหินก้อนกลมเล็ก ๆ กับน้ำใสของธรรมชาติ เขาขับผ่าลำธารขึ้นเนินอีกหลายครั้ง
จนกระทั่งถึงปลายทาง
แฮก ๆ ๆ
ไม่ใช่เสียงหายใจแรงของคนขับ แต่เป็นคนซ้อนที่รู้สึกเหมือนตายไปแล้ว
“ถ้าจะพามาทำอะไรแบบนี้อีก หนูขอนั่งหน้านะ” เธอพูดขณะปีนลงจากมอเตอร์ไซค์วิบากที่เลอะโคลน พอ ๆ กับตัวเธอเลย คนตัวเล็กนั่งแปะลงกับพื้น ขาอ่อนไปหมดแล้ว
“ทำไมล่ะ เธอไม่ชอบเหรอ” เขาพูด ฟ้ารินตอบด้วยการส่ายหน้ารุนแรงเสียจนผมเผ้าที่กระเซิงอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นผีบ้าของแท้ เธอไม่ชอบสุด ๆ กลัวมากเลยที่ต้องมาซ้อนรถแล้วไต่ภูเขาแบบนี้
“แล้วพามาดูอะไรเหรอคะ” เธอถาม พลางพยายามลุกยืนหายใจเข้าออกให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่โหมดปกติ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา แล้วเธอถอยหลังหนี เพราะนึกถึงความฝันขึ้นมา
“อย่าเดินถอยหลังในป่า” เขาจับเธอไว้ แล้วช่วยจัดผมเผ้ารุงรังนั้นให้เข้าที่เข้าทางด้วยก้านนิ้วใหญ่ที่ทำทุกอย่างอย่างเบามือ ฟ้ารินไม่กล้าเงยหน้ามองเขา การกระทำแบบนี้มันชวนให้หวั่นไหวมากนะ เธอกลัวตัวเองจะเป็นบ้าไปเสียก่อน เดี๋ยวใจเต้นเพราะกลัวบ้าง เพราะช็อกบ้าง ตอนนี้มาเพราะเขาทำดีด้วยอีก ใกล้แล้วล่ะ...เธอใกล้จะกลายเป็นไบโพลาร์ของจริงแล้ว
“นี่ไงที่อยากพามา” เขาเดินนำเธอไปยังจุดกางเต็นท์ผ้าใบ พร้อมเซตแคมปิง เตาปิ้งย่าง ถังน้ำแข็ง เก้าอี้สนาม กองไฟ อะไรไม่เท่ามีถุงเครื่องนอนวางเรียงด้วย
“นอนบนนี้เหรอคะ” เธอถามหัวใจเต้นรัว
“เปล่า แต่เอามาเผื่อง่วง”
“มาทำอะไรกันคะ พวกเรามีอะไรต้องทำเหรอ” เธอถามใหญ่ แต่เดินไปทิ้งตัวนั่งบนพื้นเต็นท์ที่อยู่ใต้หลังคาผ้าใบยาวเกือบ 2 เมตรและมีเสาค้ำไว้
“มื้อเย็นวันนี้ บนนี้แหละ” เขาตอบ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้สนาม มองดูกางเกงที่หญิงสาวใส่ ก่อนจะขำออกมา
“เลอะหมดเลย” เธอบ่น
“ที่ห้องนั่น เธอเป็นอะไร ทำไมเดินงุ่นง่านแบบนั้น” เขาถาม พลางเอื้อมมือเปิดกระติกน้ำแข็ง หยิบเบียร์ และโยนน้ำอัดลมให้คนที่นั่งพื้น
“รู้ได้ไงคะ”
“ก็ดูผ่านกล้อง”
“หา!?!?”
“ทำไมล่ะ ก็ฉันบอกแล้วว่ายังไม่ไว้ใจกัน” เขาพูด
“ในห้องน้ำล่ะ มีมั้ย”
“จะไปมีได้ไง” เขาตอบ
ฟู่ว์...ฟ้ารินถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ฝันร้ายนิดหน่อย” คำตอบง่าย ๆ นั่นกลับไม่ทำให้เขายิ้มตามที่เธอคาด
“เธอฝันร้ายเหรอ” เขาถาม
“ก็...ก็พี่แหละ มาบีบคอตอนอยู่ในรถ เก็บไปฝันเลย” ฟ้ารินรีบพูด มันคงเพราะเรื่องนั้น ความกลัวมันซึมเข้าในใจคนเร็วพอ ๆ กับการฉีดยาเข้ากระแสเลือดแหละ
“ฟ้าริน...หยาดน้ำฝนจากท้องฟ้า ใช่มั้ย” ใต้หล้าถาม
“.....” เธอพยักหน้า แล้วเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลมสีเดียวกับโคลนที่เปื้อนขานี่เลยล่ะ
“เธอพอเล่าได้มั้ย ทำไมถึงอยากออกจากบ้านมา” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรที่สุดแล้วตั้งแต่ได้คุยกัน
“แลกกันมั้ยคะ พี่บอกเรื่องของพี่มาก่อน เพราะหนูเองก็กลัวมาก ๆ เหมือนกัน”
“เธออยากรู้อะไร”
“หนูจะเล่า ถ้าพี่ใหญ่พอ” เธอตอบ
“เรื่องนั้น...ฉันก็คิดว่าตัวเองไม่เล็กนะ เทียบกับเพื่อน ๆ ในกองแล้ว ก็สู้ได้อยู่” เขาตอบ ทำเอาคนฟังหน้าแดงพรืดขึ้นมา และสายตาเจ้ากรรมก็หันไวเสียด้วย
ใต้หล้าไม่ได้ปกปิดตัวตนที่ซุกซ่อนอยู่ใต้กางเกงคาร์โก้ของเขา กลับนั่งเอนหลังไปมากขึ้น ทำทียกเบียร์ดื่ม แต่ดวงตาเฉียบคมกำลังทอดมองดวงตาคู่กลมที่...กำลังส่องขนาดของเขาอยู่สินะ